.. ความรักที่พระเจ้านำทาง .. จากเด็กที่ไม่เอาไหน ทำตัวไร้สาระไปวันๆ ..สู่.. ผู้นำนมัสการในคริสตจักร ทำงานช่วยเหลือสังคม

สวัสดีค่ะ เราชื่อ "ฟาง" นะคะ ตอนนี้ฟางอายุ 27 ปี แล้วค่ะ ขอออกตัวก่อนนะคะว่าเป็น คริสเตียน
ตอนนี้ฟางอยู่ทีมนมัสการ ร้องเพลงนำนมัสการในโบสถ์ บางครั้งก็มีเล่นดนตรี เป็นฝ่ายต้อนรับสมาชิก
ตอนนี้ฟางรับใช้พระเจ้าอยู่ที่คริสตจักรแห่งหนึ่งในกรุงเทพ ร่วมกับสามี และพี่น้องชาวคริสเตียนทุกคนค่ะ
แต่ก่อนที่ฟางจะมีทุกวันนี้ ฟางขอแบ่งปันเรื่องราวชีวิตที่ผ่านมาของฟางเพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้กับทุกๆ คน
ฟางขอเรียกว่านี่เป็น "คำพยาน" ของฟางนะคะ ขอให้พระเจ้าอวยพรผู้อ่านทุกท่านค่ะ


เริ่มแรกเลย ฟางนับถือศาสนาพุทธค่ะ นับถือตามครอบครัว บ้านฟางเป็นพุทธกันทั้งครอบครัวเลยค่ะ
พ่อฟางเป็นผู้บริหารบริษัท แม่ฟางเป็นผู้จัดการธนาคาร ฟางมีพี่สาว 1 คน ที่บ้านจะเลี้ยงฟางแบบตามใจ
พ่อแม่ฟางเป็นคนที่ขยันทำงาน จึงมีงานยุ่งมากๆ ไม่ค่อยมีเวลาให้ฟาง พ่อแม่จะให้น้าสาวเป็นคนเลี้ยงฟาง
ฟางเป็นเด็กผู้หญิงธรรมดาทั่วๆ ไป เที่ยวเล่น หัวเราะเฮฮาไปวันๆ วัดไม่เคยเข้า หนังสือธรรมมะไม่เคยอ่าน
เรื่องศาสนาคริสต์ ฟางยิ่งไม่รู้จักใหญ่เลยค่ะ ฟางไม่เคยรู้ว่าพระเจ้าคือใคร พระเยซูคือใคร คัมภีร์ไบเบิลคืออะไร

ฟางเป็นเด็กที่ค่อนข้างรู้เยอะ (ในสิ่งที่ไม่ควรรู้) ฟางเป็นเด็กที่โตเร็ว ทำตัวแก่แดด อยากรู้อยากเห็น
ป.5 ป.6 ฟางก็หัดพูดคำหยาบตามเพื่อน พูดจาไม่ดี ฟางเริ่มคุยเรื่องแฟน เรื่องความรักกับเพื่อนแล้วค่ะ
คุยว่ารุ่นพี่คนนั้นคนนี้มีแฟนเป็นใคร เลิกกันหรือยัง อะไรอย่างนี้ 5555 เริ่มรักสวยรักงาม หัดแต่งตัวตั้งแต่เด็กๆ
ตอนเด็กๆ ฟางเป็นคนคุยเก่งมากๆ ชอบเม้าท์มอย เวลาคุยกับเพื่อน ฟางก็จะคุยแต่เรื่องชาวบ้าน นินทาคนนู้นคนนี้
ซึ่งมันไม่ใช่สิ่งที่ดีเลยค่ะ พอคิดย้อนกลับไป สิ่งที่ฟางพูด สิ่งที่ฟางแซวคนไปเรื่อยเปื่อย มันดูไร้สาระมากๆ

ฟางขึ้น ม.1 ม.2 ฟางก็เริ่มทำตัวแก่แดดเลยค่ะ เป็นเด็กเกเร เป็นเด็กแรง คบกับกลุ่มพวกเด็กหลังห้อง ทำตัวซ่าส์ๆ
ซอยผม เจาะหู ใช้หวีสับ พับกระโปรงสั้นๆ โดดเรียน มีเรื่องตบตีทะเลาะวิวาท จนโดนเรียกพบฝ่ายปกครองหลายครั้ง
ฟางขึ้น ม.2 ฟางก็หัดแต่งหน้า ฟางแต่งหน้า ทาบลัชออน เขียนคิ้ว ทาปากแดงๆ ไปโรงเรียนทุกวัน ทำสีผม ฉีดสเปรย์
เอาเครื่องหนีบผมไปโรงเรียนจนโดนครูยึด ทำตัวก้าวร้าวใส่ครู เลิกเรียนไปเดินห้าง เที่ยวเตร็ดเตร่ ไม่ยอมกลับบ้าน
ฟางชอบแกล้งเพื่อนค่ะ แกล้งเพื่อนจนร้องไห้ไปหลายคน ตอนนั้นมีพวกก็เลยทำตัวกร่างค่ะ คิดว่าตัวเองใหญ่สุด เจ๋งสุด !

ตอนนั้นฟางมีแฟนค่ะ เป็นเด็กผู้ชายเรียนห้องเดียวกัน ชื่อ "บิ๊ก" บิ๊กเป็นเด็กเกเรเหมือนกัน ขี่มอเตอร์ไซค์มาโรงเรียน
เรียกว่าเป็นเด็กแว๊นเลยค่ะ ฟางคบกับบิ๊กไปเรื่อยๆ จนถึง ม.3 ไปซิ่งรถด้วยกันแทบทุกคืน กลับบ้านดึกบ่อยๆ
ฟางซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์บิ๊กกลับบ้านทุกวัน บิ๊กรู้จักรุ่นพี่ที่เป็นเด็กช่างกลหลายคน ฟางก็เลยได้รู้จักเพื่อนบิ๊กไปด้วยค่ะ
ตอนอยู่โรงเรียน ฟางก็จับมือถือแขนกับบิ๊ก ซบกันนัวเนีย เดินควงกันรอบโรงเรียน อย่างไม่แคร์สายตาใคร !
กอดกัน หอมแก้มกันในโรงเรียนก็เคย เป็นตัวอย่างที่ไม่ดีเลยค่ะ ถ้าย้อนกลับไปได้ จะไม่ทำตัวแย่ๆ อย่างนั้นเลย

พอเรียนจบ ม.3 ฟางก็เลิกกับบิ๊ก และไปต่อ ม.4 ที่โรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่ง
เป็นโรงเรียนที่สังคมดีกว่าโรงเรียนเดิม เป็นโรงเรียนคาทอลิก
เค้ามีให้ไปเข้าโบสถ์ด้วยนะคะ แต่ฟางไม่เคยไปเข้าเลยค่ะ โดดตลอด 55555
เรียกได้ว่าไม่ได้อะไรจากโรงเรียนคริสต์เลย นอกจากไม้กางเขนหน้าห้องเรียน
ตอนนั้นฟางไม่ตั้งใจเรียน สอบตกตลอด เล่นไพ่กลางหอประชุม หนีเที่ยวกลับบ้านดึกดื่น หรือไม่ก็ไปนอนบ้านเพื่อน

ตอน ม.4 ฟางมีแฟนใหม่เป็นเด็กอาชีวะ ชื่อ "พี่โบ๊ท" พี่โบ๊ทก็เหมือนบิ๊ก แสบๆ เฮี้ยวๆ เกเร มีเรื่องตีรันฟันแทง
พี่โบ๊ทเป็นคนห้าวๆ ลุยๆ คารมดี ตอนนั้นฟางติดเพื่อน ติดแฟนมากๆ ตอนนั้นฟางลองทุกอย่างที่มันไม่ดีค่ะ
เหล้า เบียร์ ไวน์ แชมเปญ บุหรี่ ยาเสพติด ไปเข้าบ่อนไฮโล เที่ยวคาสิโน เล่นการพนัน แทงโต๊ะสนุ๊ก ฟางลองมาหมดแล้ว
ไปตามเพื่อนผู้ชายอาบที่อบนวดเถื่อน ไปดูโคโยตี้กับเพื่อนผู้ชาย ไปดูโชว์ฝรั่งที่พัทยา เห็นการซื้อขายโสเภณี ...
ฟางไปเที่ยวผับ เที่ยวบาร์ แทบทุกคืนตั้งแต่อายุยังไม่ถึง เคยขโมยรถที่บ้านไปขับจนโดนตำรวจจับ เพราะไม่มีใบขับขี่ ..
พี่โบ๊ทพาเพื่อนมาสูบบุหรี่ พี้ยา หลังโรงเรียน ฟางก็ไปนั่งร่วมก๊วนกับพี่โบ๊ทด้วยค่ะ กอดจูบกันต่อหน้าคนเยอะๆ ก็เคย
ตอนนั้นปาร์ตี้กันอย่างเมามันส์มากๆ ทั้งดื่ม ทั้งเมาเละ จัดปาร์ตี้กันที่บ้านแฟน ก็เปิดเพลงจนเสียงดังไปสามบ้านแปดบ้าน
พอตื่นมาไปโรงเรียนสาย ก็ปีนกำแพง ปีนรั้วโรงเรียนเข้าไป โดดเรียนไปสูบบุหรี่ที่สะพานลอย BTS ในชุดนักเรียน !!!
ฟางตั้งวงมั่วสุม สูบบุหรี่กับเพื่อนในห้องน้ำที่โรงเรียน แถมยังเอาเหล้าเบียร์เข้าไปดื่มในโรงเรียนอีก ชวนรุ่นน้องดื่มด้วย !
โดนเรียกผู้ปกครอง โดนพักการเรียน โดนทำทัณฑ์บนนับครั้งไม่ถ้วน ขึ้นโรงพักตั้งแต่มัธยม ที่บ้านปวดหัวกับฟางมาก !

จากนั้นไม่นาน ฟางก็เลิกกับพี่โบ๊ท ตอนนั้นฟางขึ้น ม.5 พอดีค่ะ
ฟางมีโอกาสได้รู้จักกับ "พี่เจฟ" พี่เจฟเป็นรุ่นพี่ ม.6 ผิวขาว ตี๋ๆ ตัวสูงใหญ่ หุ่นดี ยิ้มเก่ง เฟรนด์ลี่
เรียกได้ว่าเป็นหนุ่มหล่อของโรงเรียนเลยค่ะ พี่เจฟเป็นหนุ่มฮอตของโรงเรียน เป็นเด็กกิจกรรม พูดเก่ง คุยเก่ง
พี่เจฟทำกิจกรรมของโรงเรียนทุกอย่าง ช่วยงานโรงเรียนอย่างสม่ำเสมอ เป็นเพอร์เฟกต์แมน เท่ห์มากๆ 55555555
พี่เจฟเล่นดนตรีได้หลายอย่าง ทั้ง กีต้าร์ เบส กลอง คีย์บอร์ด เปียโน ไวโอลิน ทรัมเป็ต ...
ฟางเห็นพี่เจฟครั้งแรกตอนที่พี่เจฟเล่นกีต้าร์บนเวที แถมพี่เจฟยังร้องเพลงเพราะอีก พี่เจฟชอบเล่นบาสด้วยค่ะ
แล้วพี่เจฟก็เรียนเก่ง มีผลการเรียนที่ดี เป็นนักเรียนที่ทำตัวดี เรียกได้ว่าตรงข้ามกับฟางทุกอย่าง 5555555555

นั่นแหละค่ะ ทำให้ฟางคิดว่าตัวเองแตกต่างกับพี่เจฟ ตอนที่พี่เจฟมาจีบฟาง ฟางก็คิดว่าพี่เจฟจะมาหลอกหรือเปล่า
ฟางเลยค่อนข้างเล่นตัวค่ะ แบบทำให้พี่เจฟติดต่อฟางไม่ได้ พี่เจฟจึงมาตามหา contact ของฟางจากเพื่อนของฟาง
พอคุยกันไปได้สักพัก ฟางกับพี่เจฟ ก็ตกลงคบกันเป็นแฟนค่ะ ใช้ชีวิตเหมือนเด็กวัยรุ่นที่เป็นแฟนกันทั่วไปค่ะ
เพราะพี่เจฟค่อนข้างเรียบง่าย ตกเย็นก็ไปกินข้าวดูหนังค่ะ วันเสาร์ก็ไปเที่ยวห้าง ไปเดินเล่นสวนจตุจักร
พี่เจฟเป็นคนน่ารักค่ะ เป็นคนสุภาพ ใจเย็น ซึ่งต่างจากแฟนเก่าของฟาง ที่เป็นคนใจร้อน วู่วาม แบดบอย อารมณ์ร้าย
แฟนเก่าฟางก็นิสัยเหมือนฟางค่ะ อารมณ์ร้อน โมโหร้าย ขว้างปาทำลายข้าวของ ทำร้ายร่างกาย จึงทำให้อยู่ด้วยกันไม่ได้

พี่เจฟนิสัยดีค่ะ เทคแคร์เก่ง เวลาไปทานข้าวกัน พี่เจฟก็เป็นคนเลี้ยงข้าวฟาง
ซึ่งฟางไม่เคยได้อะไรแบบนี้จากแฟนหรือเพื่อนเลย ..
พี่เจฟบอกให้ฟางลองไปเรียนดนตรี เริ่มต้นจากพวกคีย์บอร์ด กีต้าร์ อะไรอย่างนี้ ฟางก็ลองไปเรียนดูค่ะ
ทำให้ฟางมีสมาธิมากขึ้น และรู้จักใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ค่ะ ว่างๆ พี่เจฟก็จะมาสอนดนตรีให้ฟางค่ะ
พี่เจฟร้องเพลงและเล่นกีตาร์ให้ฟางฟังบ่อยๆ บางทีพวกเราก็ร้องเพลงด้วยกัน
เป็นความโรแมนติกที่ฟางไม่เคยได้รับมาก่อน รู้สึกดีมากๆ ค่ะ ..
พี่เจฟไปเมืองนอกกลับมาก็ซื้อของมาฝากฟาง วันเกิดฟางพี่เจฟก็พาฟางไปฉลอง ซื้อตุ๊กตาจากสยามให้

จนวันหนึ่ง พี่เจฟจะพาฟางไปทานข้าวที่บ้านพี่เจฟ จะพาฟางไปทำความรู้จักกับครอบครัวพี่เจฟ
ตอนแรกฟางกลัวมากๆ เพราะคิดว่าครอบครัวพี่เจฟต้องรับฟางไม่ได้แน่ๆ เพราะฟางเป็นเด็กเกเร ใจแตก ทำตัวไม่ดี
แต่พอไปถึงที่บ้านพี่เจฟ.. ทุกอย่างกลับไม่เป็นอย่างที่คิดเอาไว้เลยค่ะ ทุกคนให้การต้อนรับฟางดีมาก
ทุกคนยิ้มให้ฟาง พูดคุยดีๆ กับฟาง แม่พี่เจฟตักข้าวให้ฟาง เอาขนมหวานมาให้ฟางทาน บอกว่าทานเยอะๆ นะลูก
ครอบครัวพี่เจฟเป็นชาวไทยเชื้อสายจีนค่ะ ใจดี มีน้ำใจมากๆ ครอบครัวพี่เจฟเป็นคริสเตียน นับถือคริสต์ทั้งบ้าน
ครอบครัวพี่เจฟเป็นเจ้าของธุรกิจค่ะ พ่อพี่เจฟเป็นเจ้าของเต๊นท์รถ เป็นเจ้าของร้านอาหาร แม่พี่เจฟก็เปิดร้านเสื้อผ้า
พี่เจฟมีครอบครัวที่อบอุ่น พี่เจฟมีน้องชาย 2 คน ทำให้ฟางได้มีน้องชายเพิ่มอีก เพราะบ้านฟางมีแต่เด็กผู้หญิง 555555

ตั้งแต่ฟางมาคบกับพี่เจฟ ฟางก็กลับมาตั้งใจเรียนมากขึ้น พยายามทำตัวดี พยายามเปลี่ยนแปลงตัวเอง
เชื่อฟังผู้ใหญ่มากขึ้น เคารพผู้ใหญ่ ไม่เถียงผู้ใหญ่ พยายามไม่ทะเลาะกับพ่อแม่ พยายามไม่ดื้อกับพ่อแม่
ไม่ชักสีหน้าหรือทำท่ารำคาญใส่เวลาที่พ่อแม่เตือนหรือสอนอะไร เพราะเมื่อก่อนฟางทำตัวแย่กับที่บ้านมากๆ
บางวิชาที่ฟางไม่เข้าใจ พี่เจฟก็จะคอยติวให้ฟาง ฟางตั้งใจเรียนจนจบ ม.6 (บวกกับให้เพื่อนช่วยนิดหน่อย 5555)
แต่ก็ยังไปเที่ยวกับกลุ่มเพื่อนอยู่นะ อบายมุขฟางก็ยังไปยุ่งเกี่ยวเหมือนเดิมแหละ แค่เป็นเด็กดีตอนอยู่กับพี่เจฟ 55555

ฟางสอบเข้า ม.รัฐ ไม่ได้ ฟางจึงมาเรียน ม.เอกชน ซึ่งเป็นสังคมที่เด็กค่อนข้างมีฐานะ ใช้ของแบรนด์เนม
ฟางก็เผลอทำตัวฟุ้งเฟ้อ ใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือยตามเพื่อนๆ ไปด้วย ฟางเป็นคนที่มีเพื่อนเยอะ เลยใช้เงินสุรุ่ยสุร่ายมากๆ
เรียกได้ว่าไม่รู้จักใช้เงิน หมดเงินไปกับการดื่มเหล้า สูบบุหรี่ ปาร์ตี้ เที่ยวผับ เที่ยวต่างจังหวัด พักโรงแรมหรู ฯลฯ
เงินที่ที่บ้านให้ก็ไม่พอใช้ ฟางเลยไปรับจ๊อบเป็น Pretty PC MC ตามงานต่างๆ ถ่ายแบบเล็กๆ น้อยๆ บ้าง แต่ก็ได้ไม่เยอะ


และแล้วก็มีวันหนึ่ง พี่เจฟแฟนฟาง ชวนฟางไปเข้าโบสถ์...



[มีต่อที่ คห.3 ค่ะ]
แก้ไขข้อความเมื่อ

สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 3
[ต่อนะคะ..]


ตอนที่พี่เจฟชวนเข้าโบสถ์คริสเตียน ตอนนั้นฟางอายุ 19 ปี เป็นช่วงที่ฟางเรียนอยู่ปี 2 ค่ะ
ตอนแรกกลัวมาก โห! ขนาดวัดยังไม่เข้าเลย จะให้ไปเข้าโบสถ์ได้ยังไง 555555
พี่เจฟบอกว่าให้ไปนั่งฟังเฉยๆ ก็ได้ พี่เจฟบอกว่าถ้าฟางไป จะพาไปกินไอติม (เอาของกินมาล่อ 555)
วันนั้นฟางไม่มีอะไรทำพอดี ก็เลยลองไปค่ะ เพราะอยากรู้เหมือนกันว่าข้างในเป็นยังไง

ตอนแรกที่ฟางเข้าไป ฟางตกใจมากเลยค่ะ! ทุกคนเข้ามาต้อนรับฟาง เข้ามากอดฟาง
เข้ามายิ้มให้ฟาง เข้ามาพูดจาดีๆ กับฟาง ทั้งที่ไม่รู้จักกันมาก่อน! ตอนนั้นฟาง-งง-มากเลยค่ะ
คือไม่เข้าใจจริงๆ ว่า คนไม่รู้จักกัน ทำไมต้องเข้ามาทำดีด้วยขนาดนี้ ไม่รู้ว่าเป็นวัฒนธรรม 555555
ฟางเข้าไปตอนแรกก็เจอกับคุณป้าที่เป็นฝ่ายต้อนรับ คุณป้าท่านนี้สนิทกับคุณพ่อของพี่เจฟด้วยค่ะ

คุณป้าพูดกับฟางดีมากๆ ยิ้มแย้มให้ฟาง พูดคุยทักทายอย่างเป็นกันเอง
พี่เจฟเองก็แนะนำฟางให้คนในโบสถ์รู้จัก บอกว่าฟางเป็นแฟนพี่เจฟ ทุกคนก็ยิ้มยินดีกันใหญ่
ฟางเห็นคนในโบสถ์อ่านหนังสือเพลงแล้วร้องเพลงตามนักร้องบนเวที มีสมาชิกในโบสถ์มาเล่นดนตรี
เห็นคนอ่านพระคัมภีร์ตามที่ผู้นำในโบสถ์กล่าว เห็นศิษยาภิบาลมาพูดเผยแพร่พระวจนะบนเวที
แล้วเค้าก็มีให้ยืนร้องเพลง พอพูดจบเป็นเรื่องๆ ก็จะให้อธิษฐาน ฟางก็อธิษฐาน ทำมือตามแบบงงๆ
(พูดแบบภาพที่เห็นในตอนนั้นนะคะ นี่คือความรู้สึกแรกที่เข้าโบสถ์)

พอเสร็จงานนมัสการช่วงเช้า ตอนกลางวันเค้าก็จะมีทานข้าวร่วมกันค่ะ
ฟางไม่รู้มาก่อนเลยค่ะ ว่าทุกๆ สัปดาห์จะมีคนมาถวายอาหารที่โบสถ์
ฟางถึงขั้นหันไปถามพี่เจฟว่า เค้าให้ทานฟรีเลยเหรอ พี่เจฟบอกว่า ใช่
ฟางดูเป็นคนที่ห่างไกลศาสนามากๆ 555
ตอนนั้นฟางนั่งโต๊ะเดียวกับครอบครัวพี่เจฟค่ะ เลยไม่ค่อยอายสำหรับสิ่งที่ตัวเองถามเท่าไหร่ 5555
คุณพ่อพี่เจฟเป็นผู้ช่วยศิษยาภิบาลค่ะ เป็นอาจารย์ที่โบสถ์ ส่วนคุณแม่พี่เจฟเป็นมัคนายกในโบสถ์ค่ะ
ความจริงฟางรู้ตั้งแต่แรกแล้ว..
ว่าพ่อแม่พี่เจฟมีหน้าที่อะไรในโบสถ์ แต่ไม่ได้สนใจว่าสิ่งที่พวกท่านทำคืออะไร ไม่คิดหาคำตอบ
ส่วนพี่เจฟกับน้องชายทั้ง 2 คน ก็เป็นนักดนตรีในโบสถ์ค่ะ สอนดนตรีให้เด็กรวีด้วยค่ะ น่ารักมากๆ

ช่วงบ่ายก็จะมีเรียนพระคัมภีร์ วันนั้นสมาชิกในโบสถ์จะต้องเรียนกับอาจารย์ที่เป็นศิษยาภิบาล
ฟางไม่ได้ไปนั่งเรียนพระคัมภีร์ เพราะยังไม่ได้รับเชื่อ
แต่อาจารย์ได้ยื่นพระคัมภีร์ให้ฟาง ฟางจึงหยิบพระคัมภีร์ใส่กระเป๋า
พอกลับถึงบ้าน ฟางก็แค่วางพระคัมภีร์ไว้บนโต๊ะเฉยๆ แล้วออกไปเที่ยวกลางคืนกับเพื่อน

ฟางวางพระคัมภีร์ไว้เฉยๆ 2 วัน จนพี่เจฟบอกให้ฟางลองอ่านดู ฟางก็ไม่อ่านนะ
จนวันที่ 3 ฟางไม่มีอะไรทำ ฟางเลยลองหยิบพระคัมภีร์มาเปิดดูผ่านๆ ไล่สายตาดูไปเรื่อยๆ
ฟางไปเจอบทความหนุนใจที่น่าสนใจอยู่หลายบทความ ฟางก็เลยลองอ่านอย่างจริงจังดู
ปรากฎว่าฟางชอบ! วันนั้นวันเดียวฟางไม่ทำอะไรอีกเลย ฟางนั่งอ่านพระคัมภีร์ทั้งวัน !
พี่เจฟเห็นก็ดีใจ บอกให้ฟางลองอธิษฐานดูสิ ฟางก็ลองอธิษฐาน แล้วรู้สึกดีขึ้น สบายใจขึ้น
พอวันต่อๆ มา ฟางทิ้งทุกอย่าง ไม่ทำอะไรเลย อ่านพระคัมภีร์อย่างเดียว!
ยิ่งอ่านเหมือนยิ่งได้ข้อคิดดีๆ ได้หลักธรรมคำสอนจากพระเยซู เป็นคำสอนที่ใช้ได้จริง !

ฟางจึงรอคอยให้ถึงวันอาทิตย์ อยากไปโบสถ์เร็วๆ
อยากร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้า อยากฟังพระวจนะ อยากมีความสุขมากขึ้น ( :
พอถึงวันอาทิตย์ ฟางก็ไปรับเชื่อ เป็นคริสเตียนอย่างสมบูรณ์แบบ : )
ทุกคนให้การต้อนรับฟางอย่างดี ทุกคนให้โอกาสคนบาปอย่างฟาง
ฟางรู้สึกว่าคนในโบสถ์ไม่มีใครรังเกียจฟาง ไม่เหมือนพวกเด็กเรียนที่ชอบดูถูกฟาง
ฟางรู้สึกว่าเหมือนทุกคนให้อภัยในความบาปของกันและกันได้
ไม่มีใครยกข้อผิดพลาดในอดีตมาซ้ำเติมเหมือนเพื่อนเก่าของฟาง
ฟางรู้สึกว่าอยู่ดีๆ ตัวเองก็ได้รับความรัก ความอบอุ่น อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน : )))

จากนั้น ฟางก็ไปโบสถ์ทุกวันอาทิตย์ ฟางกลายเป็นคนที่ชอบเข้าโบสถ์ไปเลย
ฟางไปเข้าร่วมกิจกรรมสนุกๆ ที่ทางโบสถ์จัด ฟางไปเข้าค่ายของทางคริสตจักร ไปทุกค่ายเลย
ฟางไปทำงานรับใช้พระเจ้า ตอนแรกฟางทำทุกอย่าง..
ทั้งช่วยงานในครัว ช่วยวางกับข้าว จัดอาหาร จัดโต๊ะ เก็บโต๊ะ ล้างจาน ปัดกวาดเช็ดถูโบสถ์ ตกแต่งโบสถ์
ร้องคอรัส เล่นดนตรี เวลามีการนมัสการ รู้จักการมีน้ำใจ แบ่งปันสิ่งของให้ผู้อื่น มีเมตตากับพี่น้องคริสเตียน

ฟางกลายเป็นคนยิ้มง่าย มือไม้อ่อน ยกมือไหว้ผู้ใหญ่ทุกคนที่เดินผ่าน รู้จักพูดคุยกับทุกคน ไม่เย่อหยิ่ง
ทั้งที่แต่ก่อนฟางเป็นคนเห็นแก่ตัว ถ้าไม่สนิทฟางจะไม่คุยด้วยเลย จะมองจิกๆ พูดจากวนๆ ด้วยซ้ำ
เมื่อก่อน ถ้ามีใครมาพูดอะไรไม่เข้าหู ฟางจะเหวี่ยงและวีนแตกทันที ฟางไม่สนใคร ไม่กลัวใครทั้งนั้น !
แต่พอฟางมาเข้าโบสถ์ ทำให้ฟางรักคนอื่นเป็น รู้จักเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ มีเมตตา เห็นอกเห็นใจผู้อื่นมากขึ้น
ทำให้ฟางได้รู้จักการให้โดยไม่หวังผลตอบแทน : )
เวลาที่ทำอะไร ฟางก็จะรู้จักคิดถึงผู้อื่น แทนที่จะนึกถึงแต่ตัวเอง : ))

ฟางเข้าใจแล้วค่ะ ว่าทำไมพี่เจฟถึงเป็นคนที่ดี สุภาพ อ่อนโยน จิตใจดี มีน้ำใจขนาดนี้
เป็นเพราะว่าพี่เจฟถูกพร่ำสอนและหล่อหลอมจากสังคมคริสเตียนตั้งแต่เด็กๆ นี่เอง
ต้องขอชื่นชมคุณพ่อคุณแม่ของพี่เจฟด้วย ที่สอนให้พี่เจฟเป็นผู้ชายที่ให้เกียรติผู้หญิงได้ขนาดนี้

การมาเข้าโบสถ์..
ทำให้ฟางได้เห็นปัญหาของคนอื่น ทำให้รู้ว่ายังมีคนที่แย่กว่าเราอีกเยอะ ทำให้รู้จักปลอบประโลมใจผู้อื่น
ทำให้ฟางได้เห็นสังคมกว้างขึ้น มองโลกกว้างขึ้น ว่าโลกนี้ไม่ได้มีแค่สังคมในโรงเรียน ในมหาวิทยาลัย
ทำให้ฟางได้รู้จักผู้คนหลากหลาย ได้รับรู้เรื่องราวและประสบการณ์ชีวิตที่เป็นบทเรียนของคนหลายคน

ตั้งแต่วันที่ฟางเข้ารับเชื่อ จนวันที่ฟางเรียนจบมหาวิทยาลัย...
ฟางได้ไปเข้าร่วมกลุ่มแคร์ กลุ่มเซล เข้าร่วมสามัคคีธรรม อธิษฐานยามค่ำคืน
ทำให้จิตใจฟางสงบมากขึ้น มีสติ ยับยั้งชั่งใจ
รู้จักคิด วิเคราะห์ หาเหตุผล ไม่ใจร้อน ไม่วู่วามเหมือนแต่ก่อน
เมื่อก่อน ถ้าใครทำให้ฟางไม่พอใจ ฟางก็จะเข้าไปด่าทอ เข้าไปหาเรื่องเขาเลย...
แต่พอฟางได้มาฟังคำสอนของพระเจ้า ฟางจึงรู้ว่าฟางควรรักทุกคน แม้กระทั่งศัตรูของตัวเอง ( :
ทำให้ฟางได้คิดหาสาเหตุ ว่าทำไมเขาจึงเป็นอย่างนั้น ทำความเข้าใจ และให้อภัยเขา : )
ฟางได้ไปเยี่ยมเยียนสมาชิกในคริสตจักร ทำให้ฟางได้รับรู้ว่าชีวิตของแต่ละคนเป็นยังไง
บางคนก็มีชีวิตที่ดี บางคนก็มีชีวิตที่ลำบาก ได้เรียนรู้ชีวิตของคนที่แตกต่างกันออกไป..

ฟางได้มีโอกาสไปช่วยเหลือเด็กยากจนในต่างจังหวัด ในถิ่นทุรกันดาร
ฟางได้มีโอกาสไปช่วยเหลือพี่น้องชาวคริสเตียนที่ยากไร้ทางภาคเหนือ
ได้ไปช่วยเหลือเด็กดอยที่ยากจน ได้ไปช่วยถวายทรัพย์สร้างโรงเรียน สร้างอาคาร
ไปมอบเสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่ม เอาน้ำ เอาอาหารไปให้..
เด็กๆ ต่างก็รับมาจากมือฟางอย่างดีใจ สายตาของพวกเขา อธิบายเป็นคำพูดไม่ได้จริงๆ
ฟางรู้สึกว่าการให้แบบนี้ เป็นสิ่งที่ทำให้ฟางมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก เป็นสิ่งที่ตื้นตันใจ

ฟางได้มีโอกาสไปพูดคุย ไปเล่นกับพวกเด็กๆ ที่ไร้เดียงสาพวกนี้ พวกเขาน่ารักมากๆ
แค่มีก้อนหินหรือหนังสติ๊กอันเล็กๆ ก็สามารถทำให้พวกเขาเล่นกันอย่างมีความสุขได้
สีหน้าและแววตาของพวกเขา ดูเปี่ยมล้นไปด้วยความสุขมากกว่าเด็กในเมืองหลายๆ คนด้วยซ้ำ

ฟางได้ช่วยเหลืองานมูลนิธิ ได้ทำงานเพื่อสังคม ได้ทำประโยชน์เพื่อส่วนรวม
เป็นประสบการณ์ที่ดีมากๆ ค่ะ...

มีเด็กหลายคนที่อยากเรียนหนังสือ แต่ไม่ได้เรียนหนังสือ เพราะไม่มีเงินเรียน
ฟางรู้สึกผิดมากๆ ที่ตอนเด็กๆ ตัวเองมีโอกาสเรียนแล้วไม่ตั้งใจเรียน โดดเรียน..
มีเด็กหลายคนที่ไม่มีแม้แต่ข้าวกิน ไม่มีแม้แต่เสื้อผ้าแบบธรรมดาๆ ใส่
แต่ตอนเด็กๆ ฟางกลับกินทิ้งกินขว้าง ช้อปปิ้งอย่างฟุ่มเฟือย ซื้อเสื้อผ้ามาแล้วก็ไม่ใส่..
มีเด็กหลายคนที่ไม่มีแม้แต่กระเป๋าใบเล็กๆ ไว้ใส่ของ ไม่มีรองเท้าไว้ใส่เดิน เพราะไม่มีเงินซื้อ
แต่ฟางกลับนำเงินไปซื้อกระเป๋าแบรนด์เนม ไปซื้อรองเท้าแบรนด์เนม ที่มีราคาแพงเกินจริง..
มีเด็กหลายคนที่ต้องขาดชีวิตช่วงวัยเด็ก ขาดชีวิตช่วงวัยรุ่น เพราะต้องช่วยพ่อแม่ทำงาน
แต่ตอนเด็กๆ ฟางกลับเอาแต่จับกลุ่มนินทาชาวบ้าน ตบตีแย่งผู้ชาย ทำให้พ่อแม่กลุ้มใจ..
มีเด็กหลายคนที่ไม่มีที่อยู่อาศัย ไม่มีเตียงนุ่มๆ ให้หลับนอน ไม่มีแม้แต่หลังคาเอาไว้กันเวลาฝนตก
แต่ตอนเด็กๆ ฟางกลับไม่ชอบอยู่บ้าน ชอบหนีออกไปเที่ยวในที่ไกลๆ กลับบ้านดึกๆ จนพ่อแม่เป็นห่วง..

ฟางกลับชอบชีวิตบ้านๆ แบบนี้ มากกว่าชีวิตหรูๆ ที่มีแต่คนมาเฟค มาปรุงแต่งใส่กันซะอีก
ฟางชอบวิถีชีวิตที่ธรรมชาติที่แบบนี้ ทำให้ฟางได้เห็นชีวิตคนจริงๆ ทำให้ได้ค้นพบสัจธรรม
พอเรามี เราก็อยากแบ่งปัน การให้มีความสุขยิ่งกว่าการรับจริงๆ ค่ะ ดีใจที่ได้ช่วยเหลือคนค่ะ
พระเจ้าทำให้ฟางได้ค้นพบคำตอบของชีวิต ทำให้ได้รู้ว่าความสุขที่แท้จริงคืออะไร : )

ตอนนี้ฟางใช้เงินเป็น ใช้ชีวิตเป็นแล้ว จากที่เมื่อก่อนใช้เงินเป็นเบี้ย ทำตัวสำมะเลเทเมา
ตอนนี้ฟางกลายเป็นคนประหยัด ไม่ต้องการของแบรนด์เนม อยากมีชีวิตที่เรียบง่าย แต่มีความสุข
พระเจ้าทำให้ฟางได้เห็นคุณค่าของชีวิต พระเจ้าทำให้ฟางได้เห็นคุณค่าของตัวเองและผู้อื่น
พระเจ้าเปลี่ยนแปลงชีวิตฟาง ทำให้ฟางเป็นคนใหม่ที่ดีกว่าเดิม ทำให้ฟางได้ค้นพบสิ่งใหม่ๆ ที่แสนดี

ตั้งแต่ที่ฟางได้มาเป็นคริสเตียน ได้มารู้จักกับพระเจ้า ทำให้ฟางได้พบเจอกับความสุขแบบใหม่
ทำให้ฟางคิดห่างไกลจากอบายมุขมากขึ้น ไม่ติดปาร์ตี้ ไม่ติดเที่ยวเตร่เหมือนแต่ก่อน
ตั้งแต่วันที่ฟางได้รับบัพติศมา ฟางก็เริ่มที่จะเลิกเหล้า เลิกบุหรี่ ซึ่งมันยากมาก...
แต่ฟางก็พยายามทุกวิถีทาง จนทุกวันนี้ฟางไม่ได้แตะเหล้า ไม่ได้แตะบุหรี่อีกแล้วค่ะ : )

ตอนที่ฟางอายุ 25 ฟางได้แต่งงานกับพี่เจฟแล้วที่คริสตจักรแห่งหนึ่งค่ะ
ตอนนี้ฟางกับพี่เจฟแต่งงานกันมา 2 ปี ตอนนี้พวกเราร่วมกันรับใช้พระเจ้าด้วยกันค่ะ
ตอนนี้ฟางได้เป็นผู้นำนมัสการในโบสถ์ ได้ร้องเพลงนำนมัสการ ได้เล่นดนตรีในโบสถ์ ได้อยู่ทีมประกาศ
ตอนนี้ฟางช่วยดูแลกิจการทางบ้านของพี่เจฟ พี่เจฟเป็นสามีที่ดี รักและดูแลเอาใจใส่ฟางเป็นอย่างดีค่ะ : )

ขอบคุณพระเจ้าที่มอบชีวิตใหม่ให้กับฟาง
ขอบคุณพระเจ้าที่นำพาแสงสว่างเข้ามาในชีวิตฟาง
ขอบคุณพระเจ้าที่ทำให้ฟางมีสันติสุขที่แท้จริง
ขอบคุณพระเจ้าที่ช่วยเหลือฟางในวันที่ฟางมีปัญหารุมเร้าในชีวิต
ขอบคุณพระเจ้าที่ช่วยเหลือฟางในวันที่ฟางทดท้อหรือหมดกำลังใจ
ขอบคุณพระเจ้าที่ให้อภัยและลบล้างความผิดบาปของฟาง
ขอบคุณพระเจ้าที่ประทาน พี่เจฟ ให้มาเป็นคู่ชีวิตของฟาง
ขอบคุณพระเจ้าที่นำพาความรักที่แท้จริงมาให้ฟาง
ขอบคุณพระเจ้าสำหรับทุกสิ่ง


ขอให้พระเจ้าอวยพรทุกท่าน
อาเมน


อมยิ้ม17อมยิ้ม17อมยิ้ม17อมยิ้ม01
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่