หากพูดถึงดาราฮอลีวูดที่มีชื่อเสียงและเป็นที่ชื่นชอบของผู้คนทั่วโลก พวกเราส่วนหนึ่งก็ต้องนึกถึงวิล สมิธอย่างแน่นอน ซึ่งเขาเป็นนักแสดงที่เล่นได้เกือบทุกบทบาท และภาพยนตร์แต่ละเรื่องส่วนใหญ่ก็เป็นหนังที่ได้รับการยอมรับและทำเงินได้เป็นจำนวนมาก ลองมาดูหนัง 10 อันดับกันดีกว่าว่ามีอะไรบ้าง
10.Bad Boy (เล่นในปี 1995)
หนัง Bad Boy ถือเป็นหนังแอ็คชั่นโดยทั่วไป และคอหนังแอ็คชั่นหลายคนจะต้องรู้จักหนังเรื่องนี้เป็นอย่างดี แม้ว่าจะเป็นบทหนังแอ็คชั่นทั่วๆไป แต่วิล สมิลก็ได้แสดงออกมาได้ดีเยี่ยม และยังเป็นภาพยนตร์ที่ประสบความสำเร็จโดยมีการสร้างภาค 2 อีกเมื่อปี 2003
9.Hitch (เล่นในปี 2005)
เรื่องนี้ถือเป็นแนวโรแมนติคตลกตามแนวคิดคอนเซ็ปของวงการฮอลลี้วูด ซึ่งทางวิล สมิธก็เข้ามารับบทนี้ โดยเขาจะต้องคอยเป็นโค้ชช่วยในการออกเดทกับผู้หญิงในความฝันของผู้ชายแต่ละคน แต่เรื่องนี้ก็จะเน้นไปในเรื่องราวระหว่าง 2 คนเป็นหลัก แต่ทางด้านวิล สมิธกลับหลงรักผู้หญิงในฝันเสียเอง สามารถติดตามชมได้ในหนังนะครับ
8.Men In Black (เล่นในปี 1997)
วิล สมิธกับทอมมี่ ลี โจนส์ได้ร่วมงานกัน ซึ่งพวกเขาได้รับบทเป็นเจ้าหน้าที่พิเศษปกป้องโลกจากการโจมตีของเหล่าเอเลี่ยนที่เข้ามาแทรกซึม ซึ่งภาพยนตร์นี้ก็เอามาจากหนังสือการ์ตูน แต่ปรากฏว่าหนังเรื่องนี้ประสบความสำเร็จกว่าหนังสือการ์ตูนเสียอีก ทำให้เกิดหนังเรื่องนี้ออกมาอีก 2 เรื่องในปี 2002 และก็ปี 2012
7. I,Robot (เล่นในปี 2005)
หลังจากที่เล่นหนังออกมาหลายเรื่องในเวลานั้น วิลก็พร้อมที่จะกลับมาแสดงในบทบาทใหม่บ้าง เรื่อง I,Robot ที่เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่หากใครเป็นแฟนวิล สมิธแล้วจะต้องดูอย่างแน่นอน เรื่องนี้ก็นับว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูงและได้รับการยอมรับไปทั่วโลก
6.Enemy Of The State (เล่นในปี 1998)
หนังเรื่องนี้เป็นบทที่อยู่ในช่วงปี 1974 ซึ่งทางวิล สมิธก็ได้รับบทเป็นคนที่ใสซื่อที่ได้ครอบครองวีดีโอเทปอันหนึ่งและทำให้เขาถูกเป็นเป้าหมายจากทาง NSA ซึ่งเรื่องนี้วิล สมิธก็ได้แสดงออกมาเข้าถึงอารมณ์ของผู้คนได้เป็นอย่างดี ทั้งยังเป็นเรื่องที่ระทึกน่าจับตาดู
5.Independence Day (เล่นในปี 1996)
คราวนี้วิล สมิธจะต้องเจอกับเอเลี่ยนที่มีเทคโนโลยีที่ล้ำเหนือกว่ามนุษย์บ้าง ซึ่งวิลจะต้องรับบทเป็นเจ้าหน้าที่หน่วยการบิน ที่เขาถือเป็นความหวังที่จะปกป้องโลกใบนี้ได้ และหยุดยั้งแผนการร้ายของเหล่าเอเลี่ยน ซึ่งแน่นอนว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องแรกๆที่ได้รับการยอมรับในแนวแอ็คชั่นผสมกับไซไฟเกี่ยวกับมนุษย์ต่างดาวบุกโลก
4.I Am Legend (เล่นในปี 2007)
เป็นภาพยนตร์ที่สร้างมาจากนวนิยายสยองขวัญและวิล สมิธก็จะต้องเข้ามารับบทเป็นผู้รอดชีวิตที่จะต้องเอาตัวรอดโดยลำพัง และก็ได้รับการยอมรับว่าวิลเป็นนักแสดงที่เหมาะสมต่อการรับบทนี้และก็เป็นที่ยอมรับกันทั่วโลก
3. Six Degree Of Separation (เล่นในปี 1993)
เป็นผลงานในช่วงเริ่มเข้าวงการใหม่ๆของวิล สมิธ ซึ่งได้รับบทเป็นศิลปินหนุ่มที่จะต้องปกป้องงานซุปเปอร์ฮีโร่เอาไว้อยู่ตลอดเวลาให้อยู่ห่างจากผู้ไม่หวังดี ซึ่งเรื่องนี้ถือเป็นบทแอ็คชั่นที่ทุกคนเริ่มรู้จักในตัวเขามากขึ้น
2.Ali (เล่นในปี 2001)
ถือว่าเป็นงานหนักสำหรับวิล สมิธที่จะต้องเข้ามารับบทหนักในการเป็นมูฮัมหมัด อาลี นักมวยในตำนาน ซึ่งถือเป็นงานที่ท้าทายที่สุดอย่างนึงของเขาเลยทีเดียว แต่เสียงตอบรับก็เป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจที่กระแสตอบรับเป็นไปในทางด้านบวก โดยเสียงวิจารณ์ได้กล่าวถึงบทบาทที่ค่อนข้างเกือบเหมือนจริงของเขา
1.The Pursuit Of Happyness (เล่นในปี 2006)
เป็นภาพยนตร์ที่สร้างจากเรื่องจริง ซึ่งทางวิล สมิธก็ได้รับบทเป็นคุณพ่อผู้ไร้บ้านและก็ต้องเลี้ยงลูกชายไปพร้อมๆกัน ซึ่งเรื่องนี้นับว่าเป็นบทดราม่าที่เขาจะต้องแสดงออกมาให้เต็มที่ และเรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่ให้แรงบันดาลใจต่อผู้คนทั่วโลก โดยเฉพาะหากใครชอบแนวนี้แล้ว ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง
ผู้เขียน Mr.lawrence10
(เรื่องน่ารู้) 10 อันดับภาพยนตร์ที่มีชื่อเสียงของวิล สมิธ
หนัง Bad Boy ถือเป็นหนังแอ็คชั่นโดยทั่วไป และคอหนังแอ็คชั่นหลายคนจะต้องรู้จักหนังเรื่องนี้เป็นอย่างดี แม้ว่าจะเป็นบทหนังแอ็คชั่นทั่วๆไป แต่วิล สมิลก็ได้แสดงออกมาได้ดีเยี่ยม และยังเป็นภาพยนตร์ที่ประสบความสำเร็จโดยมีการสร้างภาค 2 อีกเมื่อปี 2003
9.Hitch (เล่นในปี 2005)
เรื่องนี้ถือเป็นแนวโรแมนติคตลกตามแนวคิดคอนเซ็ปของวงการฮอลลี้วูด ซึ่งทางวิล สมิธก็เข้ามารับบทนี้ โดยเขาจะต้องคอยเป็นโค้ชช่วยในการออกเดทกับผู้หญิงในความฝันของผู้ชายแต่ละคน แต่เรื่องนี้ก็จะเน้นไปในเรื่องราวระหว่าง 2 คนเป็นหลัก แต่ทางด้านวิล สมิธกลับหลงรักผู้หญิงในฝันเสียเอง สามารถติดตามชมได้ในหนังนะครับ
8.Men In Black (เล่นในปี 1997)
วิล สมิธกับทอมมี่ ลี โจนส์ได้ร่วมงานกัน ซึ่งพวกเขาได้รับบทเป็นเจ้าหน้าที่พิเศษปกป้องโลกจากการโจมตีของเหล่าเอเลี่ยนที่เข้ามาแทรกซึม ซึ่งภาพยนตร์นี้ก็เอามาจากหนังสือการ์ตูน แต่ปรากฏว่าหนังเรื่องนี้ประสบความสำเร็จกว่าหนังสือการ์ตูนเสียอีก ทำให้เกิดหนังเรื่องนี้ออกมาอีก 2 เรื่องในปี 2002 และก็ปี 2012
7. I,Robot (เล่นในปี 2005)
หลังจากที่เล่นหนังออกมาหลายเรื่องในเวลานั้น วิลก็พร้อมที่จะกลับมาแสดงในบทบาทใหม่บ้าง เรื่อง I,Robot ที่เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่หากใครเป็นแฟนวิล สมิธแล้วจะต้องดูอย่างแน่นอน เรื่องนี้ก็นับว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูงและได้รับการยอมรับไปทั่วโลก
6.Enemy Of The State (เล่นในปี 1998)
หนังเรื่องนี้เป็นบทที่อยู่ในช่วงปี 1974 ซึ่งทางวิล สมิธก็ได้รับบทเป็นคนที่ใสซื่อที่ได้ครอบครองวีดีโอเทปอันหนึ่งและทำให้เขาถูกเป็นเป้าหมายจากทาง NSA ซึ่งเรื่องนี้วิล สมิธก็ได้แสดงออกมาเข้าถึงอารมณ์ของผู้คนได้เป็นอย่างดี ทั้งยังเป็นเรื่องที่ระทึกน่าจับตาดู
5.Independence Day (เล่นในปี 1996)
คราวนี้วิล สมิธจะต้องเจอกับเอเลี่ยนที่มีเทคโนโลยีที่ล้ำเหนือกว่ามนุษย์บ้าง ซึ่งวิลจะต้องรับบทเป็นเจ้าหน้าที่หน่วยการบิน ที่เขาถือเป็นความหวังที่จะปกป้องโลกใบนี้ได้ และหยุดยั้งแผนการร้ายของเหล่าเอเลี่ยน ซึ่งแน่นอนว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องแรกๆที่ได้รับการยอมรับในแนวแอ็คชั่นผสมกับไซไฟเกี่ยวกับมนุษย์ต่างดาวบุกโลก
4.I Am Legend (เล่นในปี 2007)
เป็นภาพยนตร์ที่สร้างมาจากนวนิยายสยองขวัญและวิล สมิธก็จะต้องเข้ามารับบทเป็นผู้รอดชีวิตที่จะต้องเอาตัวรอดโดยลำพัง และก็ได้รับการยอมรับว่าวิลเป็นนักแสดงที่เหมาะสมต่อการรับบทนี้และก็เป็นที่ยอมรับกันทั่วโลก
3. Six Degree Of Separation (เล่นในปี 1993)
เป็นผลงานในช่วงเริ่มเข้าวงการใหม่ๆของวิล สมิธ ซึ่งได้รับบทเป็นศิลปินหนุ่มที่จะต้องปกป้องงานซุปเปอร์ฮีโร่เอาไว้อยู่ตลอดเวลาให้อยู่ห่างจากผู้ไม่หวังดี ซึ่งเรื่องนี้ถือเป็นบทแอ็คชั่นที่ทุกคนเริ่มรู้จักในตัวเขามากขึ้น
2.Ali (เล่นในปี 2001)
ถือว่าเป็นงานหนักสำหรับวิล สมิธที่จะต้องเข้ามารับบทหนักในการเป็นมูฮัมหมัด อาลี นักมวยในตำนาน ซึ่งถือเป็นงานที่ท้าทายที่สุดอย่างนึงของเขาเลยทีเดียว แต่เสียงตอบรับก็เป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจที่กระแสตอบรับเป็นไปในทางด้านบวก โดยเสียงวิจารณ์ได้กล่าวถึงบทบาทที่ค่อนข้างเกือบเหมือนจริงของเขา
1.The Pursuit Of Happyness (เล่นในปี 2006)
เป็นภาพยนตร์ที่สร้างจากเรื่องจริง ซึ่งทางวิล สมิธก็ได้รับบทเป็นคุณพ่อผู้ไร้บ้านและก็ต้องเลี้ยงลูกชายไปพร้อมๆกัน ซึ่งเรื่องนี้นับว่าเป็นบทดราม่าที่เขาจะต้องแสดงออกมาให้เต็มที่ และเรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่ให้แรงบันดาลใจต่อผู้คนทั่วโลก โดยเฉพาะหากใครชอบแนวนี้แล้ว ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง
ผู้เขียน Mr.lawrence10