((มาลาริน)) เด็ดดอกไม้สะเทือนถึงดวงดาว../ รวบกราวรูด"แก็ง"เอกสารเก๊

....
 Home »

Thursday, July 28, 2016 - 00:04

รัฐบาลยันนายก อบจ.เชียงใหม่พันร่างรธน.เก๊ พักงานเพื่อให้พยานกล้าพูด ทหารบุกจับ "ทัศนีย์" ขณะขอเข้าพบ ผบ.ตร. หลังรวบแล้ว 7 ใน 11รายที่ออกหมายเรียก ก่อนคุมตัวเข้า มทบ.11 สอบสวนต่อ เพื่อแม้วโวยใช้อำนาจพิเศษยัดข้อหา อ้างส่งจดหมายถึงชาวบ้านไม่ผิด กม.

เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ 44/2559 ให้นายบุญเลิศ บูรณุปกรณ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เชียงใหม่ ระงับการปฏิบัติราชการหรือหน้าที่ เนื่องจากเกี่ยวข้องกับจดหมายบิดเบือนร่างรัฐธรรมนูญว่า ตำรวจมีพยานหลักฐานชัดเจนว่านายบุญเลิศมีส่วนเกี่ยวข้อง จึงให้ตำรวจสอบสวนไป ส่วนจะมีการโยงใยถึงคนอื่นที่อยู่เบื้องหลังอีกหรือไม่นั้น ยังบอกไม่ได้ เดี๋ยวตำรวจดำเนินการถึงใครก็จับคนนั้น ว่ากันไปตามกฎหมาย

ส่วนที่มีข่าวสมาคมองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจะมีการเคลื่อนไหวคัดค้าน เนื่องจากบุญเลิศเป็นนายกสมาคมฯ นั้น จะเคลื่อนไหวอะไร เพราะนายบุญเลิศมีคดี จะเป็นอะไรก็แล้วแต่ ไม่ว่าจะเป็นอะไรต้องโดนทั้งนั้น อย่างตนถ้ามีเรื่องต้องโดนเช่นกัน ไม่ใช่ว่าจะต้องมาอ้างโน่นอ้างนี่ แค่อย่าไปทำผิดเท่านั้นเอง

เมื่อถามว่า ยิ่งใกล้วันลงประชามติ ดูเหมือนมีความยุ่งเหยิงมากขึ้นเรื่อยๆ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ไม่มีอะไรยุ่ง มีทำกันอยู่กลุ่มเดียว ไม่ใช่ทั้งหมด ไม่ใช่ว่าประเทศมีความขัดแย้งอะไร เป็นเรื่องที่ว่าใครเห็นอย่างไร อยากให้ผ่านหรือไม่ให้ผ่านก็ว่ากันไป

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เหตุที่ต้องพักการปฏิบัติหน้าที่นายบุญเลิศ เพราะเรื่องนี้เกี่ยวเนื่องกับการลงประชามติ และยังต้องตรวจสอบอีกว่ามีความเชื่อมโยงไปถึงพื้นที่ไหนอีก จึงต้องพักงานเพื่อให้พยานกล้าพูด และเพื่อประโยชน์ในการตรวจสอบ ยังไม่ใช่การลงโทษอะไร ที่สำคัญนายบุญเลิศได้พ้นตำแหน่งแล้วเมื่อเดือนที่ผ่านมา แต่อยู่ในตำแหน่งรักษาการตามคำสั่ง คสช.

นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) กล่าวว่า กรณีนายบุญเลิศคงไม่มีผลต่อการทำประชามติ เพราะประชาชนที่จะตัดสินใจว่าจะลงคะแนนอย่างไรนั้น ล้วนมีปัจจัยอยู่แล้ว และปัจจัยจะไม่เปลี่ยน ส่วนที่นายบุญเลิศเป็นเครือข่ายของพรรคเพื่อไทยนั้น หากมีเครือข่ายจริง คงสั่งให้เครือข่ายไม่รับมาตั้งแต่ต้น

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เวลา 12.00 น. น.ส.ทัศนีย์ บูรณุปกรณ์ อดีต ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย พร้อมกับนายจำนงค์ ชัยมงคล ทนายความ เดินทางมาเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ กรณีที่ถูกกล่าวหาว่ามีส่วนเชื่อมโยงกับขบวนการเผยแพร่จดหมายบิดเบือนร่างรัฐธรรมนูญ หลังเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง เข้าตรวจค้นและเก็บหลักฐานที่บริษัท เชียงใหม่ทัศนาภรณ์ จำกัด ซึ่งเป็นธุรกิจของตระกูล น.ส.ทัศนีย์ และจับกุมตัวผู้ก่อเหตุพร้อมกับตรวจค้นเป้าหมายอีกหลายจุด

น.ส.ทัศนีย์กล่าวว่า จะขอความเป็นธรรมกับผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แม้จะยังไม่มีการถูกออกหมายจับ และจะขอมอบตัวต่อสู้คดีตามกฎหมาย แต่ขอให้ทหารปล่อยตัว น.ส.ธารทิพย์ บูรณุปกรณ์ น้องสาว ซึ่งเป็นทันตแพทย์ หลังควบคุมตัวเมื่อคืนวันที่ 26 ก.ค.ที่บ้านพัก เนื่องจากน้องสาวไม่เกี่ยวข้อง รวมทั้งพ่อและแม่ที่อายุมากแล้ว คนในครอบครัวไม่เกี่ยวข้องด้วย จึงจะมอบตัวเพื่อต่อสู้คดีตามกฎหมาย

ทั้งนี้ ยืนยันว่าไม่ใช่ร่างรัฐธรรมนูญปลอม โดยเนื้อหาในจดหมายที่ระบุถึงเรื่องระบบรักษาสุขภาพ 30 บาท ระบบเบี้ยผู้สูงอายุและระบบการศึกษา ไม่ผิดกฎหมาย เป็นเพียงการแสดงความคิดเห็นตามสิทธิ เสรีภาพด้วยความบริสุทธิ์ใจ ซึ่งถ้าหากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มองว่าเป็นเรื่องที่ผิด เป็นมุมมองของ กกต. โดยภายหลังจากเข้าสู่กระบวนการตามกฎหมายแล้ว จะทำเรื่องขอประกันตัวในชั้นพนักงานสอบสวน และหากไม่ได้รับการประกันตัว จะขอยื่นประกันในชั้นศาลต่อไป

คุมตัวทัศนีย์เข้า มทบ.11

จากนั้น พ.อ.บุรินทร์ ทองประไพ นายทหารพระธรรมนูญ ได้เดินทางทางมาเชิญตัว น.ส.ทัศนีย์ขณะให้สัมภาษณ์สื่อขึ้นรถทหารทันที โดยระบุว่า การควบคุมตัวครั้งนี้เป็นไปตามคำสั่ง คสช. ฉบับที่ 3/2558 ซึ่งจะควบคุมตัวไปที่กองพันทหารราบ มณฑลทหารบกที่ 11 (มทบ.11) ซึ่งทหารมีอำนาจคุมตัวได้ไม่เกิน 7 วัน ก่อนจะส่งมอบตัวให้พนักงานสอบสวนต่อไป ด้าน น.ส.ธารทิพย์ และนายคเชน เจียกขจร นายกเทศมนตรีตำบลช้างเผือก ที่ถูกคุมตัวมาจากจังหวัดเชียงใหม่ ขณะนี้กำลังเดินทาง คาดว่าจะมาถึง มทบ.11 ช่วงค่ำวันที่ 27 ก.ค.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครอง ได้นำกำลังเข้าบุกค้นหลายพื้นที่ในจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อควบคุมตัวบุคคลที่เกี่ยวข้องกับจดหมายบิดเบือนร่างรัฐธรรมนูญและการแจกใบปลิวต่อต้านการออกเสียงประชามติ ตามหมายเรียกจำนวน 11 ราย ประกอบด้วย 1.นายบุญเลิศ บูรณุปกรณ์ 2.นายคเชน เจียกขจร นายกเทศมนตรีตำบลช้างเผือก 3.น.ส.ทัศนีย์ บูรณุปกรณ์ รองนายก อบจ.เชียงใหม่ และอดีต ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย 4.น.ส.ธารทิพย์ บูรณุปกรณ์ 5.นายอติพงษ์ คำมูล เจ้าหน้าที่เทศบาลตำบลช้างเผือก 6.นายกฤตกร ไพทะยะ คนขับรถผู้บริหารเทศบาลช้างเผือก 7.น.ส.เอมอร ดับโศรก 8.นางสุภาวดี งามเมือง 9.นายเทวรัตน์ อินต้า 10.นางกอบกาญจน์ สุคีตา และ 11.นายวิศรุต คุณะนิติสาร พนักงานเทศบาลตำบลช้างเผือก ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมตัวก่อนหน้านี้แล้วเข้าโครงการคุ้มครองพยาน

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่สามารถติดตามบุคคลมาได้ทั้งหมด 7 คน ดังนี้ 1.นายคเชน 2.น.ส.ธารทิพย์ 3.นายวิศรุต 4.นายอติพงษ์ 5.น.ส.เอมอร 6.นางสุภาวดี และ 7.นางกอบกาญจน์ ก่อนคุมตัวทั้งหมดเดินทางจาก จ.เชียงใหม่ ไปส่งตัวให้ที่ มทบ.11 เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป ส่วนบุคคลที่เหลืออีก 4 คน คือ นายบุญเลิศ นายก อบจ.เชียงใหม่ ได้รับแจ้งว่าอยู่ในระหว่างลาพักผ่อนที่ประเทศสหรัฐอเมริกา นายกฤตกร และนายเทวรัตน์ยังไม่สามารถตามตัวได้ จึงแจ้งให้ญาติพาตัวมาพบกับเจ้าหน้าที่ทหารภายในวันนี้ มิเช่นนั้นจะออกหมายจับตามอำนาจของศาลทหารทันที ส่วน น.ส.ทัศนีย์สามารถควบคุมได้ที่กรุงเทพฯ

ที่พรรคเพื่อไทย นายชวลิต วิชยสุทธิ์ รักษาการรองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย, นายสามารถ แก้วมีชัย อดีต ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย และ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว อดีต ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย ร่วมแถลงกรณีเจ้าหน้าที่ทหารบุกจับตัวน้องสาว น.ส.ทัศนีย์ว่า เนื้อหาที่มีการจดหมายเพื่อส่งถึงพี่น้องประชาชนในจังหวัดเชียงใหม่หากเป็นไปตามที่สื่อบางสำนักเสนอไม่เข้าข่ายผิด พ.ร.บ.ประชามติมาตรา 61 (2) เพราะเป็นเพียงความห่วงใยเรื่องสิทธิของประชาชน นอกจากนี้ยังมีความพยายามเกี่ยวโยงนายก อบจ.เชียงใหม่ ขอปฏิเสธว่าเอกสารที่พบไม่ใช่รัฐธรรมนูญปลอม ไม่มีใครสร้างความปั่นป่วนในการทำประชามติ ขณะที่จุลสารของ กกต. เนื้อหาเป็นการโฆษณาชวนเชื่อ บิดเบือนจากร่างรัฐธรรมนูญอย่างชัดเจนทั้งเรื่องการศึกษา สาธารณสุข เป็นต้น อย่างไรก็ตาม หาก น.ส.ทัศนีย์กระทำความผิดจริง เหตุใดไม่ใช้ พ.ร.บ.ประชามติดำเนินการหรือความผิดยังไม่ครบองค์ประกอบถึงใช้อำนาจพิเศษ

โวยทหารยัดข้อหา

นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวในรายการมองไกลผ่านยูทูบว่า มีการจับกุมคนส่งจดหมายแย้งรัฐธรรมนูญว่าบิดเบือน จนทำให้ครอบครัวบูรณุปกรณ์เดือดร้อน กลางคืนถูกทหารปิดล้อมบ้าน เข้าบ้านตัวเองไม่ได้ ต้องเจรจาทหารขอเข้าบ้านตัวเอง ซึ่งทหารพยายามหาทางเพิ่มข้อหาคดีอาญา มาตรา 116 กับมาตรา 61 วรรคสอง ของ พ.ร.บ.ประชามติ เพื่อทำให้ น.ส.ธารทิพย์ ต้องถูกนำตัวขึ้นศาลทหาร สิ่งนี้ยังสะท้อนถึงการข่มขู่ ยัดข้อหา ไม่มีความยุติธรรม ส่วนเนื้อหาในจุลสารแจกของ กกต.เข้าข่ายบิดเบือนร่างรัฐธรรมนูญชัดเจน แต่กลับไม่ดำเนินการใดๆ

“ผมขอบอก พล.อ.ประยุทธ์ว่า ท่านต้องการสังคมแบบนี้หรือ ถ้าปฏิบัติด้วยใจเป็นธรรมกับทุกฝ่ายแล้ว ท่านจะได้รับความเห็นใจจากประชาชน เชื่อว่าทุกคนในแผ่นดินต้องการมีเอกราชทางความคิด ถ้าประชามติไม่ได้แสดงความเห็นแล้ว ควรเลิกไป จะทำให้ประชาชนเดือดร้อนทำไม ถ้าต้องการชนะก็ใช้คำสั่งตาม ม.44 ประกาศชัยชนะไปเลย เมื่อแสดงให้เห็นว่าประชาชนสนับสนุนมากถึงร้อยละ 99.5 แล้วทำไมไม่กล้าให้แสดงความเห็น" นายจตุพรกล่าว และว่า ในวันที่ 2 ส.ค.นี้ พวกตนทั้ง 19 คนที่ถูกกล่าวหาชุมนุมเกิน 5 คน ในกรณีเปิดศูนย์ปราบโกงประชามตินั้น ต้องไปกองบังคับการปราบปรามตามหมายเรียกครั้งที่ 2 ขณะนี้กำลังคิดว่า จะประกันตัวกันหรือยอมติดคุกกัน

นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช. กล่าวว่า การลงประชามติแบบสากลที่ทั่วโลกทำกัน การส่งจดหมายลักษณะดังกล่าวสามารถทำได้ ไม่ผิดกฎหมาย แต่การดำเนินคดีเกิดขึ้น เพราะใช้กติกาแบบหลุดโลก และจนถึงขณะนี้ยังไม่มีการเปิดเผยเนื้อหาทั้งหมดให้สังคมตรวจสอบ ยังไม่มีหน่วยงานใดชี้ชัดอย่างเป็นทางการว่าผิดกฎหมาย สถานะทางกฎหมายของจดหมายนี้จึงเป็นแบบเดียวกับเอกสารเรื่องสรุปเนื้อหาร่างรัฐธรรมนูญของกรธ. คือมีผู้ร้องเรียนต่อเจ้าหน้าที่ว่าบิดเบือนเช่นเดียวกัน ที่ต่างคือในส่วนของ กรธ.ไม่มีการดำเนินการใดๆ

สำหรับการใช้อำนาจมาตรา 44 ยุติการปฏิบัติหน้าที่ของนายก อบจ.เชียงใหม่ โดยเจ้าตัวยังยืนยันความบริสุทธิ์ แต่ไม่มีมาตรการใดๆ กับผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ทั้งๆ ที่มีข้อกล่าวหาเรื่องทุจริตมากมาย ถือเป็นการใช้อำนาจแบบไร้มาตรฐาน เล่นพรรคเล่นพวกหรือไม่ และการตั้งข้อหามาตรา 116 กับ น.ส.ทัศนีย์ เพื่อดึงเข้าเขตอำนาจของศาลทหารนั้น เป็นการใช้วิธีการหมาป่ากับลูกแกะ บรรยากาศแบบนี้ใครเห็นต่างมีสิทธิ์ตกเป็นผู้ต้องหาได้ หากทำขนาดนี้แล้วร่างรัฐธรรมนูญยังไม่ผ่านจะอธิบายกับชาวโลกอย่างไร

ที่องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก (อผศ.) นายประวิช รัตนเพียร กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านกิจการการมีส่วนร่วม เป็นวิทยากรบรรยายพิเศษเรื่อง "ประกาศความร่วมมือรณรงค์ ประชาสัมพันธ์การออกเสียงประชามติ" ให้กับผู้บริหารระดับสูงพนักงานและลูกจ้างประจำหน่วยงานกิจการพิเศษ ว่า วันนี้บ้านเมืองอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่าน ต้องการการตัดสินใจจากประชาชนในครั้งนี้ อีก 12 วันที่เหลือ หวังว่าครอบครัวทหารผ่านศึกที่มีกว่า 3 ล้านคน ที่เคยเสียสละเพื่อชาติมาแล้ว จะออกไปใช้สิทธิ์เพื่อช่วยชาติบ้านเมืองอีกครั้ง เพื่อผลักดันการใช้สิทธิ์โดยตรง

นายประวิชยังกล่าวถึงกรณีมีการกล่าวหาว่าเอกสารการออกเสียงประชามติที่ กกต.แจกมีเนื้อหาชี้นำว่า กกต.ยึดหลักพิมพ์เนื้อหาตามที่ กรธ.และ สนช.ส่งมา โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงแก้ไขไดๆ

นายธนิศร์ ศรีประเทศ รองเลขาธิการ กกต.ด้านกิจการบริหารกลาง ชี้แจงถึงการจัดยานพาหนะเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้มีสิทธิออกเสียงประชามติโดยหน่วยงานของรัฐว่า สามารถทำได้ตามมาตรา 62 วรรค สอง ในกรณีพื้นที่ดังกล่าวมีความยากลำบากในการเดินทาง และเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับผู้พิการ ทุพพลภาพ หรือผู้สูงอายุ โดยหน่วยงานดังกล่าวจะจัดได้ต้องร้องขอเท่านั้น และกรรมการประจำเขตต้องอนุญาต ซึ่งการดำเนินการต้องทำด้วยความระมัดระวัง ไม่ให้เป็นการจูงใจ หรือควบคุมผู้มีสิทธิออกเสียงไปออกเสียงอย่างใดอย่างหนึ่ง

ส่วนการอำนวยความสะดวกผู้พิการทางสายตานั้น กกต.มีการจัดพิมพ์ร่างรัฐธรรมนูญฉบับอักษรเบรลล์ จำนวน 500 ฉบับ และมีการแจกจ่ายไปทั้งหมดแล้ว 48 องค์กร รวมทั้งมีการจัดทำบัตรภาพที่มีคำถามเห็นชอบ ไม่เห็นชอบและคำถามพ่วง ไว้สำหรับอำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้สิทธิ ขณะเดียวกันได้จัดหน่วยออกเสียงพิเศษให้กับผู้สูงอายุคือ บ้านบางแค 1 และ 2.
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 18
คนที่บอกว่าไม่กลัว..แต่เที่ยวส่งจดกมายชี้นำประชาชนให้เชื่อและทำตามที่ตัวเองคิดไว้..

เดี๋ยวนี้ประชาชนเบื่อนักการเมืองแล้วค่ะ ..นอกจากเอาแต่ประโยชน์เข้าตัวแล้วยังหลอกประชาชนว่าจะช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น..แต่เขาไปพัฒนาตัวเขาเองเสียก่อนค่ะ..ประชาชนรอๆๆๆมานานแล้วยังไม่ดีขึ้น..ชีวิตนักการเมืองรวยขึ้นทุกคนจริงไหมคะ

ทำลายรังของนักการเมืองที่ป่วนบ้านเมืองเสียให้หมด..คนที่คอยสนับสนุนจะได้หมดหนทางเข้ามาใช้นักการเมืองพวกนี้ทำงานให้..

สะเทือนไปถึงไหน..ที่นั่นหมดทางทำร้ายประเทศเสียที
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่