ทริปนี้เรามีกัน 4 คนนะคะ (อาจุมม่า 2 คน เนี๋ยนชิงเหริน 1 คนและเด็กน้อยอีก 1 คน)
v v v v v v v v v v v v v v v v v v v v v v v v v v v v v v v v v v
เราวางแผนกันไว้ว่า
วันที่ 1 เดินทางไปเฉิงตู เที่ยวเฉิงตู
วันที่ 2 เดินทางไปจิ่วจ้ายโกว
วันที่ 3 เที่ยวจิ่วจ้ายโกวขาขวา
วันที่ 4 เที่ยวจิ่วจ้ายโกวขาซ้ายและเก็บที่เหลือ
วันที่ 5 เที่ยวหวงหลง กลับเฉิงตู
วันที่ 6 ช้อปปิ้งที่เฉิงตู ขึ้นเครื่องกลับไทย



วันที่ 1
พร้อมกันที่สนามบิน 7 โมงเช้าค่า เราเดินทางจากรุงเทพไปลงสนามบินเฉิงตูด้วยไฟล์ท TG618 ค่า เวลา 10.55 น.
ใช้เวลาในการบิน 2 ชั่วโมงครึ่งค่ะ (แต่ละคนดูหนังกันคนละเรื่อง ถึงสนามบินเฉิงตูหนังก็จบพอดีเลยค่า) ถึงสนามบินเฉิงตูด้วยเวลา 15.05 น. จากสนามบินมี MRT เข้าเมืองนะคะ แต่วันที่ไป MRT ที่สนามบินใช้ไม่ได้นะคะ กำลังปรับปรุงอยู่
จากนั้นรถที่ติดต่อไว้ มารับจากสนามบินไปโรงแรมค่ะ ชื่อ Romantic Holiday Hotel (22 Section 2 of Middle Renmin Road)
โรงแรมที่พักอยู่ในตัวเมืองเฉิงตูเลย ราคาคืนละ 1800 บาทต่อห้องค่ะ ห้องนึงนอน 2 คน (ก็ตกคนละ 900 บาท) จากนั้นเราก็ออกไปเดินเที่ยว เพื่อนเด็กน้อยซาซาที่อยู่เฉิงตูนามว่า เพ่ยเพ่ย จะมารับไปกินข้าวตอน 6 โมงเย็น (แต่มันไม่เย็นนี่สิคะ แดดเปรี้ยงมากค่ะ) เราก็เดินตามทางไปเรื่อยๆ ระหว่างทางเดินถนนเส้นนี้มีธนาคารและโรงแรมเยอะมากค่ะ มี MRT ผ่านด้วย
เดินๆไปก็ไปเจอประตูที่เป็นศิลปะแบบจีนก็แวะถ่ายรูปกันซักหน่อย
มีป้ายผังเมืองบอกทางบริเวณนั้นด้วย ใครอยากรู้ว่าบริเวณนั้นมีอะไรให้เที่ยวบ้างก็ส่องเลยค่า
เดินถ่ายรูปกันอยู่ซักพักนึง เพ่ยเพ่ย (เพื่อนเด็กน้อยซาซา) ก็มารับไปไหว้พระแถวถนนคนเดิน (เดินผ่านประตูจีนเข้าไปประมาณ 500 เมตรก็ถึงค่ะ)
หน้าวัดมีเมล็ดทานตะวันขาย เพ่ยเพ่ยแวะซื้อ เรา 4 คน นี่ยังงงค่ะ ว่ามันคืออะไร ที่นี่เค้ากินเมล็ดทานตะวันกันสดๆนะคะ ไม่มีมาคั่วเหมือนบ้านเรา ดอกใหญ่มากกกกกค่า อาจุมม่าเลยซื้อมาสองดอก เพ่ยเพ่ยบอกให้ลองชิม แต่แล้วก็กินกันไม่ได้ค่า (สุดท้ายยกให้แม่ค้าร้านอาหารที่จิ่วจ้ายโกวไปกินค่ะ - -“)
ต่อจากนั้นก็ข้ามถนนไปฝั่งตรงข้ามหาอะไรกินกันที่ถนนคนเดิน ตอนไปเดินนี่คนไม่เยอะมากค่ะ ร้านก็ปิดไปบ้างแล้ว ตามทางก็จะมีของที่ระลึกขายตลอดทาง
แวะพิพิธภัณฑ์ไปดูผ้าหน่อย ข้างในยังมีเครื่องประดับตกแต่งบ้านขายด้วยนะคะ ออกแนวธรรมะหน่อยๆ
เดินเล่นกันมาจนหิวแล้ว เพ่ยเพ่ยก็พามากินข้าวที่ร้านอาหารแถวถนนคนเดิน นี่แค่ออเดิร์ฟนะคะ ยังมีมื้อดึกอีก (แค่ออเดิร์ฟก็กินกันไม่ไหวแล้วค่ะ ) ทั้งหมดนี้คนละชุด พุงจะแตกค่ะงานนี้
รสชาติอาหารก็มีทั้งเผ็ด จืด หวาน มัน ตามแบบฉบับอาหารจีนเลยค่ะ มาถึงที่แล้วต้องลองกินดูค่ะ
กินข้าวเสร็จ เพ่ยเพ่ยก็พาไปเที่ยวตรอกคนเดินตอนกลางคืน (Kuanxiangzi) อีกค่ะ
ระหว่างทางจะไป Kuanxiangzi เรา 4 คนและเพ่ยเพ่ย เดินผ่านเจอผู้สูงอายุกำลังออกกำลังกาย เพ่ยเพ่ยก็บอกลองไปเต้นตามเค้าสิ มีรึจะเหลือ กินอิ่มมาเต็มที่ก็ต้องหาวิธีย่อยซักหน่อย เรา 4 คนเลยจัดการไปเข้าแถวต่อหลังคนอื่นที่ออกกำลังกายอยู่ ท่าไม่ยากเลยค่า เหมาะแก่ผู้สูงวัยจริงๆ แถมยังมีนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวเหมือนกันมาต่อแถวข้างหลังอีก สนุกดีค่ะ ขยับร่างกายซักพักก็เดินไปที่ตรอกกันต่อค่ะ
พอไปถึงตรอก คนเยอะมาก มีทั้งคนจีน แขก ฝรั่ง ร้านอาหารเยอะมากค่ะ ร้านขายของฝากก็เยอะค่ะ
ไปสะดุดกับขนมอย่างนึง เรียกว่าอะไรจำไม่ได้แล้ว มันทำมาจากถั่วค่ะ กินแล้วติดคอมากๆค่า ต้องรีบกินน้ำตามเข้าไปเลย
อาจุมม่าทั้ง 2 รีเควสอยากจะดูงิ้วเปลี่ยนหน้ากาก เพ่ยเพ่ยเลยพาไปนั่งดูในร้านเลย จิบน้ำชาไปด้วย ดูการแสดงไปด้วย ร้านนี้เค้ามีการแสดงหลายอย่างนะคะ เช่น หญิงสาวมาร้องเพลงให้ฟัง การเทน้ำชาจากกาปากยาว การลงโทษเด็กสมัยก่อนของชาวเสฉวน เป็นต้น น่าตื่นตาตื่นใจไปอีกแบบค่ะ
โชว์เปลี่ยนหน้ากาก ทั้งสไปเดอร์แมน แพนด้า มากันหลายหน้าเลยค่ะ
ระหว่างชมการแสดงก็จิบชาหอมมะลิไปด้วยค่ะ ชาเค้าหอมดีนะคะ
นักแสดงลงมาโชว์เทน้ำชาถึงข้างล่างเลยค่ะ
ดูการแสดงจบก็ออกมาเดินในตรอกต่อค่ะ กลางคืนเปิดไฟสีสวยดีค่ะ บรรยากาศดี คนที่มาเดินก็ไม่ได้ลดลงนะคะ
มีร้านขายไอติม ร้านขนมต่างๆ และก็ยังมี starbuck มาเปิดด้วยนะคะ
อันนี้เหมือนน้ำตาลปั้นบ้านเราค่ะ คิวยาวมากๆ น้ำตาลปั้นที่นี่มีให้เป่าลมเข้าไปในตัวน้ำตาลได้ด้วยนะคะ จะได้ดูตัวพองๆ
สำหรับคนที่ชอบสะสมแก้ว ที่นี่ก็มีหลายแบบหลายลายให้เลือกนะคะ
และอีกหนึ่ง landmark ถ้ามาที่ตรอกนี้ต้องมาถ่ายรูป คือมังกรตัวนี้นี่แหละค่ะ
เดินชมบรรยากาศยามค่ำคืนในตรอกคนเดินเสร็จ เพ่ยเพ่ยก็พาไปจัดหนักมื้อดึกแล้วล่ะค่ะ มื้อนี้คือ 烧烤 (shaokao) นั่นก็คือ บาร์บิคิวนั่นเองค่ะ
มีพริกแห้งไว้ให้จิ้มด้วยค่ะ .. รสชาติแปลกไปอีกแบบค่ะ
มีทั้ง หมู เห็ด เป็ด ไก่ เครื่องใน ผัก สั่งมายังกับไม่ได้กินข้าวมาหลายวัน ณ ขณะนี้เวลาประมาณสี่ทุ่มกว่าแล้วค่า (ลงพุงแน่ๆ)
ข้าวโพดเค้าก็เรียงเม็กเสียบใส่ไม้ ขยันน่าดูค่ะ
กินกันอิ่มแล้วก็ถ่ายรูปกันซักหน่อยค่า ..
ยังไม่จบค่ะ ราตรีนี้อีกยาวไกล กินเสร็จประมาณ เกือบ 5 ทุ่ม ไปเดินเล่นกันต่อที่ถนนเลียบแม่น้ำ ชื่อถนนหลานกุ้ยฟาง ถนนเส้นนี้จะมีผับบาร์ตลอดทั้งเส้นเลยค่า ควันบุหรี่เยอะไปหน่อยค่ะ (สำหรับคนที่ไม่ชอบกลิ่นควันบุหรี่แนะนำให้พก mask ไปด้วยค่ะ)
นอกจากนี้ยังมีการฉายรูปหน้ากากบนถนนเป็นสีสันอีกอย่างนึงของที่นี่เลยค่ะ
มาเก็บบรรยากาศยามค่ำคืนริมแม่น้ำกันค่ะ ลมพัดเย็นสบาย มีสะพาน Ancient Anshun ให้เก็บภาพริมแม่น้ำด้วยค่า
ตัวสะพานจะมี 2 ด้าน จะเป็นคนละวิวกันค่า สวยกันคนละแบบ ด้านนึงเป็นวิวแหล่งบันเทิง อีกด้านนึงเป็นวิวเงียบสงบค่ะ
ไปต่อกันที่ แม่น้ำแห่งรัก บริเวณนี้จะมีคนมาถ่ายพรีเวดดิ้งกันเยอะมากค่า ตามรั้ว ตามต้นไม้ประดับด้วยไฟรูปหัวใจ รูปผีเสื้อ แม้กระทั่งทางม้าลายก็ยังเป็นหัวใจเลยค่า ใครจะถ่ายรูปก็ดูรถกันดีๆนะคะ อยู่ๆเค้าจะขับเข้ามาจอด เค้าก็ไม่แคร์อะไรนะคะ จนเพ่ยเพ่ยต้องไปยืนกันรถให้เลยค่า (รถในเมืองจีนขับกันน่ากลัว)
ทางม้าลายรูปหัวใจ น่าจะเอาไว้นอนถ่ายรูปด้วยมากกว่าข้ามถนนนะคะ


แล้ววันนี้ก็จบกันที่เที่ยงคืนค่ะ กลับโรงแรมแล้วก็พักผ่อนค่า วันพรุ่งนี้เราต้องนั่งรถกันอีกนานเลย จากเฉิงตูไปจิ่วจ้ายโกวระยะเวลาโดยประมาณ คือ 10 ชั่วโมงค่ะ
นี่แค่โปรแกรมวันแรกนะคะ อัดแน่นมากๆ (ตอนแรกบอกเที่ยวสบายๆ) ที่เฉิงตูพระอาทิตย์ตกตอน 2 ทุ่มค่ะ เลยทำให้เวลาดึก แต่บรรยากาศดูไม่ดึกตามเวลาเลยค่ะ คนเลยยังออกมาเที่ยวกันเยอะ ด้วยความที่เป็นเมืองท่องเที่ยว ก็จะมีรถเมล์ รถไฟใต้ดินไว้เดินทางไปไหนมาไหนได้สะดวกค่ะ ในตัวเมืองเฉิงตูยังมีที่เที่ยวอีกเยอะเลยค่ะ แต่ว่าเรา 4 คนเก็บไม่ไหวแล้วค่า
[CR] เด็กน้อยน่ารักกับอาจุมม่าจอมเหนื่อยที่ จิ่วจ้ายโกว & หวงหลง 6 วัน 5 คืน
v v v v v v v v v v v v v v v v v v v v v v v v v v v v v v v v v v
เราวางแผนกันไว้ว่า
วันที่ 1 เดินทางไปเฉิงตู เที่ยวเฉิงตู
วันที่ 2 เดินทางไปจิ่วจ้ายโกว
วันที่ 3 เที่ยวจิ่วจ้ายโกวขาขวา
วันที่ 4 เที่ยวจิ่วจ้ายโกวขาซ้ายและเก็บที่เหลือ
วันที่ 5 เที่ยวหวงหลง กลับเฉิงตู
วันที่ 6 ช้อปปิ้งที่เฉิงตู ขึ้นเครื่องกลับไทย
วันที่ 1
พร้อมกันที่สนามบิน 7 โมงเช้าค่า เราเดินทางจากรุงเทพไปลงสนามบินเฉิงตูด้วยไฟล์ท TG618 ค่า เวลา 10.55 น.
ใช้เวลาในการบิน 2 ชั่วโมงครึ่งค่ะ (แต่ละคนดูหนังกันคนละเรื่อง ถึงสนามบินเฉิงตูหนังก็จบพอดีเลยค่า) ถึงสนามบินเฉิงตูด้วยเวลา 15.05 น. จากสนามบินมี MRT เข้าเมืองนะคะ แต่วันที่ไป MRT ที่สนามบินใช้ไม่ได้นะคะ กำลังปรับปรุงอยู่
จากนั้นรถที่ติดต่อไว้ มารับจากสนามบินไปโรงแรมค่ะ ชื่อ Romantic Holiday Hotel (22 Section 2 of Middle Renmin Road)
โรงแรมที่พักอยู่ในตัวเมืองเฉิงตูเลย ราคาคืนละ 1800 บาทต่อห้องค่ะ ห้องนึงนอน 2 คน (ก็ตกคนละ 900 บาท) จากนั้นเราก็ออกไปเดินเที่ยว เพื่อนเด็กน้อยซาซาที่อยู่เฉิงตูนามว่า เพ่ยเพ่ย จะมารับไปกินข้าวตอน 6 โมงเย็น (แต่มันไม่เย็นนี่สิคะ แดดเปรี้ยงมากค่ะ) เราก็เดินตามทางไปเรื่อยๆ ระหว่างทางเดินถนนเส้นนี้มีธนาคารและโรงแรมเยอะมากค่ะ มี MRT ผ่านด้วย
เดินๆไปก็ไปเจอประตูที่เป็นศิลปะแบบจีนก็แวะถ่ายรูปกันซักหน่อย
มีป้ายผังเมืองบอกทางบริเวณนั้นด้วย ใครอยากรู้ว่าบริเวณนั้นมีอะไรให้เที่ยวบ้างก็ส่องเลยค่า
เดินถ่ายรูปกันอยู่ซักพักนึง เพ่ยเพ่ย (เพื่อนเด็กน้อยซาซา) ก็มารับไปไหว้พระแถวถนนคนเดิน (เดินผ่านประตูจีนเข้าไปประมาณ 500 เมตรก็ถึงค่ะ)
หน้าวัดมีเมล็ดทานตะวันขาย เพ่ยเพ่ยแวะซื้อ เรา 4 คน นี่ยังงงค่ะ ว่ามันคืออะไร ที่นี่เค้ากินเมล็ดทานตะวันกันสดๆนะคะ ไม่มีมาคั่วเหมือนบ้านเรา ดอกใหญ่มากกกกกค่า อาจุมม่าเลยซื้อมาสองดอก เพ่ยเพ่ยบอกให้ลองชิม แต่แล้วก็กินกันไม่ได้ค่า (สุดท้ายยกให้แม่ค้าร้านอาหารที่จิ่วจ้ายโกวไปกินค่ะ - -“)
ต่อจากนั้นก็ข้ามถนนไปฝั่งตรงข้ามหาอะไรกินกันที่ถนนคนเดิน ตอนไปเดินนี่คนไม่เยอะมากค่ะ ร้านก็ปิดไปบ้างแล้ว ตามทางก็จะมีของที่ระลึกขายตลอดทาง
แวะพิพิธภัณฑ์ไปดูผ้าหน่อย ข้างในยังมีเครื่องประดับตกแต่งบ้านขายด้วยนะคะ ออกแนวธรรมะหน่อยๆ
เดินเล่นกันมาจนหิวแล้ว เพ่ยเพ่ยก็พามากินข้าวที่ร้านอาหารแถวถนนคนเดิน นี่แค่ออเดิร์ฟนะคะ ยังมีมื้อดึกอีก (แค่ออเดิร์ฟก็กินกันไม่ไหวแล้วค่ะ ) ทั้งหมดนี้คนละชุด พุงจะแตกค่ะงานนี้
กินข้าวเสร็จ เพ่ยเพ่ยก็พาไปเที่ยวตรอกคนเดินตอนกลางคืน (Kuanxiangzi) อีกค่ะ
ระหว่างทางจะไป Kuanxiangzi เรา 4 คนและเพ่ยเพ่ย เดินผ่านเจอผู้สูงอายุกำลังออกกำลังกาย เพ่ยเพ่ยก็บอกลองไปเต้นตามเค้าสิ มีรึจะเหลือ กินอิ่มมาเต็มที่ก็ต้องหาวิธีย่อยซักหน่อย เรา 4 คนเลยจัดการไปเข้าแถวต่อหลังคนอื่นที่ออกกำลังกายอยู่ ท่าไม่ยากเลยค่า เหมาะแก่ผู้สูงวัยจริงๆ แถมยังมีนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวเหมือนกันมาต่อแถวข้างหลังอีก สนุกดีค่ะ ขยับร่างกายซักพักก็เดินไปที่ตรอกกันต่อค่ะ
พอไปถึงตรอก คนเยอะมาก มีทั้งคนจีน แขก ฝรั่ง ร้านอาหารเยอะมากค่ะ ร้านขายของฝากก็เยอะค่ะ
ไปสะดุดกับขนมอย่างนึง เรียกว่าอะไรจำไม่ได้แล้ว มันทำมาจากถั่วค่ะ กินแล้วติดคอมากๆค่า ต้องรีบกินน้ำตามเข้าไปเลย
อาจุมม่าทั้ง 2 รีเควสอยากจะดูงิ้วเปลี่ยนหน้ากาก เพ่ยเพ่ยเลยพาไปนั่งดูในร้านเลย จิบน้ำชาไปด้วย ดูการแสดงไปด้วย ร้านนี้เค้ามีการแสดงหลายอย่างนะคะ เช่น หญิงสาวมาร้องเพลงให้ฟัง การเทน้ำชาจากกาปากยาว การลงโทษเด็กสมัยก่อนของชาวเสฉวน เป็นต้น น่าตื่นตาตื่นใจไปอีกแบบค่ะ
ดูการแสดงจบก็ออกมาเดินในตรอกต่อค่ะ กลางคืนเปิดไฟสีสวยดีค่ะ บรรยากาศดี คนที่มาเดินก็ไม่ได้ลดลงนะคะ
มีร้านขายไอติม ร้านขนมต่างๆ และก็ยังมี starbuck มาเปิดด้วยนะคะ
อันนี้เหมือนน้ำตาลปั้นบ้านเราค่ะ คิวยาวมากๆ น้ำตาลปั้นที่นี่มีให้เป่าลมเข้าไปในตัวน้ำตาลได้ด้วยนะคะ จะได้ดูตัวพองๆ
และอีกหนึ่ง landmark ถ้ามาที่ตรอกนี้ต้องมาถ่ายรูป คือมังกรตัวนี้นี่แหละค่ะ
เดินชมบรรยากาศยามค่ำคืนในตรอกคนเดินเสร็จ เพ่ยเพ่ยก็พาไปจัดหนักมื้อดึกแล้วล่ะค่ะ มื้อนี้คือ 烧烤 (shaokao) นั่นก็คือ บาร์บิคิวนั่นเองค่ะ
มีทั้ง หมู เห็ด เป็ด ไก่ เครื่องใน ผัก สั่งมายังกับไม่ได้กินข้าวมาหลายวัน ณ ขณะนี้เวลาประมาณสี่ทุ่มกว่าแล้วค่า (ลงพุงแน่ๆ)
กินกันอิ่มแล้วก็ถ่ายรูปกันซักหน่อยค่า ..
ยังไม่จบค่ะ ราตรีนี้อีกยาวไกล กินเสร็จประมาณ เกือบ 5 ทุ่ม ไปเดินเล่นกันต่อที่ถนนเลียบแม่น้ำ ชื่อถนนหลานกุ้ยฟาง ถนนเส้นนี้จะมีผับบาร์ตลอดทั้งเส้นเลยค่า ควันบุหรี่เยอะไปหน่อยค่ะ (สำหรับคนที่ไม่ชอบกลิ่นควันบุหรี่แนะนำให้พก mask ไปด้วยค่ะ)
นอกจากนี้ยังมีการฉายรูปหน้ากากบนถนนเป็นสีสันอีกอย่างนึงของที่นี่เลยค่ะ
มาเก็บบรรยากาศยามค่ำคืนริมแม่น้ำกันค่ะ ลมพัดเย็นสบาย มีสะพาน Ancient Anshun ให้เก็บภาพริมแม่น้ำด้วยค่า
ตัวสะพานจะมี 2 ด้าน จะเป็นคนละวิวกันค่า สวยกันคนละแบบ ด้านนึงเป็นวิวแหล่งบันเทิง อีกด้านนึงเป็นวิวเงียบสงบค่ะ
ไปต่อกันที่ แม่น้ำแห่งรัก บริเวณนี้จะมีคนมาถ่ายพรีเวดดิ้งกันเยอะมากค่า ตามรั้ว ตามต้นไม้ประดับด้วยไฟรูปหัวใจ รูปผีเสื้อ แม้กระทั่งทางม้าลายก็ยังเป็นหัวใจเลยค่า ใครจะถ่ายรูปก็ดูรถกันดีๆนะคะ อยู่ๆเค้าจะขับเข้ามาจอด เค้าก็ไม่แคร์อะไรนะคะ จนเพ่ยเพ่ยต้องไปยืนกันรถให้เลยค่า (รถในเมืองจีนขับกันน่ากลัว)
แล้ววันนี้ก็จบกันที่เที่ยงคืนค่ะ กลับโรงแรมแล้วก็พักผ่อนค่า วันพรุ่งนี้เราต้องนั่งรถกันอีกนานเลย จากเฉิงตูไปจิ่วจ้ายโกวระยะเวลาโดยประมาณ คือ 10 ชั่วโมงค่ะ
นี่แค่โปรแกรมวันแรกนะคะ อัดแน่นมากๆ (ตอนแรกบอกเที่ยวสบายๆ) ที่เฉิงตูพระอาทิตย์ตกตอน 2 ทุ่มค่ะ เลยทำให้เวลาดึก แต่บรรยากาศดูไม่ดึกตามเวลาเลยค่ะ คนเลยยังออกมาเที่ยวกันเยอะ ด้วยความที่เป็นเมืองท่องเที่ยว ก็จะมีรถเมล์ รถไฟใต้ดินไว้เดินทางไปไหนมาไหนได้สะดวกค่ะ ในตัวเมืองเฉิงตูยังมีที่เที่ยวอีกเยอะเลยค่ะ แต่ว่าเรา 4 คนเก็บไม่ไหวแล้วค่า