[CR] เมื่อวันที่ผมได้รู้ว่า " ทำไมใครๆก็อยากไปญี่ปุ่น " : Part 2

สวัสดีครับ หลังจากห่างหายจากกระทู้แรกไปนานหลายเดือนเนื่องด้วยติดธุระหลายอย่าง เลยกลับมาสะสางรีวิวเที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรกของผมและครอบครัวให้เสร็จเรียบร้อย หลังจากคราวที่แล้วเราเที่ยวกันจนถึงเมืองอาโอโมริกันแล้ว คราวนี้เราก็จะนั่ง Shinkansen สายใหม่ล่าสุดจาก Shin-Aomori มาถึง Shin-Hakodate นั่นเองครับ ขอบอกว่าคุณแม่ผมชอบมากๆ นั่งสบายมากเลยครับ (ผมนั่ง Green Car แต่ไม่ได้ถ่ายรูปมานะครับ ขึ้นปุ๊ปหลับปั๊ปตลอดเลยครับ = =“) หลังจากมาถึงสถานี Shin-Hakodate ก็นั่งรถต่อเข้ามาสถานี JR Hakodate เลยครับ ภาพนี้เป็นรูปหน้าสถานีครับ



ผมแพลนอยู่ที่ฮาโกดาเตะทั้งหมด 2 คืนครับ พักที่โรงแรม Loisir Hotel Hakodate สะดวกมากครับติดสถานีเลย ราคาไม่แพงครับจองผ่านเวป booking.com มา หลังจากเข้าที่พักก็รีบไปต่อกันที่ป้อมดาว Goryokaku Tower กันเลย ถ้าใครมีบัตรเครดิต JCB ไม่ว่าจะบัตรหลักบัตรเสริมขึ้นฟรีนะครับ ^_^ ช่วงที่ผมไปนี่เริ่มมีซากุระบานแล้วเหมือนกัน แต่ยังไม่เยอะมากครับ ถ้าจำไม่ผิดในสวนของป้อมมีซากุระประมาณ 1600 ต้นครับ ถ้าบานเต็มที่คงสวยน่าดู ตั้งใจจะหามุมดีๆถ่ายรูปหน่อยแต่วันนั้นคนเยอะเหลือเกิน = =“ รูปเลยไม่ค่อยสวยเท่าไหร่ครับ



แต่สิ่งที่ฟินที่สุดของการมาที่นี่คือสิ่งนี้ครับ !!  Melon soft cream มันอร่อยมากก เป็นซอฟท์ครีมที่อร่อยที่สุดในทริป ใครมาแล้วไม่ได้ลองถือว่าพลาดแบบสุดๆครับ >.<~



อร่อยไม่อร่อยดูหน้าแฟนผมละกันครับ ท่าทางจะชอบมากก (แต่ความจริงผมแย่งกินเกือบหมด อิอิ )



แม่ๆของผมทั้งสองคนท่าทางจะชอบเมืองนี้มาก เห็นควักมือถือมาถ่ายรูปกันตลอดเลย แม่บอกว่าเป็นเมืองสะอาดมาก แล้วก็ดูใหม่ แต่ก็ต้องเป็นแบบนั้นแหละครับเพราะฮอกไกโดเองถ้าเทียบกับเกาะอื่นของญี่ปุ่นแล้วถือว่าเป็นน้องใหม่เลยทีเดียว



เสน่ห์อีกอย่างของญี่ปุ่นคือความ cute ของคนเค้าครับ แต่ละอย่างนี่มี icon ตลอด ฝาปิดท่อระบายน้ำของเค้าก็มีรูปการ์ตูนน่ารักๆตลอดเลย



ช่วงเย็นก็แวะไปดูวิวที่ว่ากันว่าสวยที่สุดในฮาโกดาเตะ แต่ผมทนหนาวไม่ไหว + ความที่คนเยอะมาก ก็เลยไม่ได้ถ่ายวิวกลางคืนมาครับ เสียดายเหมือนกัน แต่ก็พอใจแล้วครับที่ได้เห็นวิวนี้มา ^^



หลังจากกลับมาพักผ่อนก็ออกลุยตอนเช้าต่อเลยครับ! แน่นอนว่ามาที่นี่จะไม่มาตลาดเช้า Asaichi ได้อย่างไร อยู่ใกล้โรงแรมมากครับ เดิมมาแปปเดียวถึงเลย คนเยอะมากๆ ว่าแล้วก็เข้ามาดูกันหน่อย ขอบอกว่าข้าวหน้าทะเลที่นี่อร่อยสุดๆ โดยเฉพาะ Ikura นี่อร่อยทุกร้านจริงๆ



ข้าวของผมชามนี้ถ้าจำไม่ผิด 1200 เยน ครับ



ซูมมม กันอีกรอบ ยังคิดถึงอยู่เลยย



เดินชมของในตลาดกันหน่อย มีปูหลายแบบขายครับ ที่นี่หลักๆจะมีปูสามชนิดที่ขายกัน แต่ถ้าตามความนิยมแล้วจะเป็นดังนี้ครับ ปูขน >> ปูยักษ์ฮอกไกโด >> ปูซูไว แต่ถ้าราคาแล้วปูยักษ์แพงที่สุดครับ



ดูขนาดมันสิครับ ตัวนี้ถ้าจำไม่ผิด 3.71 กิโล ราคา 20000++ เยนครับ โครตแพง = =“



ไหนๆก็มาแล้วลองสะหน่อย ที่ร้านนี้แนะนำเลยครับลุงเจ้าของร้านน่ารักมาก บอกพิกัดร้านคร่าวๆก็คือหาร้านที่ขายซอฟท์ครีมหมึกดำตรงหัวมุม เลี้ยวซ้ายแล้วเดินไปจนถึงทางแยก ร้านขวามือจะเป็นร้านขายปูมีอยู่ร้านเดียวครับ ^^ ลองปูขนกันสะหน่อย ส่วนตัวแล้วคิดว่าปูบ้านเราก็อร่อยประมาณนี้แหละครับ ราคาถ้าจำไม่ผิดตัวนี้ 2000 เยนครับ



เห็นเล็กๆแบบนี้เนื้อเยอะมากเลยนะครับ อิ่มเหมือนกัน ^^”



มาตลาดนี้แล้วก็ต้องอย่าลืมมาลองไข่หอยเม่นสดๆกันครับ ถ้าเจอร้านนี้ที่อยู่ในร่ม ขอบอกว่า “ห้าม” มาทานเด็ดขาดครับ คาวมาก เสียดายเงิน 1500 เยนจริงๆ = =“



สีดูดีใช่ไหมละครับ รสชาตินี่ห่วยแตกสุดๆ = =“



ถ้าอยากทานอร่อยต้องร้านข้างนอกที่ขายหอยเชลล์ย่างตรงข้ามเยื้องๆกับร้านเมลอนครับ ร้านนี้อร่อยมาก



ลองไข่หอยเม่นแล้วก็ลองหอยเชลล์ซะหน่อย อร่อยดีครับ



อร่อยหนึบหนับมากมาย >.<~



อีกอย่างที่ The must ต้องลองเลยครับ คือเมลอนซึ่ง อร่อยมากกก หอมแบบสุดๆ ไม่เสียดายเงินเลยครับ



ส่วนสตอเบอร์รี่ ผมว่าอร่อยสู้ที่ตลาดอะเมโยโกะ ที่โตเกียวไม่ได้ครับ



ว่าแล้วก็แวะไปเดินเล่นที่โกดังอิฐแดงอันเลื่องชื่อสะหน่อย แต่สำหรับผมแล้ว ไม่ค่อยโดนอ่ะครับ เพราะเป็นผู้ชายด้วยเลยไม่ค่อยมีอะไรที่อยากจะซื้อเท่าไหร่แต่ผู้หญิงน่าจะชอบ โดยแถวโกดังอิฐแดงจะมีของขายทั้งร้านอาหาร ของคาว ของหวาน ของใช้ ของจุกจิกมากมาย ภาพนี้เป็นบรรยากาศส่วนนึงของร้านแถวนั้นครับ



แต่สิ่งที่ทำให้ผมประทับใจคือขนมร้านนี้ต่างหากครับ “Snaffles” ใครไม่ได้มาลองที่ร้านในโกดังอิฐแดงถือว่าพลาดโครตๆ เพราะมันอร่อยแบบสุดๆ แทบอยากจะหอบกลับเมืองไทยเลยทีเดียว อิอิ



โดยรวมแล้วฮาโกดาเตะเป็นเมืองที่สมควรแวะมาเที่ยวเป็นอย่างยิ่งครับ ผมคิดว่าถ้ามาช่วงหน้าหนาวหิมะเต็มเมืองคงจะโรแมนติกมากๆเลย ที่ผมชอบอีกอย่างคือไม่ว่าจะมุมไหนของเมืองก็สะอาด สงบ และน่าอยู่มากๆเลยละครับ



เมืองงถัดไปที่จะไปเที่ยวกันก็คือเมืองในปล่องภูเขาไฟ เมืองแห่งออนเซ็น “ Noboribetsu “ นั่นเองครับ การเดินทางก็โดยรถไฟ JR เช่นเดิม รอบนี้ผมจองที่พักมาพักที่โรงแรม Daiichi-Takimotokan ซึ่งเป็นโรงแรมที่มีออนเซ็นในตัวครับ ห้องที่จองมาเป็นแบบเรียวกัง รวมอาหารเย็นเสิร์ฟในห้องและอาหารเช้าครับ ราคารวม 17xxx เท่านั้น คุ้มมากครับ ^^



บรรยากาศบริเวณลอบบี้โรงแรมดูหรูมากๆครับ



ห้องพักเรียวกังจะเป็นแบบนี้ครับ ในห้องจะมีฟูก ผ้าห่ม และชุดยูกาตะให้เราเปลี่ยนใส่เวลาออกไปเดินเล่นได้ครับ



ว่าแล้วก็ขอออกไปชมที่หุบเขานรก Jigokudani ซะหน่อยครับ สามารถเดินไปจากโรงแรมได้เลยครับ



ตอนเดินไปนี่กลิ่นกำมะถันเตะจมูกมากครับ มองไปด้านล่างยังเห็นน้ำเดือดอยู่เลย เดินไปชมไปก็เพลินดี แต่แปปเดียวก็เบื่อครับ



กลับมาโรงแรมเริ่มทานมื้อเย็นกันครับ มี Appetizer มาวางให้ก่อนเลย อร่อยทุกอย่างเลยครับแต่ไม่ทราบว่าเป็นอะไร เท่าที่ทราบมีเต้าหู้ครับ อย่างอื่นไม่แน่ใจ



ตามหลัก Kaiseki ของญี่ปุ่นก็จะเสิร์ฟของดิบ ของต้ม ของนึ่ง ของย่าง ของทอด ของหวานเลยครับ อันนี้ของดิบอร่อยมากครับ



ต่อมาซุปปู Zuwai Kani อร่อยมากก



อันนี้เนื้อต้มครับ ปกติผมไม่ทานเนื้อ แต่แอบลองชิม ไม่ถูกปากเลยครับ = =“



ต่อมาของทอด ทำมาได้โอเคครับ แต่ไม่ได้โดดเด่น ส่วนสุดท้ายของหวานเป็นโมจิไส้อะไรไม่แน่ใจเช่นกัน แต่อร่อยมากครับ ขออภัยลืมถ่ายรูปมาครับ

ส่วนตัวคิดว่าถ้าเลือกได้ขอกลับไปเลือกมื้อเย็นเป็นบุฟเฟต์ดีกว่าครับเพราะรู้สึกว่าได้บรรยากาศคนเยอะดี ชอบมากกว่านั่งทานในห้องครับ ส่วนอาหารมื้อเช้าบุฟเฟต์อร่อยมากๆเลยแต่ไม่ได้ถ่ายรูปมาเพราะคนเยอะเกรงใจเค้าครับ

ชื่อสินค้า:   ญี่ปุ่น
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่