
รีวิวหนังสือ ถอยก็ตาย วิกฤติยังไงก็ต้องสู้
จาก “เทพแห่งการบริหาร” ของญี่ปุ่น
หนังสือดีเลอค่า
โดย อินาโมริ คาซึโอะ
แปลโดย สุดารัตน์ เอื้อเปี่ยมมงคล
สำนักพิมพ์ สุขภาพใจ
……………………..

มะเหงก : “หว๋าย…อะไรนะ ผู้บริหารเคียวเซร่าเหรอ…ไม่เห็นจะเจ๋งตรงไหนเลย ……โอ๊ะ โอ๊ย! เธอมาเขกหัวฉันทำไมเนี่ยะ!”

ด้ายใจ : “ไม่เจ๋งตรงไหน ฟื้นฟู JAL จากใกล้เจ๊ง พลิกกลับมากำไรมหาศาลภายใน 3 ปีน่ะ”
มะเหงก : “อะไร คนนี้น่ะเหรอ”
ด้ายใจ : “ใช่สิ ไปอยู่ไหนมา”
มะเหงก : “ก็ไม่รู้นี่หว่า เห็นว่าเป็นผู้บริหารเคียวเซร่า กับ KDDI นี่อะไรก็ไม่รู้ ไม่รู้จัก”
เปล่ง : “ทำสิ่งที่ถูกต้องในฐานะมนุษย์” กับ “จิตวิญญาณนักสู้ที่ลุกโชน” และแนวคิดดีๆ ในเล่มนี้เยอะเลย เลอค่า ดีมากเลยเล่มนี้

(ที่มาที่ไป คำอธิบายตัวละครเหล่านี้ อ่านได้ตอนท้ายของบทความค่ะ)
……………………..
[ภาพรวม]
ชอบเล่มนี้มาก และอยากจะแนะนำให้คนไทยได้อ่านกันเยอะๆ เลย
ได้ทั้งแรงบันดาลใจ ได้ทั้งแนวคิดที่ตอกย้ำให้รู้ว่า การทำสิ่งที่ถูกต้อง มีคุณธรรม และการมีใจสู้ไม่ถอย นั้นคือทางสู่ความสำเร็จอย่างยั่งยืน และอย่างน่าอัศจรรย์
………………………
[ลักษณะของเนื้อหา]
เป็นตอนสั้นๆ อ่านง่าย
หนึ่งตอน โดยทั่วไป 1-2 หน้าจบ
ทำให้อ่านจบไวมาก
[สิ่งที่ทำให้ตัดสินใจซื้อ]
สิ่งแรก ที่ทำให้สนใจเล่มนี้ก่อน คือ ผู้ก่อตั้งและบริหาร Kyocera
จำชื่อแกไม่ได้หรอกนะ คุณอินาโมริ คาซึโอะ จำได้แต่ว่าแกเป็นผู้บริหาร Kyocera และจำได้ตั้งแต่อ่านเล่มนี้
“ช้าให้ชนะ” ลำพังชื่อ ก็ไม่ได้สะดุดอะไรมากมาย แต่สะดุดที่คำโปรย
“หนังสือธุรกิจขายดีตลอดกาลของญี่ปุ่น”
เฮ้ย มันอะไรจะขนาดนั้น
และนี่เป็นผลงานที่ทำให้เราได้รู้ว่า ผู้ก่อตั้ง Kyocera คนนี้ …ไม่ธรรมดา
เมื่อได้ซื้อมาอ่าน ก็พบว่า เออ…มันขนาดนั้นนั่นแหล่ะ
มันเรียลมาก เป็นเป็นการถ่ายทอดจากประสบการณ์ของจริงมากๆ ไม่มีมานั่งใส่ทฤษฏีมโนอะไร เช่น ตอนช่วงแรกๆ ที่เริ่มธุรกิจ คุณอินาโมริไปอบรมกับผู้บริหารฮอนด้า แล้วถูกด่าสาดกันทั้งห้องว่า จะเสียเวลามาอบรมทำไม อยากสำเร็จก็ให้รีบไปทำงานทำการเข้าสิ อึ้งกันหมด เป็นต้น
ยิ่งพอมารู้ว่า แกเป็นคนที่ฟื้นฟูกิจการ JAL ซึ่งสมัยนั้นได้ยินข่าวว่าร่อแร่สุดๆ จนให้สำเร็จ…และสำเร็จอย่างงดงามไม่ธรรมดาอีกด้วย …ก็ยิ่งสนใจเพิ่มระดับขึ้นไปอีก
แต่ส่วนที่ทำให้ต้องซื้อจริงๆ มี 2 อย่าง นั่นคือ ข้อความที่ปกหลังประโยคหนึ่ง และ หน้าที่เปิดสุ่มไปเจออีกหน้าหนึ่ง
(1) ข้อความที่ปกหลัง ที่ว่า
“การทำงานอย่างทุ่มเท จนได้ยิน “เสียงเครื่องจักรร้องไห้” และ “สร้างสินค้าที่คมจนบาดมือได้” เฮ้ย! อะไรจะปานนั้น 555 โดนอ่ะ! เลือดซิบ! ยังไม่เคยคิดไปขนาดนั้นเลย คงต้องคิดแล้วล่ะตอนนี้ 555
(2) ในหน้าก่อนสารบัญ มีหน้าแดงฉานคู่หนึ่ง ระบุหลักการบริหาร 12 ประการของ อินาโมริ
1. ทำให้วัตถุประสงค์ของงาน สิ่งที่ตั้งใจสื่อสาร มีความชัดเจน
2. ตั้งเป้าหมายอย่างเป็นรูปธรรม
3. รักษาเจตจำนงอันแรงกล้า
4. มุ่งมั่นที่จะไม่แพ้ใคร
5. เพิ่มยอดขายอย่างเต็มที่ ลดรายจ่ายให้น้อยที่สุด
6. การตั้งราคาเป็นการบริหารจัดการ
7. การบริหารจัดการขึ้นกับความตั้งใจที่แน่วแน่
8. วิญญาณนักสู้ที่ลุกโชน
9. สู้งานด้วยความกล้าหาญ
10. ทำงานอย่างสร้างสรรค์อยู่เสมอ
11. คบหากันอย่างซื่อสัตย์ด้วยน้ำใจไมตรี
12. มีฝันและมุ่งหวังด้วยใจใสบริสุทธิ์ ทำงานเชิงรุกอย่างสดใสอยู่เสมอ
มันเคลียร์ดีนะ
เจอแบบนี้ ถึงกับซื้อเลย ไม่รอ bookfair ละ ถ้าไม่ได้อ่านเดี๋ยวนี้ มีลงแดงแน่นอน
[ดูหน้าตาหนังสือ]

ปก เป็นหน้าของ อินาโมริ คาซึโอะ ผู้บริหารชาวญี่ปุ่น ซึ่งเราเพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก
แต่จะสะดุดก็ตรง “พิมพ์ครั้งที่ 3” สีทอง
และ คำว่า พลิกฟื้น JAL ที่ล้มละลายให้ผงาดได้ราวปาฏิหาริย์ภายใน 3 ปี
[เรื่องย่อ]
เรื่องราว ความคิด ที่กลั่นจากประสบการณ์การเป็นผู้บริหารมากกว่าครึ่งศตวรรษ ทั้งที่ Kyocera, KDDI และที่สำคัญ คือ เบื้องหลังความสำเร็จที่เป็นกรณีศึกษาระดับโลก ในการกอบกู้ JAL จากเกือบล้มละลาย ให้กลายเป็นทำกำไรสูงสุด พลิกฟื้นได้อย่างน่ามหัศจรรย์ภายในระยะเวลาเพียง 3 ปี

(PIx: keepitrealwithjapanesebookspart2.blogspot.com)
[การดำเนินเรื่อง]
มี 6 ภาค คือ ความเจริญและเสื่อมของญี่ปุ่น/ การบริหารด้วยจิตวิญญาณนักสู้ที่ลุกโชน/ เพื่อโลก เพื่อมนุษยชาติ/ดำเนินการด้วยคุณธรรม/ ฟื้นฟู Japan Airlines (JAL)/ ฟื้นฟูญี่ปุ่น
แต่ละภาคแบ่งเป็นตอนๆ แต่ละตอนสั้นๆ ส่วนใหญ่ตอนละแค่ 1-2 หน้าเท่านั้น (อ่านง่ายมาก)
[ประทับใจ]
เป็นเรื่องที่ต้องขอบคุณผู้เขียนมากๆ ที่เล่าให้ฟังถึงเบื้องหลัง case study ที่ใช้แก้ปัญหา JAL จนสำเร็จภายใน 3 ปี แม่เจ้ามากๆ
เห็นภาพ และคีย์เวิร์ดสำหรับเรา คือ
คุณธรรม
จิตวิญญาณนักสู้ที่ลุกโชน
จัดการอบรม เปลี่ยนจิตสำนึกของผู้บริหารและพนักงาน ให้ “ทำสิ่งที่ถูกต้องในฐานะมนุษย์” ขยายวิสัยทัศน์ คลุกคลีลงพื้นที่ พูดคุยกับพนักงานที่ต้องพบปะกับลูกค้าโดยตรง
[ไม่ประทับใจ]
ใครไม่ค่อยสนใจเรื่องเกี่ยวกับญี่ปุ่น ก็อาจอ่านผ่านๆ ส่วนที่พูดถึงญี่ปุ่นโดยตรง
ไม่ถึงกับมีที่ไม่ประทับใจ
แค่อยากจะรู้วิธีการจัดการบัญชี แบบ “อะมีบา” เป็นอย่างไร (มีอยู่ในหน้า 171 แต่ไม่มีรายละเอียด ต้องไปหาอ่านเพิ่มเติมเอง)

(pix: english.cntv.cn)
[ประเด็นขุมทรัพย์]
เปล่ง : “นอกจากหลักการบริหาร 12 ประการที่แปะไว้ข้างบนแล้ว ก็มีที่ขีดเส้นใต้ไว้คือ”
(1) ต้องกล้าหาญตั้งเป้าหมายให้ยากและสูง ต้องมี”จิตวิญญาณนักสู้ที่ลุกโชน” เผชิญหน้าอย่างเด็ดเดี่ยว ใจนักสู้แรงกล้า เพื่อทำให้เป้าหมายที่ตั้งไว้เป็นจริง
(2) การเอาชนะในโลกธุรกิจ ต้องมีแรงกระตุ้นที่ว่า “ต้องทำให้ได้” จำเป็นต้องมีใจนักสู้ ฮึดสู้เข้าไป แสดง “จิตวิญญาณนักสู้ที่ลุกโชน” ออกมา คนที่ทุ่มเท ไม่ยอมแพ้ใคร คือ คนที่จะอยู่รอด ส่วนผู้ปราศจากใจนักสู้ ไม่พยายาม สุดท้ายต้องจบ
(3) ผู้บริหารต้องป่าวประกาศว่า ตั้งเป้าไว้ที่เท่าไร ซึ่งประกาศแล้วจะถอยหลังไม่ได้ พยายามรักษาสัญญานั้นให้ได้ ต้องเข้มงวดอย่างมาก แต่ถ้าปฏิบัติจริงแล้วยังไม่สำเร็จ ให้ยืดอกพูดกับพนักงานอย่างสง่าว่า “ขอโทษจากใจจริงๆ ปีนี้ยังพยายามไม่พอ ปีหน้าจะพยายามให้มากขึ้น”
(4) ขอให้เกาะกลุ่มผู้นำ เหมือนเวลาวิ่งมาราธอน ต่อให้ฝืน แต่ถ้าวิ่งนำคนอื่นเมื่อไร จะเกิดแรงกระตุ้นขึ้นมา เรี่ยวแรงอีก 110% 150% จะปล่อยออกมาได้
สู้จนกว่าจะชนะ “ต้องเปลี่ยนความปรารถนาของผู้บริหาร ที่เป็นเป้าหมายในการบริหาร เป็นความปรารถนาของพนักงานทุกคน
(5) จิตวิญญาณนักสู้ที่ลุกโชน ที่ถูกควบคุมด้วยคุณธรรมนั้น จะพาธุรกิจระดับโลกไปสู่ความสำเร็จ
(6) ผมทำสิ่งที่คนพูดว่าทำไม่ได้แน่นอน สำเร็จ ด้วยวิธีที่คนอื่นทำไม่ได้ ดังนั้น บริษัทเราจึงมีวันนี้ หากใช้วิธีทำงานที่ติดอยู่ในกรอบของเดิมๆ คงเป็นอย่างทุกวันนี้ไม่ได้ (เปล่ง : ถ้าคิดจะทำสักอย่าง จะหาทางทำจนได้ในที่สุด จินตนาการ สำคัญกว่าความรู้ ..ไอน์สไตน์พูดถูกมากๆ)
(7) สิ่งสำคัญคือ ใจนักสู้นั้น ไม่จำกัดอยู่แค่ผู้บริหารเท่านั้น พนักงานทุกคนต้องมีจิตวิญญาณนักสู้ที่ลุกโชนเช่นกัน จำเป็นต้องให้พนักงานรู้สึกร่วมด้วย เปลี่ยนความปรารถนาของผู้บริหารเป็นความปรารถนาของพนักงานทุกคน (ตั้งเป้าหมายแบบล่างขึ้นบน) ตั้งเป้าหมายการบริหารให้สูง
(8) แม้คนจะคิดตามกรอบความเชื่อเดิมๆ ว่า “ทำไม่ได้แน่นอน ไม่มีทางทำได้” ก็ต้องเสี่ยงกล้าทุ่มเททำ ไม่ยอมแพ้ สร้างนิสัยมุมานะอดทนทุกวัน หาไอเดียใหม่อยู่เสมอและนำไปใช้ สู้ไม่คิดชีวิตเพื่อให้ได้มาซึ่งชัยชนะ
(9) หัวใจที่ฟื้นฟู JAL ได้สำเร็จ คือ ทำ “เพื่อโลก เพื่อมนุษยชาติ” จึงรับปากและทำอย่างจริงจัง ซึ่งนี่คือ สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับการเป็นผู้บริหาร ยึดหลักคุณธรรม เพื่อโลก เพื่อมนุษยชาติ
(10) มาตรฐานการตัดสินใจ อยู่ในคำถามว่า “อะไรคือสิ่งถูกต้องในฐานะมนุษย์” คำตอบที่ออกมา ให้นำไปปฏิบัติให้สำเร็จ อะไรคือสิ่งถูกต้องในฐานะมนุษย์ ทำสิ่งที่ถูกต้องนั้นให้สำเร็จ
(11) การบริหารที่ยึดมั่นในตัณหา ต้องล้มเหลวแน่นอน กำไรที่ได้มาจากการทุจริต เขี่ยคนอื่นร่วง คือ สิ่งที่ไม่มีความหมาย การหากำไรจำเป็นต้องทำในสิ่งที่ถูกต้อง ในฐานะมนุษย์ คำนึงถึงผู้อื่น เห็นแก่ผู้อื่น เมตตา และเที่ยงธรรม หากไม่รักพนักงานและบริการที่มีต่อลูกค้า อุทิศเพื่อสังคมแล้ว ไม่มีการบริหารใดเจริญรุ่งเรืองอยู่ตลอดไปได้
(12) ร้านขายผักดองชื่อดังในเกียวโต ผู้เชี่ยวชาญจะใส่จิตใจและวิญญาณลงในการดองผักด้วย “ต้องคิดว่าตัวเองเป็นผักดอง และปรุงรสให้พอเหมาะ” ร้านนี้ ลูกค้ามาต่อแถวหน้าร้าน ทำตามปริมาณที่ทำได้ ไม่สนใจลูกค้าที่รอแล้วแห้ว ให้มารอใหม่พรุ่งนี้
มะเหงก : "คิดว่าตัวเองเป็นผักดองรึ...=_= มันต้องขนาดนั้นเลยเรอะ!"
ด้ายใจ : "น่ารักจัง คิดว่าตัวเองเป็นผักดอง ^^"
เปล่ง : "ไม่ใช่แค่น่ารัก ^^ แต่มันคือ การทุ่มเทจิตใจ อยู่ในปัจจุบันขณะทำสิ่งนั้นเกิน 100%"


ราคา 200 บาท
คะแนน: เพชร 5 เม็ดเลย
ความคุ้มค่า : คุ้มมาก ซื้อเลย แนะนำ สมที่พิมพ์ 3 ครั้งแล้วในเวลาอันรวดเร็ว
แนะนำให้ซื้อมาอ่าน คุ้มและดีมากจนต้องบอกต่อ
ในเล่มมีเบื้องหลังกว่าจะปฏิรูปจิตสำนึกเพื่อแก้ไขทิศทางฟื้นฟู JAL จากกิจการที่ล้มละลาย เป็นทำกำไรได้สูงที่สุดในโลก เกิดใหม่เป็นธุรกิจที่เต็มไปด้วยฝันและความหวังได้สำเร็จ
ใครเหมาะกับหนังสือเล่มนี้:
คนที่อยากรู้เคล็ดลับการบริหาร จาก “เทพแห่งการบริหารที่ยังมีชีวิตอยู่” ฉายานี้ ไม่เกินจริงเลย
คนที่อยากรู้ Case study ระดับโลก ที่พลิกฟื้น JAL จากล้มละลายเป็นทำกำไรสูงสุดในโลก ทำได้อย่างไร มีในเล่มนี้
นักธุรกิจ, นักบริหาร, คนรักการพัฒนาตัวเอง
..................................
รีวิว โดย
รีวิวขุมทรัพย์ #reviewkumsub
https://www.facebook.com/reviewkumsub/
..................................
คำอธิบายตัวละครสมาชิกขุมทรัพย์ภายใน(หัว)ของเรา
ได้แรงบันดาลใจจาก Inside Out
ทุกครั้งที่จะทำอะไร มักจะได้ยินเสียงเจ้าสามตัวนี่ ในหัว อยู่เรื่อยๆ (จริงๆ มีหลายตัว แต่เอาตัวเด่นๆ เท่านี้ก่อน)
#มะเหงก : ตัวเกรียน มองโลกแง่ลบมาแต่ไกล
#ด้ายใจ : ตัวบวก มองโลกแง่ดีมาแต่ไหนแต่ไร
#เปล่ง : ตัวสติปัญญา
ตั้งใจให้เป็นแบบนี้ ก็ไม่รู้ว่าพวกมันจะเป็นรึเปล่านะ
..................................
ข้อมูลรีวิว/สรุปข้อคิดอื่นๆ จากหนังสือเล่มนี้
http://kongkiti.blogspot.com/2016/05/10.html
http://www.doctor-nash.com/tag/%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%B7%E0%B8%AD/
อ่านรีวิวอื่นๆ พร้อมคอมเมนต์จากเจ้ามะเหงก, ด้ายใจ,เปล่ง ได้ที่ #รีวิวขุมทรัพย์
https://reviewkumsub.wordpress.com
[CR] >>> รีวิวหนังสือ ถอยก็ตาย วิกฤติยังไงก็ต้องสู้ + 24 ข้อคิดโดนใจ จากเล่มนี้
รีวิวหนังสือ ถอยก็ตาย วิกฤติยังไงก็ต้องสู้
จาก “เทพแห่งการบริหาร” ของญี่ปุ่น
หนังสือดีเลอค่า
โดย อินาโมริ คาซึโอะ
แปลโดย สุดารัตน์ เอื้อเปี่ยมมงคล
สำนักพิมพ์ สุขภาพใจ
……………………..
มะเหงก : “หว๋าย…อะไรนะ ผู้บริหารเคียวเซร่าเหรอ…ไม่เห็นจะเจ๋งตรงไหนเลย ……โอ๊ะ โอ๊ย! เธอมาเขกหัวฉันทำไมเนี่ยะ!”
ด้ายใจ : “ไม่เจ๋งตรงไหน ฟื้นฟู JAL จากใกล้เจ๊ง พลิกกลับมากำไรมหาศาลภายใน 3 ปีน่ะ”
มะเหงก : “อะไร คนนี้น่ะเหรอ”
ด้ายใจ : “ใช่สิ ไปอยู่ไหนมา”
มะเหงก : “ก็ไม่รู้นี่หว่า เห็นว่าเป็นผู้บริหารเคียวเซร่า กับ KDDI นี่อะไรก็ไม่รู้ ไม่รู้จัก”
เปล่ง : “ทำสิ่งที่ถูกต้องในฐานะมนุษย์” กับ “จิตวิญญาณนักสู้ที่ลุกโชน” และแนวคิดดีๆ ในเล่มนี้เยอะเลย เลอค่า ดีมากเลยเล่มนี้
(ที่มาที่ไป คำอธิบายตัวละครเหล่านี้ อ่านได้ตอนท้ายของบทความค่ะ)
……………………..
[ภาพรวม]
ชอบเล่มนี้มาก และอยากจะแนะนำให้คนไทยได้อ่านกันเยอะๆ เลย
ได้ทั้งแรงบันดาลใจ ได้ทั้งแนวคิดที่ตอกย้ำให้รู้ว่า การทำสิ่งที่ถูกต้อง มีคุณธรรม และการมีใจสู้ไม่ถอย นั้นคือทางสู่ความสำเร็จอย่างยั่งยืน และอย่างน่าอัศจรรย์
………………………
[ลักษณะของเนื้อหา]
เป็นตอนสั้นๆ อ่านง่าย
หนึ่งตอน โดยทั่วไป 1-2 หน้าจบ
ทำให้อ่านจบไวมาก
[สิ่งที่ทำให้ตัดสินใจซื้อ]
สิ่งแรก ที่ทำให้สนใจเล่มนี้ก่อน คือ ผู้ก่อตั้งและบริหาร Kyocera
จำชื่อแกไม่ได้หรอกนะ คุณอินาโมริ คาซึโอะ จำได้แต่ว่าแกเป็นผู้บริหาร Kyocera และจำได้ตั้งแต่อ่านเล่มนี้
“ช้าให้ชนะ” ลำพังชื่อ ก็ไม่ได้สะดุดอะไรมากมาย แต่สะดุดที่คำโปรย
“หนังสือธุรกิจขายดีตลอดกาลของญี่ปุ่น”
เฮ้ย มันอะไรจะขนาดนั้น
และนี่เป็นผลงานที่ทำให้เราได้รู้ว่า ผู้ก่อตั้ง Kyocera คนนี้ …ไม่ธรรมดา
เมื่อได้ซื้อมาอ่าน ก็พบว่า เออ…มันขนาดนั้นนั่นแหล่ะ
มันเรียลมาก เป็นเป็นการถ่ายทอดจากประสบการณ์ของจริงมากๆ ไม่มีมานั่งใส่ทฤษฏีมโนอะไร เช่น ตอนช่วงแรกๆ ที่เริ่มธุรกิจ คุณอินาโมริไปอบรมกับผู้บริหารฮอนด้า แล้วถูกด่าสาดกันทั้งห้องว่า จะเสียเวลามาอบรมทำไม อยากสำเร็จก็ให้รีบไปทำงานทำการเข้าสิ อึ้งกันหมด เป็นต้น
ยิ่งพอมารู้ว่า แกเป็นคนที่ฟื้นฟูกิจการ JAL ซึ่งสมัยนั้นได้ยินข่าวว่าร่อแร่สุดๆ จนให้สำเร็จ…และสำเร็จอย่างงดงามไม่ธรรมดาอีกด้วย …ก็ยิ่งสนใจเพิ่มระดับขึ้นไปอีก
แต่ส่วนที่ทำให้ต้องซื้อจริงๆ มี 2 อย่าง นั่นคือ ข้อความที่ปกหลังประโยคหนึ่ง และ หน้าที่เปิดสุ่มไปเจออีกหน้าหนึ่ง
(1) ข้อความที่ปกหลัง ที่ว่า
“การทำงานอย่างทุ่มเท จนได้ยิน “เสียงเครื่องจักรร้องไห้” และ “สร้างสินค้าที่คมจนบาดมือได้” เฮ้ย! อะไรจะปานนั้น 555 โดนอ่ะ! เลือดซิบ! ยังไม่เคยคิดไปขนาดนั้นเลย คงต้องคิดแล้วล่ะตอนนี้ 555
(2) ในหน้าก่อนสารบัญ มีหน้าแดงฉานคู่หนึ่ง ระบุหลักการบริหาร 12 ประการของ อินาโมริ
1. ทำให้วัตถุประสงค์ของงาน สิ่งที่ตั้งใจสื่อสาร มีความชัดเจน
2. ตั้งเป้าหมายอย่างเป็นรูปธรรม
3. รักษาเจตจำนงอันแรงกล้า
4. มุ่งมั่นที่จะไม่แพ้ใคร
5. เพิ่มยอดขายอย่างเต็มที่ ลดรายจ่ายให้น้อยที่สุด
6. การตั้งราคาเป็นการบริหารจัดการ
7. การบริหารจัดการขึ้นกับความตั้งใจที่แน่วแน่
8. วิญญาณนักสู้ที่ลุกโชน
9. สู้งานด้วยความกล้าหาญ
10. ทำงานอย่างสร้างสรรค์อยู่เสมอ
11. คบหากันอย่างซื่อสัตย์ด้วยน้ำใจไมตรี
12. มีฝันและมุ่งหวังด้วยใจใสบริสุทธิ์ ทำงานเชิงรุกอย่างสดใสอยู่เสมอ
มันเคลียร์ดีนะ
เจอแบบนี้ ถึงกับซื้อเลย ไม่รอ bookfair ละ ถ้าไม่ได้อ่านเดี๋ยวนี้ มีลงแดงแน่นอน
[ดูหน้าตาหนังสือ]
ปก เป็นหน้าของ อินาโมริ คาซึโอะ ผู้บริหารชาวญี่ปุ่น ซึ่งเราเพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก
แต่จะสะดุดก็ตรง “พิมพ์ครั้งที่ 3” สีทอง
และ คำว่า พลิกฟื้น JAL ที่ล้มละลายให้ผงาดได้ราวปาฏิหาริย์ภายใน 3 ปี
[เรื่องย่อ]
เรื่องราว ความคิด ที่กลั่นจากประสบการณ์การเป็นผู้บริหารมากกว่าครึ่งศตวรรษ ทั้งที่ Kyocera, KDDI และที่สำคัญ คือ เบื้องหลังความสำเร็จที่เป็นกรณีศึกษาระดับโลก ในการกอบกู้ JAL จากเกือบล้มละลาย ให้กลายเป็นทำกำไรสูงสุด พลิกฟื้นได้อย่างน่ามหัศจรรย์ภายในระยะเวลาเพียง 3 ปี
(PIx: keepitrealwithjapanesebookspart2.blogspot.com)
[การดำเนินเรื่อง]
มี 6 ภาค คือ ความเจริญและเสื่อมของญี่ปุ่น/ การบริหารด้วยจิตวิญญาณนักสู้ที่ลุกโชน/ เพื่อโลก เพื่อมนุษยชาติ/ดำเนินการด้วยคุณธรรม/ ฟื้นฟู Japan Airlines (JAL)/ ฟื้นฟูญี่ปุ่น
แต่ละภาคแบ่งเป็นตอนๆ แต่ละตอนสั้นๆ ส่วนใหญ่ตอนละแค่ 1-2 หน้าเท่านั้น (อ่านง่ายมาก)
[ประทับใจ]
เป็นเรื่องที่ต้องขอบคุณผู้เขียนมากๆ ที่เล่าให้ฟังถึงเบื้องหลัง case study ที่ใช้แก้ปัญหา JAL จนสำเร็จภายใน 3 ปี แม่เจ้ามากๆ
เห็นภาพ และคีย์เวิร์ดสำหรับเรา คือ
คุณธรรม
จิตวิญญาณนักสู้ที่ลุกโชน
จัดการอบรม เปลี่ยนจิตสำนึกของผู้บริหารและพนักงาน ให้ “ทำสิ่งที่ถูกต้องในฐานะมนุษย์” ขยายวิสัยทัศน์ คลุกคลีลงพื้นที่ พูดคุยกับพนักงานที่ต้องพบปะกับลูกค้าโดยตรง
[ไม่ประทับใจ]
ใครไม่ค่อยสนใจเรื่องเกี่ยวกับญี่ปุ่น ก็อาจอ่านผ่านๆ ส่วนที่พูดถึงญี่ปุ่นโดยตรง
ไม่ถึงกับมีที่ไม่ประทับใจ
แค่อยากจะรู้วิธีการจัดการบัญชี แบบ “อะมีบา” เป็นอย่างไร (มีอยู่ในหน้า 171 แต่ไม่มีรายละเอียด ต้องไปหาอ่านเพิ่มเติมเอง)
(pix: english.cntv.cn)
[ประเด็นขุมทรัพย์]
เปล่ง : “นอกจากหลักการบริหาร 12 ประการที่แปะไว้ข้างบนแล้ว ก็มีที่ขีดเส้นใต้ไว้คือ”
(1) ต้องกล้าหาญตั้งเป้าหมายให้ยากและสูง ต้องมี”จิตวิญญาณนักสู้ที่ลุกโชน” เผชิญหน้าอย่างเด็ดเดี่ยว ใจนักสู้แรงกล้า เพื่อทำให้เป้าหมายที่ตั้งไว้เป็นจริง
(2) การเอาชนะในโลกธุรกิจ ต้องมีแรงกระตุ้นที่ว่า “ต้องทำให้ได้” จำเป็นต้องมีใจนักสู้ ฮึดสู้เข้าไป แสดง “จิตวิญญาณนักสู้ที่ลุกโชน” ออกมา คนที่ทุ่มเท ไม่ยอมแพ้ใคร คือ คนที่จะอยู่รอด ส่วนผู้ปราศจากใจนักสู้ ไม่พยายาม สุดท้ายต้องจบ
(3) ผู้บริหารต้องป่าวประกาศว่า ตั้งเป้าไว้ที่เท่าไร ซึ่งประกาศแล้วจะถอยหลังไม่ได้ พยายามรักษาสัญญานั้นให้ได้ ต้องเข้มงวดอย่างมาก แต่ถ้าปฏิบัติจริงแล้วยังไม่สำเร็จ ให้ยืดอกพูดกับพนักงานอย่างสง่าว่า “ขอโทษจากใจจริงๆ ปีนี้ยังพยายามไม่พอ ปีหน้าจะพยายามให้มากขึ้น”
(4) ขอให้เกาะกลุ่มผู้นำ เหมือนเวลาวิ่งมาราธอน ต่อให้ฝืน แต่ถ้าวิ่งนำคนอื่นเมื่อไร จะเกิดแรงกระตุ้นขึ้นมา เรี่ยวแรงอีก 110% 150% จะปล่อยออกมาได้
สู้จนกว่าจะชนะ “ต้องเปลี่ยนความปรารถนาของผู้บริหาร ที่เป็นเป้าหมายในการบริหาร เป็นความปรารถนาของพนักงานทุกคน
(5) จิตวิญญาณนักสู้ที่ลุกโชน ที่ถูกควบคุมด้วยคุณธรรมนั้น จะพาธุรกิจระดับโลกไปสู่ความสำเร็จ
(6) ผมทำสิ่งที่คนพูดว่าทำไม่ได้แน่นอน สำเร็จ ด้วยวิธีที่คนอื่นทำไม่ได้ ดังนั้น บริษัทเราจึงมีวันนี้ หากใช้วิธีทำงานที่ติดอยู่ในกรอบของเดิมๆ คงเป็นอย่างทุกวันนี้ไม่ได้ (เปล่ง : ถ้าคิดจะทำสักอย่าง จะหาทางทำจนได้ในที่สุด จินตนาการ สำคัญกว่าความรู้ ..ไอน์สไตน์พูดถูกมากๆ)
(7) สิ่งสำคัญคือ ใจนักสู้นั้น ไม่จำกัดอยู่แค่ผู้บริหารเท่านั้น พนักงานทุกคนต้องมีจิตวิญญาณนักสู้ที่ลุกโชนเช่นกัน จำเป็นต้องให้พนักงานรู้สึกร่วมด้วย เปลี่ยนความปรารถนาของผู้บริหารเป็นความปรารถนาของพนักงานทุกคน (ตั้งเป้าหมายแบบล่างขึ้นบน) ตั้งเป้าหมายการบริหารให้สูง
(8) แม้คนจะคิดตามกรอบความเชื่อเดิมๆ ว่า “ทำไม่ได้แน่นอน ไม่มีทางทำได้” ก็ต้องเสี่ยงกล้าทุ่มเททำ ไม่ยอมแพ้ สร้างนิสัยมุมานะอดทนทุกวัน หาไอเดียใหม่อยู่เสมอและนำไปใช้ สู้ไม่คิดชีวิตเพื่อให้ได้มาซึ่งชัยชนะ
(9) หัวใจที่ฟื้นฟู JAL ได้สำเร็จ คือ ทำ “เพื่อโลก เพื่อมนุษยชาติ” จึงรับปากและทำอย่างจริงจัง ซึ่งนี่คือ สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับการเป็นผู้บริหาร ยึดหลักคุณธรรม เพื่อโลก เพื่อมนุษยชาติ
(10) มาตรฐานการตัดสินใจ อยู่ในคำถามว่า “อะไรคือสิ่งถูกต้องในฐานะมนุษย์” คำตอบที่ออกมา ให้นำไปปฏิบัติให้สำเร็จ อะไรคือสิ่งถูกต้องในฐานะมนุษย์ ทำสิ่งที่ถูกต้องนั้นให้สำเร็จ
(11) การบริหารที่ยึดมั่นในตัณหา ต้องล้มเหลวแน่นอน กำไรที่ได้มาจากการทุจริต เขี่ยคนอื่นร่วง คือ สิ่งที่ไม่มีความหมาย การหากำไรจำเป็นต้องทำในสิ่งที่ถูกต้อง ในฐานะมนุษย์ คำนึงถึงผู้อื่น เห็นแก่ผู้อื่น เมตตา และเที่ยงธรรม หากไม่รักพนักงานและบริการที่มีต่อลูกค้า อุทิศเพื่อสังคมแล้ว ไม่มีการบริหารใดเจริญรุ่งเรืองอยู่ตลอดไปได้
(12) ร้านขายผักดองชื่อดังในเกียวโต ผู้เชี่ยวชาญจะใส่จิตใจและวิญญาณลงในการดองผักด้วย “ต้องคิดว่าตัวเองเป็นผักดอง และปรุงรสให้พอเหมาะ” ร้านนี้ ลูกค้ามาต่อแถวหน้าร้าน ทำตามปริมาณที่ทำได้ ไม่สนใจลูกค้าที่รอแล้วแห้ว ให้มารอใหม่พรุ่งนี้
มะเหงก : "คิดว่าตัวเองเป็นผักดองรึ...=_= มันต้องขนาดนั้นเลยเรอะ!"
ด้ายใจ : "น่ารักจัง คิดว่าตัวเองเป็นผักดอง ^^"
เปล่ง : "ไม่ใช่แค่น่ารัก ^^ แต่มันคือ การทุ่มเทจิตใจ อยู่ในปัจจุบันขณะทำสิ่งนั้นเกิน 100%"
ราคา 200 บาท
คะแนน: เพชร 5 เม็ดเลย
ความคุ้มค่า : คุ้มมาก ซื้อเลย แนะนำ สมที่พิมพ์ 3 ครั้งแล้วในเวลาอันรวดเร็ว
แนะนำให้ซื้อมาอ่าน คุ้มและดีมากจนต้องบอกต่อ
ในเล่มมีเบื้องหลังกว่าจะปฏิรูปจิตสำนึกเพื่อแก้ไขทิศทางฟื้นฟู JAL จากกิจการที่ล้มละลาย เป็นทำกำไรได้สูงที่สุดในโลก เกิดใหม่เป็นธุรกิจที่เต็มไปด้วยฝันและความหวังได้สำเร็จ
ใครเหมาะกับหนังสือเล่มนี้:
คนที่อยากรู้เคล็ดลับการบริหาร จาก “เทพแห่งการบริหารที่ยังมีชีวิตอยู่” ฉายานี้ ไม่เกินจริงเลย
คนที่อยากรู้ Case study ระดับโลก ที่พลิกฟื้น JAL จากล้มละลายเป็นทำกำไรสูงสุดในโลก ทำได้อย่างไร มีในเล่มนี้
นักธุรกิจ, นักบริหาร, คนรักการพัฒนาตัวเอง
..................................
รีวิว โดย
รีวิวขุมทรัพย์ #reviewkumsub
https://www.facebook.com/reviewkumsub/
..................................
คำอธิบายตัวละครสมาชิกขุมทรัพย์ภายใน(หัว)ของเรา
ได้แรงบันดาลใจจาก Inside Out
ทุกครั้งที่จะทำอะไร มักจะได้ยินเสียงเจ้าสามตัวนี่ ในหัว อยู่เรื่อยๆ (จริงๆ มีหลายตัว แต่เอาตัวเด่นๆ เท่านี้ก่อน)
#มะเหงก : ตัวเกรียน มองโลกแง่ลบมาแต่ไกล
#ด้ายใจ : ตัวบวก มองโลกแง่ดีมาแต่ไหนแต่ไร
#เปล่ง : ตัวสติปัญญา
ตั้งใจให้เป็นแบบนี้ ก็ไม่รู้ว่าพวกมันจะเป็นรึเปล่านะ
..................................
ข้อมูลรีวิว/สรุปข้อคิดอื่นๆ จากหนังสือเล่มนี้
http://kongkiti.blogspot.com/2016/05/10.html
http://www.doctor-nash.com/tag/%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%B7%E0%B8%AD/
อ่านรีวิวอื่นๆ พร้อมคอมเมนต์จากเจ้ามะเหงก, ด้ายใจ,เปล่ง ได้ที่ #รีวิวขุมทรัพย์
https://reviewkumsub.wordpress.com