ทุกวันนี้ผมก็ยังขับรถญี่ปุ่น อยู่หมู่บ้านชานเมือง
ชีวิตส่วนใหญ่นั่งทำงานอยู่บ้าน
แต่กลับรู้สึกลงตัว โอเคกับชีวิตมาก
ไม่รู้สึกว่าขาด ไม่รู้สึกว่าด้อยกว่าใคร
ไม่ได้อยากฝันใหญ่ไขว่คว้าอะไรมากมาย
ไม่ได้รวยมาก แต่มีเหลือกินเหลือใช้
มีเงินเก็บมากพอ มีเงินค่าประกันความเสี่ยง
มีเงินลงทุนให้มันงอกงาม
เช้าตื่นเจ็ดโมงกว่า อาบน้ำ
ไปเล่นโยคะกับภรรยาแปดโมง
กลับมานั่งทำงานนิดหน่อย
อาบน้ำ กินข้าวเที่ยงร้านแถวบ้าน
บ่ายกลับมานั่งทำงานต่อ หรือไม่ก็ไปเดินห้าง ดูหนัง
สี่โมงเย็นไปรับลูกตอนเย็น โรงเรียนกับบ้านห่างกันกิโลกว่า ๆ
สี่โมงนิด ๆ อยู่พร้อมหน้ากันที่บ้านแล้ว
ภรรยาทำกับข้าว เรากินข้าวเย็นด้วยกัน
เสร็จแล้วก็เดินไปซื้อขนมที่เซเว่นหน้าหมู่บ้าน
ต่อแถวกันอาบน้ำ คุยกันก่อนนอน
เล่านิทาน ผมเล่าเรื่องราวตอนเด็ก ๆ ให้ลูกฟัง
จุ๊บจุ๊บ บอกรัก นอนหลับฝันดีนะลูก พ่อห่มผ้าให้
แล้วผมก็ลงมานั่งทำงานต่อ จนเที่ยงคืน แล้วก็นอน
มันเป็นชีวิตที่ปกติธรรมดาเหลือเกิน
แต่กว่าจะได้ชีวิตแบบนี้มา
ผมกลับต้องใช้เวลาหลายปีเพื่อให้ได้ชีวิตที่แสนธรรมดานี้
ผมนึกถึงตัวเองสมัยที่กลัวรถติดจนหลอน
หลายครั้งเคยติดบนทางด่วนเป็นชั่วโมง
รถขยับไปได้ไม่ถึงหนึ่งกิโลเมตร
ทำไมเราถึงไปแย่งกันใช้ชีวิตแบบนั้น?
"ไม่มีทางเลือก ทนทำไป" หลายคนบอกแบบนั้น
ก็อาจจะถูก แต่เกือบทุกคนก็ไม่มีทางเลือกทั้งนั้น
อยู่ที่ใครจะกล้าเปลี่ยนแปลงชีวิตมากกว่ากัน
กับอีกเหตุผลที่เราไปแก่งแย่งกัน
เพราะบางคนฝันใหญ่เกินตัว ไปลอกฝันคนอื่นมา
กว่าจะหารถหรูมาครอบครอง มีบ้านหลังใหญ่ไว้โชว์
สุดท้ายก็พบว่าฉันต้องการแค่ชีวิตธรรมดา
อยู่กับครอบครัวพร้อมหน้าพร้อมตาเท่านั้นเอง
แต่มัวไปอ้อมซะตั้งไกล ก็เลยเหนื่อยมาก
ชีวิตธรรมดายุคนี้เป็นเรื่องไม่ง่ายหรอกครับ
เพราะเราเพี้ยนกันไปหมดแล้ว
ใช้ชีวิตเหน็ดเหนื่อย เพื่ออยากได้ชีวิตธรรมดา
ใช้ชีวิตเร่งรีบ เพื่ออยากได้ชีวิตเชื่องช้า
แต่เชื่อผมเถอะครับว่า
ไม่ใช่ชีวิตหรูหราเว่อร์วังหรอกที่เราอยากได้
แต่คือชีวิตธรรมดา ๆ ต่างหากที่เราปรารถนา
ใครรู้จักความต้องการที่แท้จริงของตัวเองเร็วเท่าไหร่
ก็ยิ่งมีโอกาสใช้ชีวิตธรรมดา ๆ ได้นานเท่านั้นครับ
หรือสุดท้ายเราก็แค่อยากได้ชีวิตธรรมดา ๆ ??
ชีวิตส่วนใหญ่นั่งทำงานอยู่บ้าน
แต่กลับรู้สึกลงตัว โอเคกับชีวิตมาก
ไม่รู้สึกว่าขาด ไม่รู้สึกว่าด้อยกว่าใคร
ไม่ได้อยากฝันใหญ่ไขว่คว้าอะไรมากมาย
ไม่ได้รวยมาก แต่มีเหลือกินเหลือใช้
มีเงินเก็บมากพอ มีเงินค่าประกันความเสี่ยง
มีเงินลงทุนให้มันงอกงาม
เช้าตื่นเจ็ดโมงกว่า อาบน้ำ
ไปเล่นโยคะกับภรรยาแปดโมง
กลับมานั่งทำงานนิดหน่อย
อาบน้ำ กินข้าวเที่ยงร้านแถวบ้าน
บ่ายกลับมานั่งทำงานต่อ หรือไม่ก็ไปเดินห้าง ดูหนัง
สี่โมงเย็นไปรับลูกตอนเย็น โรงเรียนกับบ้านห่างกันกิโลกว่า ๆ
สี่โมงนิด ๆ อยู่พร้อมหน้ากันที่บ้านแล้ว
ภรรยาทำกับข้าว เรากินข้าวเย็นด้วยกัน
เสร็จแล้วก็เดินไปซื้อขนมที่เซเว่นหน้าหมู่บ้าน
ต่อแถวกันอาบน้ำ คุยกันก่อนนอน
เล่านิทาน ผมเล่าเรื่องราวตอนเด็ก ๆ ให้ลูกฟัง
จุ๊บจุ๊บ บอกรัก นอนหลับฝันดีนะลูก พ่อห่มผ้าให้
แล้วผมก็ลงมานั่งทำงานต่อ จนเที่ยงคืน แล้วก็นอน
มันเป็นชีวิตที่ปกติธรรมดาเหลือเกิน
แต่กว่าจะได้ชีวิตแบบนี้มา
ผมกลับต้องใช้เวลาหลายปีเพื่อให้ได้ชีวิตที่แสนธรรมดานี้
ผมนึกถึงตัวเองสมัยที่กลัวรถติดจนหลอน
หลายครั้งเคยติดบนทางด่วนเป็นชั่วโมง
รถขยับไปได้ไม่ถึงหนึ่งกิโลเมตร
ทำไมเราถึงไปแย่งกันใช้ชีวิตแบบนั้น?
"ไม่มีทางเลือก ทนทำไป" หลายคนบอกแบบนั้น
ก็อาจจะถูก แต่เกือบทุกคนก็ไม่มีทางเลือกทั้งนั้น
อยู่ที่ใครจะกล้าเปลี่ยนแปลงชีวิตมากกว่ากัน
กับอีกเหตุผลที่เราไปแก่งแย่งกัน
เพราะบางคนฝันใหญ่เกินตัว ไปลอกฝันคนอื่นมา
กว่าจะหารถหรูมาครอบครอง มีบ้านหลังใหญ่ไว้โชว์
สุดท้ายก็พบว่าฉันต้องการแค่ชีวิตธรรมดา
อยู่กับครอบครัวพร้อมหน้าพร้อมตาเท่านั้นเอง
แต่มัวไปอ้อมซะตั้งไกล ก็เลยเหนื่อยมาก
ชีวิตธรรมดายุคนี้เป็นเรื่องไม่ง่ายหรอกครับ
เพราะเราเพี้ยนกันไปหมดแล้ว
ใช้ชีวิตเหน็ดเหนื่อย เพื่ออยากได้ชีวิตธรรมดา
ใช้ชีวิตเร่งรีบ เพื่ออยากได้ชีวิตเชื่องช้า
แต่เชื่อผมเถอะครับว่า
ไม่ใช่ชีวิตหรูหราเว่อร์วังหรอกที่เราอยากได้
แต่คือชีวิตธรรมดา ๆ ต่างหากที่เราปรารถนา
ใครรู้จักความต้องการที่แท้จริงของตัวเองเร็วเท่าไหร่
ก็ยิ่งมีโอกาสใช้ชีวิตธรรมดา ๆ ได้นานเท่านั้นครับ