ตกลงว่าผมคงต้องขอบคุณเสี่ยเกี๊ยกสินะ

สืบเนื่องจากกระทู้นี้ ที่มีเพื่อนสมาชิกท่านหนึ่งมาตั้งกระทู้ว่าด้วยการคุยโทรศัพท์เรื่องเกี่ยวกับอะไรนูนๆแล้วมีความผิด

http://pantip.com/topic/35417868

ซึ่งผมขอสารภาพตามตรงนะ  ถึงแม้ผมจะมีตัวเลือกเป็นกาแฟยี่ห้อดัง (ในขณะนี้ ) อยู่ในใจแล้วก็ตาม   แต่ผมก็ไม่ค่อยจะเชื่อเรื่องที่เล่ามาในกระทู้นั้นสักเท่าไหร่  คือมันฟังดูตลกมากเลยอะ แบบว่า เฮ้ย มันจะเป็นเรื่องจริงไปได้เหรอเนี่ย แค่คุยโทรศัพท์กับเพื่อนก็โดน ( ใครก็ไม่รู้ ) ที่ จขกท นั้นบอกว่าแต่งกายลายพราง ( อันนี้ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่า ทำไมต้องแต่งชุดพรางมาเดินในห้าง คือมุงจะพรางเพื่อ...? )   เข้ามาต่อว่า ประมาณว่าพูดแบบนี้ไม่ได้  บลาๆๆ  

ก็อ่านขำๆนะครับ เพราะในเนต ใครก็แต่งนิยายได้ ผมก็แต่งออกบ่อย แบบมิตติ้งสลิ่มไรงี้   แต่กระทู้ผมถ้าเป็นนิยายก็บอกว่านิยายไง คนอ่านก็เข้าใจว่าเป็นแค่นิยายขำๆ  ไม่ใช่เอานิยายมาแต่งแล้วบอกว่าเป็นเรื่องจริง ประเภทกินเหล้าไปเขียนกระทู้ไป อ้างว่าโพ๊มมีเพื่อนเป็นเสื้อแดง โพ๊มพาลูกทัวร์ไปที่โน่นที่นี่ ลูกทัวร์ผมอ้างเสียงส่วนใหญ่ บลาๆๆ ดัดจริตจีบปากจีบคอน้ำลายแตกฟองโม้ไปเรื่อยเปื่อย   (แบบนั้นแถวบ้านผมเรียกเฒ่าเลี้ยงแกะ )

กระทู้นั้นคงจะผ่านสายตาผมและคนหลายๆคนไปแบบไม่มีสาระใดๆ  หากโลกใบนี้ไม่มีคนว่างจัดแบบเสี่ยเกี๊ยกที่พร้อมจะขับรถไปหาคนแปลกหน้าได้ทั่วราชอาณาจักร เพียงแค่ได้ไป "แรกพบสบตาได้เจอหน้าเธอ...."   แล้วขับรถกลับ  โอวว์....ช่างน่าอิจฉาชีวิตที่อิสระและไร้สาระแบบนี้จริงๆ

http://pantip.com/topic/35420153

แต่ก็เป็นเพราะความเพี๊ยน เอ๊ย ไม่ใช่ ความบ้าบิ่นมุทะลุแบบไร้สาระของเกี๊ยกนี่แหละ ที่ทำให้เรื่องราวที่ จขกท นั้นเขียนขึ้น มีน้ำหนักและความน่าเชื่อถือขึ้นมาทันที เพราะถ้าแต่งเรื่องเล่นๆ ขำๆ คงไม่บ้ามาเสียเวลามานัดเจอกับเสี่ยเกี๊ยกแน่ๆ  แต่เป็นเพราะเขามีความจริงใจ และไม่มีเจตนาแฝงเร้นใดๆในการตั้งกระทู้ คือมีความบริสุทธิใจนั่นเอง ทำให้เขากล้าให้มาพิสูจน์ความมีตัวตน  และเกี๊ยกก็ได้ไปพิสูจน์แล้ว

ตรงนี้เองที่ผมต้องยกเครดิตให้เสี่ยเกี๊ยก ที่ไปพิสูจน์ความจริง และทำให้ผมต้องตั้งกระทู้นี้ขึ้นมาเพื่อสะท้อนอะไรๆหลายอย่าง

- ความจริงข้อแรก ก็คือ ไอ้ที่พยายามไปยัดเยียดคนอื่นว่าเป็นขบวนการจัดตั้งบ้างหละ ขบวนการดิสเครดิตบ้างหละ เป็นสิ่งที่กล่าวหาอย่างเลื่อนลอยทั้งสิ้น ยังมีคนอีกเยอะที่เขาพูดหรือแสดงออกตามความคิดของตัวเอง ไม่จำเป็นต้องให้ใครมาสั่งหรือชี้นำให้ทำ

- ความจริงข้อสอง มีการข่มขู่จาก จุด จุด จุด จริง แม้แค่การคุยในโทรศัพท์ส่วนตัว  ลองคิดในมุมกลับกัน ถ้า จขกท นั้น พูดโทรศัพท์ประมาณว่า รับๆไปก่อนเถอะ ไอ้เว้าๆนูนๆอะไรนั่น  ผมว่าลายพรางคนนั้นคงเข้าไปยกนิ้วให้พร้อมกับบอกว่า " ดีมากเลย คุณพูดดีมากครับ คุณเป็นพลเมืองดีจริงๆ"

- ความจริงข้อที่สาม  มันทำให้ผมรู้ว่า จขกท นั้นที่บอกว่าไม่สนใจการเมือง เป็นวัยรุ่นชอบเล่นเกมส์ แต่กลับมีความคิดที่ฉลาดและมีวิจารณญาณพอที่จะวิเคราะห์ได้ถึงความผิดปรกติอะไรหลายๆอย่างเกี่ยวกับเรื่องนูนๆ  ตรงนี้ไม่ต้องไปเจาะลึกลงไปในรายละเอียด แค่ใช้สามัญสำนึกตื้นๆก็คงคิดได้ว่าควรจะตัดสินใจยังไง  ซึ่งผมเชื่อว่ายังมีคนแบบ จขกท นั้นอีกเยอะ ที่คิดและวิเคราะห์ได้

มันทำให้ผมอดนึกไปถึงบทสนทนาที่ผมได้ยินแม่ลูกข้างบ้านผมคุยกันไม่ได้   ( อันนี้สาบานว่าเป็นเรื่องจริงล้านเปอร์เซนต์ )   คือปรกติผมกับเพื่อนบ้านไม่เคยคุยกันเรื่องการเมือง เจอหน้าก็แค่ยิ้มทักทาย  แต่บังเอิญวันนั้นผมไปนั่งอยู่หน้าบ้านจัดสวนกับบ่อปลาเล็กๆเลยได้ยินแม่ลูกเค้าคุยกันเรื่องนูนๆ ( บ้านเป็นทาวเฮาส์ครับ รั้วติดกัน )

ลูกชายเค้าดูเป็นหนุ่มวัยรุ่นที่ไม่น่าจะสนใจเรื่องการเมืองสักเท่าไหร่  เค้าบอกกับแม่เค้าอย่างนี้ ซึ่งผมฟังแล้วอึ้งมาก

" แม่คิดดูนะ เค้าไม่รู้หรอกว่าเนื้อหาข้างในมันจะดีจะร้าย จะถูกจะผิดอะไรยังไง  รู้แค่ว่าถ้ารับไปแล้วมันไม่สามารถจะไปแก้ไขอะไรได้เลย ห้าสิบปีร้อยปีเราก็ต้องอยู่ไปกับมันแบบนั้น ถ้าทุกอย่างมันดีก็แล้วไป แต่ถ้ามันห่วยหละ ?"

ผมนั่งจัดบ่อปลาไป ก็แอบยิ้มที่มุมปากไป

ไม่ว่าจะดีร้าย  ประชาธิปไตยยังคงสวยงามเสมอ

นานเท่าไหร่ เราก็จะรอ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 2
หากรัฐธรรมนูญหากมีปัญหาในการนำมาใช้จริงและซ่อนอะไรต่างๆไว้มากมายภายในนั้นภายใต้เปลือกนอกที่ตีตราไว้ว่าประชาธิปไตย รัฐบาลที่มาจากเสียงของประชาชนถูกจับเชือดเมื่อไหร่ก็ได้ จึงไม่เป็นผลดีแน่นอน อยากจะเปรียบเทียบให้เห็นภาพเช่นทองชุบเป็นต้น แม้ภายนอกจะดูสวยงามแต่ข้างในไม่ใช่ทอง ใส่แป๊บเดียวมันก็ลอก จะนำไปขายร้านทองก็ไม่รับซื้อ หากเปรียบเทียบกับทองจริงแม้จะไม่สวยสดแต่เอาไปชั่งขายก็ได้ราคาเท่ากับทองใหม่หรือน้อยกว่ากันไม่มาก ประชาธิปไตยแบบทองชุบไม่สามารถลวงตาเหล่านานาชาติได้นานนัก และไม่สามารถให้กลุ่มประเทศประชาธิปไตยด้วยกันยอมรับด้วยความสนิทใจ อย่าลืมคำว่าประชาธิปไตยฯต้องเป็นประชาธิปไตยฯ อย่าได้เป็นเพียงชื่อซึ่งการนำมาใช้จริงกลับสวนทางกับชื่อมันไม่เกิดประโยชน์ต่อทั้งภาพลักษณ์ สังคม เศรษฐกิจ และการยอมรับจากนานาชาติ

วันนี้เรามีโอกาสแก้ไขข้อบกพร่องและรัฐธรรมนูญที่เคยสร้างปัญหาให้กับการเมืองไทย ผมจึงอยากที่จะได้รัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตยจริงและยั่งยืนจริงๆให้สมกับเวลาที่เสียไป ประเทศหยุดนิ่งมาเป็นเวลาหนึ่งแล้ว หากเราไม่ได้อะไรเลยก็ไม่ต่างอะไรไปจากเอาเวลาเอางบประมาณของประเทศชาติไปทิ้งเหวโดยเปล่าประโยชน์  สำหรับคนที่เห็นด้วยกับการรัฐประหารที่ผ่านมาความรู้สึกอาจไม่เท่าไหร่ แต่สำหรับคนที่ไม่เห็นด้วยกับการรัฐประหารแล้วยอมอดทนรอเพื่อที่จะมีวันนี้ วันที่จะได้มีประชาธิปไตยฯที่ยั่งยืนจริงๆไม่ใช่ประชาธิปไตยแบบทองชุบที่ถูกตีตราหลอกว่าเป็นทองแท้ผ่านเสียงประชามติ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่