เหตุการณ์แรกเกิดเมื่อประมาณปี 2553 ที่แยกแถวบ่อพลับนครปฐม
ขณะรถเราจอดติดไฟแดงอยู่ก็ดับไปซะดื้อๆ พอไฟเขียวก็ยุ่งกันใหญ่
เรามากับพ่อสองคน พอลงไปตามหาคนช่วย เจอวินมอเตอร์ไซค์สองคัน
ขอแรงมาช่วยเข้นรถเข้าข้างทางก่อน
วินมอเตอร์ไซค์ถามกลับมาว่า "พี่จะให้ผมเท่าไหร่(ค่าเข็นรถ)"
เหตุการณ์ที่สองเกิดขึ้นที่ซอยแถวบางพลัดใกล้รพ.ยันฮี
เรายืนอยู่ข้างเซเว่นใกล้วินมอเตอร์ไซค์พอดี
มีน้องผญ.คนนึงขี่มอไซค์มาถามทางวินนั้น
วินตอบกลับมาว่า
"น้องให้ค่าบอกทางพี่เท่าไหร่"
น้องผญ.คนนั้นก็งงๆ แต่เค้าคงรีบ
สรุปตกลงค่านำทางกันที่ 50 บาท
เราเลยสงสัยว่าสมัยนี้เรื่องน้ำใจเล็กๆน้อยๆมันกลายเป็นเงินกันหมดแล้วหรือคะ???
เดี๋ยวนี้ความมีน้ำใจในสังคมไทยถูกตีค่าเป็นเงินทองหมดแล้วใช่มั้ยคะ???
ขณะรถเราจอดติดไฟแดงอยู่ก็ดับไปซะดื้อๆ พอไฟเขียวก็ยุ่งกันใหญ่
เรามากับพ่อสองคน พอลงไปตามหาคนช่วย เจอวินมอเตอร์ไซค์สองคัน
ขอแรงมาช่วยเข้นรถเข้าข้างทางก่อน
วินมอเตอร์ไซค์ถามกลับมาว่า "พี่จะให้ผมเท่าไหร่(ค่าเข็นรถ)"
เหตุการณ์ที่สองเกิดขึ้นที่ซอยแถวบางพลัดใกล้รพ.ยันฮี
เรายืนอยู่ข้างเซเว่นใกล้วินมอเตอร์ไซค์พอดี
มีน้องผญ.คนนึงขี่มอไซค์มาถามทางวินนั้น
วินตอบกลับมาว่า
"น้องให้ค่าบอกทางพี่เท่าไหร่"
น้องผญ.คนนั้นก็งงๆ แต่เค้าคงรีบ
สรุปตกลงค่านำทางกันที่ 50 บาท
เราเลยสงสัยว่าสมัยนี้เรื่องน้ำใจเล็กๆน้อยๆมันกลายเป็นเงินกันหมดแล้วหรือคะ???