เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับพ่อแม่เราเองค่ะ
เมื่อวันศุกร์ 22 ที่ผ่านมา พ่อแม่เราเดินทางกลับบ้านที่ใต้หลังจากขับรถขึ้นมาหาเราที่กทม. บ่ายๆเย็นๆท่านทั้งสองตัดสินใจเลี้ยวเข้าจ.ระนองเพื่อพักรถและพักคน วันนั้นพ่อเราไม่ค่อยสบายด้วยเลยหาคิดอยากจะแช่บ่อน้ำร้อน ก็เลยเลือกที่จะเข้าพักโรงแรมแห่งหนึ่งที่มีชื่อเสียงพอสมควรในตัวเมืองระนองค่ะ
ชื่อโรงแรมขึ้นต้นด้วยตัว T เป็นโรงแรมที่ได้สัมปทานน้ำแร่ร้อน สูบมาใช้ที่โรงแรม จากที่บ่อน้ำร้อนธรรมชาติ โรงแรมนี้ก็ไปเทคโอเวอร์ บางส่วนทำเป็นสระน้ำ กั้นเก็บเงินค่าบริการ ในส่วนของจังหวัดระนองบริการฟรี
ช่วงเข้าพักก็ไม่มีอะไรค่ะ มาเกิดเหตุตอนที่จะลงไปแช่บ่อน้ำร้อนกัน แม่ไลน์มาเล่าให้ฟังว่า...(ต่อไปนี้จะก็อปข้อความมาจากไลน์ที่แม่ส่งมาเลยนะคะ)
"แม่เปลี่ยนในห้องพักเก็บของในห้องพัก แต่ลุงแก(พ่อเราเอง)ลีลามากเลยหิ้วสมบัติมาด้วย มาถอดสร้อย นาฬิกา เก็บกระเป๋าตังค์ กุญแจรถในกระเป๋า ไม่เอาไว้ในห้องพัก แถมกุญแจล้อคเกอร์นั้นต้องแลกกับกุญแจห้องพัก"
"เวลาจะลงสระแช่น้ำแร่ จะมีห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าและมีล้อคเกอร์ เป็นห้องแยกชาย/หญิง"
"ฝากไว้ในล้อคเกอร์ ตัวยังไม่ทันพ้นประตูหัอง เปลี่ยนใจว่าจะเอาไปเก็บในห้องพักเพราะดูแล้วล้อคเกอร์ไม่ค่อยแข็งแรง เหมือนไม่สมบูรณ์ กลับเข้าไปเปิดล้อคเกอร์กระเป๋าหายซะแล้ว วิ่งไปแจ้งพนักงานและเปิดช่องข้างๆ ปรากฏว่ากระเป๋าย้ายที่มาอยู่ล้อคเกอร์ข้างๆที่กุญแจเสีย ล้อคไม่ได้ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นภายในสองนาที เกือบไปแล้ว และขอพบผู้จัดการเล่าเรื่องให้ฟัง ผู้จัดการว่ายังไม่มีใครรายงาน แต่ตอนที่พนักงานเข้ามาช่วยค้นหา เค้าบอกว่าได้รายงานผู้จัดการทราบทันทีแล้ว ขอให้เราไม่ต้องกังวล แต่ก็สังเกตุแล้วว่ามีพนักงานเดินตามเข้าไปในห้องล้อคเกอร์ผู้ชาย"
"ได้กุญแจหมายเลข 48 และตรวจดูตู้ข้างๆคือ 49 และ 47 แล้ว ปรากฏว่า 49 กุญแจหลุดใช้ไม่ได้ แต่กระเป๋าย้ายจาก 48 มาอยู่ 49"
"สังเกตตอนแจ้งจนท. มองหน้ากันสามคน คนนึงรีบวิ่งมากับเรา"
"ผจก.รับฟังด้วยอาการตกใจ แต่เป็นผจกแผนกฟิตเนสนะ ผจก.ใหญ่ประชุมอยู่ ผจก.ฟิตเนสออกจากที่ประชุมมาเพราะพนักงานเคาน์เตอร์โทรตาม อันนี้แจ้งตอนเช้าแล้ว"
สุดท้ายทางโรงแรมก็ขอโทษพ่อแม่เราและจะปรับปรุงล้อคเกอร์และระบบรักษาความปลอดภัย
ถือว่าโชคดีของพ่อแม่เราค่ะที่กระเป๋าไม่หาย ทรัพย์สินยังอยู่ และความจริงพ่อเราควรเก็บของไว้ในห้องพักมากกว่ามาเก็บไว้ที่ล้อคเกอร์ด้วย
เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นภายในเวลาไม่เกิน 5 นาที ถ้าแม่เราคิดช้ากว่านี้...คงได้กลับบ้านกันมือเปล่าแน่นอนค่ะ
ฝากไว้เตือนภัยพี่ๆน้องๆชาวพันทิพด้วยนะคะ ไม่ใช่เฉพาะโรงแรมนี้...แต่กับทุกโรงแรม อะไรก็เกิดขึ้นได้ค่ะ ไม่น่าไว้ใจเลยจริงๆ
ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านและคอมเมนต์นะคะ
ปล.ที่เล่ามาทั้งหมดเป็นความจริงทุกประการ และเราไม่มีเจตนาที่จะดิสเครดิตโรงแรม เพียงแค่อยากมาแชร์ประสบการณ์ให้ทุกคนได้ระวังตัวเท่านั้นเองค่ะ
ปล.1 แก้ไขข้อมูลเพิ่มเติมเรื่องหมายเลขตู้ล้อคเกอร์ค่ะ
เตือนภัย!! เกือบเสียทรัพย์เมื่อไปพักโรงแรมแช่บ่อน้ำร้อน จ.ระนอง
เมื่อวันศุกร์ 22 ที่ผ่านมา พ่อแม่เราเดินทางกลับบ้านที่ใต้หลังจากขับรถขึ้นมาหาเราที่กทม. บ่ายๆเย็นๆท่านทั้งสองตัดสินใจเลี้ยวเข้าจ.ระนองเพื่อพักรถและพักคน วันนั้นพ่อเราไม่ค่อยสบายด้วยเลยหาคิดอยากจะแช่บ่อน้ำร้อน ก็เลยเลือกที่จะเข้าพักโรงแรมแห่งหนึ่งที่มีชื่อเสียงพอสมควรในตัวเมืองระนองค่ะ ชื่อโรงแรมขึ้นต้นด้วยตัว T เป็นโรงแรมที่ได้สัมปทานน้ำแร่ร้อน สูบมาใช้ที่โรงแรม จากที่บ่อน้ำร้อนธรรมชาติ โรงแรมนี้ก็ไปเทคโอเวอร์ บางส่วนทำเป็นสระน้ำ กั้นเก็บเงินค่าบริการ ในส่วนของจังหวัดระนองบริการฟรี
ช่วงเข้าพักก็ไม่มีอะไรค่ะ มาเกิดเหตุตอนที่จะลงไปแช่บ่อน้ำร้อนกัน แม่ไลน์มาเล่าให้ฟังว่า...(ต่อไปนี้จะก็อปข้อความมาจากไลน์ที่แม่ส่งมาเลยนะคะ)
"แม่เปลี่ยนในห้องพักเก็บของในห้องพัก แต่ลุงแก(พ่อเราเอง)ลีลามากเลยหิ้วสมบัติมาด้วย มาถอดสร้อย นาฬิกา เก็บกระเป๋าตังค์ กุญแจรถในกระเป๋า ไม่เอาไว้ในห้องพัก แถมกุญแจล้อคเกอร์นั้นต้องแลกกับกุญแจห้องพัก"
"เวลาจะลงสระแช่น้ำแร่ จะมีห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าและมีล้อคเกอร์ เป็นห้องแยกชาย/หญิง"
"ฝากไว้ในล้อคเกอร์ ตัวยังไม่ทันพ้นประตูหัอง เปลี่ยนใจว่าจะเอาไปเก็บในห้องพักเพราะดูแล้วล้อคเกอร์ไม่ค่อยแข็งแรง เหมือนไม่สมบูรณ์ กลับเข้าไปเปิดล้อคเกอร์กระเป๋าหายซะแล้ว วิ่งไปแจ้งพนักงานและเปิดช่องข้างๆ ปรากฏว่ากระเป๋าย้ายที่มาอยู่ล้อคเกอร์ข้างๆที่กุญแจเสีย ล้อคไม่ได้ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นภายในสองนาที เกือบไปแล้ว และขอพบผู้จัดการเล่าเรื่องให้ฟัง ผู้จัดการว่ายังไม่มีใครรายงาน แต่ตอนที่พนักงานเข้ามาช่วยค้นหา เค้าบอกว่าได้รายงานผู้จัดการทราบทันทีแล้ว ขอให้เราไม่ต้องกังวล แต่ก็สังเกตุแล้วว่ามีพนักงานเดินตามเข้าไปในห้องล้อคเกอร์ผู้ชาย"
"ได้กุญแจหมายเลข 48 และตรวจดูตู้ข้างๆคือ 49 และ 47 แล้ว ปรากฏว่า 49 กุญแจหลุดใช้ไม่ได้ แต่กระเป๋าย้ายจาก 48 มาอยู่ 49"
"สังเกตตอนแจ้งจนท. มองหน้ากันสามคน คนนึงรีบวิ่งมากับเรา"
"ผจก.รับฟังด้วยอาการตกใจ แต่เป็นผจกแผนกฟิตเนสนะ ผจก.ใหญ่ประชุมอยู่ ผจก.ฟิตเนสออกจากที่ประชุมมาเพราะพนักงานเคาน์เตอร์โทรตาม อันนี้แจ้งตอนเช้าแล้ว"
สุดท้ายทางโรงแรมก็ขอโทษพ่อแม่เราและจะปรับปรุงล้อคเกอร์และระบบรักษาความปลอดภัย
ถือว่าโชคดีของพ่อแม่เราค่ะที่กระเป๋าไม่หาย ทรัพย์สินยังอยู่ และความจริงพ่อเราควรเก็บของไว้ในห้องพักมากกว่ามาเก็บไว้ที่ล้อคเกอร์ด้วย
เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นภายในเวลาไม่เกิน 5 นาที ถ้าแม่เราคิดช้ากว่านี้...คงได้กลับบ้านกันมือเปล่าแน่นอนค่ะ
ฝากไว้เตือนภัยพี่ๆน้องๆชาวพันทิพด้วยนะคะ ไม่ใช่เฉพาะโรงแรมนี้...แต่กับทุกโรงแรม อะไรก็เกิดขึ้นได้ค่ะ ไม่น่าไว้ใจเลยจริงๆ
ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านและคอมเมนต์นะคะ
ปล.ที่เล่ามาทั้งหมดเป็นความจริงทุกประการ และเราไม่มีเจตนาที่จะดิสเครดิตโรงแรม เพียงแค่อยากมาแชร์ประสบการณ์ให้ทุกคนได้ระวังตัวเท่านั้นเองค่ะ
ปล.1 แก้ไขข้อมูลเพิ่มเติมเรื่องหมายเลขตู้ล้อคเกอร์ค่ะ