อยากมีฐานะร่ำรวย อยากมีพร้อมทุกอย่าง ก่อนอายุ 30 ทำไมมันยากจัง

จขกท. อายุ 27 ครับ เรียนจบ ป.ตรี ทำงาน it ปัจจุบันเงินเดือน 23-24k ไม่มีค่านายหน้าหรือโอทีเลย ไม่มีลูกไม่มีเมีย ว่างๆ วันหยุด รับจ๊อบสอนพิเศษเด็กประถมมัธยม ได้เพิ่มมาเดือนละไม่เกิน 2k แต่เหมือนว่ายิ่งพยายามสร้างเนื้อสร้างตัวให้มันมีฐานะที่ดีขึ้นมา แต่กลับกลายเป็นว่ายิ่งหาได้มากเท่าไหร่ มันก็มองดูไม่ก้าวหน้าเลยว่างั้น โดยส่วนตัวมีภาระหนี้สินต้องใช้หนี้แทนพ่อและแม่ เพราะพ่อตกงานและไม่ยอมทำมาหากินอยู่เกือบ 7 ปีสมัยเราเรียนอยู่ แม่เลยก่อหนี้สินร่วมล้าน สรุปคือเราต้องใช้หนี้แทนรวมเดือนละประมาณ 10,000-12,000 เอาง่ายๆว่าเงินเดือนหลักที่ได้มาหักค่าเดินทาง ค่าอาหาร ประกันสังคม และรวมหนี้ต่อเดือนดังกล่าวแล้ว เหลือตกเดือนละ 4,000-5,000 เท่านั้น บวกกับงานเสริมที่ทำก็ประมาณ 6,000-7,000 เอาไปทำไรก็ไม่ได้มากนัก มองๆดูคนอื่นแล้วทำไมเค้าดูพร้อมกันจัง อายุ 22-23 เค้ามีพร้อมหมดแล้ว ทั้งบ้าน ทั้งรถ ทั้งลูกน้องบริวาร บอดี้การ์ด ธุรกิจส่วนตัว ลูกเมีย ทำไมเราไม่มีอะไรสักอย่างเลยทั้งที่พยายามแล้ว แบบว่าจะไปจีบผู้หญิงที่น่ารักๆ นิสัยดีดี มาเป็นแฟนยังไม่กล้าเลยครับ เจียมสังขารตัวเองมาก เกิดผิดหวังขึ้นมาเจ็บหนักแน่ๆ เห็นเค้าเงินเดือนเยอะกว่าก็ไม่อยากยุ่งแล้วครับ โอกาสน้อยมากที่เค้าจะลดตัวลงมาคุยด้วย

ตอนแรกตั้งเป้าว่าจะมีทุกอย่างพร้อมก่อน 30 แต่ดูมันยากเหลือเกิน เพราะแม่เราหมดหนี้ก้อนนั้น ก็ไปก่อใหม่อีกไม่ได้บอกอะไรเรา จนเรามารู้เองตอนหลังตลอด เคยบอกให้เลิกก่อหนี้ก็ไม่หยุด ส่วนพ่อก็ออกปากเลยว่า จะไม่ช่วยใช้หนี้ใดๆทั้งสิ้นเพราะเค้าไม่ได้เป็นคนก่อหนี้(ทั้งๆที่เป็นสาเหตุให้มีหนี้ขึ้นมา) จนตอนนี้เราไม่รู้จะทำยังไงครับ สับสนกับชีวิต บางทีก็ร้องไห้ออกมา น้องสาวก็เพิ่งเรียนจบ หางานทำยังไม่ได้ เรารับภาระหนักอยู่ พ่อแม่ให้เรากับน้องสร้างฐานะขึ้นมา โดยไม่ได้ช่วยอะไรเลย รู้สึกมันยากเหลือเกินจะขยับกับการจะสร้างเนื้อสร้างตัวสร้างฐานะเนี่ย เพราะกว่าจะหมดหนี้อายุเราก็คงจะเยอะแล้ว กว่าจะพร้อมจริงๆก็อายุร่วม 40-50 ก็คงทำอะไรไม่ไหวแล้ว ใครเคยเป็นแบบเราหรือเคยคิดแบบเราบ้างครับ อยากได้คำแนะนำดีดีเหมือนกันครับ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 7
ผมเชื่อว่า ไม่มีอะไรยากเกินกว่าที่มนุษย์จะพยายามได้ครับ
ผมมีคุณแม่และญาติทางแม่ พ่อรับราชการและเลิกกะคุณแม่ตอนผมอายุ 9 ปี จริงๆเคยหย่ากันมาแล้วสองครั้ง พ่อไม่รับผิดชอบอะไรเลย และญาติทางพ่อก็ไม่เคยติดต่ออะไรกับผม แม่และญาติทางแม่รับผิดชอบเลี้ยงดูผมและน้องชายต่างบิดามาตลอด โดยพ่อของน้องเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุก่อนน้องคลอด ผมและน้องจึงเป็นภาระของแม่และญาติทางแม่โดยทางเดียว
ปีที่ผมเรียนม.4ทางบ้านล้มจากการทำธุรกิจ ผมจบม.5 ไม่มีใครส่งเรียนต่อ+ความเกเรส่วนตัว จึงต้องออกจากโรงเรียน
ผมเก็บตัวในบ้าน 1 ปีเต็ม จากเด็กเรียนดี บ้านมีฐานะ เรียนโรงเรียนดัง รู้สึกอายครับ บ้านเป็นหนี้สิน ไม่ได้เรียนต่อ 1 ปีผ่านไป ผมคิดได้ว่าท้ายที่สุดผมไม่สามารถเก็บตัวเองไว้ในบ้านแบบนี้จนตายได้ ผมจะกลายเป็นภาระให้กับทุกคน
อายุ 18 ปีผมตัดสินใจขอออกมาทำงานพร้อมทั้งเรียน กศน. ออกมาอยู่กะแฟนเนื่องจากเธออายุมากกว่ากำลังเรียนมหาวิทยาลัยและอยู่หอพัก เริ่มต้นโดยการทำงานโรงงานอาหาร เด็กเสิร์ฟ สองอาชีพแรก ผมมองว่าทำยังไงก็ไม่รวยและผมอยากรวย ผมนั่งทบทวนนานมากและคิดได้ว่า ถ้าอยากรวย ผมควรไปอยูใกล้ๆคนรวยสิ จะได้รู้ ได้เห็น ได้ยิน ได้ฟัง ความคิดของเค้า เราอาจจะได้รู้ว่าเค้าดำเนินชีวิตยังไง เพราะอะไรถึงรวย จากนั้นผมจึงมองหาที่ที่มีคนรวยไปรวมกัน สำหรับต่างจังหวัด สุดท้ายจึงคิดว่าสนามกอล์ฟคือคำตอบ คือกีฬาคนรวย จึงตรงดิ่งไปขอสมัครงานที่สนามกอล์ฟ ด้วยความที่เด็ก เดินมาของานซื่อๆ คุณป้าหัวหน้าแคดดี้คงเห็นใจ จึงรับเข้าทำงาน เป็นแคดดี้ จากนั้นก็กลายเป็นเด็กในสนามกอล์ฟ เช็ดรองเท้า รับจ้างซื้อของให้วงไพ่ของนายในสนามกอล์ฟ รับพิมพ์งาน รับทำรายงาน หรืองานที่นายในสนามใช้ให้ทำเช่นไปส่งเอกสาร ไปเบิกเงิน ทำทุกอย่างเท่าที่เค้าใช้ บางคืนตีสองตีสามยังเฝ้าวงไพ่รอให้นายใช้ รับค่าจ้างเป็นทิปครับ รายได้ไม่แน่นอน แต่ก็พออยู่ได้ แฟนก็ช่วยทำงานหลังจากเธอเลิกเรียนด้วบ
อายุ 21 ปี เข้ากทม.มีเงินเก็บหนึ่งก่อน บังเอิญได้เข้าไปเกี่ยวข้องในวงการพริตตี้ จึงเปิดโมเดลลิ่ง รายได้พอมีพอกินแต่ก็ยังไม่เป็นหลักแหล่งนัก อาศัยว่าแฟนได้ภาษา จึงรับงานพิธีกรภาษาอังกฤษเป็นรายได้อีกทาง เก็บเงินซื้อรถได้หนึ่งคัน ใช้อำนวยความสะดวกในการเดินทางไปทำงาน
อายุ 24 ปี มีผู้ใหญ่ที่เคารพชักชวนมาทำงานเกี่ยวกับการก่อสร้างและประมูลงาน เอาเงินเก็บที่มีมาลงทุน และกลับมาอยู่ทางภาคเหนืออีกครั้ง
ปัจจุบัน
ผมอายุ 27 ปี
มีรถยนต์ 1 คัน ผ่อนอีก 4 ปี เดือนละ 13,000
บ้าน 1 หลัง จ่ายไปแล้ว 1.5 ล้าน ค้างอีก 5 แสนบาท จ่ายเงินสดอีกหกเดือนหลังจากนี้จะจ่ายอีก 5 แสนและหมดหนี้
ช่วยคุณแม่ซื้อรถ โดยผ่อนคนละครึ่ง ตกเดือนละ 3,000 บาท
ออกค่าเทอมน้องชายคนเล็ก เทอมละ 10,000 บาท
แฟนได้เรียนป.โทจนจบไปแล้ว 1 ใบ กำลังต่อใบที่สอง
คุณแม่มาสอบรับราชการ ตั้งแต่สมัยผมอยู่ ม.4 กู้เงินสหกรณ์ไปใช้หนี้ส่วนหนึ่ง อีกส่วนหนึ่งขายอุปกรณ์ที่เคยใช้ในธุรกิจ ส่วนบ้านคุณลุงรับซื้อไปผ่อนต่อ เงินค่าบ้านก็เอาไปใช้หนี้ คุณแม่ยังคงมีหนี้ที่ผันมาเป็นหนี้สหกรณ์อีกเกือนหนึ่งล้านบาท อนาคตจะพยามหาเงินก้อนมาช่วยโป๊ะให้แม่
ผมยังยืนยันครับว่าไม่มีอะไรยากเกินความพยายามของมนุษย์ ผมตอนนี้ก็ไม่ใช่จะร่ำรวย ยังมีหนี้สิน ยังต้องช่วยแม่ ต้องเริ่มต้นชีวิตเอง ไม่มีต้นทุนทางการศึกษาจบแค่ ม.6 แต่ผมคิดว่าถ้าเราสู้ ไขว่ขว้า มันต้องทำได้ครับ ผมอยากให้กำลังใจให้คุณสู้นะครับ ลองมองหาช่องทางการทำเงินอื่นๆดูอีกทางก็น่าจะดีนะครับ😊
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่