***สวัสดีค่ะเพื่อนๆ ห้องราชดำเนินทุกคน***
กระทู้นี้ เป็นมุมพักผ่อน มุมนี้ไม่มีสี ไม่มีกลุ่ม.........แต่มีเสียง...................

MC นู๋สร้างชาติ รับหน้าที่ค่ะ

เพื่อให้เข้ากับเทศกาลโอลิมปิคและการให้กำลังใจกัน วันนี้มีเรื่องราวของ
นักกีฬาหัวใจทองคำมาแบ่งปันค่ะ
เปิดตำนาน “นักกีฬาผู้ลี้ภัย” ชีวิตไม่เคยแพ้ ถ้าหัวใจยังสู้ !!
กีฬาโอลิมปิก 2016 “ริโอเกมส์” ที่ ริโอ เดอ จาเนโร ประเทศบราซิล เป็นการเปิดประวัติศาสตร์หน้าใหม่อีกบทของโอลิมปิกที่เริ่มมาตั้งแต่ปี 1896 นั่นก็คือเป็นครั้งแรกที่มีนักกีฬาอีกหนึ่งกลุ่มเข้าร่วมแข่งขันด้วย เป็นนักกีฬา “ผู้ลี้ภัย” หรือ “เรฟูจี ทีม”
คณะกรรมการโอลิมปิกสากล (ไอโอซี) ตระหนักถึงวิกฤติการณ์ผู้ลี้ภัยที่แทบจะมีอยู่ในทุกมุมของโลก จึงประกาศคัดเลือกนักกีฬาที่มาจากค่ายอพยพจำนวนหนึ่งเข้าร่วมแข่งขันกีฬาโอลิมปิกครั้งนี้ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจและแสดงออกถึงความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของมวลมนุษยชาติ
“การได้เข้าร่วมกีฬาโอลิมปิกของนักกีฬาเหล่านี้ ถือเป็นของขวัญ และการสร้างกำลังใจให้แก่บรรดาผู้ลี้ภัยทุกคนในการฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ เพื่อสร้างสิ่งที่ดีขึ้นทั้งของตัวเองและครอบครัวในอนาคต” ฟิลิปโป กรันดี ข้าหลวงใหญ่สำนักงานผู้ลี้ภัยสหประชาชาติกล่าว และย้ำว่า “เรายืนเคียงข้างพวกเขา และเหล่าผู้ลี้ภัยทุกคนตลอดเวลา”
ไอโอซีเลือกนักกีฬา 43 คนเข้ามาฝึกซ้อม โดยตั้งงบประมาณไว้ 2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จนคัดตัวรอบสุดท้ายเหลือ 10 คน แบ่งเป็น นักว่ายน้ำชาวซีเรีย 2 คน, นักยูโดจากดีอาร์ คองโก 2 คน, นักวิ่งมาราธอนจากเอธิโอเปีย 1 คน และนักวิ่งระยะกลางจากซูดานใต้ 5 คน
เรามาลองสัมผัสเส้นทางอันทรหดและความรู้สึกของพวกเขาบางส่วนดู....
ยุสรา มาร์ดินี ตัวแทนถือธงของทีมนักกีฬาผู้ลี้ภัยโอลิมปิก เมื่อ 4 ปีก่อนสาวน้อยคนนี้เคยลงแข่งขันให้ทีมชาติซีเรีย ในศึกว่ายน้ำชิงแชมป์โลก 2012 แต่ภัยสงครามภายในบ้านเกิดทำให้เธอต้องเดินทางแบบทรหดเพื่อหนีความตาย โดยหนีข้ามพรมแดนไปยังตุรกี จากนั้นก็อาศัยเรือยางและว่ายน้ำเข้าฝั่งเมื่อเชื้อเพลิงหมดเข้าสู่กรีซ นั่งรถไฟผ่านฮังการี ออสเตรีย ก่อนไปสุดปลายทางที่เยอรมนี ที่เธออาศัยและฝึกซ้อมอยู่ในปัจจุบัน
“ตอนที่เครื่องเรือดับนั้น มีบางคนว่ายน้ำไม่เป็น มันคงน่าอัปยศหากวันนั้นมีใครสักคนจมน้ำตาย ซึ่งบางทีอาจเป็นตัวฉันเองก็ได้” หลังจากเดินทางถึงเยอรมนี เมื่อเดือนกันยายนปีก่อน ยุสราฝึกซ้อมที่สโมสรว่ายน้ำแห่งหนึ่ง ซึ่งในโอลิมปิกครั้งนี้เธอจะลงว่ายในรายการฟรีสไตล์ 200 เมตรหญิง ที่เจ้าตัวหวังว่าจะเป็นการสร้างแรงบันดาลใจให้เหล่าผู้ลี้ภัยทั้งปวง
“ฉันจะเป็นตัวแทนของเหล่าผู้ลี้ภัยเหล่านี้ แสดงให้โลกรู้ว่า
หลังจากผ่านความเจ็บปวด ผ่านมรสุม จนถึงวันที่เราเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้งนั้นเป็นอย่างไร ฉันต้องการสร้างแรงบันดาลใจให้พวกเขาเพื่อสิ่งที่ดีกว่าในวันข้างหน้า”
โยลันเด มาบีกา นักยูโดวัย 28 ปี ที่จำได้เพียงภาพรางเลือนสมัยที่เธอยังเป็นเด็กหญิงตัวน้อย ต้องวิ่งหนีภัยสงครามที่บ้านเกิดประเทศดีอาร์คองโก และถูกหิ้วขึ้นเฮลิคอปเตอร์ส่งตัวไปยังกรุงคินชาซา เธอต้องพลัดพรากจากครอบครัว อยู่ในศูนย์เลี้ยงเด็กกำพร้า ซึ่งที่นี่เองเธอได้หัดเล่นกีฬายูโด
“ยูโดไม่ได้ทำให้ฉันร่ำรวย แต่ทำให้หัวใจฉันแข็งแกร่ง ตอนที่ฉันพลัดพรากจากครอบครัว ฉันได้แต่ร้องไห้ แต่เมื่อฉันมาหัดเล่นยูโด ก็ทำให้ชีวิตดีขึ้น”
ปี 2013 มาบิกา เดินทางมายังริโอ บราซิล เพื่อแข่งยูโดชิงแชมป์โลก ซึ่งเธอถูกโค้ชยึดพาสปอร์ต จำกัดอาหาร ขังไว้ในกรงเมื่อพ่ายแพ้ ทำให้เธอหนีออกจากที่พัก เร่ร่อนตามท้องถนนเพื่อหาความช่วยเหลือและที่สุดเธอก็ปักหลักอยู่ที่นี่ในฐานะผู้ลี้ภัย ก่อนได้รับการคัดเลือกเข้าร่วม “ริโอเกมส์” ในที่สุด
“โอลิมปิกคือเวทีที่จะเปลี่ยนชีวิตของฉัน ฉันหวังว่าเรื่องราวของฉันจะเป็นตัวอย่างให้แก่ทุกคน และหวังว่าครอบครัวของฉันจะได้รับรู้เรื่องราว ซึ่งจะทำให้เราได้กลับมาอยู่ร่วมกันอีกครั้ง”
อันเยลินา นาได นักวิ่งวัย 21 ปี ชาวซูดานใต้ ที่ไม่เคยพบหรือพูดคุยกับครอบครัวเลย นับตั้งแต่เกิดสงครามกลางเมืองที่บ้านเกิดของเธอและทำลายราบเป็นหน้ากลอง อย่างไรก็ตาม เธอยังมีความหวังเมื่อได้ยินข่าวอย่างต่อเนื่องว่าครอบครัวของเธอยังมีชีวิตอยู่ นั่นคือแรงบันดาลใจสำคัญที่ทำให้สาวน้อยที่เป็นผู้ลี้ภัยอยู่ในเคนยาผู้นี้หันมาฝึกซ้อมอย่างหนักในการวิ่ง 1,500 เมตรหญิง เพื่อลงแข่งโอลิมปิก 2016 ด้วยหวังที่จะนำความสำเร็จกลับไปช่วยครอบครัวที่หิวโหยของเธอให้จงได้
“หากคุณมีเงิน ชีวิตคุณก็จะเปลี่ยน” อันเยลินา กล่าวพร้อมตอบคำถามส่งท้ายที่ว่าหากได้เงินก้อนโตมาจะทำอะไร “อ๋อ...ฉันจะไปสร้างบ้านใหม่ให้พ่อ!!!”
นี่คือส่วนหนึ่งของนักกีฬา “ผู้ลี้ภัย” ในโอลิมปิกเกมส์หนนี้ ที่แม้ทุกคนอาจมีที่มาที่ไปไม่เหมือนกัน แต่ทุกคนมีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกันคือมาด้วยความหวังชัยชนะ อยากได้เหรียญทองกลับไปเพื่อเกียรติยศ
แต่แม้นไม่ได้เหรียญทอง พวกเขาและเธอทั้ง 10 คนก็จะมีอีกสิ่งที่ติดตัวไปตลอดชีวิต นั่นก็คือ “หัวใจทองคำ” ที่ไม่เคยท้อถอยกับการต่อสู้ในชีวิตจริง....
Cr.
http://www.komchadluek.net/news/sport/236723
ขอเป็นกำลังใจให้นักกีฬาและนักสู้ที่มีหัวใจทองคำทุกท่านค่ะ
"หากวันใดอ่อนแอ ท้อแท้ อย่าหวั่นไหว ขอให้ใจ ไม่สิ้นหวัง
ปัญหา แม้จะหนัก ก็คง ไม่เกินกำลัง อย่าหยุดยั้ง ก้าว ไป
ขอ อย่า ยอม แพ้ อย่าอ่อนแอ แม้จะร้องไห้
จงลุกขึ้น สู้ไปจุดหมาย ไม่ไกล เกินจริง"
อย่ายอมแพ้ - อ้อม สุนิสา (Version.wallpaperkamkom)

วันนี้ชวนเพื่อนๆ เปิดเพลงให้กำลังใจกันค่ะ
ห้องเพลงคนรากหญ้าเปิดขึ้นมามีวัตถุประสงค์ เพื่อ
1. มีพื้นที่ให้เพื่อนๆ ได้มาพบปะ พูดคุยระหว่างกัน ในภาวะที่ต้องระมัดระวังการโพสการเมืองอย่างเคร่งครัด
2. เป็นพื้นที่ พักผ่อน ลดความเครียดทางการเมือง ให้เพื่อนๆ มีกิจกรรมสนุกๆ ร่วมกัน
3. สร้างมิตรภาพและความปรองดอง ซึ่งเราหวังให้สังคมไทยเป็นเช่นนี้ แม้นคิดต่างกัน แต่เมื่อคุยกันแล้วก็เป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม
เพื่อมวลชน @ห้องเพลงคนรากหญ้า

กระทู้ห้องเพลงเป็นกระทู้เปิด มิได้ปิดกั้นผู้หนึ่งผู้ใด "ขอให้มาดี เราคือเพื่อนกัน" ซึ่งก็เหมือนกับกระทู้ทั่วไป ที่เราไม่จำเป็นต้องทราบว่า User ท่านไหนเป็นใครมาจากไหน ...ดังนั้น หากมีบุคคลใดที่มีการโพสสิ่งผิดกฎหมายและศีลธรรมอันดีของสังคมนั้น หรือสิ่งรบกวนใดๆ ในบอร์ด เป็นเรื่องส่วนบุคคล ทางห้องเพลงจึงขอแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งสิ้น
ห้องเพลง**คนรากหญ้า** พักยกการเมือง มุมเสียงเพลง มุมนี้ไม่มีสี ไม่มีกลุ่ม............มีแต่เสียง 8/8/2016
***สวัสดีค่ะเพื่อนๆ ห้องราชดำเนินทุกคน***
กระทู้นี้ เป็นมุมพักผ่อน มุมนี้ไม่มีสี ไม่มีกลุ่ม.........แต่มีเสียง...................
เพื่อให้เข้ากับเทศกาลโอลิมปิคและการให้กำลังใจกัน วันนี้มีเรื่องราวของนักกีฬาหัวใจทองคำมาแบ่งปันค่ะ
เปิดตำนาน “นักกีฬาผู้ลี้ภัย” ชีวิตไม่เคยแพ้ ถ้าหัวใจยังสู้ !!
กีฬาโอลิมปิก 2016 “ริโอเกมส์” ที่ ริโอ เดอ จาเนโร ประเทศบราซิล เป็นการเปิดประวัติศาสตร์หน้าใหม่อีกบทของโอลิมปิกที่เริ่มมาตั้งแต่ปี 1896 นั่นก็คือเป็นครั้งแรกที่มีนักกีฬาอีกหนึ่งกลุ่มเข้าร่วมแข่งขันด้วย เป็นนักกีฬา “ผู้ลี้ภัย” หรือ “เรฟูจี ทีม”
คณะกรรมการโอลิมปิกสากล (ไอโอซี) ตระหนักถึงวิกฤติการณ์ผู้ลี้ภัยที่แทบจะมีอยู่ในทุกมุมของโลก จึงประกาศคัดเลือกนักกีฬาที่มาจากค่ายอพยพจำนวนหนึ่งเข้าร่วมแข่งขันกีฬาโอลิมปิกครั้งนี้ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจและแสดงออกถึงความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของมวลมนุษยชาติ
“การได้เข้าร่วมกีฬาโอลิมปิกของนักกีฬาเหล่านี้ ถือเป็นของขวัญ และการสร้างกำลังใจให้แก่บรรดาผู้ลี้ภัยทุกคนในการฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ เพื่อสร้างสิ่งที่ดีขึ้นทั้งของตัวเองและครอบครัวในอนาคต” ฟิลิปโป กรันดี ข้าหลวงใหญ่สำนักงานผู้ลี้ภัยสหประชาชาติกล่าว และย้ำว่า “เรายืนเคียงข้างพวกเขา และเหล่าผู้ลี้ภัยทุกคนตลอดเวลา”
ไอโอซีเลือกนักกีฬา 43 คนเข้ามาฝึกซ้อม โดยตั้งงบประมาณไว้ 2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จนคัดตัวรอบสุดท้ายเหลือ 10 คน แบ่งเป็น นักว่ายน้ำชาวซีเรีย 2 คน, นักยูโดจากดีอาร์ คองโก 2 คน, นักวิ่งมาราธอนจากเอธิโอเปีย 1 คน และนักวิ่งระยะกลางจากซูดานใต้ 5 คน
เรามาลองสัมผัสเส้นทางอันทรหดและความรู้สึกของพวกเขาบางส่วนดู....
ยุสรา มาร์ดินี ตัวแทนถือธงของทีมนักกีฬาผู้ลี้ภัยโอลิมปิก เมื่อ 4 ปีก่อนสาวน้อยคนนี้เคยลงแข่งขันให้ทีมชาติซีเรีย ในศึกว่ายน้ำชิงแชมป์โลก 2012 แต่ภัยสงครามภายในบ้านเกิดทำให้เธอต้องเดินทางแบบทรหดเพื่อหนีความตาย โดยหนีข้ามพรมแดนไปยังตุรกี จากนั้นก็อาศัยเรือยางและว่ายน้ำเข้าฝั่งเมื่อเชื้อเพลิงหมดเข้าสู่กรีซ นั่งรถไฟผ่านฮังการี ออสเตรีย ก่อนไปสุดปลายทางที่เยอรมนี ที่เธออาศัยและฝึกซ้อมอยู่ในปัจจุบัน
“ตอนที่เครื่องเรือดับนั้น มีบางคนว่ายน้ำไม่เป็น มันคงน่าอัปยศหากวันนั้นมีใครสักคนจมน้ำตาย ซึ่งบางทีอาจเป็นตัวฉันเองก็ได้” หลังจากเดินทางถึงเยอรมนี เมื่อเดือนกันยายนปีก่อน ยุสราฝึกซ้อมที่สโมสรว่ายน้ำแห่งหนึ่ง ซึ่งในโอลิมปิกครั้งนี้เธอจะลงว่ายในรายการฟรีสไตล์ 200 เมตรหญิง ที่เจ้าตัวหวังว่าจะเป็นการสร้างแรงบันดาลใจให้เหล่าผู้ลี้ภัยทั้งปวง
“ฉันจะเป็นตัวแทนของเหล่าผู้ลี้ภัยเหล่านี้ แสดงให้โลกรู้ว่าหลังจากผ่านความเจ็บปวด ผ่านมรสุม จนถึงวันที่เราเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้งนั้นเป็นอย่างไร ฉันต้องการสร้างแรงบันดาลใจให้พวกเขาเพื่อสิ่งที่ดีกว่าในวันข้างหน้า”
โยลันเด มาบีกา นักยูโดวัย 28 ปี ที่จำได้เพียงภาพรางเลือนสมัยที่เธอยังเป็นเด็กหญิงตัวน้อย ต้องวิ่งหนีภัยสงครามที่บ้านเกิดประเทศดีอาร์คองโก และถูกหิ้วขึ้นเฮลิคอปเตอร์ส่งตัวไปยังกรุงคินชาซา เธอต้องพลัดพรากจากครอบครัว อยู่ในศูนย์เลี้ยงเด็กกำพร้า ซึ่งที่นี่เองเธอได้หัดเล่นกีฬายูโด
“ยูโดไม่ได้ทำให้ฉันร่ำรวย แต่ทำให้หัวใจฉันแข็งแกร่ง ตอนที่ฉันพลัดพรากจากครอบครัว ฉันได้แต่ร้องไห้ แต่เมื่อฉันมาหัดเล่นยูโด ก็ทำให้ชีวิตดีขึ้น”
ปี 2013 มาบิกา เดินทางมายังริโอ บราซิล เพื่อแข่งยูโดชิงแชมป์โลก ซึ่งเธอถูกโค้ชยึดพาสปอร์ต จำกัดอาหาร ขังไว้ในกรงเมื่อพ่ายแพ้ ทำให้เธอหนีออกจากที่พัก เร่ร่อนตามท้องถนนเพื่อหาความช่วยเหลือและที่สุดเธอก็ปักหลักอยู่ที่นี่ในฐานะผู้ลี้ภัย ก่อนได้รับการคัดเลือกเข้าร่วม “ริโอเกมส์” ในที่สุด
“โอลิมปิกคือเวทีที่จะเปลี่ยนชีวิตของฉัน ฉันหวังว่าเรื่องราวของฉันจะเป็นตัวอย่างให้แก่ทุกคน และหวังว่าครอบครัวของฉันจะได้รับรู้เรื่องราว ซึ่งจะทำให้เราได้กลับมาอยู่ร่วมกันอีกครั้ง”
อันเยลินา นาได นักวิ่งวัย 21 ปี ชาวซูดานใต้ ที่ไม่เคยพบหรือพูดคุยกับครอบครัวเลย นับตั้งแต่เกิดสงครามกลางเมืองที่บ้านเกิดของเธอและทำลายราบเป็นหน้ากลอง อย่างไรก็ตาม เธอยังมีความหวังเมื่อได้ยินข่าวอย่างต่อเนื่องว่าครอบครัวของเธอยังมีชีวิตอยู่ นั่นคือแรงบันดาลใจสำคัญที่ทำให้สาวน้อยที่เป็นผู้ลี้ภัยอยู่ในเคนยาผู้นี้หันมาฝึกซ้อมอย่างหนักในการวิ่ง 1,500 เมตรหญิง เพื่อลงแข่งโอลิมปิก 2016 ด้วยหวังที่จะนำความสำเร็จกลับไปช่วยครอบครัวที่หิวโหยของเธอให้จงได้
“หากคุณมีเงิน ชีวิตคุณก็จะเปลี่ยน” อันเยลินา กล่าวพร้อมตอบคำถามส่งท้ายที่ว่าหากได้เงินก้อนโตมาจะทำอะไร “อ๋อ...ฉันจะไปสร้างบ้านใหม่ให้พ่อ!!!”
นี่คือส่วนหนึ่งของนักกีฬา “ผู้ลี้ภัย” ในโอลิมปิกเกมส์หนนี้ ที่แม้ทุกคนอาจมีที่มาที่ไปไม่เหมือนกัน แต่ทุกคนมีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกันคือมาด้วยความหวังชัยชนะ อยากได้เหรียญทองกลับไปเพื่อเกียรติยศ
แต่แม้นไม่ได้เหรียญทอง พวกเขาและเธอทั้ง 10 คนก็จะมีอีกสิ่งที่ติดตัวไปตลอดชีวิต นั่นก็คือ “หัวใจทองคำ” ที่ไม่เคยท้อถอยกับการต่อสู้ในชีวิตจริง....
Cr. http://www.komchadluek.net/news/sport/236723
ขอเป็นกำลังใจให้นักกีฬาและนักสู้ที่มีหัวใจทองคำทุกท่านค่ะ
ปัญหา แม้จะหนัก ก็คง ไม่เกินกำลัง อย่าหยุดยั้ง ก้าว ไป
ขอ อย่า ยอม แพ้ อย่าอ่อนแอ แม้จะร้องไห้
จงลุกขึ้น สู้ไปจุดหมาย ไม่ไกล เกินจริง"
อย่ายอมแพ้ - อ้อม สุนิสา (Version.wallpaperkamkom)
วันนี้ชวนเพื่อนๆ เปิดเพลงให้กำลังใจกันค่ะ
ห้องเพลงคนรากหญ้าเปิดขึ้นมามีวัตถุประสงค์ เพื่อ
1. มีพื้นที่ให้เพื่อนๆ ได้มาพบปะ พูดคุยระหว่างกัน ในภาวะที่ต้องระมัดระวังการโพสการเมืองอย่างเคร่งครัด
2. เป็นพื้นที่ พักผ่อน ลดความเครียดทางการเมือง ให้เพื่อนๆ มีกิจกรรมสนุกๆ ร่วมกัน
3. สร้างมิตรภาพและความปรองดอง ซึ่งเราหวังให้สังคมไทยเป็นเช่นนี้ แม้นคิดต่างกัน แต่เมื่อคุยกันแล้วก็เป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม
กระทู้ห้องเพลงเป็นกระทู้เปิด มิได้ปิดกั้นผู้หนึ่งผู้ใด "ขอให้มาดี เราคือเพื่อนกัน" ซึ่งก็เหมือนกับกระทู้ทั่วไป ที่เราไม่จำเป็นต้องทราบว่า User ท่านไหนเป็นใครมาจากไหน ...ดังนั้น หากมีบุคคลใดที่มีการโพสสิ่งผิดกฎหมายและศีลธรรมอันดีของสังคมนั้น หรือสิ่งรบกวนใดๆ ในบอร์ด เป็นเรื่องส่วนบุคคล ทางห้องเพลงจึงขอแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งสิ้น