เด็กปชป.สายแข็ง! ไล่ "ก๊วน กปปส." พ้นพรรค เหตุมีแนวคิดไม่ตรงอุดมการณ์ พร้อมหนุน "อภิสิทธิ์" ไม่รับร่างรธน.
นายธีรชาติ ปางวิรุฬห์รักษ์ อดีตส.ส.ชุมพร พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ที่ประกาศไม่รับร่างรัฐธรรมนูญว่า ตนสนับสนุนจุดยืนดังกล่าว ซึ่งถือเป็นการยึดตามอุดมการณ์ของพรรคที่ต่อต้นเผด็จการทุกรูปแบบเป็นหลัก และตนก็จะไม่รับร่างรัฐธรรมนูญเช่นเดียวกัน โดยผลพวงของรัฐธรรมนูญมีหลายมาตราที่ไม่เป็นประชาธิปไตยมีผลเสียก็คือ ทำให้ประเทศล้าหลังในทางการเมืองไป 30 กว่าปี กลับไปสู่ยุคนายกรัฐมนตรีคนนอก โดยการวางกลไกไว้ที่ส.ว. ที่ให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นผู้คัดเลือกมีวา ระ5 ปี 4+1 โดยคิดได้เท่ากับวาระทางการเมืองสองสมัยคือ 8 ปี
อีกทั้งพรรคการเมืองที่ได้เสียงข้างมากไม่มีทางเป็นนายกรัฐมนตรีได้ แต่คนที่จะเป็นนายกฯ จะอยู่ที่ส.ว.เป็นผู้กำหนดเพราะมีเสียงถึง 250 เสียงไปบวกกับพรรคการเมืองใหญ่พรรคใดก็ได้เป็นรัฐบาล ส่วนพรรคที่ไม่ร่วมมือก็ต้องเป็นฝ่ายค้านตลอดไป ถือเป็นหลุมดำทางการเมือง ขณะที่เรื่องการปราบโกงก็มีความอ่อนแอลง
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเปลี่ยนแปลงการอุทธรณ์คำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่ทำให้ง่ายขึ้น จากเดิมต้องอุทธรณ์จากที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาเป็นการตั้งองค์คณะใหม่มาพิจารณา โดยไม่มีเงื่อนไขว่าต้องมีพยานหลักฐานใหม่เหมือนที่เคยกำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ 50 รวมถึงการตรวจสอบคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่ให้อำนาจประธานรัฐสภาใช้ดุลพินิจว่าจะส่งเรื่องที่มีการร้องเรียนว่า ป.ป.ช.ทำผิดสู่การพิจารณาของศาลหรือไม่ ซึ่งทำให้เกิดการฮั้วหรือต่อรองทางการเมืองระหว่างองค์กรอิสระกับฝ่ายการเมือง
“ตอนนี้คนมองว่าพรรคมีคำตอบสองทางมีทั้งรับร่างรัฐธรรมนูญกับไม่รับ ชาวบ้านก็หาว่าเราแทงกั๊ก แต่พอหัวหน้าอภิสิทธิ์ประกาศชัดแล้ว ก็ยังมีคนบางกลุ่มที่เป็นสมาชิกพรรคและเป็น กปปส. มีมติสวนทางกับหัวหน้าพรรค ซึ่งถือว่าเป็นอุดมการณ์แตกต่างไม่ใช่ว่ามีความเห็นต่างจึงไม่ควรอยู่ในพรรคแล้ว เพราะอุดมการณ์แตกต่างโดยสิ้นเชิงกรณีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตแกนนำ กปปส. ผมชื่นชมว่าท่านมีจุดยืนของท่านและลาออกจากพรรคไปแล้ว แต่คนที่ยังแอบอยู่ในพรรคประชาธิปัตย์และสนับสนุนรัฐบาลทหารถือว่าไม่ตรงอุดมการณ์พรรคที่ประกาศไว้ในปี 2489 ในการก่อตั้งพรรคซึ่งมีทั้งหมด 10 ข้อ ได้ระบุไว้ในข้อ 4 ว่า พรรคจะไม่สนับสนุนระบบและวิธีการแห่งเผด็จการ ไม่ว่าจะเป็นระบบและวิธีการของรัฐบาลใดๆ เรื่องนี้ไม่ใช่ความเห็นต่าง แต่เป็นอุดมการณ์ที่แตกต่างกัน เมื่อจุดยืนต่างกันก็อยู่ร่วมพรรคเดียวกันไม่ได้” นายธีรชาติ กล่าว
JJNY : ไล่ 'ก๊วน กปปส.' พ้นปชป. เหตุแนวคิดไม่ตรงอุดมการณ์
นายธีรชาติ ปางวิรุฬห์รักษ์ อดีตส.ส.ชุมพร พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ที่ประกาศไม่รับร่างรัฐธรรมนูญว่า ตนสนับสนุนจุดยืนดังกล่าว ซึ่งถือเป็นการยึดตามอุดมการณ์ของพรรคที่ต่อต้นเผด็จการทุกรูปแบบเป็นหลัก และตนก็จะไม่รับร่างรัฐธรรมนูญเช่นเดียวกัน โดยผลพวงของรัฐธรรมนูญมีหลายมาตราที่ไม่เป็นประชาธิปไตยมีผลเสียก็คือ ทำให้ประเทศล้าหลังในทางการเมืองไป 30 กว่าปี กลับไปสู่ยุคนายกรัฐมนตรีคนนอก โดยการวางกลไกไว้ที่ส.ว. ที่ให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นผู้คัดเลือกมีวา ระ5 ปี 4+1 โดยคิดได้เท่ากับวาระทางการเมืองสองสมัยคือ 8 ปี
อีกทั้งพรรคการเมืองที่ได้เสียงข้างมากไม่มีทางเป็นนายกรัฐมนตรีได้ แต่คนที่จะเป็นนายกฯ จะอยู่ที่ส.ว.เป็นผู้กำหนดเพราะมีเสียงถึง 250 เสียงไปบวกกับพรรคการเมืองใหญ่พรรคใดก็ได้เป็นรัฐบาล ส่วนพรรคที่ไม่ร่วมมือก็ต้องเป็นฝ่ายค้านตลอดไป ถือเป็นหลุมดำทางการเมือง ขณะที่เรื่องการปราบโกงก็มีความอ่อนแอลง
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเปลี่ยนแปลงการอุทธรณ์คำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่ทำให้ง่ายขึ้น จากเดิมต้องอุทธรณ์จากที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาเป็นการตั้งองค์คณะใหม่มาพิจารณา โดยไม่มีเงื่อนไขว่าต้องมีพยานหลักฐานใหม่เหมือนที่เคยกำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ 50 รวมถึงการตรวจสอบคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่ให้อำนาจประธานรัฐสภาใช้ดุลพินิจว่าจะส่งเรื่องที่มีการร้องเรียนว่า ป.ป.ช.ทำผิดสู่การพิจารณาของศาลหรือไม่ ซึ่งทำให้เกิดการฮั้วหรือต่อรองทางการเมืองระหว่างองค์กรอิสระกับฝ่ายการเมือง
“ตอนนี้คนมองว่าพรรคมีคำตอบสองทางมีทั้งรับร่างรัฐธรรมนูญกับไม่รับ ชาวบ้านก็หาว่าเราแทงกั๊ก แต่พอหัวหน้าอภิสิทธิ์ประกาศชัดแล้ว ก็ยังมีคนบางกลุ่มที่เป็นสมาชิกพรรคและเป็น กปปส. มีมติสวนทางกับหัวหน้าพรรค ซึ่งถือว่าเป็นอุดมการณ์แตกต่างไม่ใช่ว่ามีความเห็นต่างจึงไม่ควรอยู่ในพรรคแล้ว เพราะอุดมการณ์แตกต่างโดยสิ้นเชิงกรณีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตแกนนำ กปปส. ผมชื่นชมว่าท่านมีจุดยืนของท่านและลาออกจากพรรคไปแล้ว แต่คนที่ยังแอบอยู่ในพรรคประชาธิปัตย์และสนับสนุนรัฐบาลทหารถือว่าไม่ตรงอุดมการณ์พรรคที่ประกาศไว้ในปี 2489 ในการก่อตั้งพรรคซึ่งมีทั้งหมด 10 ข้อ ได้ระบุไว้ในข้อ 4 ว่า พรรคจะไม่สนับสนุนระบบและวิธีการแห่งเผด็จการ ไม่ว่าจะเป็นระบบและวิธีการของรัฐบาลใดๆ เรื่องนี้ไม่ใช่ความเห็นต่าง แต่เป็นอุดมการณ์ที่แตกต่างกัน เมื่อจุดยืนต่างกันก็อยู่ร่วมพรรคเดียวกันไม่ได้” นายธีรชาติ กล่าว