โปรดอ่านอีกครั้ง....พระดังวิพากษ์ พระธัมมชโย



        ยิ่งนานวันไปก็ยิ่งสะท้อนให้เห็นว่า “ธัมมชโย” หรือที่หลายคนเรียกสั้นๆ ย่อๆ ว่า “ธัมมี่” แต่บรรดาลูกศิษย์ลูกหาปรารถนาให้ใช้คำนำหน้านามว่า “พระ” หรือ “หลวงพ่อ” ก็สำแดงให้เห็นว่า เป็นคนเยี่ยงไร และมีเป้าประสงค์อะไรถึงยังไม่ยอมมอบตัวเพื่อรับทราบข้อกล่าวหา “ฟอกเงิน” และ “รับของโจร” ในคดีทุจริตสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น
       
       ประการแรก-เจ้าคุณธัมมชโยมีตรรกะความคิดที่ผิดปกติและย้อนแย้งในตัวเอง กล่าวคือ ในขณะที่ตนเองไม่ยอมรับกระบวนการยุติธรรม และแสดงให้เห็นความเป็นผู้อยู่ “เหนือกฎหมาย” อย่างชัดเจน ด้วยการตั้งเงื่อนไขและเจรจาต่อรองในทุกรูปแบบ แต่กลับใช้กฎหมายไล่ล่าฟ้องปิดปากผู้ที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างเมามัน ไล่ตั้งแต่พระพุทธะอิสระแห่งวัดอ้อน้อย นพ.ดร.มโน เลาหวณิช อดีตศิษย์เก่าวัดพระธรรมกาย พระราชธรรมวิเทศน์ หรือพระพะยอม แห่งวัดสวนแก้ว ดร.สมเกียรติ อ่อนวิมล นายไพบูลย์ นิติตะวัน เป็นต้น
       
       ประการที่สอง -เจ้าคุณธัมมชโยมีเจตนาที่จะ “ยื้อเวลา” ในการเข้ามอบตัวชัดเจน โดยยื่นเงื่อนไขสารพัดต่อเจ้าพนักงาน ซึ่งก็คือกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) ทั้งการขอเปลี่ยนตัวพนักงานสอบสวน และการประกาศเจตจำนงออกมาอย่างชัดเจนว่า ถ้ามอบตัวแล้ว จะต้องได้รับการประกันตัวในทันที รวมถึงการเล่นแง่ในเรื่องของการตรวจ “อาการอาพาธ” ที่สังคมคลางแคลงใจ จากคณะแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากสถานพยาบาลหรือองค์กรที่ได้รับความเชื่อถือ กระทั่งสุดท้ายหางก็โผล่เมื่อยกเลิกการตรวจเอาเสียเฉยๆ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ก็ท้าเหยงๆ ให้ส่งทีมแพทย์เข้าไปตรวจถึงในวัดพระธรรมกาย
       
       ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ กรณีการนัดหมายกับ “แพทยสภา” ที่มีการเลื่อนและส่อเค้าว่าจะยกเลิกการตรวจทั้งหมด ดังที่ นพ.สมศักดิ์ โล่ห์เลขา นายกแพทยสภา ออกมาเปิดเผยเมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2559 ว่า คณะลูกศิษย์ของพระธัมมชโย ขอให้แพทยสภาเลื่อนการตรวจอาการอาพาธของพระธัมมชโยออกไปก่อน และคาดว่าน่าจะเป็นการยกเลิกการตรวจไปเลย เนื่องจากคณะลูกศิษย์เห็นว่าการตรวจอาการอาพาธนี้ไม่ได้เกิดประโยชน์ เพราะทางดีเอสไอได้ออกหมายจับ และตรวจไปก็ไม่ได้เกิดการเปลี่ยนแปลง
       
       ประการที่สาม-เจ้าคุณธัมมชโยเป็นผู้ที่มีอิทธิพลเหนือองค์กรปกครองสูงสุดของคณะสงฆ์อย่าง “มหาเถรสมาคม(มส.)” ซึ่งมี “สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์(ช่วง วรปุญฺโญ)” เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ นั่งเป็นประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จ พระสังฆราช เพราะนับจากที่เกิดเรื่องเกิดราวขึ้น มิได้มีปฏิกิริยาใดๆ ออกมาจาก มส.เลยแม้แต่น้อย ทั้งๆ ที่เป็นเรื่องที่กระทบต่อศรัทธาในพระพุทธศาสนาที่รุนแรงยิ่ง และเป็นภาระหน้าที่ที่ มส.จักต้องเข้ามาดูแลพระที่อยู่ภายใต้การปกครองของคนเอง(ดูกราฟิกประกอบข่าว)
       
       แม้งานนี้ พระเทพรัตนสุธี เจ้าอาวาสวัดเขียนเขต เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี จะออกหน้ารับเป็นผู้ประสานงาน รวมทั้งเข้าร่วมเจรจา 3 ฝ่าย(ดีเอสไอ เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานีและสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.) แต่ก็เห็นว่า ดำเนินไปในลักษณะช่วยเหลือและเอื้ออาทรพระใต้ปกครองผู้เปี่ยมล้นไปด้วยอำนาจเสียมากกว่า
       
       ประการที่สี่-เจ้าคุณธัมมชโยมั่นใจใน “กองกำลัง” ของตนเองเป็นอย่างมากว่า ด้วยแนวทางคำสอนที่ได้กล่อมเกลาลูกศิษย์ลูกหามาเป็นเวลานาน ทำให้เชื่อว่า กลุ่มบุคคลเหล่านั้นจะเป็น “โล่มนุษย์” ที่สามารถปกป้องให้พ้นจากวิบากกรรมครั้งนี้ได้ ดังจะเห็นได้จากการระดมผู้คนเข้าไปรวมตัวกันอยู่ในวัดเป็นจำนวนมากอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการสร้างป้อมค่ายประตูเมืองเพื่อปกป้องต้นธาตุต้นธรรมของตัวเอง
       
       เหล่านี้คือความจริง 4 ประการที่เกิดขึ้นจากพฤติกรรมของเจ้าคุณธัมมชโยนับแต่ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) ออกหมายเรียกให้มารับทราบข้อกล่าวหา กระทั่งกลายมาเป็นหมายจับ ซึ่งก็ยังไม่มีใครรู้ว่า จะจบลงอย่างไร
       
       กระนั้นก็ดี ในระหว่างที่สถานการณ์ยังคงยืดเยื้อและรอกำหนดวันนัดหมายเจรจา 3 ฝ่าย ซึ่งถูกกำหนดขึ้นในวันที่ 14 มิถุนายน 2559 อีกครั้ง และในระหว่างที่องค์กรปกครองสูงสุดของคณะสงฆ์ไทยได้ตัดสินใจยืนเคียงข้างเจ้าคุณธัมมชโย “ผู้จัดการสุดสัปดาห์” ขอนำข้อมูลและข้อวิพากษ์ของ “พระดังที่คนไทยให้ความเคารพนับถือ” ซึ่งได้จำแนกแจกแจงถึง “ความผิดปกติ” ของ “วัดพระธรรมกาย” เอาไว้ในหลากหลายแง่มุม

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่