พยานหลักฐาน พบ รถจดประกอบ ยี่ห้อ Mercedes-Benz รุ่น 300 บี ของ สมเด็จช่วง" และรถยนต์โบราณ ยี่ห้อ PANTHER ของ"หลวงพี่น้ำฝน" นำเข้าผิดกฎหมาย มีความผิดฐานเลี่ยงภาษีอากร ตาม พ.ร.บ.ศุลการกร พร้อมยันการสอบสวนในคดีนี้และคดีอื่นใช้มาตรฐานเดียวกัน
สืบเนื่องจากการขยายผลคดีไฟไหม้รถหรู 6 คัน ที่ ต.กลางดง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา เมื่อปี 2556 เจ้าหน้าที่ได้ทำการสืบสวนทราบว่ามีรถผิดกฎหมายจากการจดประกอบ โดยมีรถยนต์ 2 คันซึ่งมีผู้มาร้องเรียนให้ดำเนินการตรวจสอบ คันแรกเป็นรถยนต์ของพระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หรือ หลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม จ.นครปฐม จากการสอบสวนพบว่า รถคันดังกล่าวซื้อมาทั้งคันจากประเทศสหรัฐอเมริกาแต่ได้แยกชิ้นส่วนเข้ามาประเทศไทย มีการปลอมลายมือชื่อผู้อื่น พร้อมมาสำแดงการนำเข้าโครงรถยนต์เป็นยี่ห้อ แพนเธอร์ ส่วนเครื่องยนต์เป็นยี่ห้อ จากัวร์ หมายเลขตัวรถ 731 หมายเลขเครื่องยนต์ 8L 66240-L
สำหรับคันที่สองเป็นรถยนต์เบนซ์โบราณ ทะเบียน ขม 99 กรุงเทพมหานคร ของสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ หรือ สมเด็จช่วง เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ พบมีการกระทำผิดตั้งแต่กระบวนการนำเข้า การเสียภาษี และใช้เอกสารเท็จ ทั้งนี้ ดีเอสไอ ขอยืนยันว่าการสอบสวนทุกคดีได้ใช้มาตรฐานเดียวกันในการพิจารณาตามหลักฐานและข้อเท็จจริง ส่วนรถคันอื่นๆก็พร้อมดำเนินการทั้งหมด
หลวงพี่น้ำฝน พบว่าได้จดทะเบียนทั้งคันที่ประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นยี่ห้อแพนเธอร์แต่เกิดมีการเปลี่ยนทะเบียนขึ้นและ หลวงพี่น้ำฝน ได้ซื้อรถต่อจากคนไทยในประเทศสหรัฐอเมริกา ก่อนแยกชิ้นส่วนตัวถังกับเครื่องยนต์ส่งมาทางเรือเข้ามายังประเทศไทยและจดทะเบียนเป็นยี่ห้อจากัวร์ จนกระทั่งมาสำแดงเอกสารปรากฎชื่อ นายชรินทร ปถคามินทร์ เป็นผู้นำเข้าโครงตัวถังแต่จากการให้ปากคำเจ้าตัวบอกว่าถูกปลอมเอกสารลายมือชื่อทั้งหมด ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ระหว่างถูกดำเนินคดีอยู่ในเรือนจำ จ.นครปฐม ส่วน หลวงพี่น้ำฝน มีชื่อเป็นผู้นำเข้าเครื่องยนต์เอง ก่อนได้มีการประกอบรถยนต์คันที่มีปัญหาดังกล่าวขึ้นมา นอกจากนี้ ได้สอบปากคำผู้ครอบครองรถยนต์คันนี้ที่ประเทศสหรัฐอเมริกาด้วยตัวเอง พบว่ากระบวนการลักษณะอย่างนี้เป็นการหลีกเลี่ยงภาษีเพื่อชำระเงินในราคาที่ถูกลง
ส่วนรถยนต์ของ สมเด็จช่วง นั้น พบว่ามีการกระทำผิดกฎหมายทุกขั้นตอนจนมาถึงกระบวนการปลอมแปลงเอกสารในการจดทะเบียนกับกรมการขนส่ง โดยรถคันนี้จากการรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ ปรากฎว่าจริงแล้วราคา 4 ล้านบาท แต่มีการชำระภาษีสรรพสามิตในราคา 5.7 แสนบาท เท่ากับเป็นการชำระภาษีต่ำกว่าราคารถที่เป็นจริง ก่อนนำเอกสารไปขอจดทะเบียนรถกับกรมการขนส่งในราคา 1 ล้านบาท ซึ่งจำนวนเงินหายไป 3 ล้านบาท
Mercedes-Benz 300 B สมเด็จช่วง และ PANTHER ของ พระน้ำฝน นำเข้าผิดกฎหมาย มีความผิดฐานเลี่ยงภาษีอากร
สืบเนื่องจากการขยายผลคดีไฟไหม้รถหรู 6 คัน ที่ ต.กลางดง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา เมื่อปี 2556 เจ้าหน้าที่ได้ทำการสืบสวนทราบว่ามีรถผิดกฎหมายจากการจดประกอบ โดยมีรถยนต์ 2 คันซึ่งมีผู้มาร้องเรียนให้ดำเนินการตรวจสอบ คันแรกเป็นรถยนต์ของพระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หรือ หลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม จ.นครปฐม จากการสอบสวนพบว่า รถคันดังกล่าวซื้อมาทั้งคันจากประเทศสหรัฐอเมริกาแต่ได้แยกชิ้นส่วนเข้ามาประเทศไทย มีการปลอมลายมือชื่อผู้อื่น พร้อมมาสำแดงการนำเข้าโครงรถยนต์เป็นยี่ห้อ แพนเธอร์ ส่วนเครื่องยนต์เป็นยี่ห้อ จากัวร์ หมายเลขตัวรถ 731 หมายเลขเครื่องยนต์ 8L 66240-L
สำหรับคันที่สองเป็นรถยนต์เบนซ์โบราณ ทะเบียน ขม 99 กรุงเทพมหานคร ของสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ หรือ สมเด็จช่วง เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ พบมีการกระทำผิดตั้งแต่กระบวนการนำเข้า การเสียภาษี และใช้เอกสารเท็จ ทั้งนี้ ดีเอสไอ ขอยืนยันว่าการสอบสวนทุกคดีได้ใช้มาตรฐานเดียวกันในการพิจารณาตามหลักฐานและข้อเท็จจริง ส่วนรถคันอื่นๆก็พร้อมดำเนินการทั้งหมด
หลวงพี่น้ำฝน พบว่าได้จดทะเบียนทั้งคันที่ประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นยี่ห้อแพนเธอร์แต่เกิดมีการเปลี่ยนทะเบียนขึ้นและ หลวงพี่น้ำฝน ได้ซื้อรถต่อจากคนไทยในประเทศสหรัฐอเมริกา ก่อนแยกชิ้นส่วนตัวถังกับเครื่องยนต์ส่งมาทางเรือเข้ามายังประเทศไทยและจดทะเบียนเป็นยี่ห้อจากัวร์ จนกระทั่งมาสำแดงเอกสารปรากฎชื่อ นายชรินทร ปถคามินทร์ เป็นผู้นำเข้าโครงตัวถังแต่จากการให้ปากคำเจ้าตัวบอกว่าถูกปลอมเอกสารลายมือชื่อทั้งหมด ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ระหว่างถูกดำเนินคดีอยู่ในเรือนจำ จ.นครปฐม ส่วน หลวงพี่น้ำฝน มีชื่อเป็นผู้นำเข้าเครื่องยนต์เอง ก่อนได้มีการประกอบรถยนต์คันที่มีปัญหาดังกล่าวขึ้นมา นอกจากนี้ ได้สอบปากคำผู้ครอบครองรถยนต์คันนี้ที่ประเทศสหรัฐอเมริกาด้วยตัวเอง พบว่ากระบวนการลักษณะอย่างนี้เป็นการหลีกเลี่ยงภาษีเพื่อชำระเงินในราคาที่ถูกลง
ส่วนรถยนต์ของ สมเด็จช่วง นั้น พบว่ามีการกระทำผิดกฎหมายทุกขั้นตอนจนมาถึงกระบวนการปลอมแปลงเอกสารในการจดทะเบียนกับกรมการขนส่ง โดยรถคันนี้จากการรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ ปรากฎว่าจริงแล้วราคา 4 ล้านบาท แต่มีการชำระภาษีสรรพสามิตในราคา 5.7 แสนบาท เท่ากับเป็นการชำระภาษีต่ำกว่าราคารถที่เป็นจริง ก่อนนำเอกสารไปขอจดทะเบียนรถกับกรมการขนส่งในราคา 1 ล้านบาท ซึ่งจำนวนเงินหายไป 3 ล้านบาท