ให้กำลังใจ ทีม REFUGEES ที่ ริโอ 2016


ไร้บ้าน-ไร้สัญชาติ แต่มีธงในโอลิมปิก


10 นักกีฬาทีมอพยพ ทีมแห่ง “ความหวัง ความฝัน” และวันได้กลับ “บ้านเกิด”

โอลิมปิกเกมส์ 2016 มีความแปลกใหม่เพิ่มเติมขึ้นมา
คือ การให้นักกีฬาผู้อพยพ ที่บ้านเกิดตัวเองมีปัญหาสงคราม
ได้เข้ามาแข่งขันภายใต้ธงสัญลักษณ์โอลิมปิก ในชื่อทีม “นักกีฬาอพยพ”

“โทมัส บาค” ประธานคณะกรรมการโอลิมปิกสากล (ไอโอซี) ปิ๊งไอเดียนี้ขึ้นมา
เพราะมองว่าเป็นการหยิบยื่นโอกาสให้นักกีฬาที่ดีพอจะแข่งขัน
แต่ปัจจัยด้านความไม่สงบในประเทศตัวเองขวางไม่ให้พวกเขาและเธอมีส่วนร่วมในกีฬาแห่งมวลมนุษยชาติ

ทีมผู้อพยพจากเดิมมีอยู่ถึง 43 คน แต่เมื่อถึงโค้งสุดท้ายไอโอซีได้คัดเลือกให้เหลือเพียง 10 คนสุดท้าย
ที่จะได้โชว์ศักยภาพระหว่างวันที่ 5-21 สิงหาคม ที่นครริโอเดจาเนโร ประเทศบราซิล


“ยุสร่า มาร์ดินี่” นักว่ายน้ำสาวซีเรียที่นั่งเรือออกมาจากบ้านเกิดที่เต็มไปด้วยสงคราม
ก่อนที่เรือจะล่มในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เธอและพี่สาวพากันแหวกว่ายมาจนถึงฝั่ง
ก่อนจะเดินทางไปเรื่อยๆ จนลงหลักปักฐานที่เยอรมนี


“รามี่ อานิส” ฉลามหนุ่มจากเมืองอเลปโป้ของซีเรีย ที่ถูกสงครามเล่นงานอย่างหนัก
อานิสถูกครอบครัวส่งไปอยู่กับญาติที่ตุรกี เขาถือกระเป๋าเสื้อผ้าใบเล็กๆ มาที่ตุรกีด้วยความคิดที่ว่า
อีกไม่กี่เดือนก็จะได้กลับบ้าน แต่มันไม่ใช่อย่างนั้น เขาเดินทางต่อไปกรีซ
ก่อนจะมีชีวิตใหม่ที่เบลเยียม และได้แข่งขันในรายการผีเสื้อ 100 เมตรชาย ที่บราซิล



“โปโปเล่ มิเซนก้า” และ “โยลันเด้ มาบิก้า” สองนักยูโดจากดีอาร์คองโก
ได้เดินทางมาแข่งยูโดที่บราซิล เมื่อ 3 ปีที่แล้ว และทั้งคู่ก็ไม่อยากจะกลับไปทรมานกับสงครามที่บ้านเกิดอีกต่อไป
พวกเขาพากันหนีออกจากโรงแรมที่พัก ไปเร่ร่อนอยู่ในริโอเดจาเนโร
ทิ้งทุกอย่างไว้ที่บ้าน และเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่ดินแดนเจ้าภาพริโอเกมส์
มิเซนก้าอยู่กินกับสาวบราซิล มีลูกสาวหนึ่งคน ขณะที่มาบิก้ายังคงปาดน้ำตาเมื่อพูดถึงพี่น้องที่บ้านเกิด
แต่อีกไม่กี่วันเขาจะสร้างความภาคภูมิใจให้ชาวดีอาร์คองโกด้วยกีฬาที่ตัวเองรัก


เจมส์ เนียง เชียนกิเจ็ก หนีเขม่าปืนมาเป็นนักวิ่ง

“เจมส์ เนียง เชียนกิเจ็ก” นักวิ่งจากเซาธ์ซูดานอีกคนประสบชะตากรรมไม่ต่างจาก เยียช ปูร์ เบียล
เจมส์โดนทหารพยายามจะลักพาตัวเขา และจะให้เขาไปเป็นทหารในสงครามที่กำลังระอุ
แต่เจมส์ไม่ยินยอม เขาวิ่งหนีไปใช้ชีวิตที่ค่ายอพยพคาคูม่า
ที่มีคนไร้บ้าน ไร้ความหวังกว่า 200,000 คนรวมตัวกันอยู่ และเติบโตที่นั่น


“โรส นาทิเก้ โรคอนเยน” ต้องคอยหลบซ่อนศัตรูต่างเผ่าที่มาโจมตีหมู่บ้านของเธอ ในวัย 7 ขวบ
เด็กหญิงคนหนึ่งต้องเดินข้ามศพของตาตัวเองเพื่อหนีเอาชีวิตรอด


“เปาโล อาโมตัน โคโคโร่” มีความทรงจำในวัยเด็กเกี่ยวกับการวิ่ง แต่ไม่ใช่วิ่งเพื่อการกีฬา เขาวิ่งเพื่อเอาชีวิตรอด
และเกือบโดนลูกกระสุนเจาะหัวตัวเองเข้าแล้วด้วย


“แอนเจลิน่า นาได โลฮาลิธ” นักวิ่งสาวอีกคนพรากจากพ่อแม่มากว่าทศวรรษ
มีเพียงข่าวคราวที่ว่าพวกเขายังมีชีวิต แต่ก็ไม่รู้ว่าสิ่งที่ได้ยินเป็นเรื่องจริงหรือหลอกกันแน่


“โยนาส คินเด้” ปอดเหล็กชาวเอธิโอเปียน ต้องออกจากบ้านเกิดเพราะปัญหาทางการเมือง
และได้รับการคุ้มครองจากองค์กรนานาชาติ เขาใช้ชีวิตอยู่ที่ลักเซมเบิร์ก
เดินสายกวาดแชมป์วิ่งมาราธอนมาแล้วทั้งในลักเซมเบิร์ก ฝรั่งเศส เยอรมนี
แต่คินเด้ไม่สามารถรับใช้ชาติด้วยปัญหาที่บอกไว้ข้างต้น
อีฟส์ โกลดี้ โค้ชของคินเด้บอกว่า ถ้าเขาเป็นคนลักเซมเบิร์กก็ดีพอที่จะอยู่ในทีมกรีฑาชุดโอลิมปิกของประเทศนี้
แต่ไม่เป็นไร ตอนนี้คินเด้ได้อยู่ในทีมอพยพที่มีนักกีฬาที่เต็มไปด้วยความสามารถแล้ว

การได้ลงแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ครั้งนี้ นักกีฬาทุกคนในทีมอพยพล้วนมีความหวังกับผลงานของตัวเอง

โยลันเด้ มาบิก้า ที่ร่วมซ้อมกับโรงเรียนของ “ฟลาวิโอ คอนเต้” เจ้าของเหรียญทองแดงโอลิมปิกชาวบราซิเลียนบอกว่า
“ยูโดไม่เคยให้เงินฉัน แต่ทำให้หัวใจฉันแข็งแกร่งขึ้น นี่เป็นโอกาสที่จะเปลี่ยนชีวิต
เพราะคิดว่าตัวเองมีโอกาสจะคว้าเหรียญรางวัลมาได้
อย่างน้อยเรื่องราวชีวิตของฉันจะเป็นตัวอย่างให้ใครอีกหลายคน หรือถ้ามากกว่านั้น
ครอบครัวที่บ้านเกิดของฉันจะได้เห็นฉันผ่านทางทีวี ไม่แน่ว่าเราอาจจะได้กลับมาเจอกันอีก”

เปาโล อาโมตัน โคโคโร่ ที่จะลงแข่งในรายการวิ่ง 1,500 เมตรชายเปิดใจว่า
“ก่อนจะมาที่เคนยา ผมไม่เคยมีรองเท้าวิ่งด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้เราซ้อมกันอย่างหนัก
และเห็นว่าตัวเองอยู่ในระดับที่ดีมากแล้ว และรู้ซึ้งแล้วว่าการจะเป็นนักกีฬาต้องทำอย่างไรบ้าง
ถ้าผมทำผลงานได้ดี สิ่งตอบแทนต่างๆ ที่ไหลเข้ามา ผมจะนำมันไปช่วยครอบครัวผมและคนในเซาธ์ซูดานบ้านเกิดของผม”


เยียช ปูร์ เบียล นักวิ่ง 800 เมตรชายส่งกำลังใจให้คนในค่ายอพยพทั่วโลกว่า
“ผมจะแสดงให้คนอพยพทุกคนเห็นว่า พวกเราต้องมีความหวังและยังมีโอกาส โอกาสผ่านทางการศึกษาและการวิ่ง”
นักกีฬาจากเซาธ์ซูดานอยู่ร่วมในทีมผู้อพยพมากที่สุดถึง 5 คน และฝึกซ้อมที่อยู่ที่เคนยา
“เยียช ปูร์ เบียล” ต้องดิ้นรนกับชีวิตที่ยากแค้นตั้งแต่ 9 ขวบ สงครามกลางเมืองที่เซาธ์ซูดาน เมื่อปี 2005
ทำให้คนในประเทศอดอยาก แม่ของเขาบอกว่าจะไปหาอะไรมาให้กิน
แต่หลังจากนั้นแม่ของเขาก็ไม่กลับมาอีกเลย จากนั้นเขาลี้ภัย และไปเติบโตในค่ายผู้อพยพที่เคนยา

โยนาส คินเด้ ที่แทบจะไม่มีโอกาสกลับบ้านที่เอธิโอเปียอีกแล้วส่งเสียงถึงคนพลัดถิ่นว่า
“มันเป็นช่วงเวลาที่ยาก ผมไม่สามารถใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านเกิดได้อีก เพราะมันอันตรายเกินไป
พวกเราในทีมอพยพทุกคนมีปัญหากับการไม่ได้อยู่บ้าน แต่เราสามารถทำทุกอย่างได้ในค่ายอพยพ”

อีกประโยคกินใจจากปากของ เจมส์ เนียง เชียนกิเจ็ก นักวิ่ง 1,500 เมตรที่ทิ้งท้ายไว้ให้เห็นว่า
โลกนี้จะไม่ขาดแคลนถ้าทุกคนรู้จักแบ่งปัน
“การวิ่งช่วงแรกๆ ผมต้องยืมรองเท้าคนอื่นมาใส่ แต่มันก็ทำให้เจออาการบาดเจ็บเล่นงาน
เพราะไม่ใช่รองเท้าที่เหมาะกับเท้าของผม แต่นั่นแหละ มันทำให้ผมคิดได้ว่า
ถ้าผมมีรองเท้าสองคู่ ผมสามารถช่วยอีกคนหนึ่งได้ ด้วยการแบ่งปันรองเท้าให้กับคนที่ไม่มีรองเท้าใส่”


ขอเป็นกำลังใจให้กับทีมนักกีฬาอพยพแห่งริโอเกมส์ และผู้อพยพทั่วโลก


ผู้อพยพร่วมวิ่งคบเพลิง

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

http://www.unhcr.org/rio-2016-refugee-olympic-team.html
http://edition.cnn.com/2016/08/06/sport/rio-2016-refugee-team-olympics-syria/index.html
https://en.wikipedia.org/wiki/Refugee_Olympic_Team_at_the_2016_Summer_Olympics
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่