สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 3
ผมเปิดร้านเค้ก เคยผ่านการทำร้านอาหารอีสาน จิ้มจุ่ม
มีคนดูท่าทางมีตำแหน่งในหน่วยงาน มาทำท่าทางอยากได้อภิสิทธิ์
ขอบอกเลยว่าโลกภายนอกเขาไม่รู้จักตำแหน่งของคุณหรอก
ซื้อก๋วยเตี๋ยวก็ต้องต่อคิว
ซื้อข้าวแกงก็ต้องตักเท่าคนอื่น
อำนาจค่อยกลับไปใช้ที่ทำงาน ข้างนอกไม่เกี่ยว
หัวโขน อย่าไปหลงไหลจนสลัดไม่ออก
เงินพันหาไม่ยากหรอกครับ มีโปรดักส์หรือยัง นี่แหละกุญแจ
มีคนดูท่าทางมีตำแหน่งในหน่วยงาน มาทำท่าทางอยากได้อภิสิทธิ์
ขอบอกเลยว่าโลกภายนอกเขาไม่รู้จักตำแหน่งของคุณหรอก
ซื้อก๋วยเตี๋ยวก็ต้องต่อคิว
ซื้อข้าวแกงก็ต้องตักเท่าคนอื่น
อำนาจค่อยกลับไปใช้ที่ทำงาน ข้างนอกไม่เกี่ยว
หัวโขน อย่าไปหลงไหลจนสลัดไม่ออก
เงินพันหาไม่ยากหรอกครับ มีโปรดักส์หรือยัง นี่แหละกุญแจ
ความคิดเห็นที่ 4
ผมเคยทำงานบริษัท เบื่องาน เบื่อทุกอย่าง ลาออกมาเอง หัวหน้ารั้งทุกทางผมก็ไม่อยู่ จากที่เคยมีตำแหน่งดี เงินเดือนดี
ลาออกมาขายของก๊อกแก๊กนี่แหละ เอาแน่เอานอนไม่ได้ ต้องลุ้นว่าวันนี้จะขายได้หรือไม่ได้ แต่ความสุขของผมเลย
ช่วงที่ทำงานบริษัท เสาร์ อาทิตย์ผมก็ออกไปตลาดนัด ขายของ ง้อชาวบ้านให้เขามาซื้อนี่แหละ ถ้าอายมากแสดงว่ามานะทิฎฐิมาก
ฝึกขัดเกลามันไปเรื่อยๆ ออกมาไม่ต้องอยู่ใต้ใคร อยากไปไหนก็ไปได้ไม่ต้องลาให้ยาก ชีวิตอิสระนี่มันก็ดี มีเวลาไปทำอะไรที่
เป็นประโยชน์ ได้ทำอะไรที่เราอยากทำได้หลายอย่างเลย แรกๆมันก็ยาก ต้องค่อยๆสร้างมันไป ชอบทางไหนก็ไปทางนั้นอะครับ
ไม่มีผิด ไม่มีถูก มีแค่ชอบกับไม่ชอบ ถ้าไม่ถนัดขายของ ไม่ชอบเลย ใจไม่รัก ก็หางานเงินเดือนทำ เอาที่เราถนัดดีกว่า
ผมนี่ลาออกมา เจอคนรอบข้างมาถามอยู่ทุกวัน ทำไรๆ ลาออกมาทำไม? ทำงานแบบนี้แล้วจะเรียนมาทำไม? ฯลฯ เยอะแยะไปหมด
ครอบครัวผมเป็นข้าราชการทั้งหมด ยันรุ่นปู่ย่า ผมนี่โดนประจำ อาศัยหน้าด้านเข้าไว้ ใครจะว่าอะไรก็ช่าง ผมด้านอย่างเดียว
ศักดิ์ศรีมันกินไม่ได้หรอก พวกข้าราชการ ยศใหญ่ พวกเงินเดือนสูง พวกนักธุรกิจ ฯลฯ สุดท้ายตายหมด อย่ายึดในโลกธรรมมากเลย
มีอาชีพสุจริตอะไรน่าอายด้วยหรือ ไม่มีหรอก
ลาออกมาขายของก๊อกแก๊กนี่แหละ เอาแน่เอานอนไม่ได้ ต้องลุ้นว่าวันนี้จะขายได้หรือไม่ได้ แต่ความสุขของผมเลย
ช่วงที่ทำงานบริษัท เสาร์ อาทิตย์ผมก็ออกไปตลาดนัด ขายของ ง้อชาวบ้านให้เขามาซื้อนี่แหละ ถ้าอายมากแสดงว่ามานะทิฎฐิมาก
ฝึกขัดเกลามันไปเรื่อยๆ ออกมาไม่ต้องอยู่ใต้ใคร อยากไปไหนก็ไปได้ไม่ต้องลาให้ยาก ชีวิตอิสระนี่มันก็ดี มีเวลาไปทำอะไรที่
เป็นประโยชน์ ได้ทำอะไรที่เราอยากทำได้หลายอย่างเลย แรกๆมันก็ยาก ต้องค่อยๆสร้างมันไป ชอบทางไหนก็ไปทางนั้นอะครับ
ไม่มีผิด ไม่มีถูก มีแค่ชอบกับไม่ชอบ ถ้าไม่ถนัดขายของ ไม่ชอบเลย ใจไม่รัก ก็หางานเงินเดือนทำ เอาที่เราถนัดดีกว่า
ผมนี่ลาออกมา เจอคนรอบข้างมาถามอยู่ทุกวัน ทำไรๆ ลาออกมาทำไม? ทำงานแบบนี้แล้วจะเรียนมาทำไม? ฯลฯ เยอะแยะไปหมด
ครอบครัวผมเป็นข้าราชการทั้งหมด ยันรุ่นปู่ย่า ผมนี่โดนประจำ อาศัยหน้าด้านเข้าไว้ ใครจะว่าอะไรก็ช่าง ผมด้านอย่างเดียว
ศักดิ์ศรีมันกินไม่ได้หรอก พวกข้าราชการ ยศใหญ่ พวกเงินเดือนสูง พวกนักธุรกิจ ฯลฯ สุดท้ายตายหมด อย่ายึดในโลกธรรมมากเลย
มีอาชีพสุจริตอะไรน่าอายด้วยหรือ ไม่มีหรอก
ความคิดเห็นที่ 20
ผมเคยครับ
เป็นผู้จัดการก็ออกมาขายของก๊อกแก๊กได้ ปีนหลังคาบ้านติดจานดาวเทียม
หรือทำระบบโทรศัพท์ ติดกลองวงจรปิดอะไรไปตามเรื่องตามราวก็ได้ และกล้าออกมาทำด้วยครับ
อาจเป็นเพราะผมมีประสบการณ์ลุยๆมาก่อนนั้นเยอะ ความกล้าเสี่ยงและความกดดันเลยน้อยหน่อย
ทุกวันนี้ต่อให้เหลือแค่ไม่กี่บาท ผมก็ยังยิ้มได้ อย่างมากก็ไปขอข้าวพระกิน
ไม่ต้องเครียดครับ ลงมือทำเลยครับ
ทำไปเรื่อยๆ คิดไปเรื่อยๆเดี๋ยวมันจะมองเห็นช่องทางไปเองครับ
พูดไม่เป็นไม่คล่องก็ไม่ยาก ก็เริ่มด้วยการพูดนี่ละครับ
คือมันเริ่มอย่างนี้จริงๆ ก็ไม่รู้จะบอกให้เป็นอย่างอื่นไปได้อย่างไร
เชิญเลยครับ เชิญมาดู เชิญเลือกซื้อเลยคุณพี่คนหล่อ คุณน้องหนูเอาไหมคะลูก อะไรก็ว่ากันไป
---------------------------------
ผมเคยขับมอเตอร์ไซค์รับจ้าง เลิกงานยืมเสื้อวินพี่ยามมาใส่ พี่เขาเข้าเวรกลางคืนก็ผลัดกันได้พอดี เสื้อวินตัวเดียวใช้คุ้มมากๆ
เก็บเงินครั้งละ ยี่สิบสามสิบบาท ยุคนั้นไม่ค่อยมีเกินสี่สิบ เว้นแต่ข้ามเมืองกันคนละฝั่งไปเลย ขับจนรู้จักเมืองภูเก็ตทุกซอกซอย
แถวหน้าผับเงินดี แต่ต้องมีสติดีด้วย ยุคนั้นตีกันบ่อย ลูกค้าก็สารพัดแบบ ขับดีให้เพิ่มก็เยอะ
โกงแบบเดินไปดื้อๆก็มี สาวๆต่อรถไปทำงานต้องคอยรับเป็นขาประจำก็มีนะ
เคยรับจ้างล้างจาน ทำแบบไม่มีบ่นทำให้ตายกันไปข้าง จนได้ไปอยู่หน้าเขียงหั่นผัก จนได้ลงกะทะเอง พอจะรู้เรื่องในครัวอยู่บ้าง
เคยขายของในโชว์รูม ผ้า เฟอร์นิเจอร์ เครื่องประดับ ต้อนรับลูกค้า อธิบายที่มาที่ไปของสินค้า ปิดการขายได้ก็คิดเงินรูดบัตรไปตามเรื่อง
เคยกรีดยาง ปลูกยาง เพาะชำยาง ติดตายาง ใส่ปุ๋ย ถางอกยาง ติดกระถาง ทำยางตากยาง จนถึงวางท้ายมอเตอร์ไซค์เอาไปขาย
เคยปลูกผักขาย ถางเผา เตรียมที่ ขุดปลูก ดูแล จนโต เก็บใส่ประสอบปุ๋ยแบกขึ้นรถประจำทางเอาไปขายตลาดสด
เคยทำนา ก็เดินตามพ่อแม่ตั้งแต่ ถางป่า หักป่าเป็นนา ถางโค่นเผา ขุดรากไม้ตอไม้ เอาควายลงไปเหยียบ
ทำคันนา ขุดคูน้ำผันน้ำเข้าไปแช่ดินให้อ่อน ปรับระดับดิน ยันแช่กล้า หว่านกล้า เลี้ยงควาย ไถคราด ปักดำ
ดูแลระดับน้ำเข้านา หว่านปุ๋ยดูแลข้าวท้อง จับปู ยันเกี่ยวข้าว นวดข้าว เฝ้าลานตากข้าว และใส่กระสอบแบกไปขึ้นรถประจำทางไปขาย
เคยช่วยพี่ๆขายอาหาร ผัดข้าวอะไรงี้ หน้าหาด ขายนักท่องเที่ยวนะ ก็เตรียมของ ขนย้ายโต๊ะเก้าอี้ ตั้งเตาทำอาหาร ขาย เสริฟ เก็บเงินกันไป
เคยเสริฟในร้านอาหาร จัดจาน เช็ดช้อนชาม ขนโต๊ะเก้าอี้จัดเบาะ จัดไฟจัดดิสเพลย์อาหาร แบกหาม จ่ายตลาดตามมาร์เก็ตลิสต์
เคนทำงานบริษัทคอมพิวเตอร์ ก็งานประกอบซ่อมลงโปรแกรม ยันทำระบบเครือข่าย ไปเรียนเขียนโปรแกรมเพิ่มก็พอใช้การได้
เคยทำสโตร์ เช็คของ รับของ ส่งของ พวกเครื่องประดับและของตกแต่งบ้าน ยุคนั้นมูลค่าเยอะหลายสิบล้านอยู่นะ
เคยรับจ้างฉีดยาฆ่าหญ้า แต่ละวันเดินฉีดกันเป็นสี่ห้าสิบไร่เลย หมดเวลาไปเป็นวันๆ ก็ได้เงินดีเพราะไม่ค่อยมีใครอยากทำเท่าไร
เคยเข้าแก๊งค์ล่าสัตว์บ้าง กุ้งหอยปูปลา นก กระรอก ไก่ป่า อะไรพวกนี้นานๆจะเจอสักครั้ง และที่แน่นอนคือเก็บผักในป่า พอให้มีกินไปวันๆ
เคยอยู่ร้านทำป้ายโฆษณา ก็เขียนป้าย ปีนป่ายตึกวัดสัดส่วน ติดตั้ง แกะสติกเกอร์ ทำตู้ไฟ อะไรไปตามเรื่อง
เคยรับจ้างอยู่บ่อเลี้ยง กุ้งพี ฝึกเลี้ยงลูกกุ้ง จนกระทั่งจับขาย ยุคกุ้งกุลาดำยังบูมอยู่
เคย.... อีกเยอะเลยครับ งานส่วนใหญ่ทำอยู่หลายๆเดือน ทำไปก็หาลู่ทางไปเรื่อยๆ
ใจเย็นพยายามตั้งหลักดูไปก่อน จนเจอโอกาสค่อยขยับขยาย งานบางอย่างก็ทำหลายปีเลยครับ
อันนี้คือบอกตั้งแต่เป็นเด็กถึงแค่ช่วงอายุประมาณ 25 ปีเองนะครับ เกินจากนั้นเริ่มมีส่วนของงานระบบไอทีเยอะขึ้น...
ลูกค้าก็ฝรั่งโซนยุโรปถึง 90% งานก็เป็นอีกแบบ....
ผมไม่หวังให้คุณต้องพบเจอสภาพอย่างผมนะ ประสบการณ์เป็นเรื่องดี
แต่การทำงานสุจริตโดยที่ยังจับทางเจริญไม่ถูก คือตั้งหน้าทำกันจนตัวเป็นเกลียวจริงๆ เหนื่อยโคดๆ แถมมองไม่ค่อยเห็นทางออกด้วย
การเปลี่ยนงานไปเยอะๆ และทำงานหลายๆอย่างในวันเดียวกัน มีข้อดีอยู่อย่าง
คือใครใช้อะไรที่เกี่ยวกับงานเป็นอันทำหมด ก็ช่วยให้หูตากว้างขวางมากๆและผู้ใหญ่เอ็นดู
หากเข้าจังหวะลำบากก็พอจะขอพึ่งพาได้บ้าง
รับรองว่าคุณจะเหนื่อยมากแน่ๆ แต่เมื่อคุณเริ่มทำได้ก็จะภูมิใจมากๆนะครับ
และไม่ต้องกลัวการเปลี่ยนงานด้วยนะครับ ทำไปก็ปรับปรุงไป ถ้ายังลากไม่ไหวก็เปลี่ยนครับ
เปลี่ยนวิธีขาย เปลี่ยนสินค้า เปลี่ยนทำเล เปลี่ยนกลุ่มลูกค้า ก็ทยอยทดลองเปลี่ยนไปทีละอย่างสองอย่าง
ที่สำคัญคืออย่าละทิ้งรายละเอียด การค้าเงินเล็กๆทำแบบชุ่ยๆไม่ได้ ถ้าเงินใหญ่ต้องวางแผนเยอะ คิดเยอะๆแล้วก็ทำให้เร็ว
ทำไปเหอะ สุดท้ายแล้วตัวงานและลูกค้าเขาจะเหมือนครูสอนเราเองครับ
เป็นผู้จัดการก็ออกมาขายของก๊อกแก๊กได้ ปีนหลังคาบ้านติดจานดาวเทียม
หรือทำระบบโทรศัพท์ ติดกลองวงจรปิดอะไรไปตามเรื่องตามราวก็ได้ และกล้าออกมาทำด้วยครับ
อาจเป็นเพราะผมมีประสบการณ์ลุยๆมาก่อนนั้นเยอะ ความกล้าเสี่ยงและความกดดันเลยน้อยหน่อย
ทุกวันนี้ต่อให้เหลือแค่ไม่กี่บาท ผมก็ยังยิ้มได้ อย่างมากก็ไปขอข้าวพระกิน
ไม่ต้องเครียดครับ ลงมือทำเลยครับ
ทำไปเรื่อยๆ คิดไปเรื่อยๆเดี๋ยวมันจะมองเห็นช่องทางไปเองครับ
พูดไม่เป็นไม่คล่องก็ไม่ยาก ก็เริ่มด้วยการพูดนี่ละครับ
คือมันเริ่มอย่างนี้จริงๆ ก็ไม่รู้จะบอกให้เป็นอย่างอื่นไปได้อย่างไร
เชิญเลยครับ เชิญมาดู เชิญเลือกซื้อเลยคุณพี่คนหล่อ คุณน้องหนูเอาไหมคะลูก อะไรก็ว่ากันไป
---------------------------------
ผมเคยขับมอเตอร์ไซค์รับจ้าง เลิกงานยืมเสื้อวินพี่ยามมาใส่ พี่เขาเข้าเวรกลางคืนก็ผลัดกันได้พอดี เสื้อวินตัวเดียวใช้คุ้มมากๆ
เก็บเงินครั้งละ ยี่สิบสามสิบบาท ยุคนั้นไม่ค่อยมีเกินสี่สิบ เว้นแต่ข้ามเมืองกันคนละฝั่งไปเลย ขับจนรู้จักเมืองภูเก็ตทุกซอกซอย
แถวหน้าผับเงินดี แต่ต้องมีสติดีด้วย ยุคนั้นตีกันบ่อย ลูกค้าก็สารพัดแบบ ขับดีให้เพิ่มก็เยอะ
โกงแบบเดินไปดื้อๆก็มี สาวๆต่อรถไปทำงานต้องคอยรับเป็นขาประจำก็มีนะ
เคยรับจ้างล้างจาน ทำแบบไม่มีบ่นทำให้ตายกันไปข้าง จนได้ไปอยู่หน้าเขียงหั่นผัก จนได้ลงกะทะเอง พอจะรู้เรื่องในครัวอยู่บ้าง
เคยขายของในโชว์รูม ผ้า เฟอร์นิเจอร์ เครื่องประดับ ต้อนรับลูกค้า อธิบายที่มาที่ไปของสินค้า ปิดการขายได้ก็คิดเงินรูดบัตรไปตามเรื่อง
เคยกรีดยาง ปลูกยาง เพาะชำยาง ติดตายาง ใส่ปุ๋ย ถางอกยาง ติดกระถาง ทำยางตากยาง จนถึงวางท้ายมอเตอร์ไซค์เอาไปขาย
เคยปลูกผักขาย ถางเผา เตรียมที่ ขุดปลูก ดูแล จนโต เก็บใส่ประสอบปุ๋ยแบกขึ้นรถประจำทางเอาไปขายตลาดสด
เคยทำนา ก็เดินตามพ่อแม่ตั้งแต่ ถางป่า หักป่าเป็นนา ถางโค่นเผา ขุดรากไม้ตอไม้ เอาควายลงไปเหยียบ
ทำคันนา ขุดคูน้ำผันน้ำเข้าไปแช่ดินให้อ่อน ปรับระดับดิน ยันแช่กล้า หว่านกล้า เลี้ยงควาย ไถคราด ปักดำ
ดูแลระดับน้ำเข้านา หว่านปุ๋ยดูแลข้าวท้อง จับปู ยันเกี่ยวข้าว นวดข้าว เฝ้าลานตากข้าว และใส่กระสอบแบกไปขึ้นรถประจำทางไปขาย
เคยช่วยพี่ๆขายอาหาร ผัดข้าวอะไรงี้ หน้าหาด ขายนักท่องเที่ยวนะ ก็เตรียมของ ขนย้ายโต๊ะเก้าอี้ ตั้งเตาทำอาหาร ขาย เสริฟ เก็บเงินกันไป
เคยเสริฟในร้านอาหาร จัดจาน เช็ดช้อนชาม ขนโต๊ะเก้าอี้จัดเบาะ จัดไฟจัดดิสเพลย์อาหาร แบกหาม จ่ายตลาดตามมาร์เก็ตลิสต์
เคนทำงานบริษัทคอมพิวเตอร์ ก็งานประกอบซ่อมลงโปรแกรม ยันทำระบบเครือข่าย ไปเรียนเขียนโปรแกรมเพิ่มก็พอใช้การได้
เคยทำสโตร์ เช็คของ รับของ ส่งของ พวกเครื่องประดับและของตกแต่งบ้าน ยุคนั้นมูลค่าเยอะหลายสิบล้านอยู่นะ
เคยรับจ้างฉีดยาฆ่าหญ้า แต่ละวันเดินฉีดกันเป็นสี่ห้าสิบไร่เลย หมดเวลาไปเป็นวันๆ ก็ได้เงินดีเพราะไม่ค่อยมีใครอยากทำเท่าไร
เคยเข้าแก๊งค์ล่าสัตว์บ้าง กุ้งหอยปูปลา นก กระรอก ไก่ป่า อะไรพวกนี้นานๆจะเจอสักครั้ง และที่แน่นอนคือเก็บผักในป่า พอให้มีกินไปวันๆ
เคยอยู่ร้านทำป้ายโฆษณา ก็เขียนป้าย ปีนป่ายตึกวัดสัดส่วน ติดตั้ง แกะสติกเกอร์ ทำตู้ไฟ อะไรไปตามเรื่อง
เคยรับจ้างอยู่บ่อเลี้ยง กุ้งพี ฝึกเลี้ยงลูกกุ้ง จนกระทั่งจับขาย ยุคกุ้งกุลาดำยังบูมอยู่
เคย.... อีกเยอะเลยครับ งานส่วนใหญ่ทำอยู่หลายๆเดือน ทำไปก็หาลู่ทางไปเรื่อยๆ
ใจเย็นพยายามตั้งหลักดูไปก่อน จนเจอโอกาสค่อยขยับขยาย งานบางอย่างก็ทำหลายปีเลยครับ
อันนี้คือบอกตั้งแต่เป็นเด็กถึงแค่ช่วงอายุประมาณ 25 ปีเองนะครับ เกินจากนั้นเริ่มมีส่วนของงานระบบไอทีเยอะขึ้น...
ลูกค้าก็ฝรั่งโซนยุโรปถึง 90% งานก็เป็นอีกแบบ....
ผมไม่หวังให้คุณต้องพบเจอสภาพอย่างผมนะ ประสบการณ์เป็นเรื่องดี
แต่การทำงานสุจริตโดยที่ยังจับทางเจริญไม่ถูก คือตั้งหน้าทำกันจนตัวเป็นเกลียวจริงๆ เหนื่อยโคดๆ แถมมองไม่ค่อยเห็นทางออกด้วย
การเปลี่ยนงานไปเยอะๆ และทำงานหลายๆอย่างในวันเดียวกัน มีข้อดีอยู่อย่าง
คือใครใช้อะไรที่เกี่ยวกับงานเป็นอันทำหมด ก็ช่วยให้หูตากว้างขวางมากๆและผู้ใหญ่เอ็นดู
หากเข้าจังหวะลำบากก็พอจะขอพึ่งพาได้บ้าง
รับรองว่าคุณจะเหนื่อยมากแน่ๆ แต่เมื่อคุณเริ่มทำได้ก็จะภูมิใจมากๆนะครับ
และไม่ต้องกลัวการเปลี่ยนงานด้วยนะครับ ทำไปก็ปรับปรุงไป ถ้ายังลากไม่ไหวก็เปลี่ยนครับ
เปลี่ยนวิธีขาย เปลี่ยนสินค้า เปลี่ยนทำเล เปลี่ยนกลุ่มลูกค้า ก็ทยอยทดลองเปลี่ยนไปทีละอย่างสองอย่าง
ที่สำคัญคืออย่าละทิ้งรายละเอียด การค้าเงินเล็กๆทำแบบชุ่ยๆไม่ได้ ถ้าเงินใหญ่ต้องวางแผนเยอะ คิดเยอะๆแล้วก็ทำให้เร็ว
ทำไปเหอะ สุดท้ายแล้วตัวงานและลูกค้าเขาจะเหมือนครูสอนเราเองครับ
ความคิดเห็นที่ 2
เรานิสัยไม่ค่อยเฟรนด์ลี่ หน้าดุด้วย เราขายออนไลน์รัวๆเลยค่ะ ถ้าลูกค้ามาที่ร้านจะต้องมีเลขา หรือ ลูกน้องหนีบเราไว้
บ้านเรารับราชการมาgen3 ละค่ะ เเม่เราก็ c8 แล้ว
เเต่เราไม่เสียดายนะที่ออกจากราชการมาเป็นเเม่ค้า อย่างเราเข้าเวร 8 ชม ได้1,000 ขายของเเป้บเดียวได้ละ ไม่เหนื่อยอะไรมากมาย ช่วงที่พีคมากๆเราได้วันละ 200,000 กำไร80% ช่วงใหนเงียบๆ ก็ได้วันละ 2,000
กระเเสเงินมันต่างกันลิบลับ 30 เท่า เพราะรายได้ต้องพูดกันเป็นวัน ถ้านับเป็นเดือนมันจะดูเอิกเกริกไป
ทั้งนี้เราภูมิใจในอาชีพเเม่ค้าของเรามาก เราชอบที่เห็นลูกค้าได้ใช้ของดีๆ เวลาที่เขาบอกว่าซื้อร้านนี้ดีมากๆ นี่คือความสำเร็จของเรา
ลูกค้าคือ พระเจ้าของเรา บันดาลเงินทอง เวลา อิสระในการใช้ชีวิตให้เรา ถือว่าเเลกกัน
ที่สำคัญเราได้ใช้ชีวิตไปอีกขั้นเราสามารถ เดินห้างพารากอนวันทำงานได้ ปกติไม่มีเวลาเลย กินของเเพงเเค่ไหนก็ได้ ถ้าอยากกิน บินไปไหนก็ได้ ถ้า อยากไป เราเลือกเพื่อน สังคมที่จะคบได้ มันดีจริงๆค่ะ
เราขายทั้งในเเละนอกประเทศ ค่ะ ในประเทศจะเป็นเครื่องประดับ เครื่องสำอางค์ ต่างประเทศจะเป็นปลาสวยงาม
ที่สำคัญ เราเสียภาษีตามปกติ ซื้อมา ขายไปไม่เกิน ล้านแปด เป็นพลเมืองดีค่ะ
บ้านเรารับราชการมาgen3 ละค่ะ เเม่เราก็ c8 แล้ว
เเต่เราไม่เสียดายนะที่ออกจากราชการมาเป็นเเม่ค้า อย่างเราเข้าเวร 8 ชม ได้1,000 ขายของเเป้บเดียวได้ละ ไม่เหนื่อยอะไรมากมาย ช่วงที่พีคมากๆเราได้วันละ 200,000 กำไร80% ช่วงใหนเงียบๆ ก็ได้วันละ 2,000
กระเเสเงินมันต่างกันลิบลับ 30 เท่า เพราะรายได้ต้องพูดกันเป็นวัน ถ้านับเป็นเดือนมันจะดูเอิกเกริกไป
ทั้งนี้เราภูมิใจในอาชีพเเม่ค้าของเรามาก เราชอบที่เห็นลูกค้าได้ใช้ของดีๆ เวลาที่เขาบอกว่าซื้อร้านนี้ดีมากๆ นี่คือความสำเร็จของเรา
ลูกค้าคือ พระเจ้าของเรา บันดาลเงินทอง เวลา อิสระในการใช้ชีวิตให้เรา ถือว่าเเลกกัน
ที่สำคัญเราได้ใช้ชีวิตไปอีกขั้นเราสามารถ เดินห้างพารากอนวันทำงานได้ ปกติไม่มีเวลาเลย กินของเเพงเเค่ไหนก็ได้ ถ้าอยากกิน บินไปไหนก็ได้ ถ้า อยากไป เราเลือกเพื่อน สังคมที่จะคบได้ มันดีจริงๆค่ะ
เราขายทั้งในเเละนอกประเทศ ค่ะ ในประเทศจะเป็นเครื่องประดับ เครื่องสำอางค์ ต่างประเทศจะเป็นปลาสวยงาม
ที่สำคัญ เราเสียภาษีตามปกติ ซื้อมา ขายไปไม่เกิน ล้านแปด เป็นพลเมืองดีค่ะ
ความคิดเห็นที่ 25
น้าเราค่ะระดับหัวหน้ามี บ แย่งตัวเยอะ สุดท้าย บ ปลดทั้งแผนก ได้ชดเชย 6 หลัก ก็จริงแต่ลูก 3 คน โดนสามีทิ้ง+ทิ้งหนี้สินเอาไว้อีกด้วย แกตัดสินใจเร็วค่ะเพราะลูก 3 ประกาศให้เช่าบ้านที่ กทม แล้วกลับ ตจว ทันที ประมูลร้านขายขนมใน โรงเรียน ขายขนมใน โรงเรียน ตอนนี้ตั้งตีวได้เหมือนเดิม ลูกๆเรียน ตจว หมด มีคนโตที่เรียนมัธยม กทม คือ ขอแค่เรามีสติ ริเริ่มทำอะไรก็ไม่สายค่ะ น้าเราบอกว่า ต้องรีบคิดรีบเริ่ม เพราะเด็ก 3 คนค่ากินก็อยู่ไม่พอแล้ว ใน กทม
แสดงความคิดเห็น
ใครเคยมีหน้าที่การงานดี แล้ววันหนึ่งต้องออกมาขายของก๊อกแก๊กบ้างคะ?
มีเงินเก็บจำนวนนึงแต่มีบ้านมีรถต้องผ่อน
มีลูกต้องเลี้ยง ภาระหนักเลยตกที่สามีอยู่ตอนนี้
เลยนั่งคุยกันว่าจะลงทุนขายของดีมั้ย พูดแล้วใจมันแป้วค่ะ
เข้าใจเรามั้ยคะ เป็นแต่ลูกค้า เป็นผู้ใช้บริการมาตลอด
แต่ต้องมานั่งขายของหรอ ถ้าคนรู้จักมาเจอจะรู้สึกยังไง
กว่าจะได้กำไรซักพันนึงต้องขายเยอะแค่ไหน
แต่ก่อนโอทีแป๊ปเดียวก็ได้เป็นพันแล้ว
ต้องง้อให้คนมาซื้อของเราหรอ ปกติเคยแต่ไม่ง้อแม่ค้า
เหมือนเป็นเวรกรรมที่เคยเชิดใส่แม่ค้า
ยิ่งนึกก็ยิ่งเครียด เหมือนจมไม่ลงนะคะ
ใครเคยอยู่ในจุดนี้ช่วยบอกวิธีคิดใหม่ได้มั้ยคะ
เราต้องคิดยังไง