ลองแต่งนิทานไว้นานแล้ว รบกวนช่วยติชม และตั้งชื่อเรื่องให้ด้วยนะคะ ^_^

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ณ หมู่บ้านเล็กๆซึ่งตั้งอยู่ชายป่าริมแม่น้ำแห่งหนึ่ง มีเด็กชายตัวเล็กๆขี้อายอาศัยอยู่กับคุณปู่ในกระท่อมริมแม่น้ำ ด้วยความที่เด็กชายเป็นคนขี้อายและกระท่อมของเขาอยู่ท้ายหมู่บ้านห่างไกลจากกระท่อมหลังอื่นๆมากทำให้เด็กชายแทบไม่มีเพื่อนเลย
     ทุกวันเขามีหน้าที่ไปตักน้ำที่แม่น้ำมาให้คุณปู่ของเขาเพื่อไว้ใช้ในกระท่อมซึ่งเขาก็จะถือโอกาสสนี้วิ่งเล่นกับกระต่าย ไล่จับผีเสื้อ หรือสัตว์ตัวเล็กๆที่เขาพบระหว่างทางพร้อมกับปลูกต้นไม้ไว้ที่ริมแม่น้ำทุกวัน ทุกวัน

     อยู่มาวันหนึ่งเมื่อเด็กชายไปตักน้ำเหมือนเช่นทุกวัน เขาได้พบว่า อีกฝั่งของแม่น้ำมีผู้คนพลุ่กพล่านกว่าทุกวัน คนเหล่านั้นแต่งตัวไม่เหมือนคนในหมู่บ้าน เสื้อผ้าของพวกเขาได้รับการตัดเย็บอย่างปราณีต มีสีสันสดใส จากชุดที่พวกเขาสวมใส่เด็กชายสามารถแบ่งคนเหล่านั้นเป็นกลุ่มๆที่มักจะทำงานตามกลุ่มที่แต่งตัวเหมือนกัน บางกลุ่มถืออาวุธ บางกลุ่มมีหน้าที่ทำอาหาร
     คนเหล่านั้นสร้างที่พักชั่วคราวขึ้น มีลักษณะคล้ายกระโจมเล็กๆล้อมรอบกระโจมขนาดใหญ่ที่ดูสวยงามจากการประดับตกแต่งที่พิถีพิถันด้วยผ้าสีเงินและทอง ภายในกระโจมหลังใหญ่นั้นเด็กชายสังเกตเห็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่มักจะถูกห้อมล้อมด้วยผู้หญิงที่แต่งตัวด้วยชุดเหมือนๆกัน มีเพียงเด็กหญิงเท่านั้นที่แต่งตัวไม่เหมือนใครในกลุ่มคนเหล่านั้น เธอแต่งตัวด้วยชุดกระโปรงสีชมพู มีขลิบระบายสีทองเดินเป็นชั้นๆถึงขอบกระโปรง ผมสีทองเป็นลอนถูกถักเปียอย่างลงตัวแซมด้วยดอกไม้เล็กๆจนมองดูคล้ายมงกุฎ
     ด้วยความอยากรู้ เด็กชายจะมาตักน้ำที่ริมแม่น้ำแต่เช้า และอยู่สังเกตความเป็นไปต่างๆที่ริมน้ำฝั่งตรงข้ามอยู่จนเย็น ทุกวันเขาเห็นเด็กผู้หญิงคนนั้นเรียนรู้กิจกรรมหลายอย่าง ตั้งแต่ดีดพิณ วาดภาพ ทำงานฝีมือ ไปจนถึงศิลปะป้องกันตัว ซึ่งล้วนแล้วแต่อยู่ในรัศมีรอบๆกระโจมหลังใหญ่พร้อมกับผู้คนที่ห้อมล้อมเธอตลอดเวลา

     จนวันหนึ่ง เด็กชายหยุดอยู่ตรงที่เดิมที่เคยใช้ยืนมองดูเด็กหญิงที่อีกฝั่งของแม่น้ำและเด็กชายก็พบว่า ที่ฝั่งตรงข้ามมีความวุ่นวายเกิดขึ้น ผู้คนที่เคยทำหน้าที่ของตัวเองอย่างขันแข็งกลับดูวุ่นวาย ไม่มีระเบียบ เด็กชายจึงมองเข้าไปในกระโจมหลังใหญ่อย่างที่ทำเป็นประจำแต่ก็ไม่เห็นแม้เงาของเด็กหญิง เขาจึงเริ่มรับรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เธอหายไป และทุกคนกำลังออกตามหา เร็วเท่าความคิด เด็กชายเริ่มออกเดินเลาะริมแม่น้ำเพื่อหวังว่า จากจุดใดจุดหนึ่งริมแม่น้ำฝั่งนี้อาจจะทำให้เขาได้เห็นเธออีกก็เป็นได้
     เขาออกเดินเลาะริมแม่น้ำไปเรื่อยๆจนห่างไกลจากที่พักของคนเหล่านั้น เขายังคงเดินต่อไป สายตาจับจ้องที่อีกฝั่งหนึ่งตลอดเวลาจนเมื่อถึงจุดที่แคบที่สุดของแม่น้ำซึ่งในฤดูร้อนที่น้ำแห้งจะสามารถเดินข้ามลำน้ำเล็กๆไปยังอีกฝั่งหนึ่งได้ เขาได้ยินเสียงร้องไห้ของใครบางคนแว่วมาจากโขดหินใกล้แม่น้ำที่เกือบจะแห้งขอด ยิ่งเขาเดินเข้าไปใกล้เท่าใดเสียงร้องไห้ยิ่งดังชัดเจนขึ้น และในที่สุดเขาก็พบที่มาของเสียงนั้น

     เด็กผู้หญิงที่เขาตามหาอยู่ในชุดกระโปรงที่สวยสง่า เมื่อได้มองใกล้ๆเขาได้แต่คิดในใจว่า นี่หรือคือคนที่เขาเฝ้ามองอยู่ทุกวัน ดวงหน้าที่หมดจดงดงามนั้นหากแต่วันนี้เธอไม่มีรอยยิ้มใสบริสุทธิ์ที่เคยสะกดสายตาเขาไว้เหมือนเช่นทุกวัน แววตาที่มุ่งมั่นแต่แฝงไว้ด้วยความซุกซนมีชีวิตชีวานั้น บัดนี้มันกลับสะท้อนแสงแห่งความเศร้าหมองจนเขาใจหาย
     ทันทีที่เด็กหญิงรู้สึกตัวว่าไม่ได้อยู่ตามลำพังอีกต่อไป เธอรีบใช้หลังมือปาดน้ำตาที่ดูท่าว่าคงจะไม่หมดไปง่ายๆพร้อมกับกลืนก้อนสะอื้นลงไปเพื่อให้ดูปกติที่สุดโดยหารู้ไม่ว่าทุกสิ่งที่เธอทำล้วนอยู่ในสายตาของเขาตลอดเวลา
     "เธอเป็นใครน่ะ?" เด็กหญิงเอ่ยถามด้วยความระแวดระวัง
     "ชั้นชื่อทีเจ กระท่อมของชั้นกับคุณปู่อยู่ตรงริมแม่น้ำโน่น" เด็กชายตอบพร้อมกับชี้ไปยังทิศที่กระท่อมของเขาตั้งอยู่
     "แล้วเธอมาทำอะไรที่นี่?" เด็กหญิงยังคงถามต่อโดยไม่สนใจทิศทางที่เด็กชายชี้บอก
     "ชั้นมาวิ่งเล่นกับเพื่อนแล้วบังเอิญได้ยินเสียงเธอเข้าก็เลยเดินมาดู" เด็กชายตอบตามความจริงบางส่วน
     "ไหนเพื่อนของเธอล่ะ?" เด็กหญิงยังคงยิงคำถามอย่างไม่ลดละ
     "........." เด็กชายหันรีหันขวางราวกับจะมองหาตัวช่วยในการเล่นเกมตอบคำถามนี้
     "นั่นไง! บันนี่เพื่อนชั้น" เด็กชายตอบและทำทีเป็นพยักพเยิดให้เด็กหญิงมองไปทางกระต่ายขาวขนปุยตัวหนึ่งที่ยืนขึ้นด้วยสองขาหลังเพื่อมองดูเด็กทั้งสองที่กำลังส่งเสียงดังอยู่หน้าโพรงของมันซึ่งรบกวนการพักผ่อนของลูกน้อยในโพรง
     "เธอมีเพื่อนเป็นกระต่ายเหรอ?" เด็กหญิงถามด้วยสีหน้าประหลาดใจ
     "ใช่ ชั้นมีเพื่อเป็นกระต่าย ผีเสื้อ กระรอก แล้วก็อีกหลายอย่าง" เด็กชายตอบพร้อมยืดอกด้วยความภูมิใจ
     "ทีนี้เธอก็รู้จักชั้นแล้ว ชั้นยังไม่รู้จักเธอเลย เธอเป็นใคร? แล้วมาทำอะไรที่นี่?" เด็กชายได้ทีเป็นฝ่ายถามกลับบ้าง
     "ชั้น......" เด็กหญิงรำพึงกับตัวเองเบาๆและนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นจนเป็นเหตุให้เธอต้องมานั่งร้องไห้อยู่ที่นี่ตามลำพัง

     สองเดือนก่อนเธอยังเป็นองค์หญิงเล็กๆที่มีความสุขอยู่ในปราสาทที่อยู่ห่างออกไปหลายไมล์ ที่นั่นเธอมีทั้งเสด็จพ่อ เสด็จแม่ และเสด็จพี่ทีน่าซึ่งเป็นองค์รัชทายาท แต่แล้ววันหนึ่งก็เกิดเรื่องที่เธอไม่เคยคิดว่าจะเกิดขึ้นเลยในชีวิต พี่ทีน่าจากไปอย่างกระทันหันจากโรคร้ายที่คุกคามอย่างไม่ทันตั้งตัวทำให้ฝ่ายที่คิดจะชิงบัลลังก์เริ่มลงมือสร้างความปั่นป่วนวุ่นวายขึ้นในเมืองพร้อมกับแผนลอบสังหารเสด็จพ่อและเสด็จแม่ที่พลาดครั้งแล้วครั้งเล่าเพราะยังมีทหารที่จงรักภักดีพร้อมพลีชีพเพื่อคุ้มครองราชวงศ์อยู่
     ท่านทั้งสองจึงหารือกันเรื่องความปลอดภัยของเธอ และข้อสรุปคือส่งเธอไปอยู่ในที่ปลอดภัย ห่างไกลจากปราสาทให้มากที่สุดเพื่อกันเธอออกจากปัญหาวุ่นวายต่างๆที่เกิดขึ้น แต่สำหรับเธอแล้วความปรารถนาดีในครั้งนี้กลับสร้างแรงกดดันให้กับเธออย่างมหาศาล ถึงแม้เธอจะยอมทำตามคำสั่งของท่านทั้งสองแต่โดยดีและออกเดินทางในทันทีพร้อมกับองครักษ์และสาวใช้อีกจำนวนหนึ่ง โดยในคำสั่งนี้ท่านทั้งสองกำชับหนักแน่นให้เธอเรียนรู้ทุกอย่างที่จำเป็นและห้ามกลับไปที่ปราสาทอีกจนกว่าจะถึงเวลาที่ท่านทั้งสองจะส่งข่าวมาเรียกตัวเธอกลับไป ตลอดเวลาที่อยู่ที่นี่เธอกลับรู้สึกเหมือนท่านพ่อกับท่านแม่กำลังประวิงเวลาเพื่อรอคอยอะไรบางอย่าง ยิ่งคิดเท่าไหร่ก็ยิ่งทำให้เธอไม่มีความสุขที่จะอยู่ที่นี่เพื่อเรียนรู้สิ่งต่างๆโดยไม่มีจุดหมาย
     จนในที่สุดความอดทนของเธอก็มาถึงจุดสิ้นสุดลง ในวันนี้เธอไม่อยากเรียนรู้อะไรอีกแล้ว เหน็ดเหนื่อยทั้งใจและกายจนเกินกว่าจะทนไหว เธอจึงตัดสินใจหนีออกมาจากที่พักและบรรดาผู้คนที่แวดล้อมตัวเธอตลอดเวลา เช้านี้เธอแอบหลบออกมาจากเขตที่พักเพียงเพื่อต้องการอยู่ตามลำพังบ้าง ตลอดสองเดือนมานี้เธอไม่เคยได้อยู่ตามลำพังเลย เธอเดินออกมาเรื่อยๆจนรู้ตัวอีกทีเธอก็มานั่งอยู่ตรงหน้าเด็กผู้ชายแปลกหน้าคนนี้เสียแล้ว

     "ชั้นชื่อฟีร่า บ้านของชั้นอยู่ไกลออกไปจากที่นี่มาก ชั้นมาอยู่ที่นี่เพราะความจำเป็นบางอย่างที่คงจะยังบอกเธอไม่ได้ในตอนนี้จนกว่าเราจะรู้จักกันมากกว่านี้" เธอตอบแต่ก็ยังคงไว้เชิงอย่างถือตัว
     "เอาเป็นว่าตอนนี้เราก็รู้จักกันแล้ว ชั้นไม่สนใจหรอกนะว่าเธอมานั่งร้องไห้ที่นี่เพราะอะไร มันไม่ใช่ปัญหาของชั้น แต่เธอกำลังทำเสียงดังรบกวนเจ้าบันนี่อยู่ ทำให้มันไม่สนใจเล่นกับชั้นเลย ฉะนั้น เธอต้องมาเล่นเป็นเพื่อนชั้นแทนมัน!" เด็กชายถือโอกาสออกคำสั่งเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจไม่ให้เธอกลับไปจมอยู่กับความทุกข์อีก


ขออนุญาตไปทานข้าวก่อนนะคะ เดี๋ยวมาต่อ
ปล.ถ้าแท็กห้องผิดขอโทษด้วยนะคะ เพิ่งตั้งกระทู้ครั้งแรก
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่