สวัสดีค่ะเพื่อนๆพี่ๆชาวพันทิปทุกคน วันนี้เราอยากมาเราประสบการ์ณความอ้วนที่อยู่กับเรามาตั้งแต่เด็ก 
ชื่อพลอยนะคะ อายุ 18 ปี 


 เราเคยน้ำหนัก 110 กิโล 😨😨😨😨
ขอใช้คำแทนตัวเองว่าเรานะคะ นี่เป็นครั้งแรกที่เขียนกระทู้อาจจะใช้คำไม่ค่อยถูกหรือเขียนงงต้องขอโทษก่อนเลยนะคะ
มาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่าเรื่องมันมีอยู่ว่าเราก็คือเด็กธรรมดาๆคนนึงที่"ชอบกิน"เรากินเก่งมากแล้วบวกกับที่บ้านเปิดร้านอาหารตามสั่ง
เรื่องของกินเลยไม่เคยขาด ทั้งขนม น้ำอัดลม เราเป็นคนตามใจปากหิวก็กินอ้วนแล้วไงฉันไม่แคร์ฉันจะกินใครจะพูดอะไรช่างมันสิ😊😊😊
เราน้ำหนักเกินมาตรฐานตั้งแต่เด็กๆ เลยไม่ชอบชั่งน้ำหนักเพราะเพื่อนชอบล้อเราว่าทำไมอ้วนจัง ทำไมน้ำหนักเยอะแบบนี้ 
เอาจริงๆเราก็อายเรื่องน้ำหนักนะแต่ตอนนั้นยังเด็ก ห่วงกินมากกว่าสุขภาพเรื่องกินๆของเราก็เป็นเหมือนเดิมมาตลอด...
เราก็เริ่มมีอาการปวดหัว เวียนหัวมาตลอด เริ่มมีอาการปวดหน่วงๆตรงใต้ราวนมแต่ตอนนั้นเราก็ไม่ได้สนใจอะไรก็คิดว่าคงแค่จะเป็นไข้เลยกินพารา
จนมีอยู่วันนึงเราเป็นไข้หวัดไม่ไหวเลยชวนให้น้องไปโรงพยาบาลเป็นเพื่อนเราก็ไปยื่นบัตรและไปตรวจความดัน...รู้ไหมตอนนั้นความดันเราเท่าไหร่??
180+ พระเจ้าตอนนั้นพยาบาลตกใจมากพยาบาลบอกกับเราว่าอายุยังน้อย (ตอนนั้นเราอายุ 16 ปี)ไม่น่าความดันสูงขนาดนี้เลยให้เราไปนั่งพัก 10 นาทีแล้วมาวัตใหม่
พอไปวัตใหม่ความดันเราก็ยังสูงเหมือนเดิม....(หยุดเรื่องของเราไว้แค่นี้ก่อนมาดูความอ้วนของเรากันเถอะ!!!)
ตอนนั้นก็ยังผอมนะ...รึเปล่า??

ตอนนี้เริ่มตัวกลมๆ

อันนี้ตอนม.2รึเปล่าไม่แน่ใจบานมากหน้าเนี่ยยิ้มทีแก้มจะแตกแล้วววว

ตอนม.ต้น

พี่ชายชอบแอบถ่ายรูปตอนน้องเผลอดูสภาพสิ
       รูปพวกนี้ก็เป็นแค่ส่วนนึงเท่านั้นนะแต่สิ่งที่มันกำลังแย่ลงคือร่างกายของเรา อย่างที่เล่าไปก่อนหน้านี้ว่าเราเริ่มมีอาการต่างๆ
ปวดหัวเวียนหัวบ่อยจนไปหาหมอรอบนั้นเราโดนหมอให้ไปตรวจคลื่นหัวใจว่าผิดปกติไหม แล้วเกี่ยวกับที่ความดันเราสูงเกินเด็กอายุเท่านี้รึเปล่า
หมอบอกว่าคลื่นหัวใจผิดปกติตอนที่หมอบอกเราตกใจมากและโคตรกลัวเลยความคิดต่างๆนานาเข้ามาในสมองเราจนจะเป็นลม 
หมอบอกกับเราว่าอย่าพึ่งกลัวเดี๋ยวหมอจะส่งตัวไปตวรจที่โรงพยาบาลที่ตรวจโรคหัวใจโดยเฉพาะ หมอบอกให้เรากลับไปบอกที่บ้าน
ว่าต้องพาเราไปตรวจนะจะได้รู้ว่าเป็นโรคหัวใจจริงรึเปล่า ตอนนั้นแหละค่ะที่รู้เลยว่าตัวเองกำลังแย่มากแล้ว
เรารู้เลยว่าไอ้ที่เวียนหัวและปวดหัวบ่อยๆที่เคยเป็นมาเพราะความดันเราสูง หมอให้ลองเอายาความดันมากิน
แต่เราก็ยังมีอาการอยู่ เราเวียนหัวมากจนไปเรียนไม่ได้ไม่อยากลุกไปไหนอยากนอน ตอนนั้นเราขึ้นม.4 
เราขาดเรียนบ่อยเพราะป่วยถี่มาก ผลที่ออกมาคือเราตกที่โรงเรียนบอกเราว่าอยากเรียนต่อก็ต้องเซนว่าถ้าขึ้นเรียนม.5 
ห้ามเราตกสักวิชาไม่งั้นเราจะโดนไล่ออก...ตอนนั้นเรามาบอกแม่เรารู้สึกเสียใจเราทำให้แม่ผิดหวังในตัวเรา
ตอนนั้นเราเครียดมากร่างกายก็แย่ไหนจะเรื่องเรียนอีก แต่แม่บอกเราว่าให้ไปลาออกแม่บอกว่าไม่เป็นไรให้เราไปเรียนสายอาชีพแทน
แม่บอกกับเราว่าถ้ายังเรียนอยู่ที่เก่าแล้วร่างกายเรายังเป็นแบบนี้ยังไงเราก็ต้องโดนไล่ออกอยู่ดี การที่โรงเรียนทำแบบนี้ก็เหมือนไล่เราออก
มาแล้วครึ่งนึง แม่บอกให้เราไปเริ่มต้นใหม่...แต่เรากลัวกลัวไม่มีใครคบเรากลัวว่าจะเข้ากับเพื่อนใหม่ไม่ได้ 
สุดท้ายพี่ชายเป็นคนพาเราไปเซนลาออกที่โรงเรียนเก่า เราไม่เคยเล่าเรื่องที่เราป่วยให้เพื่อนในกลุ่มฟัง เพื่อนในกลุ่มเราไม่มีใครรู้ว่าเรา
กำลังจะลาออก พอเราเซนลาออกเสร็จพี่ชายบอกเราว่าให้ไปบอกเพื่อนว่าจะไม่ได้เรียนด้วยกันเรานะ เราส่ายหน้าเราไม่อยากไปบอกเพื่อน
เรากลัวทำพวกมันรู้สึกแย่กลัวทำมันผิดหวังแต่พี่ชายเราบอกให้ไปบอกเถอะ เราเดินไปหาเพื่อนเราที่โรงอาหารเราบอกมันว่าเราลาออกแล้วนะ
ทุกคนดูตกใจตอนนั้นเราน้ำตาไหลแล้วพูดแทบไม่รู้เรื่อง เราบอกขอโทษพวกมันเพราะไม่เคยเล่าว่าเราป่วยเพราะอะไร
ตอนนั้นเรารู้สึกว่าชีวิตเรามันถึงจุดต่ำสุดในชีวิตแล้วเราไม่กล้าที่จะเริ่มทำอะไรแล้วมันรู้สึกแย่รู้สึกผิดหวังกับตัวเอง....
           เรื่องทุกอย่างมันเริ่มต้นขึ้น...เรากำลังจะเจอกับสิ่งที่เรากลัว แม่พาเรามาหาหมอเพื่อตรวจหัวใจที่โรงพยาบาลทรวงอก
เราโดนตรวจคลื่นหัวใจอีกแล้ว หมอสั่งให้ไปเจาะเลือดแล้วหมอก็ถามเราว่าเรามีอาการยังไงเป็นแบบนี้มานานแค่ไหนแล้ว
เราก็เราเล่าให้หมอฟังว่ามันปวดหน่วงๆที่ใต้ราวนมบางทีก็จี๊ดๆ หมอเลยบอกว่าจะนัดให้เรามาแอ็กโค่เพื่อนตรวจหัวใจ
ตอนนั้นเราก็เครียดกลัวว่าจะเป็นโรคหัวใจ เรากลับมาคิดว่าถ้าเราเชื่อคำพี่ชายเราตอนนั้นว่าถ้าอ้วนมากจะเป็นโรคเยอะ
เราคงไม่ต้องมาเจออะไรแบบนี้ เราได้รับการตรวจเรียนร้อยผลออกมาคือหัวใจเราปกติดี หมอเลยจะให้เราไปตรวจดูเส้นเลือดหัวใจ
เพื่อจะได้รู้ว่าไอ้อาการที่เราเป็นอยู่เกิดจากอะไรกันแน่ หมอให้เราไปเข้าอุโมงตรวจเราเข้าอุโมงตรวจได้นะแต่พอเข้าไปมันแคบมาก
พี่พยาบาลถามว่าเราโอเคไหมเราบอกเลยว่าไม่โอเคค่ะหนูกลัวมันแคบไป พี่พยาบาลเลยบอกว่าส่งสัยต้องไปตรวจด้วยวิธีอื่นแล้ว
แล้วไอ้วีธีที่ว่าคือการฉีดสีเพื่อดูเส้นเลือดเรายังจำได้ขึ้นใจ
 

เราต้องเปิดเส้นเลือดก่อนเพราะต้องฉีดสีแล้วเข้มที่ต้องสอดเข้าไปเนียน

ใหญ่มากกกกก
ด้วยความที่เราเป็นคนอ้วนเราหาเส้นเลือดยากอยู่แล้วเราเลยโดนเจาะไปทั้งหมด 7 ครั้ง ตอนนั้นเราร้องไห้แล้วเพราะมัรเจ็บเข็มก็ใหญ่
ป้าพยาบาลก็บ่นเราว่าหาเส้นเลือดยากเสียเวลาคนอื่นเค้า (ตอนนั้นโกรธป้าแกมากเลยนะ) เราเลยบอกว่าส่งหนูไปให้คนอื่นทำเถอะค่ะ
เค้าก็ไม่ยอมแล้วก็บ่นเราอยู่แบบนั้นแต่สุดท้ายก็ยอมส่งเราไปให้พี่ที่อยู่ประจำห้องฉุกเฉินที่โรงพยาบาลหาเส้นเลือดให้
ตอนที่พี่เค้าเห็นเราเค้าบอกว่า โหยทำไมป้าพยาบาลเจาะเราเยอะขนาดนี้แล้วยังหาเส้นไม่เจออีกเค้าปลอบเราว่าอย่าร้องไห้นะ
เดี๋ยวพี่เปิดเส้นให้ไม่ต้องน้องแล้วนะ(พี่เค้าเหมือนพระมาโปรด) เค้าหาเส้นเลือดเราเจอเรายกมือไหว้ขอบคุณพี่เค้ารู้สึกขอบคุณจริงๆ
แม่เราบอกว่ารู้ว่าตัวเองหาเส้นคนไข้ไม่เจอแล้วยังจะรั้นทำแล้วทำให้เราต้องเจ็บหลายครั้งแบบนี้ แม่ยังบอกต่อว่าแต่ยังดีที่ยอม
ให้คนอื่นเค้าทำไม่งั้นเราได้แย่แน่ๆ แล้วเราก็เข้าห้องไปฉีดสีตอนที่เข้าฉีดสีเข้าเส้นเลือดเรารู้สึดร้อนวาปทั้งตัวแล้วก็ปวดต้องที่เข็มฝังอยู่
ตรวจเสร็จเราออกมานั่ง 15 นาทีเพื่อจะดูว่าเราแพ้สีที่ฉีดเข้าไปมั๊ย แต่เราไม่แพ้หมอบอกให้เรากลับบ้านแล้วมาฟังผลวันอื่น
   วันที่เรามาฟังผลเราคิดมากไปต่างๆนานาแต่หมอบอกว่าเส้นเลือดเราปกติดีไม่มีอะไรผิดปกติ เราดีใจที่เราไม่เป็นอะไร
แต่เรายังหาสาเหตุที่ความดันเราสูงกับอาการปวดหน่วงๆไม่ได้มันก็ยังไม่สบายใจอยู่ดี หมอนัดเราทุกๆ 3 เดือนเพื่อมาตรวจ
หมอส่งให้เราไปหาหมอโรคปอดเค้าให้เราไปเป่าปอดเพื่อตรวจดูว่าปอดเราแข็งแรงไหม ผลออกมาปอดเราแข็งแรงดี
หมอเลยบอกว่าจะนัดมาตรวจการนอนนะจะดูว่าตอนนอนเราหลับสนิทดีไหมแล้วเรามีอาการหยุดหายใจตอนหลับกี่ครั้ง
แล้วก็ถึงวันมาตรวจการนอนหลับ...ความกลัวและความเครียดก็มาเช่นเคย

เครื่องอะไรไม่รู้ติดเต็มไปหมดเราต้องนอนที่โรงพยาบาล 1 คืน การตรวจของเราเสร็จสิ้นแล้วมารอฟังผล
ผลที่ออกมาคือเรามีอาการหยุดหายใจตอนนอนเกินคนปกติเพียง 1 ครั้ง หมอบอกเราว่าไม่น่าเป็นห่วงถ้าลดน้ำหนักอาการพวกนี้อาจจะดีขึ้น
ลดน้ำหนักเนี่ยนะให้เราลดพระเจ้าเราคิดเลยว่าไม่มีทางเป็นไปได้ แบบเห้ยหมอคะหนูหนัก 110 กิโลเลยนะ
หนูไม่มีทางลดได้แน่นอนไม่มีทางที่หนูจะทำได้เลยค่ะ แต่หมอบอกว่าต้องทำให้ได้แล้วส่งให้เรามาออกกำลังกายที่โรงพยาบาล
เราต้องมาออกกำลังกายที่โรงพยาบาล วันจันทร์ พุธ ศุกร์ วันละ 1 ชั่วโมง 30 นาที 
ปฎิบัติการหมอสั่งลดน้ำหนักจึงเริ่มขึ้น วันแรกที่มาออกกำลังกายมันเหนื่อยมาก มาก มากกกกกกกกกกกกกก
บอกกับแม่ว่าไม่เอาแล้วนะแม่ไม่อยากมาออกแล้วมันเหนื่อยหายใจไม่ทันแล้ว แต่แม่บอกว่าต้องมาเพื่อสุขภาพตัวเองนะ
ตอนที่มาออกกำลังกายตอนนั้นเราปิดเทอม ตอนนั้นเราได้สมัคเรียนที่ใหม่เรามาเรียนกับรุ่นน้องที่ SBAC NON เราต้องมาเรียนใหม่
เราเสียเวลาปีนึงไปกับม.4 แต่ไม่เป็นไรได้เริ่มใหม่แล้ว กลับมาเรียนออกกำลังกายตอนที่มาออกกำลังกายน้ำหนักเราลงมาเหลือ 102 กิโล
แต่มันยังเพียงพอหมอบอกว่าต้องลดอีกแต่เราจะเปิดเทอมขึ้น ปวช.2 แล้วเราไม่ได้ไปออกกำลังกายแล้ว ส่วนอาการก็ยังเหมือนเดิม
เรามาเรียนที่ใหม่เราก็ยังหยุดเรียนบ่อยเหมือนเดิมส่งผลให้ผลการเรียนเราแย่ เกรดเราแค่ 2.22 ต่ำมาก....
นี่คือภาพตอนปวช.1-2

    แล้วมันก็มีจุดที่ทำให้เราคิดได้ว่าเห้ยกูยังไงม่อยากตาย ยังอยากมีชีวิตอยู่กับแม่อีก ยังไม่ได้ทำงานหาเงินให้แม่ใช้เลยนะ
ยังไม่ได้พาแม่ไปเที่ยวเกาหลีแบบที่เคยสัญญาไว้เลย ยังไม่ได้ดูแลแม่แบบที่ลูกควรจะทำเลยเรื่องของแม่ทำให้เรามีกำลังใจลดน้ำหนัก
เราต้องผอมกว่านี้ดิ เราต้องทำให้ได้ดิ คนอื่นยังทำได้เลยเราก็ต้องทำได้ดิ เราเริ่มจากการกินจากขนมน้ำอัดลมทุกอย่างเราไม่กิน
เรามากินแต่น้ำเปล่ากับน้ำผลไม่ ข้าวจากที่กินวันละ 4-5 มื้อกินทีเต็มจาน กลับมากินแค่ 2 มื้อ กินข้าวเช้ากับกลางวัน
ตอนที่เริ่มทำอาทิตย์แรกเกือบแย่หิวมากแต่ทนได้ เรามีคติประจำใจคือ เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็ได้กิน ไว้กินพรุ่งนี้ก็ได้ 
มันได้ผลนะเราผ่านอาทิตย์แรกมาได้และร่างกายเราค่อยๆปรับตัว เราออกกำลังกายด้วยการเดินไม่ทุกวันหรอกแต่ก็เดินบ้าง
เราเคยคิดว่าขอแค่น้ำหนักไม่ถึง 100 กิโลก็พอแล้ว ตอนนั้นเราลดมาได้เหลือ 99 กิโล ตอนนั้นแบบดีใจมากกกก



แบบทำได้แล้วเว้ยยยยยย แต่นิสัยเดิมก็กลับมาเราก็กิน กิน กิน น้ำหนักก็ขึ้น....อืม(ตอนนั้นเกลียดตัวเองมาก)
แล้วก็กลับมาลดใหม่แต่ก็ทำได้แค่ 97 กิโลมันก็ไม่ลดแล้ว อยู่ๆเราก็แน่นท้องกินข้าวไม่ได้มันเหมือนมีลมในท้อง
เราไปหาหมอมันก็ยังไม่หายหมอก็ให้ยามากินมันค่อยๆดีขึ้นแต่กว่ามันจะดีขึ้นเรามีอาการก่อนหน้านี้มา 3-4 เดือนแล้ว
แต่มันไม่ได้เป็นมากขนาดนี้ การที่เรากินไม่ได้ทำให้น้ำหนักเราลงเหลือ 92 กิโล หายไป 5 โลเพราะกินอะไรไม่ได้
    กลับมาปัจจุบันนี้เราเรียนอยู่ ปวช.3 เราอยากสวยอยากใส่เสื้อผ้าน่ารักๆแบบคนอื่นบ้าง เราก็ยังลดน้ำหนักเหมือนเดิม
แต่เป็นการกินแค่พออิ่ม กินได้แต่อย่ากินเยอะ กินให้รู้จักตัวเองว่าควรพอแค่ไหน ปัจจุบันเราน้ำหนัก 82 กิโล 

 
ยังห่างไกลจากคำว่าผอม...แต่เราจะสู้แล้วลดน้ำหนักต่อไป มาดูรูปปัจจุบันของเรากันเถอะ 



 อย่าแซวเรื่องคิ้วนะเราพึ่งหัดเขึ้นได้ 3 วัน...


																																	  
							 
						
ฉันเคยปล่อยให้ตัวเอง"อ้วน"แบบนี้ได้ยังไงกันนะ..?
ชื่อพลอยนะคะ อายุ 18 ปี
ขอใช้คำแทนตัวเองว่าเรานะคะ นี่เป็นครั้งแรกที่เขียนกระทู้อาจจะใช้คำไม่ค่อยถูกหรือเขียนงงต้องขอโทษก่อนเลยนะคะ
มาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่าเรื่องมันมีอยู่ว่าเราก็คือเด็กธรรมดาๆคนนึงที่"ชอบกิน"เรากินเก่งมากแล้วบวกกับที่บ้านเปิดร้านอาหารตามสั่ง
เรื่องของกินเลยไม่เคยขาด ทั้งขนม น้ำอัดลม เราเป็นคนตามใจปากหิวก็กินอ้วนแล้วไงฉันไม่แคร์ฉันจะกินใครจะพูดอะไรช่างมันสิ😊😊😊
เราน้ำหนักเกินมาตรฐานตั้งแต่เด็กๆ เลยไม่ชอบชั่งน้ำหนักเพราะเพื่อนชอบล้อเราว่าทำไมอ้วนจัง ทำไมน้ำหนักเยอะแบบนี้
เอาจริงๆเราก็อายเรื่องน้ำหนักนะแต่ตอนนั้นยังเด็ก ห่วงกินมากกว่าสุขภาพเรื่องกินๆของเราก็เป็นเหมือนเดิมมาตลอด...
เราก็เริ่มมีอาการปวดหัว เวียนหัวมาตลอด เริ่มมีอาการปวดหน่วงๆตรงใต้ราวนมแต่ตอนนั้นเราก็ไม่ได้สนใจอะไรก็คิดว่าคงแค่จะเป็นไข้เลยกินพารา
จนมีอยู่วันนึงเราเป็นไข้หวัดไม่ไหวเลยชวนให้น้องไปโรงพยาบาลเป็นเพื่อนเราก็ไปยื่นบัตรและไปตรวจความดัน...รู้ไหมตอนนั้นความดันเราเท่าไหร่??
180+ พระเจ้าตอนนั้นพยาบาลตกใจมากพยาบาลบอกกับเราว่าอายุยังน้อย (ตอนนั้นเราอายุ 16 ปี)ไม่น่าความดันสูงขนาดนี้เลยให้เราไปนั่งพัก 10 นาทีแล้วมาวัตใหม่
พอไปวัตใหม่ความดันเราก็ยังสูงเหมือนเดิม....(หยุดเรื่องของเราไว้แค่นี้ก่อนมาดูความอ้วนของเรากันเถอะ!!!)
ตอนนั้นก็ยังผอมนะ...รึเปล่า??
ตอนนี้เริ่มตัวกลมๆ
อันนี้ตอนม.2รึเปล่าไม่แน่ใจบานมากหน้าเนี่ยยิ้มทีแก้มจะแตกแล้วววว
ตอนม.ต้น
พี่ชายชอบแอบถ่ายรูปตอนน้องเผลอดูสภาพสิ
รูปพวกนี้ก็เป็นแค่ส่วนนึงเท่านั้นนะแต่สิ่งที่มันกำลังแย่ลงคือร่างกายของเรา อย่างที่เล่าไปก่อนหน้านี้ว่าเราเริ่มมีอาการต่างๆ
ปวดหัวเวียนหัวบ่อยจนไปหาหมอรอบนั้นเราโดนหมอให้ไปตรวจคลื่นหัวใจว่าผิดปกติไหม แล้วเกี่ยวกับที่ความดันเราสูงเกินเด็กอายุเท่านี้รึเปล่า
หมอบอกว่าคลื่นหัวใจผิดปกติตอนที่หมอบอกเราตกใจมากและโคตรกลัวเลยความคิดต่างๆนานาเข้ามาในสมองเราจนจะเป็นลม
หมอบอกกับเราว่าอย่าพึ่งกลัวเดี๋ยวหมอจะส่งตัวไปตวรจที่โรงพยาบาลที่ตรวจโรคหัวใจโดยเฉพาะ หมอบอกให้เรากลับไปบอกที่บ้าน
ว่าต้องพาเราไปตรวจนะจะได้รู้ว่าเป็นโรคหัวใจจริงรึเปล่า ตอนนั้นแหละค่ะที่รู้เลยว่าตัวเองกำลังแย่มากแล้ว
เรารู้เลยว่าไอ้ที่เวียนหัวและปวดหัวบ่อยๆที่เคยเป็นมาเพราะความดันเราสูง หมอให้ลองเอายาความดันมากิน
แต่เราก็ยังมีอาการอยู่ เราเวียนหัวมากจนไปเรียนไม่ได้ไม่อยากลุกไปไหนอยากนอน ตอนนั้นเราขึ้นม.4
เราขาดเรียนบ่อยเพราะป่วยถี่มาก ผลที่ออกมาคือเราตกที่โรงเรียนบอกเราว่าอยากเรียนต่อก็ต้องเซนว่าถ้าขึ้นเรียนม.5
ห้ามเราตกสักวิชาไม่งั้นเราจะโดนไล่ออก...ตอนนั้นเรามาบอกแม่เรารู้สึกเสียใจเราทำให้แม่ผิดหวังในตัวเรา
ตอนนั้นเราเครียดมากร่างกายก็แย่ไหนจะเรื่องเรียนอีก แต่แม่บอกเราว่าให้ไปลาออกแม่บอกว่าไม่เป็นไรให้เราไปเรียนสายอาชีพแทน
แม่บอกกับเราว่าถ้ายังเรียนอยู่ที่เก่าแล้วร่างกายเรายังเป็นแบบนี้ยังไงเราก็ต้องโดนไล่ออกอยู่ดี การที่โรงเรียนทำแบบนี้ก็เหมือนไล่เราออก
มาแล้วครึ่งนึง แม่บอกให้เราไปเริ่มต้นใหม่...แต่เรากลัวกลัวไม่มีใครคบเรากลัวว่าจะเข้ากับเพื่อนใหม่ไม่ได้
สุดท้ายพี่ชายเป็นคนพาเราไปเซนลาออกที่โรงเรียนเก่า เราไม่เคยเล่าเรื่องที่เราป่วยให้เพื่อนในกลุ่มฟัง เพื่อนในกลุ่มเราไม่มีใครรู้ว่าเรา
กำลังจะลาออก พอเราเซนลาออกเสร็จพี่ชายบอกเราว่าให้ไปบอกเพื่อนว่าจะไม่ได้เรียนด้วยกันเรานะ เราส่ายหน้าเราไม่อยากไปบอกเพื่อน
เรากลัวทำพวกมันรู้สึกแย่กลัวทำมันผิดหวังแต่พี่ชายเราบอกให้ไปบอกเถอะ เราเดินไปหาเพื่อนเราที่โรงอาหารเราบอกมันว่าเราลาออกแล้วนะ
ทุกคนดูตกใจตอนนั้นเราน้ำตาไหลแล้วพูดแทบไม่รู้เรื่อง เราบอกขอโทษพวกมันเพราะไม่เคยเล่าว่าเราป่วยเพราะอะไร
ตอนนั้นเรารู้สึกว่าชีวิตเรามันถึงจุดต่ำสุดในชีวิตแล้วเราไม่กล้าที่จะเริ่มทำอะไรแล้วมันรู้สึกแย่รู้สึกผิดหวังกับตัวเอง....
เรื่องทุกอย่างมันเริ่มต้นขึ้น...เรากำลังจะเจอกับสิ่งที่เรากลัว แม่พาเรามาหาหมอเพื่อตรวจหัวใจที่โรงพยาบาลทรวงอก
เราโดนตรวจคลื่นหัวใจอีกแล้ว หมอสั่งให้ไปเจาะเลือดแล้วหมอก็ถามเราว่าเรามีอาการยังไงเป็นแบบนี้มานานแค่ไหนแล้ว
เราก็เราเล่าให้หมอฟังว่ามันปวดหน่วงๆที่ใต้ราวนมบางทีก็จี๊ดๆ หมอเลยบอกว่าจะนัดให้เรามาแอ็กโค่เพื่อนตรวจหัวใจ
ตอนนั้นเราก็เครียดกลัวว่าจะเป็นโรคหัวใจ เรากลับมาคิดว่าถ้าเราเชื่อคำพี่ชายเราตอนนั้นว่าถ้าอ้วนมากจะเป็นโรคเยอะ
เราคงไม่ต้องมาเจออะไรแบบนี้ เราได้รับการตรวจเรียนร้อยผลออกมาคือหัวใจเราปกติดี หมอเลยจะให้เราไปตรวจดูเส้นเลือดหัวใจ
เพื่อจะได้รู้ว่าไอ้อาการที่เราเป็นอยู่เกิดจากอะไรกันแน่ หมอให้เราไปเข้าอุโมงตรวจเราเข้าอุโมงตรวจได้นะแต่พอเข้าไปมันแคบมาก
พี่พยาบาลถามว่าเราโอเคไหมเราบอกเลยว่าไม่โอเคค่ะหนูกลัวมันแคบไป พี่พยาบาลเลยบอกว่าส่งสัยต้องไปตรวจด้วยวิธีอื่นแล้ว
แล้วไอ้วีธีที่ว่าคือการฉีดสีเพื่อดูเส้นเลือดเรายังจำได้ขึ้นใจ
เราต้องเปิดเส้นเลือดก่อนเพราะต้องฉีดสีแล้วเข้มที่ต้องสอดเข้าไปเนียน
ด้วยความที่เราเป็นคนอ้วนเราหาเส้นเลือดยากอยู่แล้วเราเลยโดนเจาะไปทั้งหมด 7 ครั้ง ตอนนั้นเราร้องไห้แล้วเพราะมัรเจ็บเข็มก็ใหญ่
ป้าพยาบาลก็บ่นเราว่าหาเส้นเลือดยากเสียเวลาคนอื่นเค้า (ตอนนั้นโกรธป้าแกมากเลยนะ) เราเลยบอกว่าส่งหนูไปให้คนอื่นทำเถอะค่ะ
เค้าก็ไม่ยอมแล้วก็บ่นเราอยู่แบบนั้นแต่สุดท้ายก็ยอมส่งเราไปให้พี่ที่อยู่ประจำห้องฉุกเฉินที่โรงพยาบาลหาเส้นเลือดให้
ตอนที่พี่เค้าเห็นเราเค้าบอกว่า โหยทำไมป้าพยาบาลเจาะเราเยอะขนาดนี้แล้วยังหาเส้นไม่เจออีกเค้าปลอบเราว่าอย่าร้องไห้นะ
เดี๋ยวพี่เปิดเส้นให้ไม่ต้องน้องแล้วนะ(พี่เค้าเหมือนพระมาโปรด) เค้าหาเส้นเลือดเราเจอเรายกมือไหว้ขอบคุณพี่เค้ารู้สึกขอบคุณจริงๆ
แม่เราบอกว่ารู้ว่าตัวเองหาเส้นคนไข้ไม่เจอแล้วยังจะรั้นทำแล้วทำให้เราต้องเจ็บหลายครั้งแบบนี้ แม่ยังบอกต่อว่าแต่ยังดีที่ยอม
ให้คนอื่นเค้าทำไม่งั้นเราได้แย่แน่ๆ แล้วเราก็เข้าห้องไปฉีดสีตอนที่เข้าฉีดสีเข้าเส้นเลือดเรารู้สึดร้อนวาปทั้งตัวแล้วก็ปวดต้องที่เข็มฝังอยู่
ตรวจเสร็จเราออกมานั่ง 15 นาทีเพื่อจะดูว่าเราแพ้สีที่ฉีดเข้าไปมั๊ย แต่เราไม่แพ้หมอบอกให้เรากลับบ้านแล้วมาฟังผลวันอื่น
วันที่เรามาฟังผลเราคิดมากไปต่างๆนานาแต่หมอบอกว่าเส้นเลือดเราปกติดีไม่มีอะไรผิดปกติ เราดีใจที่เราไม่เป็นอะไร
แต่เรายังหาสาเหตุที่ความดันเราสูงกับอาการปวดหน่วงๆไม่ได้มันก็ยังไม่สบายใจอยู่ดี หมอนัดเราทุกๆ 3 เดือนเพื่อมาตรวจ
หมอส่งให้เราไปหาหมอโรคปอดเค้าให้เราไปเป่าปอดเพื่อตรวจดูว่าปอดเราแข็งแรงไหม ผลออกมาปอดเราแข็งแรงดี
หมอเลยบอกว่าจะนัดมาตรวจการนอนนะจะดูว่าตอนนอนเราหลับสนิทดีไหมแล้วเรามีอาการหยุดหายใจตอนหลับกี่ครั้ง
แล้วก็ถึงวันมาตรวจการนอนหลับ...ความกลัวและความเครียดก็มาเช่นเคย
เครื่องอะไรไม่รู้ติดเต็มไปหมดเราต้องนอนที่โรงพยาบาล 1 คืน การตรวจของเราเสร็จสิ้นแล้วมารอฟังผล
ผลที่ออกมาคือเรามีอาการหยุดหายใจตอนนอนเกินคนปกติเพียง 1 ครั้ง หมอบอกเราว่าไม่น่าเป็นห่วงถ้าลดน้ำหนักอาการพวกนี้อาจจะดีขึ้น
ลดน้ำหนักเนี่ยนะให้เราลดพระเจ้าเราคิดเลยว่าไม่มีทางเป็นไปได้ แบบเห้ยหมอคะหนูหนัก 110 กิโลเลยนะ
หนูไม่มีทางลดได้แน่นอนไม่มีทางที่หนูจะทำได้เลยค่ะ แต่หมอบอกว่าต้องทำให้ได้แล้วส่งให้เรามาออกกำลังกายที่โรงพยาบาล
เราต้องมาออกกำลังกายที่โรงพยาบาล วันจันทร์ พุธ ศุกร์ วันละ 1 ชั่วโมง 30 นาที
ปฎิบัติการหมอสั่งลดน้ำหนักจึงเริ่มขึ้น วันแรกที่มาออกกำลังกายมันเหนื่อยมาก มาก มากกกกกกกกกกกกกก
บอกกับแม่ว่าไม่เอาแล้วนะแม่ไม่อยากมาออกแล้วมันเหนื่อยหายใจไม่ทันแล้ว แต่แม่บอกว่าต้องมาเพื่อสุขภาพตัวเองนะ
ตอนที่มาออกกำลังกายตอนนั้นเราปิดเทอม ตอนนั้นเราได้สมัคเรียนที่ใหม่เรามาเรียนกับรุ่นน้องที่ SBAC NON เราต้องมาเรียนใหม่
เราเสียเวลาปีนึงไปกับม.4 แต่ไม่เป็นไรได้เริ่มใหม่แล้ว กลับมาเรียนออกกำลังกายตอนที่มาออกกำลังกายน้ำหนักเราลงมาเหลือ 102 กิโล
แต่มันยังเพียงพอหมอบอกว่าต้องลดอีกแต่เราจะเปิดเทอมขึ้น ปวช.2 แล้วเราไม่ได้ไปออกกำลังกายแล้ว ส่วนอาการก็ยังเหมือนเดิม
เรามาเรียนที่ใหม่เราก็ยังหยุดเรียนบ่อยเหมือนเดิมส่งผลให้ผลการเรียนเราแย่ เกรดเราแค่ 2.22 ต่ำมาก....
นี่คือภาพตอนปวช.1-2
แล้วมันก็มีจุดที่ทำให้เราคิดได้ว่าเห้ยกูยังไงม่อยากตาย ยังอยากมีชีวิตอยู่กับแม่อีก ยังไม่ได้ทำงานหาเงินให้แม่ใช้เลยนะ
ยังไม่ได้พาแม่ไปเที่ยวเกาหลีแบบที่เคยสัญญาไว้เลย ยังไม่ได้ดูแลแม่แบบที่ลูกควรจะทำเลยเรื่องของแม่ทำให้เรามีกำลังใจลดน้ำหนัก
เราต้องผอมกว่านี้ดิ เราต้องทำให้ได้ดิ คนอื่นยังทำได้เลยเราก็ต้องทำได้ดิ เราเริ่มจากการกินจากขนมน้ำอัดลมทุกอย่างเราไม่กิน
เรามากินแต่น้ำเปล่ากับน้ำผลไม่ ข้าวจากที่กินวันละ 4-5 มื้อกินทีเต็มจาน กลับมากินแค่ 2 มื้อ กินข้าวเช้ากับกลางวัน
ตอนที่เริ่มทำอาทิตย์แรกเกือบแย่หิวมากแต่ทนได้ เรามีคติประจำใจคือ เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็ได้กิน ไว้กินพรุ่งนี้ก็ได้
มันได้ผลนะเราผ่านอาทิตย์แรกมาได้และร่างกายเราค่อยๆปรับตัว เราออกกำลังกายด้วยการเดินไม่ทุกวันหรอกแต่ก็เดินบ้าง
เราเคยคิดว่าขอแค่น้ำหนักไม่ถึง 100 กิโลก็พอแล้ว ตอนนั้นเราลดมาได้เหลือ 99 กิโล ตอนนั้นแบบดีใจมากกกก
แบบทำได้แล้วเว้ยยยยยย แต่นิสัยเดิมก็กลับมาเราก็กิน กิน กิน น้ำหนักก็ขึ้น....อืม(ตอนนั้นเกลียดตัวเองมาก)
แล้วก็กลับมาลดใหม่แต่ก็ทำได้แค่ 97 กิโลมันก็ไม่ลดแล้ว อยู่ๆเราก็แน่นท้องกินข้าวไม่ได้มันเหมือนมีลมในท้อง
เราไปหาหมอมันก็ยังไม่หายหมอก็ให้ยามากินมันค่อยๆดีขึ้นแต่กว่ามันจะดีขึ้นเรามีอาการก่อนหน้านี้มา 3-4 เดือนแล้ว
แต่มันไม่ได้เป็นมากขนาดนี้ การที่เรากินไม่ได้ทำให้น้ำหนักเราลงเหลือ 92 กิโล หายไป 5 โลเพราะกินอะไรไม่ได้
กลับมาปัจจุบันนี้เราเรียนอยู่ ปวช.3 เราอยากสวยอยากใส่เสื้อผ้าน่ารักๆแบบคนอื่นบ้าง เราก็ยังลดน้ำหนักเหมือนเดิม
แต่เป็นการกินแค่พออิ่ม กินได้แต่อย่ากินเยอะ กินให้รู้จักตัวเองว่าควรพอแค่ไหน ปัจจุบันเราน้ำหนัก 82 กิโล
ยังห่างไกลจากคำว่าผอม...แต่เราจะสู้แล้วลดน้ำหนักต่อไป มาดูรูปปัจจุบันของเรากันเถอะ
อย่าแซวเรื่องคิ้วนะเราพึ่งหัดเขึ้นได้ 3 วัน...