สวัสดีค่ะ 'ความรัก' คุณรู้จักความหมายของคำคำนี้ดีเท่าไหร่คะ เราไม่รู้ความหมายที่แท้จริงของมันหรอกค่ะ เรารู้แต่ว่าเราอยากจะอยู่กับใครไปตลอด อยากดูแล อยากปกป้อง อยากยิ้มให้ อยากร้องไห้ด้วยกัน มันน่าจะเป็นความรักนะคะ
รูปแบบความรักที่เราเจอกันมันมีมากมายหลายแบบค่ะ สำหรับเรามันคือ รักต้องเลือกค่ะ เพื่อนๆได้ยินประโยคนี้คงคุ้นหูกับซีรีย์ที่จบไปของคลับฟลายเดย์ตอนรักต้องเลือก เราติดเรื่องนี้มากเพราะมันใกล้เคียงกับชีวิตของเราค่ะ แต่ชีวิตเราไม่แซ่บระดับ10เหมือนในหนังนะคะ เพราะเรามันผู้หญิงธรรมดาหน้าตาบ้านๆ ไปเจอกับผู้ชายธรรมดานิสัยดีคนหนึ่งค่ะ
เรื่องราวของเราจะยาวมากหน่อยนะคะที่ตัดสินใจมาเล่าเพราะตื่นมาตีสามร้องไห้ นอนไม่หลับ เปิดอินเตอร์เน็ตอยากจะออกมาจากความทุกข์นี้ แต่ทำไม่ได้สักที เลยตัดสินใจมาเล่าเอง เพราะอยากรู้ว่าเพื่อนๆที่เจอเรื่องนี้ เลือกที่จะหยุดหรือไปต่อ ถ้าหยุด หยุดแบบไหน ถ้าไปต่อ ไปต่อยังไงคะ ถ้ามีเหตุผลดีๆมาแลกเปลี่ยนกันค่ะ เรายืนยันว่าทั้งหมดเป็นเรื่องจริง เป็นความทรงจำที่แสนพิเศษและปวดร้าวของเราเองค่ะ
เริ่มเรื่องย้อนไปเมื่อช่วงต้นเดือนมกราคมปี2558ค่ะ
พี่T:วันนี้ทำอะไรครับ
เรา:ว่าจะไปเดินสยามค่ะ
พี่T:หรอน่าสนใจนะ
เรา:come come
พี่T:โอเค เดี๋ยวเจอกัน
นี่เป็นข้อความไลน์ล่าสุดก่อนเจอกันครั้งแรก เรากับพี่Tรู้จักกันผ่านทางโซเชียล คุยกันมาได้ประมาณอาทิตย์กว่าๆ สุดท้ายมีโอกาสได้เจอกันสักที เราคุยกับพี่T(แฟนหรือเป็นแฟนเก่าหรือคนเคยรักกันไม่รู้จะเรียกว่าอะไรดี) เราคุยกันภาษาไทยคำอังกฤษคำ เพราะพี่Tเป็นเด็กนักเรียนทุนอยู่ต่างประเทศตั้งแต่เด็ก ทำให้พี่เค้าพิมไทยไม่ค่อยได้ อ่านไทยช้าแต่พออ่านได้ค่ะ เราได้เจอกันเพราะเราพิมพ์หาพี่Tว่า "come come" 5555 แปลกแต่ก็จริงนะคะ เราได้เจอกันเพราะคำนี้จริงๆ เราจำได้เลยว่าวันนั้นเราแต่งหน้านานมากๆค่ะ อยากสวยไปเจอเค้า เรานัดกันที่สยามพารากอนค่ะ เราบอกเจอตรงชั้นMนะหน้าLV เรามาถึงก่อนเรารอพี่Tอยู่สักพัก พี่Tบอกว่าไปถึงช้าหน่อยรถติด เราก็แบบอ่ะโอเค แต่มีแอบเซ็งๆนิดนึง ว่าทำไมเลทตั้งแต่นัดแรกเลยนะหึ! พอพี่Tมาถึงเค้าบอกเดินเข้าห้างมาทางBTSเพราะเอารถไปจอดแล้วนั่งบีทีเอสมา รถติดมาก เค้าบอกเดินเข้ามาไม่เจอLV เจอแต่D&G เราก็แบบ อ่ออยู่ตรงนั้นแหละเดี๋ยวเราไปหาเอง เราเดินพารากอนบ่อยเราพอรู้จักร้านในนี้ แต่ไม่เคยซื้อหรอกค่ะ มันแพง แต่เราเป็นผู้หญิงเนอะชอบดูของสวยๆงามๆเป็นเรื่องธรรมดาค่ะ พอเราไปหน้าD&G เรายังไม่เจอพี่เค้า คนไม่เคยเจอกันแค่คุยไลน์กันเนอะ เราเลยไลน์บอกให้พี่เค้ายกมือสิ สองมือด้วยนะ เราจะได้เห็น เราแกล้งเล่นไปงั้นแหละค่ะแต่พี่Tทำจริงๆ เราก็เดินไปทักพร้อมหัวเราะอย่างดัง ยืนคุยกันสักพัก และหาอะไรทานกันค่ะวันนั้นเรากับพี่T เดินพารากอน เซ็นทรัลเวิล สยามเซ็นเตอร์ MBK เดินกันประมาณสองหมื่นกว่าก้าว แล้วไปจบที่มนต์นมสดMBK ค่ะ วันนั้นพี่ Tบอกว่าจะกลับพร้อมน้องสาว น้องสาวพี่T เราแทนชื่อว่าน้องAนะคะ น้องA เรียนปริญญาโทอยู่ที่มหาวิทยาลัยชื่อดังแถวนั้นแหละค่ะ เรานั่งกินมนต์นมสดกัน แล้วน้องสาวพี่Tก็เดินมารับพี่T แล้วเค้าก็จะไปขึ้นบีทีเอสกลับกันค่ะ ระหว่างเดินไปบีทีเอส เราไม่ได้รีบกลับอะไรเราก็เลยขอเดินไปส่งค่ะ ระหว่างเดินไปพี่Tกับน้องAก็คุยกันเป็นภาษาอังกฤษค่ะ คือช่วงนั้นเราเงียบแบบกาบินผ่านนึกสภาพออกนะคะ คือภาษาอังกฤษเราพอได้ค่ะ แต่ไม่ถึงกับสนทนาได้รวดเร็วขนาดนั้น พอถึงบีทีเอส เราก็ลากับพี่Tและน้องA พร้อมกับรู้สึกแปลกๆงงๆว่าเอ๊ะอะไรยังไงกัน ทำไมไม่พูดภาษาไทยกันนะ แล้วก็แบบอ่ะช่างเหอะ เค้าคงชอบพูดอังกฤษกันมากกว่า กลับบ้านไปแบบงงๆค่ะ
คืนนั้นพี่Tไลน์หาเรานะคะว่า วันนี้สนุกมากอยากเจอกันอีก เราก็เลยนัดกันไปเที่ยวอีกวัน แต่พอเจอกันเราได้รับข่าวร้ายว่าพี่Tจะกลับไปต่างประเทศเร็วๆนี้แล้วนะ เราก็แบบอ่าวเร็วจังยังไม่ทันไรเลย วันนั้นเราก็เที่ยวเล่นตามปกติยังไม่อารัยอาวรณ์มากค่ะ จนไปจบที่ร้านMr.jones ตรงแถวๆ Seen space ทองหล่อค่ะ ร้านนี้เป็นร้านขนมเล็กๆ แต่ความพิเศษของเค้าคือ เค้ามีชั้นลอยข้างบน เป็นร้านน่ารักค่ะ ชั้นลอยเวลาเดินต้องก้มหัวเพราะมันเตี้ยมากมีตุ๊กตาหมีเต็มร้าน เราสั่งขนม และชากลิ่นช๊อกโกแลตมาทานกัน ชาหอมมากๆค่ะ นี่เป็นครั้งแรกที่เราถ่ายรูปคู่กันค่ะ ทั้งหวานขนม หอม ชา ทั้งเขิล เรานี่ยิ้มหน้าบานเป็นดอกทานตะวันเลย เราคุยกันจนเกือบประมาณห้าโมง พี่T ถามเราว่า พี่ต้องรีบไปแล้วเพราะนัดที่บ้านทานข้าวไว้ แต่อยากอยู่ด้วยกันต่อ พี่Tมีความน่ารักอ่ะ เราเลยแบบอ่ะเดี๋ยวขอแม่ก่อนเพราะมันดึก แต่พี่Tบอกว่าไม่สะดวกไม่เป็นไรนะ เพราะพี่อาจจะไปส่งไม่ได้ อาจจะส่งได้แค่ขึ้นบีทีเอส เพราะร้านอาหารอยู่ใกล้บีทีเอส เราก็เริ่มชั่งใจ แบบเอ๊ะ จะเอาไงดีอ่ะ ปกติไม่ค่อยกลับดึก เพราะบ้านอยู่ลึกมากกกก ถ้าจะกลับดึกคือต้องมีคนไปส่ง ตอนแรกแม่เราก็คัดค้านนะ แต่เราแบบ งอแงอ่ะอยากไป แม่ก็เลย อ่ะๆได้แต่รายงานเป็นระยะนะแม่เป็นห่วง จากนั้นเรากับพี่Tก็ไปถึงที่ร้าน อยู่แถวๆรถไฟฟ้าใต้ดินบางซื่อ พ่อแม่และน้องสาวพี่Tไปรออยุ่แล้ว เรากับพี่Tก็เดินไปไหว้ และเริ่มทานอาหารกัน เราจะเป็นคนป่วยๆค่ะ แพ้อาหารเยอะแล้วก็กินยาก เราไม่ชอบกินไก่กินหมูพี่Tก็สั่งพวกปลามาให้ทาน คุยไปคุยมาเรารูสึกแบบบ้านพี่Tอบอุ่นน่ารัก พ่อพี่ Tเป็นคนชอบกินอาหารประเภทแกงเผ็ดๆมาก แต่กินทีไรจะท้องเสียทุกที แม่พี่Tจะคอยปรามๆไว้ พ่อกับแม่พี่Tเป็นอาจารย์ทั้งคู่ พ่อพี่Tเรียนจบถึงดอกเตอร์ น้องสาวพี่Tกำลังต่อโท ส่วนพี่Tก็ใกล้จะจบโทแล้วที่ต่างประเทศ เรารู้สึกเลยว่าเราโชคดีจังที่ได้มาเจอครอบครัวนี้ ทั้งฉลาด มีความรู้ แล้วยังไม่ถือตัวอีก
ทานอาหารกันเสร็จก็สามทุ่มแล้ว พ่อพี่Tเลยบอกว่าดึกแล้วเดี๋ยวไปส่งเราดีกว่า แล้วพ่อพี่Tยังน่ารัก×10โดยให้พี่Tขับ แล้วเรานั่งข้างหน้า ส่วนพ่อแม่และน้องAนั่งข้างหลัง พูดถึงน้องAเรารู้สึกเอ็นดูนะเพราะเรามีน้องสาว แต่ยังไม่สนิทกันจึงไม่ได้คุยอะไรมากเท่าไหร่
คืนนั้นเรากับพี่Tคุยกันผ่านไลน์ตลอดจนSay goodnightกัน อีกสองวันพี่Tจะกลับต่างประเทศแล้ว เราจึงขอไปส่งพี่เค้าด้วย พี่เค้ากลับรอบสี่โมงเย็น พี่Tนัดเราไปตอนบ่ายสามโมงครึ่งก่อนขึ้นเครื่อง เราตัดสินใจนั่ง airport linkค่ะ เพราะสุวรรณภูมิไกลมากกกก เราไม่เคยขึ้น airport linkหรอกเป็นครั้งแรก ค่ะ แต่พลังแห่งการอยากเจอไงเราเลยอ่ะลองดูสักตั้ง พอเราไปถึง พี่T ก็ทานข้าวอยู่กับครอบครัวและญาติๆ ค่ะเราก็ไปนั่งเงียบๆยิ้มๆเขิลๆตามประสา พอใกล้เวลาขึ้นเครื่องพี่Tบอกกับที่บ้านว่าขอไปส่งเราขึ้นAirport linkกลับก่อนนะ ก็เดินคุยกันไปสักพักว่าจะทำยังไงดีที่จะติดต่อกัน ก็เลยแลกเบอร์โทรศัพท์กันไว้ค่ะ เพราะที่ผ่านมาคุยกันผ่านทางไลน์อย่างเดียว พอถึงหน้า Airport linkเราก็ล่ำลากันค่ะ พี่Tก็เดินกลับเข้าไปสนามบิน เราก็ยืนมองเค้าเดินไปน้ำตาเรามันแบบเริ่มจะไหล เรารู้สึกว่าทำไมอ่ะสองวันที่ผ่านมามีความสุขมากทำไมมันถึงผ่านไปเร็วแบบนี้ ทำไมเราไม่เจอกันเร็วกว่านี้ ทำไมพี่Tต้องรีบกลับด้วย พี่Tเดินไปไกลสักพักหันมามองหน้าเรา หยุด และวิ่งกลับมาที่เรา วิ่งจริงๆนะคะ เพราะเหมือนเรายืนมองเค้าอยู่อ่ะ พอมาถึงตัวเราพี่ Tก็ มาจุ๊บเราที่ปากอยู่สามวินาที เราจุ๊บกลับไปโดยอัตโนมัติทันที ตอนนั้นความรู้สึกมันหยุดนิ่ง ใจนึงตกใจ แต่อีกใจมันกลับรู้สึกดีอย่างแปลกประหลาด สักพักเราต่างคนต่างเดินกลับทีนี้เราเดินไปน้ำตาเราไหลเลย แต่เป็นน้ำตาแห่งความยินดีนะคะ คือคุณนึกออกไหมคะว่า นี่มันนิยายน้ำเน่าชัดๆ อย่างกับหนังฝรั่ง จุ๊บกันที่สนามบินเนี่ยนะ เราไม่รู้หรอกว่าความรักคืออะไร จนตอนนี้ที่พิมพ์อยู่เราก็ยังไม่รู้ค่ะ แต่ ณ จิตใจตอนนั้นเราคิดแบบนี่แหละใช่แน่ ความรู้สึกดีๆนี้ มันต้องเป็น 'ความรัก'
เดี๋ยวจะรีบมาเขียนต่อนะคะ วันนี้วันแม่ขอลงไปทานอาหารเช้ากับแม่ก่อน นี่ตื่นตั้งแต่ตีสามยังไม่ได้นอนเลย ต้องทำหน้าดีๆเพราะเดี๋ยวแม่จะเป็นห่วงสุขสันต์วันแม่นะคะ
"รักต้องเลือก" ชีวิตจริงไม่อิงนิยาย
รูปแบบความรักที่เราเจอกันมันมีมากมายหลายแบบค่ะ สำหรับเรามันคือ รักต้องเลือกค่ะ เพื่อนๆได้ยินประโยคนี้คงคุ้นหูกับซีรีย์ที่จบไปของคลับฟลายเดย์ตอนรักต้องเลือก เราติดเรื่องนี้มากเพราะมันใกล้เคียงกับชีวิตของเราค่ะ แต่ชีวิตเราไม่แซ่บระดับ10เหมือนในหนังนะคะ เพราะเรามันผู้หญิงธรรมดาหน้าตาบ้านๆ ไปเจอกับผู้ชายธรรมดานิสัยดีคนหนึ่งค่ะ
เรื่องราวของเราจะยาวมากหน่อยนะคะที่ตัดสินใจมาเล่าเพราะตื่นมาตีสามร้องไห้ นอนไม่หลับ เปิดอินเตอร์เน็ตอยากจะออกมาจากความทุกข์นี้ แต่ทำไม่ได้สักที เลยตัดสินใจมาเล่าเอง เพราะอยากรู้ว่าเพื่อนๆที่เจอเรื่องนี้ เลือกที่จะหยุดหรือไปต่อ ถ้าหยุด หยุดแบบไหน ถ้าไปต่อ ไปต่อยังไงคะ ถ้ามีเหตุผลดีๆมาแลกเปลี่ยนกันค่ะ เรายืนยันว่าทั้งหมดเป็นเรื่องจริง เป็นความทรงจำที่แสนพิเศษและปวดร้าวของเราเองค่ะ
เริ่มเรื่องย้อนไปเมื่อช่วงต้นเดือนมกราคมปี2558ค่ะ
พี่T:วันนี้ทำอะไรครับ
เรา:ว่าจะไปเดินสยามค่ะ
พี่T:หรอน่าสนใจนะ
เรา:come come
พี่T:โอเค เดี๋ยวเจอกัน
นี่เป็นข้อความไลน์ล่าสุดก่อนเจอกันครั้งแรก เรากับพี่Tรู้จักกันผ่านทางโซเชียล คุยกันมาได้ประมาณอาทิตย์กว่าๆ สุดท้ายมีโอกาสได้เจอกันสักที เราคุยกับพี่T(แฟนหรือเป็นแฟนเก่าหรือคนเคยรักกันไม่รู้จะเรียกว่าอะไรดี) เราคุยกันภาษาไทยคำอังกฤษคำ เพราะพี่Tเป็นเด็กนักเรียนทุนอยู่ต่างประเทศตั้งแต่เด็ก ทำให้พี่เค้าพิมไทยไม่ค่อยได้ อ่านไทยช้าแต่พออ่านได้ค่ะ เราได้เจอกันเพราะเราพิมพ์หาพี่Tว่า "come come" 5555 แปลกแต่ก็จริงนะคะ เราได้เจอกันเพราะคำนี้จริงๆ เราจำได้เลยว่าวันนั้นเราแต่งหน้านานมากๆค่ะ อยากสวยไปเจอเค้า เรานัดกันที่สยามพารากอนค่ะ เราบอกเจอตรงชั้นMนะหน้าLV เรามาถึงก่อนเรารอพี่Tอยู่สักพัก พี่Tบอกว่าไปถึงช้าหน่อยรถติด เราก็แบบอ่ะโอเค แต่มีแอบเซ็งๆนิดนึง ว่าทำไมเลทตั้งแต่นัดแรกเลยนะหึ! พอพี่Tมาถึงเค้าบอกเดินเข้าห้างมาทางBTSเพราะเอารถไปจอดแล้วนั่งบีทีเอสมา รถติดมาก เค้าบอกเดินเข้ามาไม่เจอLV เจอแต่D&G เราก็แบบ อ่ออยู่ตรงนั้นแหละเดี๋ยวเราไปหาเอง เราเดินพารากอนบ่อยเราพอรู้จักร้านในนี้ แต่ไม่เคยซื้อหรอกค่ะ มันแพง แต่เราเป็นผู้หญิงเนอะชอบดูของสวยๆงามๆเป็นเรื่องธรรมดาค่ะ พอเราไปหน้าD&G เรายังไม่เจอพี่เค้า คนไม่เคยเจอกันแค่คุยไลน์กันเนอะ เราเลยไลน์บอกให้พี่เค้ายกมือสิ สองมือด้วยนะ เราจะได้เห็น เราแกล้งเล่นไปงั้นแหละค่ะแต่พี่Tทำจริงๆ เราก็เดินไปทักพร้อมหัวเราะอย่างดัง ยืนคุยกันสักพัก และหาอะไรทานกันค่ะวันนั้นเรากับพี่T เดินพารากอน เซ็นทรัลเวิล สยามเซ็นเตอร์ MBK เดินกันประมาณสองหมื่นกว่าก้าว แล้วไปจบที่มนต์นมสดMBK ค่ะ วันนั้นพี่ Tบอกว่าจะกลับพร้อมน้องสาว น้องสาวพี่T เราแทนชื่อว่าน้องAนะคะ น้องA เรียนปริญญาโทอยู่ที่มหาวิทยาลัยชื่อดังแถวนั้นแหละค่ะ เรานั่งกินมนต์นมสดกัน แล้วน้องสาวพี่Tก็เดินมารับพี่T แล้วเค้าก็จะไปขึ้นบีทีเอสกลับกันค่ะ ระหว่างเดินไปบีทีเอส เราไม่ได้รีบกลับอะไรเราก็เลยขอเดินไปส่งค่ะ ระหว่างเดินไปพี่Tกับน้องAก็คุยกันเป็นภาษาอังกฤษค่ะ คือช่วงนั้นเราเงียบแบบกาบินผ่านนึกสภาพออกนะคะ คือภาษาอังกฤษเราพอได้ค่ะ แต่ไม่ถึงกับสนทนาได้รวดเร็วขนาดนั้น พอถึงบีทีเอส เราก็ลากับพี่Tและน้องA พร้อมกับรู้สึกแปลกๆงงๆว่าเอ๊ะอะไรยังไงกัน ทำไมไม่พูดภาษาไทยกันนะ แล้วก็แบบอ่ะช่างเหอะ เค้าคงชอบพูดอังกฤษกันมากกว่า กลับบ้านไปแบบงงๆค่ะ
คืนนั้นพี่Tไลน์หาเรานะคะว่า วันนี้สนุกมากอยากเจอกันอีก เราก็เลยนัดกันไปเที่ยวอีกวัน แต่พอเจอกันเราได้รับข่าวร้ายว่าพี่Tจะกลับไปต่างประเทศเร็วๆนี้แล้วนะ เราก็แบบอ่าวเร็วจังยังไม่ทันไรเลย วันนั้นเราก็เที่ยวเล่นตามปกติยังไม่อารัยอาวรณ์มากค่ะ จนไปจบที่ร้านMr.jones ตรงแถวๆ Seen space ทองหล่อค่ะ ร้านนี้เป็นร้านขนมเล็กๆ แต่ความพิเศษของเค้าคือ เค้ามีชั้นลอยข้างบน เป็นร้านน่ารักค่ะ ชั้นลอยเวลาเดินต้องก้มหัวเพราะมันเตี้ยมากมีตุ๊กตาหมีเต็มร้าน เราสั่งขนม และชากลิ่นช๊อกโกแลตมาทานกัน ชาหอมมากๆค่ะ นี่เป็นครั้งแรกที่เราถ่ายรูปคู่กันค่ะ ทั้งหวานขนม หอม ชา ทั้งเขิล เรานี่ยิ้มหน้าบานเป็นดอกทานตะวันเลย เราคุยกันจนเกือบประมาณห้าโมง พี่T ถามเราว่า พี่ต้องรีบไปแล้วเพราะนัดที่บ้านทานข้าวไว้ แต่อยากอยู่ด้วยกันต่อ พี่Tมีความน่ารักอ่ะ เราเลยแบบอ่ะเดี๋ยวขอแม่ก่อนเพราะมันดึก แต่พี่Tบอกว่าไม่สะดวกไม่เป็นไรนะ เพราะพี่อาจจะไปส่งไม่ได้ อาจจะส่งได้แค่ขึ้นบีทีเอส เพราะร้านอาหารอยู่ใกล้บีทีเอส เราก็เริ่มชั่งใจ แบบเอ๊ะ จะเอาไงดีอ่ะ ปกติไม่ค่อยกลับดึก เพราะบ้านอยู่ลึกมากกกก ถ้าจะกลับดึกคือต้องมีคนไปส่ง ตอนแรกแม่เราก็คัดค้านนะ แต่เราแบบ งอแงอ่ะอยากไป แม่ก็เลย อ่ะๆได้แต่รายงานเป็นระยะนะแม่เป็นห่วง จากนั้นเรากับพี่Tก็ไปถึงที่ร้าน อยู่แถวๆรถไฟฟ้าใต้ดินบางซื่อ พ่อแม่และน้องสาวพี่Tไปรออยุ่แล้ว เรากับพี่Tก็เดินไปไหว้ และเริ่มทานอาหารกัน เราจะเป็นคนป่วยๆค่ะ แพ้อาหารเยอะแล้วก็กินยาก เราไม่ชอบกินไก่กินหมูพี่Tก็สั่งพวกปลามาให้ทาน คุยไปคุยมาเรารูสึกแบบบ้านพี่Tอบอุ่นน่ารัก พ่อพี่ Tเป็นคนชอบกินอาหารประเภทแกงเผ็ดๆมาก แต่กินทีไรจะท้องเสียทุกที แม่พี่Tจะคอยปรามๆไว้ พ่อกับแม่พี่Tเป็นอาจารย์ทั้งคู่ พ่อพี่Tเรียนจบถึงดอกเตอร์ น้องสาวพี่Tกำลังต่อโท ส่วนพี่Tก็ใกล้จะจบโทแล้วที่ต่างประเทศ เรารู้สึกเลยว่าเราโชคดีจังที่ได้มาเจอครอบครัวนี้ ทั้งฉลาด มีความรู้ แล้วยังไม่ถือตัวอีก
ทานอาหารกันเสร็จก็สามทุ่มแล้ว พ่อพี่Tเลยบอกว่าดึกแล้วเดี๋ยวไปส่งเราดีกว่า แล้วพ่อพี่Tยังน่ารัก×10โดยให้พี่Tขับ แล้วเรานั่งข้างหน้า ส่วนพ่อแม่และน้องAนั่งข้างหลัง พูดถึงน้องAเรารู้สึกเอ็นดูนะเพราะเรามีน้องสาว แต่ยังไม่สนิทกันจึงไม่ได้คุยอะไรมากเท่าไหร่
คืนนั้นเรากับพี่Tคุยกันผ่านไลน์ตลอดจนSay goodnightกัน อีกสองวันพี่Tจะกลับต่างประเทศแล้ว เราจึงขอไปส่งพี่เค้าด้วย พี่เค้ากลับรอบสี่โมงเย็น พี่Tนัดเราไปตอนบ่ายสามโมงครึ่งก่อนขึ้นเครื่อง เราตัดสินใจนั่ง airport linkค่ะ เพราะสุวรรณภูมิไกลมากกกก เราไม่เคยขึ้น airport linkหรอกเป็นครั้งแรก ค่ะ แต่พลังแห่งการอยากเจอไงเราเลยอ่ะลองดูสักตั้ง พอเราไปถึง พี่T ก็ทานข้าวอยู่กับครอบครัวและญาติๆ ค่ะเราก็ไปนั่งเงียบๆยิ้มๆเขิลๆตามประสา พอใกล้เวลาขึ้นเครื่องพี่Tบอกกับที่บ้านว่าขอไปส่งเราขึ้นAirport linkกลับก่อนนะ ก็เดินคุยกันไปสักพักว่าจะทำยังไงดีที่จะติดต่อกัน ก็เลยแลกเบอร์โทรศัพท์กันไว้ค่ะ เพราะที่ผ่านมาคุยกันผ่านทางไลน์อย่างเดียว พอถึงหน้า Airport linkเราก็ล่ำลากันค่ะ พี่Tก็เดินกลับเข้าไปสนามบิน เราก็ยืนมองเค้าเดินไปน้ำตาเรามันแบบเริ่มจะไหล เรารู้สึกว่าทำไมอ่ะสองวันที่ผ่านมามีความสุขมากทำไมมันถึงผ่านไปเร็วแบบนี้ ทำไมเราไม่เจอกันเร็วกว่านี้ ทำไมพี่Tต้องรีบกลับด้วย พี่Tเดินไปไกลสักพักหันมามองหน้าเรา หยุด และวิ่งกลับมาที่เรา วิ่งจริงๆนะคะ เพราะเหมือนเรายืนมองเค้าอยู่อ่ะ พอมาถึงตัวเราพี่ Tก็ มาจุ๊บเราที่ปากอยู่สามวินาที เราจุ๊บกลับไปโดยอัตโนมัติทันที ตอนนั้นความรู้สึกมันหยุดนิ่ง ใจนึงตกใจ แต่อีกใจมันกลับรู้สึกดีอย่างแปลกประหลาด สักพักเราต่างคนต่างเดินกลับทีนี้เราเดินไปน้ำตาเราไหลเลย แต่เป็นน้ำตาแห่งความยินดีนะคะ คือคุณนึกออกไหมคะว่า นี่มันนิยายน้ำเน่าชัดๆ อย่างกับหนังฝรั่ง จุ๊บกันที่สนามบินเนี่ยนะ เราไม่รู้หรอกว่าความรักคืออะไร จนตอนนี้ที่พิมพ์อยู่เราก็ยังไม่รู้ค่ะ แต่ ณ จิตใจตอนนั้นเราคิดแบบนี่แหละใช่แน่ ความรู้สึกดีๆนี้ มันต้องเป็น 'ความรัก'
เดี๋ยวจะรีบมาเขียนต่อนะคะ วันนี้วันแม่ขอลงไปทานอาหารเช้ากับแม่ก่อน นี่ตื่นตั้งแต่ตีสามยังไม่ได้นอนเลย ต้องทำหน้าดีๆเพราะเดี๋ยวแม่จะเป็นห่วงสุขสันต์วันแม่นะคะ