สวัสดีเพื่อนๆทุกคนนะครับ
            ผมเป็นคนนึงที่รักการดูหนังเป็นชีวิตจิตใจ หนังไทยนี่ให้เป็นบางเรื่อง แต่หนังต่างประเทศนี่แค่ได้ยินข่าวว่าจะมีการสร้างผมก็เฝ้ารอแล้ว ยิ่งเป็นหนังฮีโร่นะฮึ่ม อยากจะวาปไปเลยทีเดียว
ว่าแล้วก็ขอพูดถึงเมื่อก่อนสมัยเด็ก นั่งรถสองแถวไปดูหนังห้างเฉลิมไทย ในเมืองชลบุรี ราคาบัตร 50 บาท การบริการก็ตามราคา ตอนนั้นจำได้ว่าไปดูเรื่อง คนเหล็กภาค 3 เพราะชอบภาค 1 และ 2 มาก ความรู้สึกตอนนั้นคือ อาโนล์เท่มาก (ชอบดูหนังตระกูลแก คนเหล็กทั้งหลาย) หุ่นผู้หญิงตัวร้ายที่มีโลหะเหลว (เหล็กไหล 55) เอ็ฟเฟคก็ดี ดูแล้วงามตา ฉากบ้านเมืองพังทลาย นิวเคลียลูกใหญ่ คือสนุกมาก
หรือหนัง ฮีโร่อย่าง X2 ตอนนั้นป้าพาไปดู แบบซาวแทรคเป็นเรื่องแรกซะด้วย อ่านทันบ้างไม่ทันบ้าง รู้แค่สนุก อยากเป็น วูฟเวอรีน คืออกจากโรงหนังหัวตั้งมาแบบโลแกนเลย (แต่คล้ายๆทรงชายไทยแบบพี่มาก 55) เอาเป็นว่าสมัยนั้นไปดูหนังในโรงทีไรเราจะรู้สึกสนุกตลอด 
            แต่ประเด็นมันอยู่ตรงที่เมื่อผมเริ่มใช้อินเตอเน็ตในการค้นหาข้อมูลหนัง ก่อนที่จะไปดู แรกๆเลยผมว่ามันโอเคมากเลยนะครับ เพราะจะเป็นเกราะขั้นที่ 1 ให้เรากรองหนังว่าแย่หรือห่วย (เริ่มเรื่องมาก) โดยการหาอ่านรีวิวคนที่ไปดูหนังมาก่อนแล้ว แรกๆก็พันทิพ นี่แหละ บางคนก็บอกสนุก บางคนก็เฉยๆ ก็จะไปดู อันไหนแย่ ก็จะไม่ดู ผมก็ทำแบบนี้มาตลอด จนเริ่มเป็นนิสัย มีการค้นหาคะแนนหนังก่อนบ้าง
โดยเมื่อก่อนจะมองแค่ IMDB (มะเขือเน่ายังไม่รู้จัก) โดยระดับคะแนนจะเป็นแบบนี้
            คะแนน 8 - 10 ต้องดูให้ได้
            คะแนน 7 - 8 ไม่ค่อยพลาด
            คะแนน 6 - 7 ดูก็ได้ ไม่ดูก็ได้ ก็ได้
            คะแนน 5 - 6 รอแผ่นดีกว่า
            คะแนน 5 ลงไป ก็ตามฟรีทีวี หรือเคเบิ้ลละกัน
            ซึ่งมันก็เชื่อได้บ้างไมได้บ้าง แต่ส่วนใหญ่จะตรงใจผมนะ ซึ่งผมก็ทำแบบนั้นเรื่อยมา จนกระทั่ง หนังเรื่อง IRON MAN เข้ามา(ขอพูดแต่หนังฮีโร่นะ) ซึ่งผมก็ดูแน่นอน ชอบมาก หรือจะเป็น ฮัค ของนอตัน ผมก็ยังสนุกอยู่ทุกเรื่อง กัปตัน 1 ยัน Avenger คือแบบอลังการมาก ชอบทุกเรื่อง สนุกทุกเรื่อง คะแนนหรอ ฉันไม่สน เพราะการได้เห็นตัวการ์ตูนโปรดออกมาก็โอเคแล้ว จนเมื่อมีหนังของฝั่ง DC เข้ามาอย่าง แบทแมนของโนแลน
ก็สนุกสุดยอด มองว่าโทนหนังจริงจังดี จนมาถึง Man of steel สนุกมากเหมือนกัน จำได้ว่าชอบเพราะไม่มีกางเกงในแดง และหนังก็ยังโทนจริงจังอยู่ ถึงจะวินาศสันตะโรขนาดไหน ก็ยังสนุกอยู่ 
คือแบบดูสนุกเหมือนเมื่อตอนผมเป็นเด็ก ไม่คิดอะไรมาก แม้บางเรื่องคะแนนจะดูน้อยๆ ก็ยังโอเคอยู่(ไม่นับ F4 reboot เพราะปัจจุบันก็ยังไม่ได้ดู)   
            และในขณะที่ผมกำลังรู้สึกสนุกกับการดูหนัง โลกออนไลน์ กลับเกิดสงครามระหว่างค่ายหนัง การบัฟ เบลม เต็มเหนี่ยว มีการใช้คะแนนที่ผมเคยใช้เป็นเกราะ ขั้นที่ 1 เป็นเครื่องโจมตี ซ้ำร้าย Rotten Tomato  ที่เพิ่งรู้จักได้ไม่นาน ก็เป็นเครื่องมือในการโจมตีของอีกฝ่ายเสียอีก พูดแค่ในประเทศไทยนะครับ ต่างประเทศจะอย่างไรไม่รู้ ผลที่ตามมาคือ หนังดีๆเรื่องนึง ผมอาจพลาดไปก็ได้ หากผมฟังเสียงของโลกออนไลน์มากเกินไป 
ยิ่งสมัยนี้มีเพจวิจารณ์หนังตามเฟสบุ๊คแบบรุนแรง แบบไม่เป็นกลางแล้วด้วย ยิ่งแย่เข้าไปใหญ่ บางครั้งผมก็ยอมรับนะว่ามีความอคติเกิดขึ้นบ้าง จากการอ่านรีวิว หรือคำวิจารณ์ ซึ่งพอมานั่งคิดๆแล้ว ทำไมผม และคนในสังคมออนไลน์ สมัยนี้ เป็นแบบนี้ไปแล้ว ฟังเสียงคนอื่นมากเกินไป โดยไม่คิดถึงส่วนสำคัญ นั่นคือ 
    
            การดูหนังเพื่อเสพความบันเทิง
หนังสนุก หรือไม่สนุก ไม่ได้เกิดจากเพจวิจารณ์หนัง นักวิจารณ์หนัง หรือความเห็นในโลกออนไลน์ แต่เป็นเพียงตัวของเราเอง ว่าจะสนุก ถูกใจเราหรือไม่ หนังเรื่องนี้ผมสนุก แต่คนอื่นไม่สนุก มันก็เป็นเรื่องธรรมดา แต่การโจมตีกันว่า รสนิยมห่วยบ้างละ ดูไม่เป็นบ้างละ ผมว่ามันโคตรจะเลอะเทอะเลย  ทำให้ทุกวันนี้ผมคิดถึงสมัยก่อนที่ดูหนังสนุก แบบไม่ได้คิดอะไร ไม่ได้ฟังเสียงใคร แค่ได้ดูก็ได้เสพสุขแล้ว ความสุขมันเกิดขึ้นเมื่อผมโง่ในเรื่องที่ไม่ค่อยจะจับผิดหนังเอามาด่า หรือมีอคติกับอีกค่าย หรือใครบางกลุ่ม
    
            ทุกวันนี้คะแนนหนัง ผมไม่ค่อยจะสนใจแล้วครับ เกราะขั้นที่ 1 ของผมพังลงไปตั้งแต่ผมเข้าสู่โลกโซเชียลอย่างเต็มตัว กลายเป็นว่าอยากดูอะไรก็ดู ดูสนุกก็กลับมาโพสคุยในบอร์ด โพสในเฟส มีความสุขกว่ากันเยอะ บางครั้ง หนังบางเรื่อง ยังไม่มันส์เท่าคนในบอร์ดตีกันเลย 555 ผมบ่นมาเยอะละ ไม่มีอะไรแค่อยากระบายสิ่งที่ผมคิด อยากให้เพื่อนๆบางคนปล่อยวางบ้าง อยากดูอะไรก็ดู ไม่ต้องคิดมาก เงินก็เงินเรา ประสาทก็ประสาทเรา
สนุกก็ได้กับเรา ไม่สนุกก็ได้กับเรา บอกต่อได้ แต่อย่ากัดคนอื่นเลย 
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ปล.ใช้คำไม่สุภาพ พูดไม่รู้เรื่อง ขออภัยไว้ ณ ตรงนี้ด้วยนะครับ
ปล 2.ผมไม่ได้เก็บกดถูกใครด่ามานะ แค่อยากพูดในสิ่งที่คิด 555																															
 
						
ภาพยนตร์ นักวิจารณ์ แฟนบอย และตัวเอง
ผมเป็นคนนึงที่รักการดูหนังเป็นชีวิตจิตใจ หนังไทยนี่ให้เป็นบางเรื่อง แต่หนังต่างประเทศนี่แค่ได้ยินข่าวว่าจะมีการสร้างผมก็เฝ้ารอแล้ว ยิ่งเป็นหนังฮีโร่นะฮึ่ม อยากจะวาปไปเลยทีเดียว
ว่าแล้วก็ขอพูดถึงเมื่อก่อนสมัยเด็ก นั่งรถสองแถวไปดูหนังห้างเฉลิมไทย ในเมืองชลบุรี ราคาบัตร 50 บาท การบริการก็ตามราคา ตอนนั้นจำได้ว่าไปดูเรื่อง คนเหล็กภาค 3 เพราะชอบภาค 1 และ 2 มาก ความรู้สึกตอนนั้นคือ อาโนล์เท่มาก (ชอบดูหนังตระกูลแก คนเหล็กทั้งหลาย) หุ่นผู้หญิงตัวร้ายที่มีโลหะเหลว (เหล็กไหล 55) เอ็ฟเฟคก็ดี ดูแล้วงามตา ฉากบ้านเมืองพังทลาย นิวเคลียลูกใหญ่ คือสนุกมาก
หรือหนัง ฮีโร่อย่าง X2 ตอนนั้นป้าพาไปดู แบบซาวแทรคเป็นเรื่องแรกซะด้วย อ่านทันบ้างไม่ทันบ้าง รู้แค่สนุก อยากเป็น วูฟเวอรีน คืออกจากโรงหนังหัวตั้งมาแบบโลแกนเลย (แต่คล้ายๆทรงชายไทยแบบพี่มาก 55) เอาเป็นว่าสมัยนั้นไปดูหนังในโรงทีไรเราจะรู้สึกสนุกตลอด
แต่ประเด็นมันอยู่ตรงที่เมื่อผมเริ่มใช้อินเตอเน็ตในการค้นหาข้อมูลหนัง ก่อนที่จะไปดู แรกๆเลยผมว่ามันโอเคมากเลยนะครับ เพราะจะเป็นเกราะขั้นที่ 1 ให้เรากรองหนังว่าแย่หรือห่วย (เริ่มเรื่องมาก) โดยการหาอ่านรีวิวคนที่ไปดูหนังมาก่อนแล้ว แรกๆก็พันทิพ นี่แหละ บางคนก็บอกสนุก บางคนก็เฉยๆ ก็จะไปดู อันไหนแย่ ก็จะไม่ดู ผมก็ทำแบบนี้มาตลอด จนเริ่มเป็นนิสัย มีการค้นหาคะแนนหนังก่อนบ้าง
โดยเมื่อก่อนจะมองแค่ IMDB (มะเขือเน่ายังไม่รู้จัก) โดยระดับคะแนนจะเป็นแบบนี้
คะแนน 8 - 10 ต้องดูให้ได้
คะแนน 7 - 8 ไม่ค่อยพลาด
คะแนน 6 - 7 ดูก็ได้ ไม่ดูก็ได้ ก็ได้
คะแนน 5 - 6 รอแผ่นดีกว่า
คะแนน 5 ลงไป ก็ตามฟรีทีวี หรือเคเบิ้ลละกัน
ซึ่งมันก็เชื่อได้บ้างไมได้บ้าง แต่ส่วนใหญ่จะตรงใจผมนะ ซึ่งผมก็ทำแบบนั้นเรื่อยมา จนกระทั่ง หนังเรื่อง IRON MAN เข้ามา(ขอพูดแต่หนังฮีโร่นะ) ซึ่งผมก็ดูแน่นอน ชอบมาก หรือจะเป็น ฮัค ของนอตัน ผมก็ยังสนุกอยู่ทุกเรื่อง กัปตัน 1 ยัน Avenger คือแบบอลังการมาก ชอบทุกเรื่อง สนุกทุกเรื่อง คะแนนหรอ ฉันไม่สน เพราะการได้เห็นตัวการ์ตูนโปรดออกมาก็โอเคแล้ว จนเมื่อมีหนังของฝั่ง DC เข้ามาอย่าง แบทแมนของโนแลน
ก็สนุกสุดยอด มองว่าโทนหนังจริงจังดี จนมาถึง Man of steel สนุกมากเหมือนกัน จำได้ว่าชอบเพราะไม่มีกางเกงในแดง และหนังก็ยังโทนจริงจังอยู่ ถึงจะวินาศสันตะโรขนาดไหน ก็ยังสนุกอยู่
คือแบบดูสนุกเหมือนเมื่อตอนผมเป็นเด็ก ไม่คิดอะไรมาก แม้บางเรื่องคะแนนจะดูน้อยๆ ก็ยังโอเคอยู่(ไม่นับ F4 reboot เพราะปัจจุบันก็ยังไม่ได้ดู)
และในขณะที่ผมกำลังรู้สึกสนุกกับการดูหนัง โลกออนไลน์ กลับเกิดสงครามระหว่างค่ายหนัง การบัฟ เบลม เต็มเหนี่ยว มีการใช้คะแนนที่ผมเคยใช้เป็นเกราะ ขั้นที่ 1 เป็นเครื่องโจมตี ซ้ำร้าย Rotten Tomato ที่เพิ่งรู้จักได้ไม่นาน ก็เป็นเครื่องมือในการโจมตีของอีกฝ่ายเสียอีก พูดแค่ในประเทศไทยนะครับ ต่างประเทศจะอย่างไรไม่รู้ ผลที่ตามมาคือ หนังดีๆเรื่องนึง ผมอาจพลาดไปก็ได้ หากผมฟังเสียงของโลกออนไลน์มากเกินไป
ยิ่งสมัยนี้มีเพจวิจารณ์หนังตามเฟสบุ๊คแบบรุนแรง แบบไม่เป็นกลางแล้วด้วย ยิ่งแย่เข้าไปใหญ่ บางครั้งผมก็ยอมรับนะว่ามีความอคติเกิดขึ้นบ้าง จากการอ่านรีวิว หรือคำวิจารณ์ ซึ่งพอมานั่งคิดๆแล้ว ทำไมผม และคนในสังคมออนไลน์ สมัยนี้ เป็นแบบนี้ไปแล้ว ฟังเสียงคนอื่นมากเกินไป โดยไม่คิดถึงส่วนสำคัญ นั่นคือ
การดูหนังเพื่อเสพความบันเทิง
หนังสนุก หรือไม่สนุก ไม่ได้เกิดจากเพจวิจารณ์หนัง นักวิจารณ์หนัง หรือความเห็นในโลกออนไลน์ แต่เป็นเพียงตัวของเราเอง ว่าจะสนุก ถูกใจเราหรือไม่ หนังเรื่องนี้ผมสนุก แต่คนอื่นไม่สนุก มันก็เป็นเรื่องธรรมดา แต่การโจมตีกันว่า รสนิยมห่วยบ้างละ ดูไม่เป็นบ้างละ ผมว่ามันโคตรจะเลอะเทอะเลย ทำให้ทุกวันนี้ผมคิดถึงสมัยก่อนที่ดูหนังสนุก แบบไม่ได้คิดอะไร ไม่ได้ฟังเสียงใคร แค่ได้ดูก็ได้เสพสุขแล้ว ความสุขมันเกิดขึ้นเมื่อผมโง่ในเรื่องที่ไม่ค่อยจะจับผิดหนังเอามาด่า หรือมีอคติกับอีกค่าย หรือใครบางกลุ่ม
ทุกวันนี้คะแนนหนัง ผมไม่ค่อยจะสนใจแล้วครับ เกราะขั้นที่ 1 ของผมพังลงไปตั้งแต่ผมเข้าสู่โลกโซเชียลอย่างเต็มตัว กลายเป็นว่าอยากดูอะไรก็ดู ดูสนุกก็กลับมาโพสคุยในบอร์ด โพสในเฟส มีความสุขกว่ากันเยอะ บางครั้ง หนังบางเรื่อง ยังไม่มันส์เท่าคนในบอร์ดตีกันเลย 555 ผมบ่นมาเยอะละ ไม่มีอะไรแค่อยากระบายสิ่งที่ผมคิด อยากให้เพื่อนๆบางคนปล่อยวางบ้าง อยากดูอะไรก็ดู ไม่ต้องคิดมาก เงินก็เงินเรา ประสาทก็ประสาทเรา
สนุกก็ได้กับเรา ไม่สนุกก็ได้กับเรา บอกต่อได้ แต่อย่ากัดคนอื่นเลย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ปล.ใช้คำไม่สุภาพ พูดไม่รู้เรื่อง ขออภัยไว้ ณ ตรงนี้ด้วยนะครับ
ปล 2.ผมไม่ได้เก็บกดถูกใครด่ามานะ แค่อยากพูดในสิ่งที่คิด 555