สวัสดีครับ หลังจากบ่นๆนู่น นี่นั่นไปเรื่อย วันนี้เรามาคุยกันเรื่องที่เป็น สาระนิดหน่อยกันบ้างดีกว่า เกี่ยวกับเรื่อง "แฟลช" ครับ แอบสังเกตมานานแล้วครับว่า ส่วนใหญ่แล้วท่านที่เริ่มหัดใช้แฟลชในการถ่ายรูป ก็มักจะมีคำถามเกี่ยวกับตัวแฟลช ว่าเป็นแบบไหน อย่างไร เวลาจะใช้ต้องดูตรงไหนบ้าง อย่างไรและทำไมราคาถึงต่างกัน แต่สิ่งที่ผมสังเกตว่าน่าสนใจที่สุดก็คือการใช้แฟลชครับและสไตล์การใช้แฟลชครับ
การใช้แฟลชและสไตล์การใช้แฟลช?
ใช่แล้วครับ เอาคร่าวๆก่อนเลยนะว่าสไตล์การใช้แฟลชโดยส่วนใหญ่ของบ้านเรา จะเป็นการใช้แฟลช แบบมองปุ๊ปก็รู้เลยว่าใช้แฟลช เอ๊ะ!!! พูดอะไรของผมนะก็ใช้แฟลชนี่หว่ามองปุ๊บแล้วรู้ปั๊ปว่าตูใช้แฟลชมันแปลกตรงไหน? ถ้าใช้แฟลชแล้วดูเหมือนไม่ใช้ จะซื้อแฟลชมาทำไม?
ก็ซื้อแฟลชมาใช้แบบให้ดูเหมือนไม่ใช้นี่หละครับ มันส์สุดๆเลย!!!!
เดี๋ยวค่อยกลับมาที่จุดนี้กันต่อครับ ตอนนี้เรามาพูดเรื่อง ทั่วไปของแฟลชกันบ้างดีกว่า ต้องบอกก่อนนะครับว่าบทความนี้ไม่ได้ตั้งใจจะเขียนให้เป็นเนื้อหาทางด้านวิชาการอะไรครับ แต่เป็นการพูดคุยเหมือนเพื่อนคุยกับเพื่อนมากกว่าครับ สบายๆไม่เครียดไม่น่าเบื่อ

กล้องตัวเก่งของผม ใช้ถ่ายเล่นจนถึงทำมาหากิน Leica M240; Canon 5D MarkII + EF100mm f/2.8 + Speedlite 580EX II
การเลือกแฟลช
แฟลชที่เห็นอยู่ทั่วไปในตลาดนั้นส่วนใหญ่นั้นเป็นแบบไม่ต่อเนื่อง (strobe) หมายความว่าแฟลชจะยิงก็ต่อเมื่อมีการส่งสัญญาณเท่านั้น จะโดยด้วยการกดชัตเตอร์ สัญญาณวิทยุ หรือไฟจากแฟลชตัวอื่นก็ตามแต่ ซึ่งจะต่างจากไฟต่อเนื่อง (continuous light) ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้ในสตูดิโอ เพราะต้องการพลังงานตลอดเวลาจังต้องเสียบปลั๊ก ตัวที่เป็นไฟแบบต่อเนื่องนั้นผมจะไม่พูดถึงครับ วันนี้จะพูดถึงไฟแฟลชแบบ strobe
แน่นอนครับเมื่อเปรียบเทียบกับพวกไฟต่อเนื่องทั้งหลายเจ้า strobe เนี่ยจะเสียเปรียบตรงที่ไม่สามารถเห็น effect ของมันได้ในทันทีเหมือนพวก cotinuous light ที่เราสามารถเห็น effect ได้แบบ real time ไม่ว่าจะหมุนไปทางไหนก็จะเห็นเงาที่เปลี่ยนไป ความสว่างที่มากขึ้น น้อยลงได้เลย แต่เจ้าพวก strobe นี่จะเห็น effect ก็ต่อเมื่อได้ทำการ ยิงแฟลชออกไปแล้วเท่านั้น จะมืดไป สว่างไป ทำมุมเกิดแสงเงาแบบไหน ก็ต้องมาค่อยๆปรับกันไป ยิงไปปรับไป แต่ข้อดีก็คือมันสามารถพกพาไปได้ง่ายกว่ามากเพราะพวกมันใช้แบตเตอรี สามารถเอาไปถ่ายตามโลเคชันต่างๆโดยไม่ต้องพึ่งพาปลั๊กไฟกันอีกต่อไป พวกมันสามารถที่จะใช้ แบตเตอรี ถ่าน AAA หรือกระทั่งที่เป็น battery pack ขนาดใหญ่เพื่อยิงแฟลชที่มีกำลังไฟสูงๆได้ด้วย
อีกข้อได้เปรียบของไฟแบบ strobe ก็คือสามารถ หยุดการเคลื่อนไหวได้ ด้วยความที่แสงแฟลชมันมาวูบนึงแล้วก็ดับไปมันจึงสามารถใช้ถ่ายวัตถุเคลื่อนไหวด้วยความเร็วได้โดยที่ภาพคมชัดไม่เบลอ หยุดความเคลื่อนไหวได้เร็วขนาดไหนต้องขึ้นอยู่กับ ความเร็วของวัตถุและ flash duration ด้วยครับ ยิ่ง flash duration สั้นเท่าไหร่ก็ยิ่ง freeze action ได้ดีเท่านั้น
ผมอยากซื้อแฟลช เอายี่ห้ออะไร ราคาเท่าไหร่ดีครับ? ทำไมแฟลชบางยี่ห้อถึงแพงกส่าอันอื่นละครับ? จะซื้อแฟลชนอกเอาแบบไหนดีครับ?
ข้ามมาที่คุณสมบัติอื่นๆของแฟลชกันบ้างดีกว่าครับ ว่ามันมีอะไรบ้างที่เราควรต้องสนใจเพื่อช่วยตอบคำถามเหล่านั้นบ้าง
1) กำลังไฟ
ลองศึกษาดู spec ก่อนครับว่าในการถ่ายภาพของคุณนี่ต้องใช้กำลังไฟเท่าไหร่ ถ่ายภาพทั่วๆไป แดดไม่แรง ถ่ายในร่ม เพิ่ม fill flash เบาๆ กำลังไฟไม่แรงมากก็เอาอยู่แล้วครับ ประมาณ Speedlite ก็โอเคแล้วครับ แต่ถ้าต้องการถ่ายสู้แดด (overpowering the sun) แบบกลางแจ้งตอนเที่ยงแดดเปรี้ยงเดือนเมษายนก็อาจต้องใช้ ไฟแฟลชที่มีกำลังไฟสูงมากเช่นพวกที่ใช้กับ battery pack อันนี้เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับขีดจำกัดของ X-sync speed ของกล้องด้วยครับ โดยทั่วๆไปกล้องจะมี x-syn speed ที่ประมาณ 1/250 sec ซึ่งเป็นความเร็วสูงสุดของ shutter ที่เมือ่ยิงแฟลชออกไปแล้วจะไม่เกิดแถบดำที่ส่วนใดส่วนหนึ่งของภาพ เนื่องจากม่านชัตเตอร์ตัวที่สองมาบัง กล้องพวก medium format จะมี x-sync ที่ความเร็วสูงกว่า 35mm format หรืออาจมี leaf shutter ที่เลนส์ทำให้ทุ่นเรื่องของความแรงของแฟลชไปได้เมื่อถ่ายกลางแจ้ง

เสียดายไวน์มากครับ เทไม่แม่น; Canon 5D MarkII + EF100mm f/2.8 + Elinchrom Ranger RX Speed AS + Elinchrom Stipbox
เมื่อถ่ายกลางแจ้ง แสงค่อนข้างมากดังนั้นเพื่อปรับลดแสงไม่ให้ฉากหลัง overexpose ก็จะทำได้สองอย่างคือ ปรับ shutter speed เพิ่มขึ้น หรือ ปรับรูรับแสงให้ลดลง (ไม่ปรับ ISO ละกันนะ คิดซะว่าลงมาสุดแล้ว

ยังสว่างเกินอยู่ดี) แต่เนื่องจากข้อจำกัดทาง x-sync ปรับ shutter speed ได้ไม่เกิน 1/250 sec แถมภาพยังสว่างอยู่เลย ทำไงละครับ ก็ต้องปรับรูรับแสงให้แคบลงมาปาไป f/11 นู่น โอ้โห ที่ f/11 ถ้ากำลังแฟลชไม่แรงโฮกๆ แบบก็มืดดำปิ๊ดปี๋ไปเลยครับ ดังนั้นเลือกกำลังไฟให้เหมาะสมกับสถาณการณ์ที่จะใช้เป็นสว่นใหญ่ครับ
2) White Balance and its consistency
หัวข้อนี้พูดถึง white balance ของแสงแฟลชที่ยิงออกมานะครับไม่ใช่ white balance ของตัวกล้อง แฟลชที่ดีจะต้องมีความสม่ำเสมอครับ สม่ำเสมอทั้งในเรื่องของกำลังไฟที่คงที่ ไม่ว่าจะยิงรัวแค่ไหนบ่อยแค่ไหนกำลังไฟ (ปริมาณแสงที่ออกมา) ก็คงที่อยู่เสมอ สม่ำเสมอทั้งในเรื่องของ white balance ของแสงแฟลช เมื่อยิงแฟลชออกไปบ่อยๆครับตัวกำเนิดแสงของแฟลชก็จะร้อนขึ้น เมื่ออุณหภูมิของตัวกำเนิดแสงแฟลชเปลี่ยนก็จะทำให้สีแฟลชเปลี่ยนไปได้ครับ แฟลชที่ดีจึงควรมร white balance ที่คงที่แม้ว่าจะมีการยิงแฟลชออกไปแบบหนักหน่วง รัวๆแค่ไหนก็ตาม
สำคํญยังไง?
ถ่ายเล่นๆขำๆไม่คิดไรมากก็ไม่เป็นไรครับ ถ้ากำลังไฟ output ออกมาไม่คงที่ exposure เปลี่ยนแปลงไปบ้าง (over หรือ under) ก็ไม่เป็นไร แต่ถ้างานที่ต้องการความปราณีตหรือเป๊ะๆหละ ลองถ่ายงานพอร์ตเทรตของโมเดลคนหนึ่งซัก 200 ใบแบบเป็น series ถ้า output ของแฟลช

เปลี่ยนทุกใบ exposure เปลี่ยน ความสว่างของสีผิวเปลี่ยนทุกใบ ต้องมานั่งปรับทุกใบ ตายแน่ๆครับ เจ้า white balance ก็เหมือนกันครับ โดยเฉพาะงานถ่าย commercial ที่ต้องมี product เข้ามาเกี่ยวข้อง สีที่เป๊ะๆสำคัญมาก ครับดังนั้นถ้า white balance ของแฟลชคงที่สม่ำเสมอก็จะช่วยได้อย่างมากเลย อันนี้ก็แล้วแต่เลยครับว่าท่านต้องการความเป๊ะมากแค่ไหน ราคาก็มาตามคุณภาพเลยครับ
3) Recycle time
ครับอนนี้คือคือเวลาที่ใช้ไปจากการยิงแฟลช shot หนึ่งแล้วเจ้าแฟลชใช้เวลาในการชารต์พลังเพื่อให้พร้อมยิง shot ต่อไปได้อีก recycle Time นี่จะเริ่มเห็นผลและความสำคัญของมันก็เวลาที่เรายิงแฟลชออกไปแบบ full power นี่แหละครับ ถ้ายี่ห้อไหนมี recycle time ที่น้อยกว่าก็จะสามารถทำให้เรายิงแฟลชออกไปได้ต่อเนื่องมากขึ้น ไม่ขาดตอน ไม่ต้องรอ บางยี่ห้อบางรุ่นอาจต้องรอนานหน่อย ยกตัวอย่างเช่น recycle time 5 วินาที่ นั่นหมายความว่าท่านต้องรออีก 5 วินาทีกว่าท่านจะสามารถยิงแฟลชในช็อตต่อไปได้
4) ขนาด น้ำหนัก ราคา ความสะดวกในการพกพา
แฟลชที่มีขนาดเล็ก พกพาง่าย เบาแถมมีพลังแรงแบบสุดๆนี่มันน่าจัดมาไว้ในครอบครองเสียจริงครับ อันนี้ก็ต้องไปหาดูกันเอาเองละครับว่า feature ของแต่ละยี่ห้อมันเป็นยังไงตอบโจทย๋ท่านได้แค่ไหน ผมเป็นที่ชอบถ่ายแบบนอกสถานที่ดังนั้นข้อนี้สำคัญทีเดียวครับ โดยทั่วไปแฟลชขนาดเล็กพกพาง่ายจะมีกำลังไฟที่ไม่แรง ขณะที่พวกแฟลชใหญ่จะมีกำลังแรงแต่หนักและเคลื่อนย้ายยาก เอาเป็นว่าไม่มีอันนไหนสมบูรณืแบบครับมีข้อได้เปรียบเสียเปรียบกันไป
หมดเรื่องการเลือกแฟลชในดวงใจและเบสิกในการเลือกแบบโง่ๆของผมไปซักทีครับ คราวนี้มาเข้าเรื่องของข้อสังเกตของผมกับการใช้แฟลชและสไตล์การใช้แฟลชของคนเล่นกล้องเล่นแฟลชในบ้านเรากันมั่งดีกว่า อันนี้ดูจะล่อเป้าและเผ็ดร้อนกว่า การเลือกแฟลชมากๆ อิอิอิ

Deer in The headlight! การใช้แฟลชแบบ on-camera ภาพที่ออกมาจะเป็นแบบนี้ละครับ ฉากหลังมืดๆ เหมือนกวางที่โดนแสงไฟหน้ารถส่อง โอ้ววววแม่สาวน้อย
อันนี้คือแย่ขั้นสุดครับ หลายๆท่านบอกว่าฮี่โธ่อันนี้ง่ายผมก็รู้ก็ใช้แฟลชแบบ off-axis สิครับ ซึ่งคือการใช้แฟลชแยกนั่นเองเอาแฟลชไปไว้ตรงตำแหน่งอื่นๆจะเฉียงทำมุมกี่องศาก็แล้วแต่ขอให้ไม่อยู่ในมุมเดียวกันกล้องหรือเลนส์ก็พอ อนนี้ช่างภาพส่วนมากๆๆๆมีความรู้ความเข้าใจเป็นอย่างดี หลีกเลี่ยงกันหมดฮะ
แบบต่อไปก็คือ มีการเพิ่ม directional light เข้าไปแล้วครับคือใช้แฟลชแยกเพื่อให้เกิดเงา สร้างมิติเพิ่มเข้ามา ก็เป็นภาพที่สวยไปอีกแบบครับ แต่ดูแล้วรู้เลยว่าใช้แฟลชครับ (อย่าไปนับเงาสะท้อนของ softboxที่หน้าต่างนะ อิอิ) คิดว่านี่เป็นสไตล์ที่พบเห็นบ่อยในชุมชนคนใช้แฟลชในบ้านเรา อย่างน้อยก็ที่ผมเห็นล่ะครับ ผมอาจจะโลกแคบก็ได้ แบบอื่นเค้าก็มี

ไม่เห็น hoorey! อันนี้ไม่ได้แปลว่ามันจะไม่สวยนะครับ มีเยอะแยะที่ดูแล้วมันคือแฟลชแต่สวยงามมีมากมายครับแต่มันมีอีกหลายๆสไตล์ที่การใช้แฟลชไม่จำเป็นต้องให้ภาพออกมา "flashy" เสมอไป

Canon 5D MarkII + EF16-35mm f/2.8L II USM; Ranger RX Speed AS with Elinchrom Stripbox

เลขาแสนซน? ภาพนี้ถึงจะดูนุ่มลงมาหน่อยแต่ก็ยังมีความ "flashy" อยู่ exposure ของแบบยังไม่ balance กับ ambient รอบๆได้ดีนัก; Canon 5D MarkII + EF85mm f/1.2L II USM; ELinchrom Ranger RX Speed AS with Deep Octa
และแล้วก็มาถึงสไตล์ที่ส่วนตัวของผมแล้วชอบเป็นพิเศษครับ นั่นก้คือการ balance แฟลชกับ ambient ครับ เพื่อให้ภาพออกมาดูธรรมชาติที่สุดเหมือนกับไม่ได้ใช้แฟลชยังไงยังงั้น จะว่าไปมันก็คล้ายๆกับการ fill flash นะครับแต่มันไม่ใช่ซะทีเดียวครับ เพราะอัตราส่วนของแสงแฟลชกับ ambient อาจจะอยู่ที่ 50:50 เลยครับ เอาเป็นว่าที่ชอบเพราะว่ามันออกมาดูธรรมชาติดีครับ แต่ถ้าไม่ใช้แฟลชแบบจะมืดครับ เมื่ออัตราความสว่างของแสงแฟลชที่ตัวแบบเท่ากับ ambient แล้วนี่ก็จะดูไม่ออกเลยครับว่าใช้แฟลช (ยกเว้นว่าแอบส่องตาแบบแล้วเห็นเงาสะท้อนของ softbox) เพราะความสว่างเท่ากันเหมือนกับถ่ายด้วยแสงธรรมชาติ เทคนิคแบบนี้จะเห็นในงานของฝรั่งค่อนข้างเยอะ โดยเฉพาะในงาน commercial เช่น life style phtography เป็นต้น บ้านเราก็มีครับแต่ไม่ค่อยเป็นที่นิยมเท่าไหร่มั้งครับ (คิดเอง เออเอง) โดยส่วนใหญ่ผมจะเห็นงานต่างๆในบ้านเราที่ถ่ายแบบว่าให้เห็นชัดเจนว่าเป็นการใช้แฟลช

Rest on you; Canon 5D MarkII + EF85mm f/1.2L USM + Speedlite 580EX II

Canon 5D MarkII + Noctilux-M 50mm f/0.95 ASPH + Elinchrom Ranger RX Speed AS + Deep Octa

Leica M240 + Noctilux-M 50mm f/0.95 ASPH + Elinchrom Ranger RX Speed AS + Deep Octa

Leica M9P + Noctilux-M 50mm f/0.95 ASPH + Elinchrom Ranger RX Speed AS + Deep Octa
การ balance แฟลชกับแสงธรรมชาตินั้นไม่ได้แปลว่ามันดีกว่าหรือถูกต้องกว่าการถ่ายรูปแบบให้เห็นว่าใช้แฟลชนะ มันเป็นเรื่องของความชอบและสิ่งที่ช่างภาพต้องการจะสื่อกับคนดูมากกว่า ว่าควรเป็นแบบไหน ภาพที่ใช้แฟลชให้ดูคอนทราสจัด เน้นแสงและเงาจะให้อารมณ์ที่แตกต่างไปจากภาพที่เป็นแสงนุ่มๆเหมือนธรรมชาติ อันนี้ขึ้นอยู่กับสิ่งที่ต้องการจะสื่อแล้วละครับ มันมีหลากหลายอย่างเหลือเกิน เรียกว่าแต่งหนังสือได้เล่มนึงเลยถ้าอยากจะเขียนครอบคลุมให้หมด
ShutterShout 0006: A little Bit of Flash Photography นิดๆหน่อยกับการใช้แฟลช
สวัสดีครับ หลังจากบ่นๆนู่น นี่นั่นไปเรื่อย วันนี้เรามาคุยกันเรื่องที่เป็น สาระนิดหน่อยกันบ้างดีกว่า เกี่ยวกับเรื่อง "แฟลช" ครับ แอบสังเกตมานานแล้วครับว่า ส่วนใหญ่แล้วท่านที่เริ่มหัดใช้แฟลชในการถ่ายรูป ก็มักจะมีคำถามเกี่ยวกับตัวแฟลช ว่าเป็นแบบไหน อย่างไร เวลาจะใช้ต้องดูตรงไหนบ้าง อย่างไรและทำไมราคาถึงต่างกัน แต่สิ่งที่ผมสังเกตว่าน่าสนใจที่สุดก็คือการใช้แฟลชครับและสไตล์การใช้แฟลชครับ
การใช้แฟลชและสไตล์การใช้แฟลช?
ใช่แล้วครับ เอาคร่าวๆก่อนเลยนะว่าสไตล์การใช้แฟลชโดยส่วนใหญ่ของบ้านเรา จะเป็นการใช้แฟลช แบบมองปุ๊ปก็รู้เลยว่าใช้แฟลช เอ๊ะ!!! พูดอะไรของผมนะก็ใช้แฟลชนี่หว่ามองปุ๊บแล้วรู้ปั๊ปว่าตูใช้แฟลชมันแปลกตรงไหน? ถ้าใช้แฟลชแล้วดูเหมือนไม่ใช้ จะซื้อแฟลชมาทำไม?
ก็ซื้อแฟลชมาใช้แบบให้ดูเหมือนไม่ใช้นี่หละครับ มันส์สุดๆเลย!!!!
เดี๋ยวค่อยกลับมาที่จุดนี้กันต่อครับ ตอนนี้เรามาพูดเรื่อง ทั่วไปของแฟลชกันบ้างดีกว่า ต้องบอกก่อนนะครับว่าบทความนี้ไม่ได้ตั้งใจจะเขียนให้เป็นเนื้อหาทางด้านวิชาการอะไรครับ แต่เป็นการพูดคุยเหมือนเพื่อนคุยกับเพื่อนมากกว่าครับ สบายๆไม่เครียดไม่น่าเบื่อ
กล้องตัวเก่งของผม ใช้ถ่ายเล่นจนถึงทำมาหากิน Leica M240; Canon 5D MarkII + EF100mm f/2.8 + Speedlite 580EX II
การเลือกแฟลช
แฟลชที่เห็นอยู่ทั่วไปในตลาดนั้นส่วนใหญ่นั้นเป็นแบบไม่ต่อเนื่อง (strobe) หมายความว่าแฟลชจะยิงก็ต่อเมื่อมีการส่งสัญญาณเท่านั้น จะโดยด้วยการกดชัตเตอร์ สัญญาณวิทยุ หรือไฟจากแฟลชตัวอื่นก็ตามแต่ ซึ่งจะต่างจากไฟต่อเนื่อง (continuous light) ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้ในสตูดิโอ เพราะต้องการพลังงานตลอดเวลาจังต้องเสียบปลั๊ก ตัวที่เป็นไฟแบบต่อเนื่องนั้นผมจะไม่พูดถึงครับ วันนี้จะพูดถึงไฟแฟลชแบบ strobe
แน่นอนครับเมื่อเปรียบเทียบกับพวกไฟต่อเนื่องทั้งหลายเจ้า strobe เนี่ยจะเสียเปรียบตรงที่ไม่สามารถเห็น effect ของมันได้ในทันทีเหมือนพวก cotinuous light ที่เราสามารถเห็น effect ได้แบบ real time ไม่ว่าจะหมุนไปทางไหนก็จะเห็นเงาที่เปลี่ยนไป ความสว่างที่มากขึ้น น้อยลงได้เลย แต่เจ้าพวก strobe นี่จะเห็น effect ก็ต่อเมื่อได้ทำการ ยิงแฟลชออกไปแล้วเท่านั้น จะมืดไป สว่างไป ทำมุมเกิดแสงเงาแบบไหน ก็ต้องมาค่อยๆปรับกันไป ยิงไปปรับไป แต่ข้อดีก็คือมันสามารถพกพาไปได้ง่ายกว่ามากเพราะพวกมันใช้แบตเตอรี สามารถเอาไปถ่ายตามโลเคชันต่างๆโดยไม่ต้องพึ่งพาปลั๊กไฟกันอีกต่อไป พวกมันสามารถที่จะใช้ แบตเตอรี ถ่าน AAA หรือกระทั่งที่เป็น battery pack ขนาดใหญ่เพื่อยิงแฟลชที่มีกำลังไฟสูงๆได้ด้วย
อีกข้อได้เปรียบของไฟแบบ strobe ก็คือสามารถ หยุดการเคลื่อนไหวได้ ด้วยความที่แสงแฟลชมันมาวูบนึงแล้วก็ดับไปมันจึงสามารถใช้ถ่ายวัตถุเคลื่อนไหวด้วยความเร็วได้โดยที่ภาพคมชัดไม่เบลอ หยุดความเคลื่อนไหวได้เร็วขนาดไหนต้องขึ้นอยู่กับ ความเร็วของวัตถุและ flash duration ด้วยครับ ยิ่ง flash duration สั้นเท่าไหร่ก็ยิ่ง freeze action ได้ดีเท่านั้น
ผมอยากซื้อแฟลช เอายี่ห้ออะไร ราคาเท่าไหร่ดีครับ? ทำไมแฟลชบางยี่ห้อถึงแพงกส่าอันอื่นละครับ? จะซื้อแฟลชนอกเอาแบบไหนดีครับ?
ข้ามมาที่คุณสมบัติอื่นๆของแฟลชกันบ้างดีกว่าครับ ว่ามันมีอะไรบ้างที่เราควรต้องสนใจเพื่อช่วยตอบคำถามเหล่านั้นบ้าง
1) กำลังไฟ
ลองศึกษาดู spec ก่อนครับว่าในการถ่ายภาพของคุณนี่ต้องใช้กำลังไฟเท่าไหร่ ถ่ายภาพทั่วๆไป แดดไม่แรง ถ่ายในร่ม เพิ่ม fill flash เบาๆ กำลังไฟไม่แรงมากก็เอาอยู่แล้วครับ ประมาณ Speedlite ก็โอเคแล้วครับ แต่ถ้าต้องการถ่ายสู้แดด (overpowering the sun) แบบกลางแจ้งตอนเที่ยงแดดเปรี้ยงเดือนเมษายนก็อาจต้องใช้ ไฟแฟลชที่มีกำลังไฟสูงมากเช่นพวกที่ใช้กับ battery pack อันนี้เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับขีดจำกัดของ X-sync speed ของกล้องด้วยครับ โดยทั่วๆไปกล้องจะมี x-syn speed ที่ประมาณ 1/250 sec ซึ่งเป็นความเร็วสูงสุดของ shutter ที่เมือ่ยิงแฟลชออกไปแล้วจะไม่เกิดแถบดำที่ส่วนใดส่วนหนึ่งของภาพ เนื่องจากม่านชัตเตอร์ตัวที่สองมาบัง กล้องพวก medium format จะมี x-sync ที่ความเร็วสูงกว่า 35mm format หรืออาจมี leaf shutter ที่เลนส์ทำให้ทุ่นเรื่องของความแรงของแฟลชไปได้เมื่อถ่ายกลางแจ้ง
เสียดายไวน์มากครับ เทไม่แม่น; Canon 5D MarkII + EF100mm f/2.8 + Elinchrom Ranger RX Speed AS + Elinchrom Stipbox
เมื่อถ่ายกลางแจ้ง แสงค่อนข้างมากดังนั้นเพื่อปรับลดแสงไม่ให้ฉากหลัง overexpose ก็จะทำได้สองอย่างคือ ปรับ shutter speed เพิ่มขึ้น หรือ ปรับรูรับแสงให้ลดลง (ไม่ปรับ ISO ละกันนะ คิดซะว่าลงมาสุดแล้ว
2) White Balance and its consistency
หัวข้อนี้พูดถึง white balance ของแสงแฟลชที่ยิงออกมานะครับไม่ใช่ white balance ของตัวกล้อง แฟลชที่ดีจะต้องมีความสม่ำเสมอครับ สม่ำเสมอทั้งในเรื่องของกำลังไฟที่คงที่ ไม่ว่าจะยิงรัวแค่ไหนบ่อยแค่ไหนกำลังไฟ (ปริมาณแสงที่ออกมา) ก็คงที่อยู่เสมอ สม่ำเสมอทั้งในเรื่องของ white balance ของแสงแฟลช เมื่อยิงแฟลชออกไปบ่อยๆครับตัวกำเนิดแสงของแฟลชก็จะร้อนขึ้น เมื่ออุณหภูมิของตัวกำเนิดแสงแฟลชเปลี่ยนก็จะทำให้สีแฟลชเปลี่ยนไปได้ครับ แฟลชที่ดีจึงควรมร white balance ที่คงที่แม้ว่าจะมีการยิงแฟลชออกไปแบบหนักหน่วง รัวๆแค่ไหนก็ตาม
สำคํญยังไง?
ถ่ายเล่นๆขำๆไม่คิดไรมากก็ไม่เป็นไรครับ ถ้ากำลังไฟ output ออกมาไม่คงที่ exposure เปลี่ยนแปลงไปบ้าง (over หรือ under) ก็ไม่เป็นไร แต่ถ้างานที่ต้องการความปราณีตหรือเป๊ะๆหละ ลองถ่ายงานพอร์ตเทรตของโมเดลคนหนึ่งซัก 200 ใบแบบเป็น series ถ้า output ของแฟลช
3) Recycle time
ครับอนนี้คือคือเวลาที่ใช้ไปจากการยิงแฟลช shot หนึ่งแล้วเจ้าแฟลชใช้เวลาในการชารต์พลังเพื่อให้พร้อมยิง shot ต่อไปได้อีก recycle Time นี่จะเริ่มเห็นผลและความสำคัญของมันก็เวลาที่เรายิงแฟลชออกไปแบบ full power นี่แหละครับ ถ้ายี่ห้อไหนมี recycle time ที่น้อยกว่าก็จะสามารถทำให้เรายิงแฟลชออกไปได้ต่อเนื่องมากขึ้น ไม่ขาดตอน ไม่ต้องรอ บางยี่ห้อบางรุ่นอาจต้องรอนานหน่อย ยกตัวอย่างเช่น recycle time 5 วินาที่ นั่นหมายความว่าท่านต้องรออีก 5 วินาทีกว่าท่านจะสามารถยิงแฟลชในช็อตต่อไปได้
4) ขนาด น้ำหนัก ราคา ความสะดวกในการพกพา
แฟลชที่มีขนาดเล็ก พกพาง่าย เบาแถมมีพลังแรงแบบสุดๆนี่มันน่าจัดมาไว้ในครอบครองเสียจริงครับ อันนี้ก็ต้องไปหาดูกันเอาเองละครับว่า feature ของแต่ละยี่ห้อมันเป็นยังไงตอบโจทย๋ท่านได้แค่ไหน ผมเป็นที่ชอบถ่ายแบบนอกสถานที่ดังนั้นข้อนี้สำคัญทีเดียวครับ โดยทั่วไปแฟลชขนาดเล็กพกพาง่ายจะมีกำลังไฟที่ไม่แรง ขณะที่พวกแฟลชใหญ่จะมีกำลังแรงแต่หนักและเคลื่อนย้ายยาก เอาเป็นว่าไม่มีอันนไหนสมบูรณืแบบครับมีข้อได้เปรียบเสียเปรียบกันไป
หมดเรื่องการเลือกแฟลชในดวงใจและเบสิกในการเลือกแบบโง่ๆของผมไปซักทีครับ คราวนี้มาเข้าเรื่องของข้อสังเกตของผมกับการใช้แฟลชและสไตล์การใช้แฟลชของคนเล่นกล้องเล่นแฟลชในบ้านเรากันมั่งดีกว่า อันนี้ดูจะล่อเป้าและเผ็ดร้อนกว่า การเลือกแฟลชมากๆ อิอิอิ
Deer in The headlight! การใช้แฟลชแบบ on-camera ภาพที่ออกมาจะเป็นแบบนี้ละครับ ฉากหลังมืดๆ เหมือนกวางที่โดนแสงไฟหน้ารถส่อง โอ้ววววแม่สาวน้อย
อันนี้คือแย่ขั้นสุดครับ หลายๆท่านบอกว่าฮี่โธ่อันนี้ง่ายผมก็รู้ก็ใช้แฟลชแบบ off-axis สิครับ ซึ่งคือการใช้แฟลชแยกนั่นเองเอาแฟลชไปไว้ตรงตำแหน่งอื่นๆจะเฉียงทำมุมกี่องศาก็แล้วแต่ขอให้ไม่อยู่ในมุมเดียวกันกล้องหรือเลนส์ก็พอ อนนี้ช่างภาพส่วนมากๆๆๆมีความรู้ความเข้าใจเป็นอย่างดี หลีกเลี่ยงกันหมดฮะ
แบบต่อไปก็คือ มีการเพิ่ม directional light เข้าไปแล้วครับคือใช้แฟลชแยกเพื่อให้เกิดเงา สร้างมิติเพิ่มเข้ามา ก็เป็นภาพที่สวยไปอีกแบบครับ แต่ดูแล้วรู้เลยว่าใช้แฟลชครับ (อย่าไปนับเงาสะท้อนของ softboxที่หน้าต่างนะ อิอิ) คิดว่านี่เป็นสไตล์ที่พบเห็นบ่อยในชุมชนคนใช้แฟลชในบ้านเรา อย่างน้อยก็ที่ผมเห็นล่ะครับ ผมอาจจะโลกแคบก็ได้ แบบอื่นเค้าก็มี
Canon 5D MarkII + EF16-35mm f/2.8L II USM; Ranger RX Speed AS with Elinchrom Stripbox
เลขาแสนซน? ภาพนี้ถึงจะดูนุ่มลงมาหน่อยแต่ก็ยังมีความ "flashy" อยู่ exposure ของแบบยังไม่ balance กับ ambient รอบๆได้ดีนัก; Canon 5D MarkII + EF85mm f/1.2L II USM; ELinchrom Ranger RX Speed AS with Deep Octa
และแล้วก็มาถึงสไตล์ที่ส่วนตัวของผมแล้วชอบเป็นพิเศษครับ นั่นก้คือการ balance แฟลชกับ ambient ครับ เพื่อให้ภาพออกมาดูธรรมชาติที่สุดเหมือนกับไม่ได้ใช้แฟลชยังไงยังงั้น จะว่าไปมันก็คล้ายๆกับการ fill flash นะครับแต่มันไม่ใช่ซะทีเดียวครับ เพราะอัตราส่วนของแสงแฟลชกับ ambient อาจจะอยู่ที่ 50:50 เลยครับ เอาเป็นว่าที่ชอบเพราะว่ามันออกมาดูธรรมชาติดีครับ แต่ถ้าไม่ใช้แฟลชแบบจะมืดครับ เมื่ออัตราความสว่างของแสงแฟลชที่ตัวแบบเท่ากับ ambient แล้วนี่ก็จะดูไม่ออกเลยครับว่าใช้แฟลช (ยกเว้นว่าแอบส่องตาแบบแล้วเห็นเงาสะท้อนของ softbox) เพราะความสว่างเท่ากันเหมือนกับถ่ายด้วยแสงธรรมชาติ เทคนิคแบบนี้จะเห็นในงานของฝรั่งค่อนข้างเยอะ โดยเฉพาะในงาน commercial เช่น life style phtography เป็นต้น บ้านเราก็มีครับแต่ไม่ค่อยเป็นที่นิยมเท่าไหร่มั้งครับ (คิดเอง เออเอง) โดยส่วนใหญ่ผมจะเห็นงานต่างๆในบ้านเราที่ถ่ายแบบว่าให้เห็นชัดเจนว่าเป็นการใช้แฟลช
Rest on you; Canon 5D MarkII + EF85mm f/1.2L USM + Speedlite 580EX II
Canon 5D MarkII + Noctilux-M 50mm f/0.95 ASPH + Elinchrom Ranger RX Speed AS + Deep Octa
Leica M240 + Noctilux-M 50mm f/0.95 ASPH + Elinchrom Ranger RX Speed AS + Deep Octa
Leica M9P + Noctilux-M 50mm f/0.95 ASPH + Elinchrom Ranger RX Speed AS + Deep Octa
การ balance แฟลชกับแสงธรรมชาตินั้นไม่ได้แปลว่ามันดีกว่าหรือถูกต้องกว่าการถ่ายรูปแบบให้เห็นว่าใช้แฟลชนะ มันเป็นเรื่องของความชอบและสิ่งที่ช่างภาพต้องการจะสื่อกับคนดูมากกว่า ว่าควรเป็นแบบไหน ภาพที่ใช้แฟลชให้ดูคอนทราสจัด เน้นแสงและเงาจะให้อารมณ์ที่แตกต่างไปจากภาพที่เป็นแสงนุ่มๆเหมือนธรรมชาติ อันนี้ขึ้นอยู่กับสิ่งที่ต้องการจะสื่อแล้วละครับ มันมีหลากหลายอย่างเหลือเกิน เรียกว่าแต่งหนังสือได้เล่มนึงเลยถ้าอยากจะเขียนครอบคลุมให้หมด