จากกระทู้เก่าเมื่อปีที่แล้วที่ผมตั้งเอาไว้
http://pantip.com/topic/33059540
ตอนนี้จะเป็นภาคต่อตอนจบที่ผมอยากเล่าให้ทุกคนฟังถึงอุทาหรที่ผมเจอมาตลอดเกือบ 4 ปี
เขียนผิดๆถูกๆบ้างขออภัยด้วยนะคับ
ย้อนกลับไปเมื่อ 4 ปีที่แล้วผมเคยเจอคนๆหนึ่งที่เดินเข้ามาในชีวติ ก่อนหน้านั้นคือผมปล่อยตัวเหลวเป๋วมากๆ ใจแตกเหรอ?...ก็คงงั้นมั้ง แต่ตอนที่เขาเดินเข้ามาช่วยผยูงผมมันรู้สึกดีมากเลยนะที่ยังมีใครคนนึงดึงเราออกมาจากหลุดมืดได้ ผมใช้เวลาศึกษากับเขาร่วมปีจนเราตกลงว่าคบกัน แต่...
หลังจากนั้น ผมไม่ได้บอกว่าผมเลือกเส้นทางผิด ผมไม่ได้ว่าผมเลือกคนที่ผิด ผมจะไม่โทษเขาฝ่ายเดียวว่าเขานำพาความไม่ดีมาหาผม เพราะเรื่องตรงนั้นผมก็มีส่วนผิดด้วย
เรื่องแรกที่สุดเลยคือ เราสองคนตกลงซื้อหมามาเลี้ยงทั้งๆที่อยู่ในหอพัก แรกๆมันก้น่ารัก เราสองคนโอเคกันมากๆ แต่พอนานๆไปจนผมต้องย้ายหมาจากคอนโดเขามาอยู่ที่หอพักผม จุดเริ่มต้นของปัญหาจึงเกิดขึ้น เขาไม่ค่อยใส่ใจผมเหมือนแต่ก่อน เริ่มเปลี่ยนไปเป็นอีกคนที่ผมไม่เคยเจอ ทุกๆวันมีแต่การทะเลาะ ทุกๆวินาทีมีแต่การประชดประชัด ช่วงแรกๆผมโอเคและยอมเพราะผมไม่อยากมีเรื่องไม่อยกามีปัญ จนมีอยู่วันหนึ่งที่หลอดความอดทนของผมแตกออกเป็นเสี่ยงๆ
เดือนมีนาคม ปี2557 เขาตรงพบเจอว่า เส้นเอ็นไขว้หน้าที่ขาซ้ายเกิดการฉีกขาดจึงต้องรีบผ่าตัดที่ขา ผมจึงสละเวลาฝึกงาน 3 เดือนเพื่อมาดูแลเขาเพราะเขาเดินไปไหนมาไหนไม่ได้ ผมไม่ชอบที่เขาเป็นคนอารมณ์ร้อน ฉุนเฉียวและชอบพูดจาประชดในทุกๆนาทีที่เขาจะนึกออก ช่วงบ่ายแก่ๆของวันที่ 3 หลังจากการผ่าตัดพักฟื้นที่โรงพยาบาล ผมทำหน้าที่ทุกอย่างตามที่ผมจะทำได้ ผมนั่งรถไปไกลกว่า 20 กม. เพื่อแค่เดินทางไปเอาเหล็กดามที่ขาเขา เอาจากแจ้งวัฒนะ เพื่อมาให้หมอใส่ขาเขาที่ รพ.แถวๆสะพานควาย ผมโอเคหมด ผมเดินออกไปๆกลับๆ ศาลายา-สะพานควาย เพื่อมาดูแลทั้งเขา...และหมาที่ห้อง จนบ่ายวันนั้นแหละที่เป็นจุดเกิดเหตุเรื่องหลังจากนี้ทั้งหมด คือ...ผมพยายามทำอะไรสักอย่างนี่แหละแต่มันช้ามากจนเขาทนไม่ไหวแล้วพูดประโชคนึงกับผมออกมา "เต้ ต้องทำให้ได้เท่าพยาบาลที่มาทำให้เราสิ" ใจแบบ...โคตรเสียอ่ะ คือเข้าใจใช่มั้ย? ว่าสำหรับอีกคนที่เราเขามามันรู้สึกยังไง
หลังจากนั้นมาเรื่องราวชีวิตก็แย่ลงเรื่อยๆ
วันที่ 17 พฤศจิกายน ปี2557 เป็นวันเกิดผม ก่อนหน้านั้นเขาออกตัวว่าจะเป็นคนช่วยดูงานให้ เพราะผมนัดน้องๆไปกินข้าวกันที่ KFC เขานัดเวลาเอาไว้ 1ทุ่มตรง ซึ่ีงผมบอกแล้วว่ามันไม่แน่นอนนะเพราะยังไม่รู้เวลาเลิกเรียนมันอาจจะเลทก็ได้ เขาก็บอกว่าโอเค วันนั้นเวลา 1ทุ่มตรงเขาโทรมาหาผมในขณะที่ผมนั่งรถอยู่กับเพื่อนเพื่อจะไปกินข้าวตามที่นัดหมายเอาไว้ เราเพิ่งเลิกเรียน และรู้ว่าสายมากๆ ผมพยายามคุยกับเขาว่าเราเพิ่งเลิกเรียน นี่ก็วันเกิดเรานะ ให้เกียรติเราหน่อยก็ได้ แต่ไม่เลย...เขาก่นด่าผมแทบทุกคำหยาบที่พอจะนึกออกในตอนนั้น เพื่อนในรถทุกคนได้ยินหมด แล้วเราก็เสียเซล์ฟมากๆที่โดนแบบนี้ต่อหน้าเพื่อนตัวเอง ทุกคนต่างให้กำลังใจพร้อมตบไหล่บอกว่า เออ ไม่เป็นไร กูเข้าใจเว้ย วันนั้นต้องบากหน้าขอร้องเพื่อนๆให้อยู่กันก่อนนะ นัดมาแล้ว
ปลายเดือนธันวาคมปี 2557 ผมบอกตรงๆว่าผมเจออะไรกับเขามาบ้างแต่บอกตรงๆว่าทั้งรักทั้งเกลียดแต่เราก้ยังตัดใจไม่ได้ ช่วงเวลาทั้งปีผมแทบไม่ได้กลับบ้านเพราะมีการผูกมัดทั้งหมา ทั้งเขา ที่ทำให้ผมกลับบ้านไปไม่ได้เพราะเป็นห่วง พอเรามีเวลาผมก้ไปเที่ยวกับที่บ้านเพื่อพักผ่อน แต่ก่อนหน้านั้นเกือบจะไม่ได้ออกมาเพราะเขาพูดว่า "จะใช้ให้อยู่นี่เพื่อเฝ้าหมาเหรอ? ไม่เอานะ อยากกลับบ้านเหมือนกัน" จนเกิดเหตุทะเลาะกันแต่ก้จบด้วยดีที่ว่า ที่บ้านไปเที่ยวต่างจังหวัด 7 วันแต่จะมีวันนึงที่เข้ามาในกรุงเทพ น่าจะวันที่ 3 ผมก้เลยบอกเขาว่าไปแค่ 3 วันแล้วกัน และใน 3 วันนั้นผมปรึกษาญาติๆ และคนที่รู้เรื่องราวของผมกับเขา ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า...ถ้าไม่ไหว ก็ออกมาเถอะ อย่าไปอยู่เลย เราก็กล้าๆขึ้นมาที่จะขอลาขาดจากเขา หลังจากที่เที่ยวเสร็จผมกลับไปเจอแล้วเราก้บอกเลิกเขา...เขาร้องห่มร้องไห้ ขอร้องให้เราอยู่อย่าทิ้งเขาไปไหนเลย ซึ่งแน่นอนผมเป็นคนสงสารคนง่าย ผมเป็นคนขี้ใจอ่อน "คำพูดมันพูดออกมันง่าน แต่กว่าจะทำใจได้ มันยากมาก"
หลังจากนั้นเขาสัญญากับผมว่าจะปรับปรุงตัว ทั้งเรื่องพูดประชด เรื่องของอารมณ์ เรื่องการเถียงคำไม่ตกฝ้า เรื่องของการยอมรับความผิดที่ตัวเองทำ การไม่โบ้ยให้อีกฝ่ายด้วยเหตุผลหน้าด้านๆ การไม่พูดเอาชนะแล้วให้เหตุผลว่าไม่ได้อยากชนะ เราทำข้อตกลงกันว่า ผมให้เวลาเขาปรับปรุงตัว 6 เดือน ถ้าไม่โอเคผมขอลา...พวกคุณเชื่อไหม 6 เดือนหลังจากนั้นเขาดีเหมือนพลิกฝ่ามือเลย!!! แม่เจ้ามันรู้สึกดีมาก เหมือนคู่ของเรากลับมาดีอีกครั้ง ทุกอย่างไปได้สวยเหมือนแสงแดดกำลังส่องลงมาจากฟ้า ดอกไม้กำลังผลิบาน ผมคิดว่าเขานี่แหละที่ผมจะใช้ชีวิตอยู่ด้วยไปจนแก่(ถึงแม้ตอนนั้นจะยังเด็กก้ตาม ซึ่ง

เป็นความคิดที่เด็กมากๆเลยนะ แต่เป็นความคิดที่ดี...หรือใครจะเถียง??) แต่หลังจากเดือนที่ 6 นิสัยเดิมๆอะไรเดิมๆของเขากลับมาอีกครั้ง...ก็ไม่รู้เหมือนกันว่ากลับมาได้ยังไงแต่มันแย่กว่าเดิมทุกอย่างรุนแรงทวีคณูมากกว่าเดิมจนผมอยากจะเดินหนีออกมา...ทุกครั้งจะเป็นวงจรอุบาทว์แบบนี้ตลอด
เดือนมีนาคม ปี2558
อาม่าของผมเสียวันอาทิตย์นั้นทุกคนร้องไห้ แม่โทรมาบอกทั้งน้ำตาว่าอาม่าเสียแล้ว แล้วคือผมอยู่ที่หอพักตัวเองยืนร้องไห้ทั้งๆที่ถือโทรศัพท์ไว้ แต่ผมกลับได้แค่คำด่าออกมาจากปากของเขา ไม่สนใจสักนิดว่าผมจะเป็นยังไงตอนนั้นกำลังเป็นอะไร ไม่มีแม้แต่ความเห็นใจเลย แต่บอกว่าให้มาช่วยดูหมาก่อนแค่นั้น //ซึ่งโคตรแค้นเลย แค้นมากๆ
เมื่อถึงวันที่ไปงานศพของอาม่า แทนที่เขามาช่วยคนที่บ้านถือของจัดเตรียมของ เขากลับนั่งอยู่เฉยๆ(อ่ะก็แล้วแต่เขา ไม่ได้ว่าเพราะมันสิทธิของเขาที่จะมาช่วยหรือไม่มาช่วยก็ได้) ก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่เขากลับมาถามเราว่า "ไม่มีใครมาดูแลเราเลยเหรอ? เรานั่งหัวเด่อยู่ตรงนี้ ไม่มีใครจะเดินมาทักทายเราเลยว่างั้น?? เราเป็นแขกนะ ทุกคนต้องเทคแคร์เราสิ? ไม่ใช่เหรอ?" บอกตรงๆว่าอยากจะผลักให้ตกเก้าอี้สะตั้งแต่ตอนนั้น

เอ้ยยยยยยยย อะไรมันจะเห็นแก่ตัวขนาดนั้น แต่ก้ไม่ได้พูดอะไรกับเขาหรอก คิดสะว่าเราไม่ได้ยินแล้วเดินออกมา
จนเมื่อเดือนตุลาคม ปี2558
เขามีปัญหากับที่ทำงานเก่าจนตัวเองลาออกมาจากงานประสบปัญหาทางด้านการเงินหลายๆอย่างจนต้องทำหลายๆสิ่งเพื่อปลดหนี้สินตัวเอง ผมจึงเห็นใจให้เขามาอาศัยอยู่ที่ห้องผมก่อนเราทำข้อตกลงกันว่า ผมให้เขาอยู่ไปก่อนโดยไม่ต้องออกอะไรเลย 4 เดือน ถ้ามีงานทำแล้วก็ช่วยออกค่าห้องด้วยหรือจะย้ายออกไปก็ไม่มีปัญหา (ปักหมุดไว้ก่อน แล้วเรื่องนี้จะกลับมาในตอนจบอีกครั้ง)
รออีกแปป ซีรี่กำลังจะจบละ
มกราคมปี 2559
เป็นครั้งที่ 4 ที่ผมเริ่มเอือมเขาและเริ่มจะหมดรักเขา
ผมบอกเพื่อเตือนเขาทุกครั้งที่ผมจะเตือนได้ว่า
"เธอ...ความรักมันมีก็ดี แต่การอยู่ด้วยกันขอให้มีความเกรงใจกันบ้าง เคารพซึ่งกันและกันบ้าง คนยังรักมันดีนะ แต่ถ้าหมดรักมันจะไปก็ไปนะ" เขาตอบกลับผมด้วยคำพูดสั้นๆว่า "นี่ขู่เหรอ? ไม่กลัวหรอกนะ จะไปก็ไป" แหมมมมม อยากจะเอาเท้าไปลูบหน้าจังเลย ละที่ทำอยู่ทุกครั้งที่กุจะไปนี่คืออะไร??? ผมไม่ได้บอกว่าตัวผมดี ยอมรับว่าตัวเองก้

ในหลายๆแง่มุมแต่ผมมีความเกรงใจและความเคารพในสถานะของอีกฝ่าย จนป่านนี้ 4 เดือนแล้ว แม้ว่า 2 เดือนก่อนหน้านี้เขาจะมีงานที่ดีและมั่นคงในการทำงานแล้ว เขาก็ไม่คิดจะช่วยออกเงินสักบาทเพื่อช่วยเหลทอค่าห้อง...ซึ่งค่าห้องแต่ละเดือนก็เงินจากบ้านผมทั้งนั้น จะว่าก็ว่าเถอะ "

เสือนอนกินชัดๆ" ผมคิดแบบนี้ในหัวเพราะเขาอ้างว่า เงินเดือนทั้งหมดเอาไปใช้หนี้สินของตนหมดแล้ว ผมก็ไม่ได้อะไร ช่วงนั้นค่าน้ำค่าไฟก็มีมามากจนที่บ้านเตือนว่าเยอะไปนาาาา ผมก้ได้แต่ทำหน้าเจื่อนๆน้อมรับคำมาเท่านั้น
เมษายนปี 2559
วันที่ 13 ผมนัดกลุ่มเพื่อน 5 คนที่คบกันมาเป็น 10 ปี เพื่อมาเล่นน้ำด้วยกัน เขาออกตัวว่าอยากไปด้วยแต่ผมก็บอกแล้วว่า...เรานานๆออกไปทีนะ ถ้าจะไปด้วยเลิกดึกคือดึก ห้ามงอแง เขาก็ตอบว่าโอเค ผมก็โอเคเลยพาไปด้วยทุกอย่างดำเนินไปราบรื่น แต่เพื่อนผมติดรถติดนิดหน่อย เรานัดเจอกันตอน 5 โมงเย็นแต่เลทไปจนถึง 1 ทุ่ม เขาไม่มีท่าทีที่จะงอแงหรือเหวี่ยงแต่อย่างใดจนกระทั่งเพื่อนมาถึงและไปเดินเล่นน้ำกันได้สักพักหนึ่ง เวลาประมาณ 2ทุ่มนิดๆ เขาบอกว่ากลับห้องกันเถอะ ผมก็บอกว่า "เราบอกแล้วไงว่านี่นัดเพื่อนมา และกลับดึกนะ ตกลงกันแล้วไม่ใช่เหรอ" เขาก็บอกว่า "แล้วหมาที่ห้องล่ะ มีครอบครัวแล้วต้องกลับเร็วสิ ไม่งั้นหมาจะกินข้าวยังไง อีกอย่างนี่ก้เจอเพื่อนแล้ว จะเอาอะไรอีก เดินรอบแล้วอะไรแล้ว" คือก้ยอมรับว่าโมโหและผิดเอง ผมบอกว่า "อยากกลับก่อนจะไปก้ไปเถอะ" เขาก็เดินออกไป
**ความจริงคือ ทุกอย่างผมทันเกมเขาหมด มาจากศาลายาไปข้าวสารเขาไม่ช่วยค่าแท็กซี่ผมสักบาท ขากลับก็จะหวังให้ผมออกด้วยแต่ตัวเองไม่อยากอยู่จึงหาเรื่องให้กลับมากกว่า พอทุกอย่างไม่เป็นไปตามแผมก็มาทำเหวี่ยง แล้วเล่นเป็นนางเอกช่อง 7 เดินออกมา
เราทะเลาะกันเรื่องนี้อยู่นานและเขาให้เหตุผลว่า "เราเป็นแฟนเธอ ทุกคนต้องระลึกได้และให้เกียรติเราสิ ว่าเออมันดึกแล้วนะต้องรีบกลับนะ มีหมามีครอบครัวแล้ว จะมาทำแบบนี้ไม่ได้แล้วนะ"
พอผมบอกกลับไปว่าบอกก่อนพาไปแล้ว ทำข้อตกลงกันแล้วนะ เขาก้ตอบกลับมาว่า ถึงจะเป็นข้อตกลงก็เถอะ แต่แค่นั้นก็น่าจะพอแล้วนะ
**ทั้งๆที่เขาขี่มอเตอร์ไซค์ออกไปทำงานข้างนอกทุกวัน ผมนั่งอุดอู้อยู่แต่ในห้องทำงานทั้งวัน ไปเรียน ทำงาน ไปเรียน ทำงาน แทบไม่ได้ไปไหนไกลเลย การไปเจอเพื่อนที่นานมากๆเจอกันทีผมถึงให้เวลาเขาไม่ได้ ???
พฤษภาคม ปี2559 (รอหน่อยนะจะจบละ)
ผมกับเขาอยู่กันในฐานะผู้อาศัยร่วมกันเท่านั้น เพราะเขาเริ่มจะเข้ากับผมไม่ได้ เริ่มกล่าวหาแะว่าเพื่อนผมทุกคนต่างๆนาๆย้ำ...ทุกๆคนที่เขารู้จัก ถามอะไรมักจะตอบว่าไม่รู้ในทุกๆเรื่องทั้งในเรื่องที่ตัวเองก็มีความรู้อยู่แล้ว โมโหได้แทบทุกอย่างที่ตัวเองจะนึกออก เวลาผมจะกลับบ้านเขาจะเริ่มไม่ปล่อยผมไปไหนและพูดว่า ถ้าจะกลับเราก็กลับบ้านเรานะถ้าจะให้อยู่เฝ้าหมาเราก็ไม่เอาหรอก คือ...กูอยู่เฝ้าหมามาทั้งเดือน กลับบ้านแค่ 2 วันทำไมน้ำจิตน้ำใจถึงไม่มีกันเลย??
พอถึงช่วงกลางเดือนเกิดการผิดใจนอกใจกันคือ...
ผมถือว่า ด้วยสถานะแล้ว ผมไม่ได้รักเขาแล้ว เขาเป็นแค่ผู้อาศัย ผมไม่มีอะไรผูกมัดหรือติดพันธฺ์กับเขาแล้ว จึงคุยกับคนอื่นได้ จนผมเจอคนๆนึงที่ทุกอย่างเริ่มโอเค เริ่มไปได้สวยต่างคนต่างมีชอบ (หรือคิดไปเองคนเดียวก็ไม่รู้สิ) เขาถึงขั้นแอ้ดไลน์ไปด่า(ตามประสาคนหึงหวง) แต่ผมบอกเขาแล้วว่าผมตกลงแล้วนะว่าเราไม่ได้เป็นอะไรกันแล้วตั้งแต่ต้นปี คือเลิกกันอย่างไม่เป็นทางการ เพราะ 1.เขาไม่มีที่ไป
2.เขาไม่ยอมย้ายไปไหนแม้ว่าตัวเองจะมีงานทำแล้วก็ตาม
3.เขาจะไม่ยอมช่วยออกค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้นทั้งค่าห้อง หรือแม้แต่ค่าน้ำค่าไฟ 4.แม้ว่าผมจะหนีกลับไปบ้านเขาก็จะขนของกลับไปด้วยตาม
ซึ่งผมไม่โอเคกับทุกข้อเอามากๆ มันเห็นแก่ตัวไปหรือเปล่า?
ทุกอย่างที่พูดมาไม่มีความเกรงใจกันเลยใช่ไหม?
นี่คือคำพูดที่ออกมาจากปากของคนอายุจะขึ้นเลข 3 แล้วจริงๆเหรอ?
และสุดท้ายก้จบที่ผมฟิวส์ขาด ทะเลาะมีปากเสียง ด่าคำหยาบคายและสุดท้าย...ใช้กำลัง
ผมยอมรับว่าผมเริ่มก่อน ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากจนเกิดอุบัติเหตุ...เขาแขนหัก ที่บ้านปวดหัวและทุกคนเสียใจในการกระทำของผมมาก แต่เราก็ตกลงกับเขาได้ก็ไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น เรารับผิดชอบค่าใช้จ่ายกันไปตามข้อตกลงเพื่อไม่ให้เกิดเรื่องใหญ่และเรื่องก็จบไป
ทุกอย่างเหมือยจะกลับมาดี...แต่!
มีต่อคอมเม้นล่างคับ
ความเดิมจากตอนที่แล้ว...ความรักเกือบ4ปีที่อดทนมา
ตอนนี้จะเป็นภาคต่อตอนจบที่ผมอยากเล่าให้ทุกคนฟังถึงอุทาหรที่ผมเจอมาตลอดเกือบ 4 ปี
เขียนผิดๆถูกๆบ้างขออภัยด้วยนะคับ
ย้อนกลับไปเมื่อ 4 ปีที่แล้วผมเคยเจอคนๆหนึ่งที่เดินเข้ามาในชีวติ ก่อนหน้านั้นคือผมปล่อยตัวเหลวเป๋วมากๆ ใจแตกเหรอ?...ก็คงงั้นมั้ง แต่ตอนที่เขาเดินเข้ามาช่วยผยูงผมมันรู้สึกดีมากเลยนะที่ยังมีใครคนนึงดึงเราออกมาจากหลุดมืดได้ ผมใช้เวลาศึกษากับเขาร่วมปีจนเราตกลงว่าคบกัน แต่...
หลังจากนั้น ผมไม่ได้บอกว่าผมเลือกเส้นทางผิด ผมไม่ได้ว่าผมเลือกคนที่ผิด ผมจะไม่โทษเขาฝ่ายเดียวว่าเขานำพาความไม่ดีมาหาผม เพราะเรื่องตรงนั้นผมก็มีส่วนผิดด้วย
เรื่องแรกที่สุดเลยคือ เราสองคนตกลงซื้อหมามาเลี้ยงทั้งๆที่อยู่ในหอพัก แรกๆมันก้น่ารัก เราสองคนโอเคกันมากๆ แต่พอนานๆไปจนผมต้องย้ายหมาจากคอนโดเขามาอยู่ที่หอพักผม จุดเริ่มต้นของปัญหาจึงเกิดขึ้น เขาไม่ค่อยใส่ใจผมเหมือนแต่ก่อน เริ่มเปลี่ยนไปเป็นอีกคนที่ผมไม่เคยเจอ ทุกๆวันมีแต่การทะเลาะ ทุกๆวินาทีมีแต่การประชดประชัด ช่วงแรกๆผมโอเคและยอมเพราะผมไม่อยากมีเรื่องไม่อยกามีปัญ จนมีอยู่วันหนึ่งที่หลอดความอดทนของผมแตกออกเป็นเสี่ยงๆ
เดือนมีนาคม ปี2557 เขาตรงพบเจอว่า เส้นเอ็นไขว้หน้าที่ขาซ้ายเกิดการฉีกขาดจึงต้องรีบผ่าตัดที่ขา ผมจึงสละเวลาฝึกงาน 3 เดือนเพื่อมาดูแลเขาเพราะเขาเดินไปไหนมาไหนไม่ได้ ผมไม่ชอบที่เขาเป็นคนอารมณ์ร้อน ฉุนเฉียวและชอบพูดจาประชดในทุกๆนาทีที่เขาจะนึกออก ช่วงบ่ายแก่ๆของวันที่ 3 หลังจากการผ่าตัดพักฟื้นที่โรงพยาบาล ผมทำหน้าที่ทุกอย่างตามที่ผมจะทำได้ ผมนั่งรถไปไกลกว่า 20 กม. เพื่อแค่เดินทางไปเอาเหล็กดามที่ขาเขา เอาจากแจ้งวัฒนะ เพื่อมาให้หมอใส่ขาเขาที่ รพ.แถวๆสะพานควาย ผมโอเคหมด ผมเดินออกไปๆกลับๆ ศาลายา-สะพานควาย เพื่อมาดูแลทั้งเขา...และหมาที่ห้อง จนบ่ายวันนั้นแหละที่เป็นจุดเกิดเหตุเรื่องหลังจากนี้ทั้งหมด คือ...ผมพยายามทำอะไรสักอย่างนี่แหละแต่มันช้ามากจนเขาทนไม่ไหวแล้วพูดประโชคนึงกับผมออกมา "เต้ ต้องทำให้ได้เท่าพยาบาลที่มาทำให้เราสิ" ใจแบบ...โคตรเสียอ่ะ คือเข้าใจใช่มั้ย? ว่าสำหรับอีกคนที่เราเขามามันรู้สึกยังไง
หลังจากนั้นมาเรื่องราวชีวิตก็แย่ลงเรื่อยๆ
วันที่ 17 พฤศจิกายน ปี2557 เป็นวันเกิดผม ก่อนหน้านั้นเขาออกตัวว่าจะเป็นคนช่วยดูงานให้ เพราะผมนัดน้องๆไปกินข้าวกันที่ KFC เขานัดเวลาเอาไว้ 1ทุ่มตรง ซึ่ีงผมบอกแล้วว่ามันไม่แน่นอนนะเพราะยังไม่รู้เวลาเลิกเรียนมันอาจจะเลทก็ได้ เขาก็บอกว่าโอเค วันนั้นเวลา 1ทุ่มตรงเขาโทรมาหาผมในขณะที่ผมนั่งรถอยู่กับเพื่อนเพื่อจะไปกินข้าวตามที่นัดหมายเอาไว้ เราเพิ่งเลิกเรียน และรู้ว่าสายมากๆ ผมพยายามคุยกับเขาว่าเราเพิ่งเลิกเรียน นี่ก็วันเกิดเรานะ ให้เกียรติเราหน่อยก็ได้ แต่ไม่เลย...เขาก่นด่าผมแทบทุกคำหยาบที่พอจะนึกออกในตอนนั้น เพื่อนในรถทุกคนได้ยินหมด แล้วเราก็เสียเซล์ฟมากๆที่โดนแบบนี้ต่อหน้าเพื่อนตัวเอง ทุกคนต่างให้กำลังใจพร้อมตบไหล่บอกว่า เออ ไม่เป็นไร กูเข้าใจเว้ย วันนั้นต้องบากหน้าขอร้องเพื่อนๆให้อยู่กันก่อนนะ นัดมาแล้ว
ปลายเดือนธันวาคมปี 2557 ผมบอกตรงๆว่าผมเจออะไรกับเขามาบ้างแต่บอกตรงๆว่าทั้งรักทั้งเกลียดแต่เราก้ยังตัดใจไม่ได้ ช่วงเวลาทั้งปีผมแทบไม่ได้กลับบ้านเพราะมีการผูกมัดทั้งหมา ทั้งเขา ที่ทำให้ผมกลับบ้านไปไม่ได้เพราะเป็นห่วง พอเรามีเวลาผมก้ไปเที่ยวกับที่บ้านเพื่อพักผ่อน แต่ก่อนหน้านั้นเกือบจะไม่ได้ออกมาเพราะเขาพูดว่า "จะใช้ให้อยู่นี่เพื่อเฝ้าหมาเหรอ? ไม่เอานะ อยากกลับบ้านเหมือนกัน" จนเกิดเหตุทะเลาะกันแต่ก้จบด้วยดีที่ว่า ที่บ้านไปเที่ยวต่างจังหวัด 7 วันแต่จะมีวันนึงที่เข้ามาในกรุงเทพ น่าจะวันที่ 3 ผมก้เลยบอกเขาว่าไปแค่ 3 วันแล้วกัน และใน 3 วันนั้นผมปรึกษาญาติๆ และคนที่รู้เรื่องราวของผมกับเขา ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า...ถ้าไม่ไหว ก็ออกมาเถอะ อย่าไปอยู่เลย เราก็กล้าๆขึ้นมาที่จะขอลาขาดจากเขา หลังจากที่เที่ยวเสร็จผมกลับไปเจอแล้วเราก้บอกเลิกเขา...เขาร้องห่มร้องไห้ ขอร้องให้เราอยู่อย่าทิ้งเขาไปไหนเลย ซึ่งแน่นอนผมเป็นคนสงสารคนง่าย ผมเป็นคนขี้ใจอ่อน "คำพูดมันพูดออกมันง่าน แต่กว่าจะทำใจได้ มันยากมาก"
หลังจากนั้นเขาสัญญากับผมว่าจะปรับปรุงตัว ทั้งเรื่องพูดประชด เรื่องของอารมณ์ เรื่องการเถียงคำไม่ตกฝ้า เรื่องของการยอมรับความผิดที่ตัวเองทำ การไม่โบ้ยให้อีกฝ่ายด้วยเหตุผลหน้าด้านๆ การไม่พูดเอาชนะแล้วให้เหตุผลว่าไม่ได้อยากชนะ เราทำข้อตกลงกันว่า ผมให้เวลาเขาปรับปรุงตัว 6 เดือน ถ้าไม่โอเคผมขอลา...พวกคุณเชื่อไหม 6 เดือนหลังจากนั้นเขาดีเหมือนพลิกฝ่ามือเลย!!! แม่เจ้ามันรู้สึกดีมาก เหมือนคู่ของเรากลับมาดีอีกครั้ง ทุกอย่างไปได้สวยเหมือนแสงแดดกำลังส่องลงมาจากฟ้า ดอกไม้กำลังผลิบาน ผมคิดว่าเขานี่แหละที่ผมจะใช้ชีวิตอยู่ด้วยไปจนแก่(ถึงแม้ตอนนั้นจะยังเด็กก้ตาม ซึ่ง
เดือนมีนาคม ปี2558
อาม่าของผมเสียวันอาทิตย์นั้นทุกคนร้องไห้ แม่โทรมาบอกทั้งน้ำตาว่าอาม่าเสียแล้ว แล้วคือผมอยู่ที่หอพักตัวเองยืนร้องไห้ทั้งๆที่ถือโทรศัพท์ไว้ แต่ผมกลับได้แค่คำด่าออกมาจากปากของเขา ไม่สนใจสักนิดว่าผมจะเป็นยังไงตอนนั้นกำลังเป็นอะไร ไม่มีแม้แต่ความเห็นใจเลย แต่บอกว่าให้มาช่วยดูหมาก่อนแค่นั้น //ซึ่งโคตรแค้นเลย แค้นมากๆ
เมื่อถึงวันที่ไปงานศพของอาม่า แทนที่เขามาช่วยคนที่บ้านถือของจัดเตรียมของ เขากลับนั่งอยู่เฉยๆ(อ่ะก็แล้วแต่เขา ไม่ได้ว่าเพราะมันสิทธิของเขาที่จะมาช่วยหรือไม่มาช่วยก็ได้) ก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่เขากลับมาถามเราว่า "ไม่มีใครมาดูแลเราเลยเหรอ? เรานั่งหัวเด่อยู่ตรงนี้ ไม่มีใครจะเดินมาทักทายเราเลยว่างั้น?? เราเป็นแขกนะ ทุกคนต้องเทคแคร์เราสิ? ไม่ใช่เหรอ?" บอกตรงๆว่าอยากจะผลักให้ตกเก้าอี้สะตั้งแต่ตอนนั้น
จนเมื่อเดือนตุลาคม ปี2558
เขามีปัญหากับที่ทำงานเก่าจนตัวเองลาออกมาจากงานประสบปัญหาทางด้านการเงินหลายๆอย่างจนต้องทำหลายๆสิ่งเพื่อปลดหนี้สินตัวเอง ผมจึงเห็นใจให้เขามาอาศัยอยู่ที่ห้องผมก่อนเราทำข้อตกลงกันว่า ผมให้เขาอยู่ไปก่อนโดยไม่ต้องออกอะไรเลย 4 เดือน ถ้ามีงานทำแล้วก็ช่วยออกค่าห้องด้วยหรือจะย้ายออกไปก็ไม่มีปัญหา (ปักหมุดไว้ก่อน แล้วเรื่องนี้จะกลับมาในตอนจบอีกครั้ง)
รออีกแปป ซีรี่กำลังจะจบละ
มกราคมปี 2559
เป็นครั้งที่ 4 ที่ผมเริ่มเอือมเขาและเริ่มจะหมดรักเขา
ผมบอกเพื่อเตือนเขาทุกครั้งที่ผมจะเตือนได้ว่า
"เธอ...ความรักมันมีก็ดี แต่การอยู่ด้วยกันขอให้มีความเกรงใจกันบ้าง เคารพซึ่งกันและกันบ้าง คนยังรักมันดีนะ แต่ถ้าหมดรักมันจะไปก็ไปนะ" เขาตอบกลับผมด้วยคำพูดสั้นๆว่า "นี่ขู่เหรอ? ไม่กลัวหรอกนะ จะไปก็ไป" แหมมมมม อยากจะเอาเท้าไปลูบหน้าจังเลย ละที่ทำอยู่ทุกครั้งที่กุจะไปนี่คืออะไร??? ผมไม่ได้บอกว่าตัวผมดี ยอมรับว่าตัวเองก้
เมษายนปี 2559
วันที่ 13 ผมนัดกลุ่มเพื่อน 5 คนที่คบกันมาเป็น 10 ปี เพื่อมาเล่นน้ำด้วยกัน เขาออกตัวว่าอยากไปด้วยแต่ผมก็บอกแล้วว่า...เรานานๆออกไปทีนะ ถ้าจะไปด้วยเลิกดึกคือดึก ห้ามงอแง เขาก็ตอบว่าโอเค ผมก็โอเคเลยพาไปด้วยทุกอย่างดำเนินไปราบรื่น แต่เพื่อนผมติดรถติดนิดหน่อย เรานัดเจอกันตอน 5 โมงเย็นแต่เลทไปจนถึง 1 ทุ่ม เขาไม่มีท่าทีที่จะงอแงหรือเหวี่ยงแต่อย่างใดจนกระทั่งเพื่อนมาถึงและไปเดินเล่นน้ำกันได้สักพักหนึ่ง เวลาประมาณ 2ทุ่มนิดๆ เขาบอกว่ากลับห้องกันเถอะ ผมก็บอกว่า "เราบอกแล้วไงว่านี่นัดเพื่อนมา และกลับดึกนะ ตกลงกันแล้วไม่ใช่เหรอ" เขาก็บอกว่า "แล้วหมาที่ห้องล่ะ มีครอบครัวแล้วต้องกลับเร็วสิ ไม่งั้นหมาจะกินข้าวยังไง อีกอย่างนี่ก้เจอเพื่อนแล้ว จะเอาอะไรอีก เดินรอบแล้วอะไรแล้ว" คือก้ยอมรับว่าโมโหและผิดเอง ผมบอกว่า "อยากกลับก่อนจะไปก้ไปเถอะ" เขาก็เดินออกไป
**ความจริงคือ ทุกอย่างผมทันเกมเขาหมด มาจากศาลายาไปข้าวสารเขาไม่ช่วยค่าแท็กซี่ผมสักบาท ขากลับก็จะหวังให้ผมออกด้วยแต่ตัวเองไม่อยากอยู่จึงหาเรื่องให้กลับมากกว่า พอทุกอย่างไม่เป็นไปตามแผมก็มาทำเหวี่ยง แล้วเล่นเป็นนางเอกช่อง 7 เดินออกมา
เราทะเลาะกันเรื่องนี้อยู่นานและเขาให้เหตุผลว่า "เราเป็นแฟนเธอ ทุกคนต้องระลึกได้และให้เกียรติเราสิ ว่าเออมันดึกแล้วนะต้องรีบกลับนะ มีหมามีครอบครัวแล้ว จะมาทำแบบนี้ไม่ได้แล้วนะ"
พอผมบอกกลับไปว่าบอกก่อนพาไปแล้ว ทำข้อตกลงกันแล้วนะ เขาก้ตอบกลับมาว่า ถึงจะเป็นข้อตกลงก็เถอะ แต่แค่นั้นก็น่าจะพอแล้วนะ
**ทั้งๆที่เขาขี่มอเตอร์ไซค์ออกไปทำงานข้างนอกทุกวัน ผมนั่งอุดอู้อยู่แต่ในห้องทำงานทั้งวัน ไปเรียน ทำงาน ไปเรียน ทำงาน แทบไม่ได้ไปไหนไกลเลย การไปเจอเพื่อนที่นานมากๆเจอกันทีผมถึงให้เวลาเขาไม่ได้ ???
พฤษภาคม ปี2559 (รอหน่อยนะจะจบละ)
ผมกับเขาอยู่กันในฐานะผู้อาศัยร่วมกันเท่านั้น เพราะเขาเริ่มจะเข้ากับผมไม่ได้ เริ่มกล่าวหาแะว่าเพื่อนผมทุกคนต่างๆนาๆย้ำ...ทุกๆคนที่เขารู้จัก ถามอะไรมักจะตอบว่าไม่รู้ในทุกๆเรื่องทั้งในเรื่องที่ตัวเองก็มีความรู้อยู่แล้ว โมโหได้แทบทุกอย่างที่ตัวเองจะนึกออก เวลาผมจะกลับบ้านเขาจะเริ่มไม่ปล่อยผมไปไหนและพูดว่า ถ้าจะกลับเราก็กลับบ้านเรานะถ้าจะให้อยู่เฝ้าหมาเราก็ไม่เอาหรอก คือ...กูอยู่เฝ้าหมามาทั้งเดือน กลับบ้านแค่ 2 วันทำไมน้ำจิตน้ำใจถึงไม่มีกันเลย??
พอถึงช่วงกลางเดือนเกิดการผิดใจนอกใจกันคือ...
ผมถือว่า ด้วยสถานะแล้ว ผมไม่ได้รักเขาแล้ว เขาเป็นแค่ผู้อาศัย ผมไม่มีอะไรผูกมัดหรือติดพันธฺ์กับเขาแล้ว จึงคุยกับคนอื่นได้ จนผมเจอคนๆนึงที่ทุกอย่างเริ่มโอเค เริ่มไปได้สวยต่างคนต่างมีชอบ (หรือคิดไปเองคนเดียวก็ไม่รู้สิ) เขาถึงขั้นแอ้ดไลน์ไปด่า(ตามประสาคนหึงหวง) แต่ผมบอกเขาแล้วว่าผมตกลงแล้วนะว่าเราไม่ได้เป็นอะไรกันแล้วตั้งแต่ต้นปี คือเลิกกันอย่างไม่เป็นทางการ เพราะ 1.เขาไม่มีที่ไป
2.เขาไม่ยอมย้ายไปไหนแม้ว่าตัวเองจะมีงานทำแล้วก็ตาม
3.เขาจะไม่ยอมช่วยออกค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้นทั้งค่าห้อง หรือแม้แต่ค่าน้ำค่าไฟ 4.แม้ว่าผมจะหนีกลับไปบ้านเขาก็จะขนของกลับไปด้วยตาม
ซึ่งผมไม่โอเคกับทุกข้อเอามากๆ มันเห็นแก่ตัวไปหรือเปล่า?
ทุกอย่างที่พูดมาไม่มีความเกรงใจกันเลยใช่ไหม?
นี่คือคำพูดที่ออกมาจากปากของคนอายุจะขึ้นเลข 3 แล้วจริงๆเหรอ?
และสุดท้ายก้จบที่ผมฟิวส์ขาด ทะเลาะมีปากเสียง ด่าคำหยาบคายและสุดท้าย...ใช้กำลัง
ผมยอมรับว่าผมเริ่มก่อน ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากจนเกิดอุบัติเหตุ...เขาแขนหัก ที่บ้านปวดหัวและทุกคนเสียใจในการกระทำของผมมาก แต่เราก็ตกลงกับเขาได้ก็ไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น เรารับผิดชอบค่าใช้จ่ายกันไปตามข้อตกลงเพื่อไม่ให้เกิดเรื่องใหญ่และเรื่องก็จบไป
ทุกอย่างเหมือยจะกลับมาดี...แต่!
มีต่อคอมเม้นล่างคับ