เรื่องเหล้า...ตอนเก็บตกจากวงเหล้า

กระทู้สนทนา
เรื่องเหล้า...ตอนเก็บตกจากวงเหล้า

เรื่องสั้นเรื่องนี้สืบเนื่องมาจากซีรี่ย์  เรื่องเหล้า ของคุณอ้น psycho_factory  คุณอ้นเชิญเพื่อนๆนักเขียน  มาเขียนเรื่องเหล้าจากประสบการณ์สนุกๆ  มีเพื่อนนักเขียนหลายท่าน  เขียนเรื่องราวที่น่าสนใจ และสนุกสนาน  ไม่ว่าจะเป็น คุณเอิน   Darasawan  คุณแมน   Psycso man   คุณ ดาว Lady star  อ่านผลงานของนักเขียนทุกคนในซีรีส์นี้แล้ว   เกิดแรงบันดาลใจอยากเขียนบ้างค่ะ  
ขอขอบคุณ คุณอ้น คุณเอิน  คุณแมน คุณดาว นะคะ  โดยเฉพาะคุณเอิน   ต้องขอบคุณเป็นพิเศษ  เพราะคุณเอินแวะไปถาม ว่ามีเรื่องเหล้า ขำๆกับเขาหรือเปล่า  และชวนให้มาเขียน เพราะเห็นว่า คุ้นเคยกับเหล้าดีพอสมควร   แต่พอดีตอนนั้นกำลังยุ่งไม่ได้เขียน   เพิ่งจะว่างตอนนี้ค่ะ  พอว่างก็เขียนเสียเลย

🌸🍃🌺🍃🌼🍃❀💕 ❀💕
เรื่องเหล้า...เก็บตกจากวงเหล้า

ฉันกินเหล้าบ้าง  บางวาระและโอกาสกับเพื่อนๆ  หรือไม่ก็เวลาออกงาน  กินไม่มาก  พอหอมปากหอมคอ  และไม่ว่าจะไปกินที่ไหน  กับใคร  ก็ไม่เคยเมาขนาดต้องหามสักที  

ทำไมนะเหรอคะ  คำตอบง่ายนิดเดียว  เพราะว่าฉันเคยเมาแล้วนะซิคะ   ตอนเมาว่าร้าย ยังไม่เท่ากับตอนสร่าง  ที่ต้องมาเผชิญหน้ากับอาการแฮงค์ โอเวอร์  ซึ่งฉันคงไม่ต้องบรรยายสรรพคุณของมันอย่างละเอียดลออหรอกนะคะ  เพราะมั่นใจว่าหลายท่าน คงพบเจอกับมันมาบ้างแล้วไม่มากก็น้อย   แต่ที่นักหนาสาหัสกว่าแฮงค์  โอเวอร์ หลายเท่านัก    ก็คือเสียภาพภาพลักษณ์ที่ดี ยามที่เราเมามาย

ทุกครั้งที่เราเมา  เราจะไม่เป็นตัวของตัวเอง  อะไรที่ไม่ควรทำ ก็ทำ  อะไรที่ควรทำ  กลับไม่ทำ จะเกิดอาการล้นๆ ขาดๆ  ควบคุมตัวเองไมได้  ทำให้ดูแย่ในสายตาทุกคน   แม้ว่าจะมีถ้อยคำที่หวานปะแล่มๆ ประโยค นั้นเอาไว้คอยปลอบใจ
“ อย่าถือคนบ้า  อย่าว่าคนเมา “

ไอ้ตอนเมา ไม่มีใครถือสาเราหรอกคุณ  แต่สร่างเมาเมื่อไหร่ วีรกรรมที่เราทำ มันจะกลับมาหลอนหลอกตัวเรา โดยเพื่อนผู้หอบหิ้ว  ประคองเรากลับบ้านด้วยความห่วงใย  แต่แอบผูกใจเจ็บในวันนั้น   แล้วย้อนกลับมาแก้แค้นเราในวันนี้   ด้วยการนำพฤติกรรมแย่ๆของเรา ที่เราไม่อยากนึกถึง และฝังมันไว้ในหลืบลึกของความทรงจำ   พยายามลืม  มาตีแผ่ให้อับอาย  และไม่ว่าเราจะร้องขอ  ก็ไม่ฟัง จะเล่าท่าเดียว
และเรื่องราวที่ว่านั้น  มีครบหมดทุกรส  ไม่ว่าจะเป็นดราม่า  รัก ตลก  สยองขวัญ สั่นประสาท   และเพื่อไม่ให้เสียเวลา  ฉันขอนำเสนอเรื่องราวที่ว่านั้น  ทีละเรื่อง  โดยขอเริ่มต้นด้วยเรื่องของหน่อย เพื่อนรุ่นน้องสมัยเรียนก่อนนะคะ  ส่วนเรื่องของฉัน เอาไว้ทีหลัง   หากว่าฉันไม่ลืมเสียก่อน อะแฮ่มๆ

หน่อยเป็นรุ่นน้องฉันสองปี   เราเรียนอยู่ที่เดียวกัน   ขานี้ผิวขาวจั๊วน่าเจี๊ยะ  เพราะเป็นลูกคนจีน หน้าตาหรือก็จุ๋มจิ๋ม  ฟันกระต่ายเก๋ไก๋   ยามยิ้มแต่ละทีนี้หวานหยดย้อย   แถมหุ่นก็ออกดี๊ดี  
และเพราะความสวยของหน่อยนี่แหละ   ทุกครั้งที่ฉันไปไหนมาไหนกับหน่อย   บรรดาหนุ่มๆเห็นเรา   ฉันหมายถึงเห็นหน่อย  ถึงกับลืมตัว  เหลียวหลัง เดินชนเอาป้ายรถข้างทางบ่อยๆ  ถ้าตอนนั้นหน่อยประกวด มิสไทยแลนด์เวิลด์   มีหวังเข้ารอบลึกๆ

กุ้ง  เพื่อนอีกคนในกลุ่ม  ซึ่งสนิทกับฉันและหน่อยเป็นอย่างดี  เห็นฉันไปไหนมาไหนกับหน่อยบ่อยๆ  ก็แอบมากระซิบ  
“ไปเที่ยวกับมัน  กินเข้าว ดูหนัง  กินขนม ไม่เป็นไร แต่ถ้ากินเหล้าเมื่อไหร่  ระวังตัวให้ดี  เพราะ ขานี้  เวลาเมา  อย่าบอกใคร  สุดๆ”

ตอนแรกฉันก็ไม่เข้าใจว่าไอ้สุดๆของกุ้ง   หมายถึงอะไร เพราะทุกครั้งที่ฉันไปไหนมาไหนกับหน่อย  ถ้าเราไม่กินข้าว  เราก็จะกิน ขนม  ไม่เคยกินเหล้าสักที   เพราะเหตุนี้  ฉันก็เลยคิดไปว่า  กุ้งที่ชอบเหย้าแหย่คนไปทั่ว ด้วยนิสัยส่วนตัวเป็นคนตลก ขำๆ  คงล้อฉันเล่นไปอย่างนั้นไม่มีอะไร    ฉันคิดอย่างนั้น เรื่อยมา   จนถึงวันนั้น  วันที่ฉันไม่เคยลืม    แม้อยากจะลืมมันมากมายอย่างไรก็ตาม    

วันนั้นเป็นวันเกิดศรี เพื่อนสนิทอีกคนในกลุ่ม เราก็นัดกินข้าวที่ร้านอาหารแถวสยาม  ไปกันเกือบสิบคน   กุ้งก็ไป   หน่อยก็ไป  แต่หน่อยดูซึมๆ หน้าตาหม่นหมองชอบกล   พวกเราสงสัยเลยถามอยู่เป็นนานสองนาน กว่าเจ้าตัวจะเปิดปากออกมาได้ ว่ากำลังเฮิร์ทเพราะเพิ่งจะเลิกกับแฟนได้อาทิตย์กว่าๆ
และเพราะเสียใจที่เลิกกับแฟนนี่เอง   แทนที่จะดื่มน้ำอัดลมอย่างเคย   หน่อยก็ดื่มเบียร์   ซึ่งครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ฉันเห็นหน่อยกินเบียร์   แต่กุ้งที่เห็นมาก่อนและนั่งข้างฉันโน้มตัวมากระซิบ  
“คอยดูก็แล้วกัน  ถ้ามันกินอย่างนี้เรื่อยๆ   เดี๋ยวต้องได้เรื่องแน่ๆ  ” ฉันว่า  แต่ปางก่อน กุ้งต้องเป็นผีพรายแน่ๆ เพราะชอบกระซิบเหลือเกิน  ฉันแอบคิดในใจ แต่ไม่พูดออกมา  เพราะถ้าพูด  อาจจะโดนกุ้งทำร้าย และกลายเป็นผีพรายเสียเอง

   กุ้งพูดไม่ผิด เพราะพอเบียร์แก้วที่หก หรือที่เจ็ดฉันก็ไม่แน่ใจ  หน่อยผู้เรียบร้อยก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคน

“ผู้ชาย  ยิ้ม  ก็เลวเหมือนกันหมด” เจ้าตัวแผดเสียงที่อ้อแอ้ออกมาคับร้านเหล้า ทำเอาชายหนุ่มหลายคน ที่นั่งโต๊ะถัดไป ที่เล็งหน่อยไว้แต่แรก มองหน้ากันเลิ่กลั่ก  ฉันรู้ว่าพวกเขาหมายตาหน่อย  เพราะเขาจับตาหน่อยไม่วางตาตั้งแต่ก้าวแรกที่เราเข้ามาที่นี่แล้วละ  
“มองหน้าทำไม  ไอ้เลว”หน่อยหันไปด่าพวกเขาดังๆ  ชี้หน้า  ทำท่าจะลุกไปทำร้าย ดีว่าฉันกับ กุ้งยึดตัวไว้ทันก่อนที่ฉัน  จะหันไปบอกกับพวกเขา  

“ขอโทษแทนเพื่อนด้วยนะคะ   ปกติเขาจะน่ารัก แต่พอดีวันนี้เขาเมาไปหน่อย  ”ความจริงฉันไม่ต้องออกตัวก็ได้ เพราะว่าสภาพของหน่อยมันฟ้องออกอย่างนั้น  

พวกเราปลอบก็แล้ว ขู่ก็แล้ว หน่อยหาได้ฟังไม่   หนักใจก็เลยหันหน้ามาปรึกษากัน   จะทำอย่างไรกับหน่อยดี   แต่ไม่ทันที่เราจะได้คำตอบ   เหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นมาเสียก่อน  
เมื่อหน่อยยกแก้วเหล้า  ที่มีเหล้าอยู่ในนั้นเต็มแก้วดื่มรวดเดียวหมด หมดแล้ว   แทนจะวางแก้ว   กลับกัดแก้วแตกกระจาย ทำเอาเพื่อนฝูงแตกฮือ  ไปยืนห่างๆ  ยกเว้นฉันที่นั่งตัวแข็งทื่อเพราะตกใจ  ลุกไม่ทัน   กับกุ้ง ซึ่งถ้าหากจะลุกก็ทัน แต่ไม่ลุก  คงยังนั่งจิบเหล้าไปมองเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น  ทำให้ฉันรู้แน่แก่ใจ  ที่กุ้งบอกฉันเรื่องหน่อยนั้น  กุ้งพูดจริงๆ  ไม่ได้พูดเล่น  ดูจากท่าทาง  เพราะนอกจากกุ้งจะไม่ตื่นเต้นตกใจแล้ว  กุ้งยังส่งสายตามายังฉัน  แทนคำพูด
“รู้หรือยัง ไอ้ที่เค้าว่า  สุดๆ  หมายถึงอะไร”

หน่อยกัดแก้วตัวเองแตกเป็นเสี่ยง  หนำใจดีแล้ว ก็กระแทกแก้วของตน  ที่ขอบแก้วแตกเป็นปากฉลามลงตรงหน้า   พร้อมกับยื่นมือไปที่แก้วโค๊กในมือกุ้ง     แต่ต้องชะงัก
“ถ้าโค๊ก   Ku  กระฉอกแม้แต่หยด เดียว   ku  เอา meung ตายแน่”
ด้วยคำขู่ของกุ้งที่ว่า  โค๊กในแก้วของกุ้งจึงได้รอดเงื้อมมือของหน่อยไปอย่างหวุดหงิด   กุ้งบอกให้ฉันพาหน่อยออกไปสงบอารมณ์นอกร้าน  เพราะเจ้าของร้านเยี่ยมหน้าออกมามองตาขุ่นๆ  อารมณ์เดียวกับลูกค้าคนอื่นๆ  
รุ่นพี่ที่ดี อย่างฉันก็เลยพาหน่อยออกไปเดินรอบๆห้าง  ปลอบใจ  ให้กำลังใจ  หน่อยดีขึ้นมาก เมื่อเรากลับเข้ามาในร้าน

แต่ความเสียใจของหน่อย ไม่สิ้นสุดลงลงแค่นั้น   หัวใจอันบอบช้ำ  นำมาซึ่งความแค้น   และหน่อยไม่อาจเก็บกักมันเอาไว้เพียงลำพังได้
ขณะที่พวกเราช่วยกันปักเทียนเล่มเล็กๆลงบนเค้กหน้าตาน่ากิน   และปรึกษาหารือกันว่า    จะขอเพลงจากนักร้องโฟล์คซอง  ที่กำลังขับขานบนเวที    เพลงไหนดี    
ระหว่าง 16 Candles ของ The Crests    เพลงโปรดของศรี    หรือ  Birthday ของ  THE BEATLES
ที่ศรีเองก็ชอบเช่นกัน  

จู่ๆ  หน่อยที่จิบน้ำแทนเบียร์  เพราะถูกกุ้งบังคับ  จัดแจงคว้ากระเป๋าตัวเองขึ้นกัด   คงคิดว่ากระเป๋าเป็นคู่รักใจร้าย  กัดไปก็ด่าไป
“ไอ้ผู้ชายหลายใจ  ไอ้คนใจร้าย  ตายเสียเถิด อย่าอยู่เลย ตาย ตาย ตาย”การกระทำของหน่อย   ทำเอา พวกเราตกใจ  แตกฮือทั้งโต๊ะ  อีกครั้ง
หลงดีใจ  ว่าหน่อยทำใจได้  พวกเราปลอดภัยแล้ว   ที่ไหนได้  กลับเจอกับอาฟเตอร์ช็อก ซ้ำซ้อนอีกระลอก  ที่ครั้งนี้ดูจะหนักกว่าครั้งแรก  
กุ้งดูจะมีสติกว่าใคร รีบคว้ากระเป๋าหลุยส์ วิตตอง   ใบละเป็นหมื่นๆ ที่เพิ่งซื้อมาเหวี่ยงเข้ากับไหล่  แล้วถอยไปยืนตั้งหลักห่างๆ   ฉันไม่รอช้าทำตาม  หันไปจะคว้ากระเป๋าฟางสาน  งานฝีมือ   เมดอินไทยแลนด์ที่แขวนไว้ที่พนักพิงเก้าอี้ แต่ไม่ทันหน่อยที่ยื่นมือมาคว้ามันไปเร็วๆ

“อย่าหน่อย  พี่เพิ่งซื้อมา ”
แต่เสียงของฉัน ไม่ผิดกับเสียงนกเสียงกา   หน่อยฟังเสียที่ไหน  คว้ากระเป๋าไปได้   ก็แทะเอาๆ

ฉันห้ามแล้วหน่อยไม่ฟัง  พูดไม่ออก  ได้แต่มองสภาพกระเป๋าของตัวเองที่หน่อยทำร้ายอย่างปลงอนิจจัง   และสุดแสนจะเสียดาย  จริงอยู่  แม้สนนราคาของมัน   จะไม่แพงเท่าหลุยส์ วิตตองของกุ้ง  แต่มันก็น่ารัก   ที่สำคัญมันเป็นกระเป๋าของฉัน

จะทำอย่างไรได้ละคุณ ในเมื่อฟ้าดินกำหนดมาแบบนั้น  บอกตัวเองให้ทำใจ    หนีร่นมายืนอยู่ข้างกุ้ง  มองดูกระเป๋าที่น่าสงสารของตัวถูกทำลาย   อย่างไม่ปรานีปราศัยจากน้ำมือของหน่อย
กระเป๋า  มันก็แค่ของนอกกาย พังแล้ว   เดี๋ยวก็ซื้อใหม่ได้    ซื้อของทำในประเทศ   เงินทองไม่รั่วไหล  ไทยทำ ไทยใช้ ไทยเจริญ  ไชโย    ความคิดในแง่บวก  ช่วยให้ฉันทำใจได้  นิดเดียว ไม่มาก  

วีรกรรมของหน่อยในวันนั้น  ถูกหยิบยกขึ้นมาในวงสนทนาบ่อยๆ  ถ้าเจ้าตัวอยู่ด้วย ก็จะทำหน้าอยากจะร้องไห้  ก่อนจะร้องขอชีวิต เอ้ยขอร้อง
“เลิกพูดเรื่องนี้ได้ไหม  ขอร้องละ”
แต่เพื่อนก็ไม่หยุด  แถมบางครั้งรุ่นพี่อย่างฉันที่หน่อยชมนักชมหนา  ว่านิสัยดีที่สุดในกลุ่ม ยังพลอยฟ้าพลอยฝนไปกับเขา  ก่อนจะถูกกุ้ง  จอมแฉ นำเรื่องราวของฉัน มาเล่าสู่ให้เพื่อนๆฟัง

“คนนี้ก็ใช่ย่อย  นะคะเพื่อน  ไม่รู้เพื่อนๆยังจำกันได้ไหม  คราวที่ไปทัวร์  ร้านเจริญซีฟู้ดที่พัทยา”
“จำได้ซิ  เจ้าหล่อนได้  นิคเนม สมหญิงก็จากคราวนั้น นั่นแหละค่ะ “ ศรีที่ไปด้วย เสริม  หัวเราะคิก  พวกที่ไม่ได้ไปด้วย ถามกันให้แซดเพราะอยากรู้ ว่าเรื่องอะไร  กุ้งก็เลยบุ้ยใบ้มาที่ฉัน
“ให้เจ้าตัวเขาเล่าเองดีกว่า  เพราะถ้าเค้าเล่า เดี๋ยวจะหาว่า  ตีไข่ใส่สี ”

เรื่องมันผ่านมานานแล้ว   และมันก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร   ฉันก็เลยเล่าเรื่องที่ว่าให้ทุกคนฟัง  เล่าไปหัวเราะไปเพราะขำตัวเอง  

วันนั้นเราไปกับเพื่อนกลุ่มใหญ่   นอกจากเพื่อนหญิง ที่มีกุ้ง มีศรี   ก็มีเพื่อนชายอีกสี่    อ๋า   พล  ดำ  ติ่ง
กินอาหารซีฟู๊ด  แกล้มเบียร์    พูดถึงเบียร์   ข้อเสียของมันก็คือ  พอกินได้ที่  มักจะปวดฉี่   ต้องวิ่งเข้าวิ่งออก ห้องน้ำให้วุ่น   ตอนที่อ๋า  จะไปเข้าห้องน้ำ    อ๋าก็ร้องบอกกับทุกคนด้วยเสียงที่ดังฟังชัด
“ไปยิงกระต่ายก่อน  เดี๋ยวมา”

ยิงกระต่ายที่ว่าของอ๋า  มันเป็นสำนวนน่ารักๆ    เพราะถ้าพูดว่า   ขอตัวไปฉี่  หรือไปเยี่..ว   ฟังดูไม่สุภาพนัก    ส่วนครั้นจะพูดว่า  ขอตัวไปปัสสาวะกับเพื่อนๆ   ก็ฟังดูเป็นทางการ และสุภาพเกินความจำเป็น   ก็เลยพูดน่ารักๆแบบนี้    สุภาพบรุษพูดอย่างนั้น  แต่ถ้าเป็นสุภาพสตรี  ก็จะพูดว่า   ไปเด็ดดอกไม้    ฟังดูแล้วยิ่งน่ารักเข้าไปอีก

“เอามาฝากเยอะๆนะ กระต่ายน่ารักดี   เค้าชอบ”กุ้งเหย้า  ปกติฉันก็ยิ้มแย้มเฟรนด์ลี่อยู่แล้ว  พอกินเบียร์เข้าไปและเริ่ม  จะตึงๆหน้า  คราวนี้ใครพูดอะไรเป็นหัวเราะคิก ขำได้ขำดี
และพอ ถึงคราวฉันจะไปเข้าห้องน้ำ  ฉันลุกจากเก้าอี้ได้  ก็บอกทุกคนดังๆ จนลูกค้าที่นั่งอยู่โต๊ะข้างๆ หันมาดูอย่างตกใจ และแปลกใจยิ่ง

“เดี๋ยวมานะ   ขอตัวไปยิงกระต่ายเดี๋ยว”
“เฮ้ย เป็นผูหญิง ยิงกระต่ายได้ยังไง   ต้องเก็บดอกไม้ถึงจะถูก “ อ๋าท้วง ยิ้มๆ  ในขณะที่เพื่อนๆ รวมทั้งแขกโต๊ะถัดไปหัวเราะครืน
“ก็ไม่อยากเก็บดอกไม้  แต่ อยากยิงกระต่าย   มีอะไรหรือเปล่า” ฉันตอบอย่างนักเลงนิดๆ ทั้งที่ปกติฉันออกจะสุภาพ  แต่พอเบียร์เข้าปาก   คำพูดคำจาก็เลยห้าวหาญเกินเหตุ  

ฉันยิงกระต่ายเรียบร้อย เอ๊ย  เข้าห้องน้ำกลับมาที่โต๊ะ  อ๋าก็ถามยิ้มๆ  
“ไหนล่ะ  กระต่าย ที่ไปยิงมา  ได้เยอะไหม   “
“จะดูไหมละ  อยู่ในกระเป๋ากระโปรง ตั้งหลายตัว” ว่าแล้วก็โน้มตัวไปหา  เอาสองมือดึงปากกระเป๋าออกกว้างๆ  ทั้งที่ในนั้นไม่มีกระต่ายสักตัว
อ๋าส่ายหน้า พร้อมกับหาชื่อเล่นให้ฉันเดี๋ยวนั้น
“สมหญิงจริงเลยวะ “
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่