สวัสดีค่ะ เราอายุ 22 ปีแล้ว เป็นทอมที่มีแฟนเป็นผู้หญิง คบกันมาเกือบสองปี แรกๆที่คบกันก็อยู่คนละที่ แฟนอยู่ที่หอ เราสองคนเรียนสาขาเดียวกันแต่คนละห้อง แล้ววันนึงมีเหตุให้แฟนได้ย้ายมาอยู่ที่บ้านกับเรา ซึ่งปกติเราอยู่บ้านกับแม่สองคน แม่เราเป็นคนที่ไม่ชอบเพศเดียวกันและคบกันสักเท่าไหร่ แต่แกก็ไม่ห้าม เพียงแต่มีบ้างที่แอบจิกแฟนเรา เมื่อวันแม่ปีที่แล้วแฟนเราไม่ได้กลับบ้านไปไหว้แม่ แฟนจึงไหว้แม่เราแทน กราบแม่เราจนแม่เราร้องไห้ แฟนเราทำทุกอย่างให้แม่เรายอมรับ แต่เหมือนจะไม่มีอะไรดี เราเองเวลาอยู่กับแม่ก็ไม่ค่อยคุยกันมาก ยิ่งพอมีแฟนเรามาอยู่ยิ่งไม่คุย มีแต่แฟนเราพยามคุยกับแม่เราแทน (เป็นเรื่องปกติที่เราไม่คุยกับแม่ มีถามไถ่กันปกติ) แม่ชอบพูดเหน็บเราเหลือเกิน เคยพูดต่างๆนาๆว่าผู้หญิงก็เหมือนกันหมด สักวันเขาต้องไปมีครอบครัว แต่เรากับแฟนคุยกันแล้วเราสองคนไม่ต้องการมีลูกเหมือนกัน แต่เราก็ทำใจไว้หมดแล้วว่าคบกับเพศไหนก็ย่อมมีความไม่แน่นอน เราสองคนเลยพยามเข้าใจกันรักกันไปเรื่อยๆดูแลซึ่งกันและกัน ด้านแม่เราเองก็ไม่ได้เรียกร้องอยากได้หลาน แต่ไม่อยากให้เรากับแฟนคบกันแบบคนรัก หลายสิ่งหลายอย่างเวลาเราอยู่บ้านแม่ชอบพูดให้คิดทุกที ทุกวันเรากับแฟนจะออกจากบ้านไปสวนสาธารณะเพื่อผ่อนคลาย ไปห้างบ้าง เพราะเวลาชวนแม่ไปไหน แม่ไม่อยากไปสักที่ อยู่แต่ที่บ้าน ไม่รู้ว่าแม่จะรู้ไหมว่าเราจะเป็นโรคเครียดตายแล้ว เพราะอยู่บ้านมันเครียดที่ได้เจอแม่ประจำ ถ้าแม่เข้าใจทุกอย่างคงดีกว่านี้.. ตอนนี้เราสองคนมาฝึกงาน ฝึกเสร็จก็ไปอยู่กับแม่ตามเดิม แต่ไม่รู้ว่าทุกอย่างจะดีขึ้นไหม >>เรากับแฟนคุยกันประจำ แฟนมักจะเป็นคนอยู่ข้างๆเวลาเราพ่ายแพ้ท้อแท้กับสิ่งต่างๆ แต่แม่เราไม่ค่อยสนตรงนี้สักเท่าไหร่ทำให้เราอึดอัดมาก มันผิดมันบาปไหมถ้าวันนึงเรามีงานทำ แล้วออกมาอยู่กับแฟน แต่ไม่คิดจะทิ้งแม่เพราะแม่มีเราคนเดียว แต่เราไม่รู้จะทำยังไงเพราะใจก็หม่นหมองกับคำพูดแม่ด้วย
ผิดไหม?หากอยู่กับแฟนแล้วสบายใจกว่าอยู่กับแม่