คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 7
ในกรณีของ จขกท. แนะนำให้เก็บหลักฐานทุกอย่างไว้ อันไหนยังมีให้เก็บได้ควรเก็บครับ
เผื่อไว้ใช้ในกรณีมีปัญหาใหญ่กว่านี้
จขกท. เองควรเริ่มมองหางานที่บริษัทใหม่ครับ เพราะคู่กรณีก็ถือว่ามีตำแหน่งพอสมควร การอยู่ต่อในบริษัท
น่าจะทำให้การทำงานลำบากขึ้นมาก โดยเฉพาะเมื่อเขาลงมาแกล้งด้วยตัวเองแบบนี้ แต่ถ้ามันพอทนได้
ก็ทนๆไปก่อนครับ มีงานที่ใหม่แล้วค่อยว่ากัน
ปัญหาแบบนี้อยู่ที่นายใหญ่สุดด้วยครับ ว่ามีวัฒนธรรมองค์กรแบบไหน เพราะมีหลายรายแจ้งเจ้าของบริษัทด้วยซ้ำ
แต่เจ้าของไม่ทำอะไรเพราะคู่กรณีเป็นคนสำคัญในองค์กร แตะต้องแล้วจะมีปัญหากับงานอันนี้ลูกน้องซวยสุดครับ
คุณเองก็ดันมีหัวหน้าที่ไม่คิดอะไรเลย ไม่อย่างนั้นถ้ามีหัวหน้าช่วยสนับสนุนอะไรๆมันก็จะเบาขึ้น
ฉะนั้น จขกท. ควรพิจารณาว่าเจ้านายใหญ่สุดช่วยเหลือคุณได้จริงหรือไม่ ถ้าคิดที่จะแจ้งให้เขาทราบเพื่อช่วยเหลือ
เพราะไม่อย่างนั้น พอมันเป็นเรื่องในองค์กรขึ้นมาแล้ว ข่าวกระจายไปทั่วมันจะยิ่งทำงานลำบากมากกว่าเดิมอีกครับ
ถ้าคิดจะแจ้งแนะนำให้เตรียมข้อมูลให้ดี และตั้งประเด็นที่ต้องการให้ชัดเจน ซึ่งในกรณีนี้ควรเน้นไปที่การเข้ามายุ่ง
เกี่ยวเรื่องส่วนตัวมากเกินไป ส่วนเรื่องมาจู้จี้เรื่องงานเกินเหตุให้เป็นประเด็นรอง ถ้าดูแล้วเจ้านายใหญ่สุดเข้าใจเรา
ค่อยกล่าวถึงประเด็นการจู้จี้เรื่องงานเกินเหตุเข้าไปเสริมครับ
ตอนนี้พยายามทำงานให้รัดกุมและมีประสิทธิภาพครับ เพราะถ้าเขาจะเล่นงานคุณจริง เขาก็กำลังรอตอนคุณพลาดอยู่
ขอให้ จขทก. โชคดีและแก้ปัญหาได้สำเร็จนะครับ
เผื่อไว้ใช้ในกรณีมีปัญหาใหญ่กว่านี้
จขกท. เองควรเริ่มมองหางานที่บริษัทใหม่ครับ เพราะคู่กรณีก็ถือว่ามีตำแหน่งพอสมควร การอยู่ต่อในบริษัท
น่าจะทำให้การทำงานลำบากขึ้นมาก โดยเฉพาะเมื่อเขาลงมาแกล้งด้วยตัวเองแบบนี้ แต่ถ้ามันพอทนได้
ก็ทนๆไปก่อนครับ มีงานที่ใหม่แล้วค่อยว่ากัน
ปัญหาแบบนี้อยู่ที่นายใหญ่สุดด้วยครับ ว่ามีวัฒนธรรมองค์กรแบบไหน เพราะมีหลายรายแจ้งเจ้าของบริษัทด้วยซ้ำ
แต่เจ้าของไม่ทำอะไรเพราะคู่กรณีเป็นคนสำคัญในองค์กร แตะต้องแล้วจะมีปัญหากับงานอันนี้ลูกน้องซวยสุดครับ
คุณเองก็ดันมีหัวหน้าที่ไม่คิดอะไรเลย ไม่อย่างนั้นถ้ามีหัวหน้าช่วยสนับสนุนอะไรๆมันก็จะเบาขึ้น
ฉะนั้น จขกท. ควรพิจารณาว่าเจ้านายใหญ่สุดช่วยเหลือคุณได้จริงหรือไม่ ถ้าคิดที่จะแจ้งให้เขาทราบเพื่อช่วยเหลือ
เพราะไม่อย่างนั้น พอมันเป็นเรื่องในองค์กรขึ้นมาแล้ว ข่าวกระจายไปทั่วมันจะยิ่งทำงานลำบากมากกว่าเดิมอีกครับ
ถ้าคิดจะแจ้งแนะนำให้เตรียมข้อมูลให้ดี และตั้งประเด็นที่ต้องการให้ชัดเจน ซึ่งในกรณีนี้ควรเน้นไปที่การเข้ามายุ่ง
เกี่ยวเรื่องส่วนตัวมากเกินไป ส่วนเรื่องมาจู้จี้เรื่องงานเกินเหตุให้เป็นประเด็นรอง ถ้าดูแล้วเจ้านายใหญ่สุดเข้าใจเรา
ค่อยกล่าวถึงประเด็นการจู้จี้เรื่องงานเกินเหตุเข้าไปเสริมครับ
ตอนนี้พยายามทำงานให้รัดกุมและมีประสิทธิภาพครับ เพราะถ้าเขาจะเล่นงานคุณจริง เขาก็กำลังรอตอนคุณพลาดอยู่
ขอให้ จขทก. โชคดีและแก้ปัญหาได้สำเร็จนะครับ
แสดงความคิดเห็น
เจ้านายแก่คราวพ่อ ชอบจุ้นจ้านและอยากรู้อยากเห็นเรื่องส่วนตัวของเรา จะรับมือยังไง
เจ้าของกระทู้ เป็นพนักงานบริษัทแห่งหนึ่งค่ะ.. มีหัวหน้างานเป็นชายไทย มีนิสัยรักตัวกลัวตาย นิ่งๆ เรื่อยๆ เฉื่อยๆ ก้มหน้าก้มตาทำงานของตัวเอง
ลูกน้องในสายงานมีเรื่องอยากร้องทุกข์อะไร ก็ต้องดิ้นรนเอาเอง หัวหน้างานทำหน้าที่แค่รับฟัง หัวเราะ หึ หึ เบาๆ และบอกให้ทำใจ มันเป็นแบบนี้แหละ -*-
เห้ออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออ...
ส่วนบอสใหญ่ หัวหน้าของหัวหน้างานเราอีกที.. เป็นต่างชาติ อินโดนีเซีย อายุคราวพ่อ เฉียด 60ปี มีนิสัยหลงตัวเอง และค่อนข้างจะมองผู้หญิงไทยแบบต่ำๆ
เราจะไม่เดือดร้อนอะไร ถ้าเรื่องนี้มันไม่เกิดขึ้นกับเรา แต่มันก็เกิดขึ้นแล้ว..
ในช่วงที่ผ่านมา นายอินโดคนนี้ ชอบมาส่องเฟส ส่อง IG ของเรา และพยายามกด add ให้เรารับเป็นเพื่อน.. เราไม่รับและกดปฏิเสธ เค้าก็ยังไม่ล้มเลิก
เรากดปฏิเสธ เค้ากดแอด เรากดปฏิเสธ เค้ากดแอด.. จนเรารำคาญ เลยกดบล็อก สรุปคือ เป็นเรื่องเป็นราวใหญ่โตเลยค่ะ
เค้าส่งข้อความมาว่าเราหยิ่ง ว่าเราไม่เป็นมิตร ไม่ Friendly ไม่ยอมรับแอดแล้วทำไมต้องบล็อกด้วย..
หลังจากนั้นไม่นาน เค้าเริ่มมาพูดดีกับเรา ส่งของมาให้เป็นพวกผ้าพันคอ ผ้าคลุมไหล่ ลายสวยๆ จากบ้านเค้า
หลังจากนั้นอีก.... ความบ้าคลั่งยังไม่หายไป เริ่มสร้าง account ใหม่ มาแอดเฟส แอด IG เราอีกครั้ง.. เราก็ไม่รับแอดเหมือนเดิม แล้วก็บล็อกด้วย
เค้าโกรธเรามากคราวนี้.. ส่งข้อความมาว่า ว่าแรงกว่ารอบแรกอีก.. เราเฉย ไม่ตอบข้อความอะไรทั้งนั้น เพราะเราก็เริ่มโมโหละ
เค้าเห็นเราไม่ตอบข้อความ เค้าก็โทรมา เราก็ไม่รับโทสับอีก.. เค้าก็คงโมโหมากแหละ เลยพยายามหาเรื่องเราด้วยเรื่องงาน
เราก็ทำงานของเราปกติ แต่เค้าจะมาจู้จี้กับงานเรามากกว่าปกติ ตรวจและเช็คเข้มขึ้น พอไม่มีปัญหาอะไร ก็หาเรื่องใช้
คือ.. หาเรื่องจะคุย โดยเอาเรื่องงานมาเป็นข้ออ้าง เราจะไม่ตอบเค้าก็ไม่ได้.. พอตอบไปสักพัก ก็เข้าคำถามเรื่องบล็อกเฟส บล็อก IG อีก
เรากับนายอินโด ไม่ได้นั่งทำงานอยู่ที่ออฟฟิศเดียวกันนะ แต่เค้าชอบที่จะเดินทางมาทำงานที่ออฟฟิศที่เราทำงานอยู่ (จงใจจะมาหาเรื่อง)
ตอนนี้เราอึดอัดและลำบากใจกับไอเฒ่าหัวงูนี่มาก แทบจะไม่อยากไปทำงานทุกครั้งที่รู้ว่าเค้าจะมาทำงานที่ออฟฟิศเราวันนี้
เพราะเค้าจะมารบกวนเรา จ้ำจี้จ้ำไช เรื่องงานบ้าง เรื่องส่วนตัวเราบ้างตลอดเวลา
อยากถามเพื่อนๆๆ ใครมีประสบการณ์เดียวกัน หรือใครที่ทำงานระดับหัวหน้า แล้วลูกน้องเจอเรื่องลำบากใจแบบนี้
รบกวนช่วยให้คำแนะนำเราหน่อยนะ ขอบคุณมากๆๆ เลย..
งานใหม่ก็หายาก เราก็ไม่อยากอยู่ในสภาพตกงาน ยังไม่พร้อมลาออกตอนนี้.. เพราะยังจำเป็นต้องใช้เงิน
เราแต่งงานแล้ว มีสามี แต่ยังไม่มีลูกด้วยกัน ส่วนอิตาลุงแก่นั้นก็แต่งงาน มีลูกโตกันหมดแล้ว เมียยังมีชีวิตอยู่ ย้ายรกรากพาเมียมาอยู่ที่ไทยด้วย
เดือนร้อนจิตใจมากค่ะ.. รบกวนช่วยเราหาทางออกด้วย
ปล. เราควรบอกให้เจ้านายของอิตาลุงนี่รู้เรื่องความเดือดเนื้อร้อนใจและเราก็ทำงานลำบากที่มาเจอเหตุการณ์แบบนี้มั้ย?? หรือมันจะดูไม่ดีถ้าเราบอกไป
หรือยังไง.. เห้อออออออออออออออออออออออออออ -*-