สวัสดีค่ะ...
วันนี้อากาศดี ๆ (หนาว) อารมณ์ดี ๆ ฉลองเริ่มต้นเดือนใหม่ เลยคิดว่ามาตั้งกระทู้แบ่งปันประสบการณ์ดีกว่า
หนังสือทำมือ...หลายคนอาจจะรู้จักคุ้นเคยดีอยู่แล้ว หลายคนอาจจะเคยได้ยินแต่ไม่แน่ใจว่ามันคืออะไร และอาจจะมีอีกหลายคนที่ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย ซึ่งวันนี้เราจะมาเล่าให้ฟังอย่างหมดเปลือก ไม่มีกั๊กกันเลยทีเดียว
ก่อนที่จะมาทำหนังสือทำมือ เราก็เริ่มต้นเขียนงานเหมือนนักเขียนทั่ว ๆ ไป นั่นคือเขียนเสร็จแล้วก็ส่งพิจารณากับสำนักพิมพ์ ผ่านก็ได้ตีพิมพ์ออกมาเป็นรูปเล่ม รับเงินค่าลิขสิทธิ์ และเขียนเรื่องต่อไป แต่จุดเปลี่ยนของเราเกิดขึ้นเมื่อเราคิดอยากจะเขียนนิยายสั้น ๆ ขายเฉพาะอีบุ๊ก ไม่ส่งสำนักพิมพ์ เพราะอยากเขียนจบแล้วขายเลย ไม่ต้องรอพิจารณานาน ๆ ที่แม้ว่าจะเร็วที่สุดก็ยังตั้งสองเดือน และหลังจากคิดแบบนั้นก็ลงมือ ต้นฉบับสั้น ๆ แค่ 85 หน้าเอสี่ ฟอนต์ 14 คอร์เดีย นิว และลงให้อ่านในเว็บไซต์ (เว็บเด็กดีกับห้องสมุด) ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีมาก จำนวนคนกดแฟนคลับที่เด็กดีหลักพัน ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นกับเรามาก่อนเลย (เราคือนักเขียนโนเนมที่มีงานตีพิมพ์กับสำนักพิมพ์แค่สองเล่มในตอนนั้น) ยอดวิวที่เว็บห้องสมุดก็หลักแสน ซึ่งมันเยอะมากค่ะสำหรับนักเขียนไร้ชื่อแบบเรา
เมื่อนิยายใกล้จบ ก็เริ่มมีคอมเมนต์จากคนอ่านถามว่า "เมื่อไรจะวางแผง" เป็นคำถามธรรมดา ๆ แต่คนถามคงไม่รู้ว่ามันเป็นคำถามที่เปลี่ยนแปลงเส้นทางเดินในสายน้ำหมึกของเราตลอดกาล (เขียนซะเวอร์นะหล่อน ฮ่า ๆ)
ตอนนั้นนักเขียนทุกคนก็ต้องเคยได้ยินคำว่าหนังสือทำมือน่ะแหละ เราก็ได้ยิน แต่ก็ไม่ได้คิดว่าตัวเองจะทำ เพราะเราไม่มีความรู้อะไรเลย แต่พอมีคนถามว่าเมื่อไรวางแผง มันหมายความว่าเขาอยากได้แบบเป็นเล่ม แต่เราจะขายเป็นอีบุ๊กนี่นา ความคิดในการทำหนังสือทำมือจึงแวบเข้ามา แต่ตอนนั้นเราไม่คิดว่าจะมีคนอยากได้เยอะ ก็เลยประกาศในหน้าอัพนิยายว่า หากมีคนลงชื่ออยากได้หนังสือเล่มถึง 100 คน เราจะพิมพ์เล่มให้ (พรีออเดอร์ พิมพ์ตามยอดจอง) แล้วก็ทิ้งอีเมลไว้ให้
ปรากฏว่า...คุณขา มีคนลงชื่อจองเกินร้อย!!!
เฮ้ย!!! ตอนนั้นคือทึ่งมาก ทึ่งในความไว้เนื้อเชื่อใจของคนอ่านที่มีต่อนักเขียน เอาตรง ๆ นะคะ เราเป็นนักเขียนโนเนม ไม่มีใครรู้จักเราหรอก เราก็แค่อัพนิยายที่เราเขียนให้พวกเขาอ่าน เราเป็นคนซื่อสัตย์หรือเปล่า จะเชิดเงินพวกเขาหนีไปโดยไม่พิมพ์หนังสือไหม คือเขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเราเลยนะ แต่เขาก็วางใจมากพอที่จะโอนเงินค่าหนังสือมาให้เราก่อน คือเราทึ่งและซึ้งมากนะคะ ไม่เคยเจอมาก่อน (นักเขียนดัง ๆ เขาคงเจอมาเยอะแหละ แต่เราโนเนมไงคะ)
ค่ะ...หลังจากนั้นเราก็ตัดสินใจทำเล่ม เพราะก็ต้องรักษาคำพูด ในเมื่อมีคนอยากได้ถึง 100 คน เราก็ต้องทำ แม้ว่าตอนนั้นจะไม่รู้เลยว่าเขาทำหนังสือกันยังไงก็ตาม
เมื่อตัดสินใจทำก็เริ่มหาข้อมูล ซึ่งถือว่าโชคดีที่มีรุ่นพี่ในวงการทำคู่มือไว้ให้อ่านแบบฟรี ๆ หนังสือ Self-Publishing ~หนังสือพิมพ์เอง~ ของ Hayashi Kisara เป็นคู่มือการทำหนังสือทำมือตั้งแต่การทำไฟล์ต้นฉบับ ทำปก ไปจนถึงส่งโรงพิมพ์ และอัพขึ้นขายเป็นอีบุ๊ก เป็นของฟรีและดีที่มีอยู่ในโลก!!! (กราบงาม ๆ) คือเราเริ่มจาก 0 จริง ๆ และหนังสือ (ฟรี) เล่มนี้ก็สอนจาก 0 จริง ๆ ใครอยากได้หนังสือเล่มนี้ โหลดอีบุ๊กได้ฟรีที่เมพ หรือหาในเว็บเด็กดีก็น่าจะมีอยู่นะคะ เพราะคนเขียนเคยเขียนไว้ที่เด็กดีก่อนที่จะรวบรวมทำเป็นอีบุ๊ก
แม้ว่าหนังสือเล่มที่ว่าจะสอนทุกสิ่งอย่าง แต่ก็ใช่ว่าเราจะทำได้ทุกอย่างหรอกนะคะ ด้วยความฉลาดติดลบในโปรแกรมโฟโตชอป ทำให้เราไม่สามารถทำปกเองได้ค่ะ ซึ่งเราโชคดีอีกแล้วที่มีเพื่อนนักเขียนที่ทำกราฟฟิกได้ช่วยสงเคราะห์ทำปกให้ ปกนี่สำคัญมาก เป็นด่านแรกที่นักอ่านจะเห็นผลงานของเรา ซึ่งหากเราทำปกอย่างมืออาชีพ คะแนนของหนังสือเล่มนั้นก็ตกอยู่ที่แดนบวกทั้ง ๆ ที่ยังไม่ถูกเปิดเลยละค่ะ
มีต้นฉบับแล้ว มีปกแล้ว ก็เริ่มต้นหาโรงพิมพ์ ซึ่งขั้นตอนนี้ google ช่วยเราได้ ในขณะเดียวกัน เพื่อนนักเขียนที่เคยทำมือมาก่อนก็ช่วยเราได้ จงใช้ให้เป็นประโยชน์ทุกสิ่งอันค่ะ หาโรงพิมพ์จากกูเกิ้ลด้วย ถามเอาจากคนอื่น ๆ ที่เคยทำมาก่อนด้วย เพราะกูเกิ้ลบอกเราได้ว่ามีโรงพิมพ์อะไรบ้าง แต่บอกไม่ได้ว่าที่ไหนทำงานดี ไม่ดี ตรงนั้นต้องถามคนที่เคยทำค่ะ อย่าเหนียม
เราก็ขอราคาจากโรงพิมพ์หลาย ๆ ที่ ทั้งจากที่เพื่อนนักเขียนแนะนำให้ ทั้งจากที่หาได้เองจากกูเกิ้ล ราคาก็มีทุกระดับ สูงปรี๊ดแบบแตะไม่ไหว หรือราคาพอฟังได้ก็มี แต่ในขั้นตอนนี้เอง ที่ความไร้ประสบการณ์ของเขาได้แสดงอิทธิฤทธิ์!
ในตอนที่เราแจ้งว่าจะเปิดจองนั้น ด้วยความที่นิยายเรามันสั้น ทำให้เป็นหนังสือที่บาง ๆ แค่ประมาณ 240 หน้า เราก็ไม่อยากจะขายแพง เลยบอกคนที่จะซื้อไว้ว่า หนังสือราคาไม่เกิน 200 บาท ซึ่งเป็นการตัดสินใจที่ผิดมหันต์ เพราะทุกโรงพิมพ์ที่เราขอราคาไป ต้นทุนค่าพิมพ์เกิน 100 บาทไปไกลทั้งนั้นเลย แต่เพราะประกาศไปแล้ว จะไปเพิ่มราคาหนังสือก็ดูจะไม่ยุติธรรมกับคนสั่ง เพราะบางคนที่เขาสั่งก็อาจจะด้วยเป็นราคาที่เขารับได้ก็ได้ เราก็เลยต้องหาโรงพิมพ์ที่พิมพ์ให้เราในราคาที่เราไม่เจ็บตัวมาก โดยที่เราไม่ต้องลดสเปก (เราตั้งสเปกไว้ค่อนข้างสูง) แล้วก็โชคดีอีกแล้วค่ะ มีเพื่อนนักเขียนแนะนำโรงพิมพ์ให้ ซึ่งจนถึงตอนนี้เราก็ยังใช้บริการกันอยู่
เอาล่ะค่ะ มีต้นฉบับ มีปก มีโรงพิมพ์ รับเงินพรีออเดอร์มาหลายหมื่นแล้ว ก็จัดสั่งพิมพ์หนังสือไป ซึ่งครั้งแรกในชีวิตการทำหนังสือทำมือ เราสั่งพิมพ์ 200 เล่ม มีคนที่เคยทำมาก่อนบอกว่า ครั้งแรกได้ขนาดนี้ถือว่าเยอะมาก
ในที่สุดหนังสือเล่มแรกที่จัดพิมพ์เองก็เสร็จสมบูรณ์ ตอนได้จับหนังสือครั้งแรกนี่แทบร้องไห้ มันตื้นตัน นี่คือผลงานของฉัน ฉันทำเองทุกอย่างเลย (ยกเว้นปก แหะ ๆ) ฉันทำได้ ฉันพิมพ์หนังสือเอง! กรี๊ดดดดดดดดดดด
หลังจากนั้นก็ส่งให้คนอ่านทางไปรษณีย์ค่ะ และเริ่มได้รับฟีดแบก ส่วนใหญ่ก็จะเป็น หนังสือสวยมาก กระดาษดีมาก สวยมากไม่อยากเปิดเลย กลัวยับ คือ...คุณคะ มันเหมือนมีคนชมลูกของเราว่าช่างเติบโตมางดงาม มันเป็นความรู้สึกปลื้มปริ่มที่บรรยายออกมาเป็นคำพูดได้ยาก มันเต็มตื้นอยู่ในอก
ในหน้ารายละเอียดหนังสือของเรานั้นเขียนไว้ว่า...
พิมพ์ครั้งแรก สิงหาคม ๒๕๕๗
ใช่ค่ะ...หนังสือพิมพ์เองเล่มแรกของเรา เพิ่งมีอายุครบสองปี...วันนี้เอง...
หนังสือทำมือ ใคร ๆ ก็ทำได้...ง่ายจัง!!!
วันนี้อากาศดี ๆ (หนาว) อารมณ์ดี ๆ ฉลองเริ่มต้นเดือนใหม่ เลยคิดว่ามาตั้งกระทู้แบ่งปันประสบการณ์ดีกว่า
หนังสือทำมือ...หลายคนอาจจะรู้จักคุ้นเคยดีอยู่แล้ว หลายคนอาจจะเคยได้ยินแต่ไม่แน่ใจว่ามันคืออะไร และอาจจะมีอีกหลายคนที่ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย ซึ่งวันนี้เราจะมาเล่าให้ฟังอย่างหมดเปลือก ไม่มีกั๊กกันเลยทีเดียว
ก่อนที่จะมาทำหนังสือทำมือ เราก็เริ่มต้นเขียนงานเหมือนนักเขียนทั่ว ๆ ไป นั่นคือเขียนเสร็จแล้วก็ส่งพิจารณากับสำนักพิมพ์ ผ่านก็ได้ตีพิมพ์ออกมาเป็นรูปเล่ม รับเงินค่าลิขสิทธิ์ และเขียนเรื่องต่อไป แต่จุดเปลี่ยนของเราเกิดขึ้นเมื่อเราคิดอยากจะเขียนนิยายสั้น ๆ ขายเฉพาะอีบุ๊ก ไม่ส่งสำนักพิมพ์ เพราะอยากเขียนจบแล้วขายเลย ไม่ต้องรอพิจารณานาน ๆ ที่แม้ว่าจะเร็วที่สุดก็ยังตั้งสองเดือน และหลังจากคิดแบบนั้นก็ลงมือ ต้นฉบับสั้น ๆ แค่ 85 หน้าเอสี่ ฟอนต์ 14 คอร์เดีย นิว และลงให้อ่านในเว็บไซต์ (เว็บเด็กดีกับห้องสมุด) ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีมาก จำนวนคนกดแฟนคลับที่เด็กดีหลักพัน ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นกับเรามาก่อนเลย (เราคือนักเขียนโนเนมที่มีงานตีพิมพ์กับสำนักพิมพ์แค่สองเล่มในตอนนั้น) ยอดวิวที่เว็บห้องสมุดก็หลักแสน ซึ่งมันเยอะมากค่ะสำหรับนักเขียนไร้ชื่อแบบเรา
เมื่อนิยายใกล้จบ ก็เริ่มมีคอมเมนต์จากคนอ่านถามว่า "เมื่อไรจะวางแผง" เป็นคำถามธรรมดา ๆ แต่คนถามคงไม่รู้ว่ามันเป็นคำถามที่เปลี่ยนแปลงเส้นทางเดินในสายน้ำหมึกของเราตลอดกาล (เขียนซะเวอร์นะหล่อน ฮ่า ๆ)
ตอนนั้นนักเขียนทุกคนก็ต้องเคยได้ยินคำว่าหนังสือทำมือน่ะแหละ เราก็ได้ยิน แต่ก็ไม่ได้คิดว่าตัวเองจะทำ เพราะเราไม่มีความรู้อะไรเลย แต่พอมีคนถามว่าเมื่อไรวางแผง มันหมายความว่าเขาอยากได้แบบเป็นเล่ม แต่เราจะขายเป็นอีบุ๊กนี่นา ความคิดในการทำหนังสือทำมือจึงแวบเข้ามา แต่ตอนนั้นเราไม่คิดว่าจะมีคนอยากได้เยอะ ก็เลยประกาศในหน้าอัพนิยายว่า หากมีคนลงชื่ออยากได้หนังสือเล่มถึง 100 คน เราจะพิมพ์เล่มให้ (พรีออเดอร์ พิมพ์ตามยอดจอง) แล้วก็ทิ้งอีเมลไว้ให้
ปรากฏว่า...คุณขา มีคนลงชื่อจองเกินร้อย!!!
เฮ้ย!!! ตอนนั้นคือทึ่งมาก ทึ่งในความไว้เนื้อเชื่อใจของคนอ่านที่มีต่อนักเขียน เอาตรง ๆ นะคะ เราเป็นนักเขียนโนเนม ไม่มีใครรู้จักเราหรอก เราก็แค่อัพนิยายที่เราเขียนให้พวกเขาอ่าน เราเป็นคนซื่อสัตย์หรือเปล่า จะเชิดเงินพวกเขาหนีไปโดยไม่พิมพ์หนังสือไหม คือเขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเราเลยนะ แต่เขาก็วางใจมากพอที่จะโอนเงินค่าหนังสือมาให้เราก่อน คือเราทึ่งและซึ้งมากนะคะ ไม่เคยเจอมาก่อน (นักเขียนดัง ๆ เขาคงเจอมาเยอะแหละ แต่เราโนเนมไงคะ)
ค่ะ...หลังจากนั้นเราก็ตัดสินใจทำเล่ม เพราะก็ต้องรักษาคำพูด ในเมื่อมีคนอยากได้ถึง 100 คน เราก็ต้องทำ แม้ว่าตอนนั้นจะไม่รู้เลยว่าเขาทำหนังสือกันยังไงก็ตาม
เมื่อตัดสินใจทำก็เริ่มหาข้อมูล ซึ่งถือว่าโชคดีที่มีรุ่นพี่ในวงการทำคู่มือไว้ให้อ่านแบบฟรี ๆ หนังสือ Self-Publishing ~หนังสือพิมพ์เอง~ ของ Hayashi Kisara เป็นคู่มือการทำหนังสือทำมือตั้งแต่การทำไฟล์ต้นฉบับ ทำปก ไปจนถึงส่งโรงพิมพ์ และอัพขึ้นขายเป็นอีบุ๊ก เป็นของฟรีและดีที่มีอยู่ในโลก!!! (กราบงาม ๆ) คือเราเริ่มจาก 0 จริง ๆ และหนังสือ (ฟรี) เล่มนี้ก็สอนจาก 0 จริง ๆ ใครอยากได้หนังสือเล่มนี้ โหลดอีบุ๊กได้ฟรีที่เมพ หรือหาในเว็บเด็กดีก็น่าจะมีอยู่นะคะ เพราะคนเขียนเคยเขียนไว้ที่เด็กดีก่อนที่จะรวบรวมทำเป็นอีบุ๊ก
แม้ว่าหนังสือเล่มที่ว่าจะสอนทุกสิ่งอย่าง แต่ก็ใช่ว่าเราจะทำได้ทุกอย่างหรอกนะคะ ด้วยความฉลาดติดลบในโปรแกรมโฟโตชอป ทำให้เราไม่สามารถทำปกเองได้ค่ะ ซึ่งเราโชคดีอีกแล้วที่มีเพื่อนนักเขียนที่ทำกราฟฟิกได้ช่วยสงเคราะห์ทำปกให้ ปกนี่สำคัญมาก เป็นด่านแรกที่นักอ่านจะเห็นผลงานของเรา ซึ่งหากเราทำปกอย่างมืออาชีพ คะแนนของหนังสือเล่มนั้นก็ตกอยู่ที่แดนบวกทั้ง ๆ ที่ยังไม่ถูกเปิดเลยละค่ะ
มีต้นฉบับแล้ว มีปกแล้ว ก็เริ่มต้นหาโรงพิมพ์ ซึ่งขั้นตอนนี้ google ช่วยเราได้ ในขณะเดียวกัน เพื่อนนักเขียนที่เคยทำมือมาก่อนก็ช่วยเราได้ จงใช้ให้เป็นประโยชน์ทุกสิ่งอันค่ะ หาโรงพิมพ์จากกูเกิ้ลด้วย ถามเอาจากคนอื่น ๆ ที่เคยทำมาก่อนด้วย เพราะกูเกิ้ลบอกเราได้ว่ามีโรงพิมพ์อะไรบ้าง แต่บอกไม่ได้ว่าที่ไหนทำงานดี ไม่ดี ตรงนั้นต้องถามคนที่เคยทำค่ะ อย่าเหนียม
เราก็ขอราคาจากโรงพิมพ์หลาย ๆ ที่ ทั้งจากที่เพื่อนนักเขียนแนะนำให้ ทั้งจากที่หาได้เองจากกูเกิ้ล ราคาก็มีทุกระดับ สูงปรี๊ดแบบแตะไม่ไหว หรือราคาพอฟังได้ก็มี แต่ในขั้นตอนนี้เอง ที่ความไร้ประสบการณ์ของเขาได้แสดงอิทธิฤทธิ์!
ในตอนที่เราแจ้งว่าจะเปิดจองนั้น ด้วยความที่นิยายเรามันสั้น ทำให้เป็นหนังสือที่บาง ๆ แค่ประมาณ 240 หน้า เราก็ไม่อยากจะขายแพง เลยบอกคนที่จะซื้อไว้ว่า หนังสือราคาไม่เกิน 200 บาท ซึ่งเป็นการตัดสินใจที่ผิดมหันต์ เพราะทุกโรงพิมพ์ที่เราขอราคาไป ต้นทุนค่าพิมพ์เกิน 100 บาทไปไกลทั้งนั้นเลย แต่เพราะประกาศไปแล้ว จะไปเพิ่มราคาหนังสือก็ดูจะไม่ยุติธรรมกับคนสั่ง เพราะบางคนที่เขาสั่งก็อาจจะด้วยเป็นราคาที่เขารับได้ก็ได้ เราก็เลยต้องหาโรงพิมพ์ที่พิมพ์ให้เราในราคาที่เราไม่เจ็บตัวมาก โดยที่เราไม่ต้องลดสเปก (เราตั้งสเปกไว้ค่อนข้างสูง) แล้วก็โชคดีอีกแล้วค่ะ มีเพื่อนนักเขียนแนะนำโรงพิมพ์ให้ ซึ่งจนถึงตอนนี้เราก็ยังใช้บริการกันอยู่
เอาล่ะค่ะ มีต้นฉบับ มีปก มีโรงพิมพ์ รับเงินพรีออเดอร์มาหลายหมื่นแล้ว ก็จัดสั่งพิมพ์หนังสือไป ซึ่งครั้งแรกในชีวิตการทำหนังสือทำมือ เราสั่งพิมพ์ 200 เล่ม มีคนที่เคยทำมาก่อนบอกว่า ครั้งแรกได้ขนาดนี้ถือว่าเยอะมาก
ในที่สุดหนังสือเล่มแรกที่จัดพิมพ์เองก็เสร็จสมบูรณ์ ตอนได้จับหนังสือครั้งแรกนี่แทบร้องไห้ มันตื้นตัน นี่คือผลงานของฉัน ฉันทำเองทุกอย่างเลย (ยกเว้นปก แหะ ๆ) ฉันทำได้ ฉันพิมพ์หนังสือเอง! กรี๊ดดดดดดดดดดด
หลังจากนั้นก็ส่งให้คนอ่านทางไปรษณีย์ค่ะ และเริ่มได้รับฟีดแบก ส่วนใหญ่ก็จะเป็น หนังสือสวยมาก กระดาษดีมาก สวยมากไม่อยากเปิดเลย กลัวยับ คือ...คุณคะ มันเหมือนมีคนชมลูกของเราว่าช่างเติบโตมางดงาม มันเป็นความรู้สึกปลื้มปริ่มที่บรรยายออกมาเป็นคำพูดได้ยาก มันเต็มตื้นอยู่ในอก
ในหน้ารายละเอียดหนังสือของเรานั้นเขียนไว้ว่า...
พิมพ์ครั้งแรก สิงหาคม ๒๕๕๗
ใช่ค่ะ...หนังสือพิมพ์เองเล่มแรกของเรา เพิ่งมีอายุครบสองปี...วันนี้เอง...