อย่าพึ่งขายดีถ้ายังไม่รู้ว่าจะต้องเจอกับอะไร...ในโลกออนไลน์
ถึงแม้มันจะทำรายได้ให้เกินร้อย (ล้าน) หากคุณยังไม่พร้อมรับมือกับมัน
————————
บอกเลยครับว่า...ความจริงไม่ได้อิงนิยายพวกที่ชอบบอกว่า “ทำงานไม่กี่ชั่วโมง” ก็สามารถสร้างรายได้จากธุรกิจออนไลน์ได้แล้ว บอกก่อนเลยว่า ผมไม่ได้หมายถึงธุรกิจเครือข่ายหรือ MLM นะครับ แต่เป็นโลกของพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ที่ชีวิตอยู่หลังอุปกรณ์ไฮเทคทั้งหลายที่ใช้เป็นเครื่องมือในหาเงิน
ซึ่งคำตอบคือใช่ครับเป็นเรื่องจริง!!! ที่จะต้องต้องบอกว่าใช้เวลาไม่มากจริงๆ แต่หลังจากธุรกิจนั้นออนไลน์อย่างเป็นระบบมาได้ระยะเวลา 2-3 ปีแล้ว ไม่ใช่แค่การเริ่มต้นขายของออนไลน์แล้วมาบอกว่าใช้เวลาว่าง หลังจากงานประจำมาทำธุรกิจ สร้างรายได้ ได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ
เอิ่มมม...เอาความจริงถ้าคุณไม่ได้ขายสินค้าชิ้นเดียวกำไรหลักแสนนี่ยากครับที่จะทำให้มันเป็นธุรกิจที่ยั่งยืนโดยคุณยังทำงานประจำกันอยู่ ผมได้ได้หมายความว่าจะต้องให้คุณลาออกจากงานประจำแล้วมาเริ่มต้นธุรกิจส่วนตัว ลุยกับมันอย่างเต็มที่เพื่อรายได้ที่มั่นคงโลกออนไลน์นะครับ คุณคิดผิดล่ะ เพราะว่ามันมีองค์ประกอบแห่งความสำเร็จบวกกับแรงใจที่ต้องทุ่มเทอีกมากมาย แถมพ่วงด้วยเงินทุนอีกหลายหมื่นบาทในการเริ่มต้น...ไม่ใช่การจับเสือมือเปล่าแล้วจะบอกว่า ร่ำรวยจากธุรกิจออนไลน์ ผิดตั้งแต่ที่คิดล่ะครับ
————————
มาดูกันว่าความจริงในธุรกิจนี้มีอะไรบ้าง
1. เริ่มแรกเลยอย่าไปเชื่อครับว่าใช้เวลาเพียงแค่ 2-3 ชม.ต่อวันในการโพสต์ขายของ เพราะ คุณภาพของการขายของจะได้มาจากคอนเทนต์และ Sale Page ที่ครีเอทเข้าถึงใจลูกค้า รวมถึงมีความน่าเชื่อถือไม่ให้ดูขายของจนเกินไป คร่าวๆแค่นี้ คุณคิดว่าจะผลิตคอนเทนต์ดีๆออกมาได้ด้วยเวลาแค่นี้เหรอครับ แล้วเดือนนึงคุณยังต้องวางแผนโพสต์วันล่ะกี่รอบ คิดแค่นี้ก็หมดเวลาไปครึ่งวันแล้ว
2. เงินลงทุนในการเริ่มต้นผลิต สั่ง ทดลอง เทสตลาด หรือการได้มาของสินค้าเผื่อทดลองขาย เรื่องพวกนี้คิดว่าเป็นเงินเท่าไหร่...หลักพันเหรอครับ ไม่ใช่ล่ะ อย่างดีๆก็ต้องหลักหมื่นขึ้นไปเพื่อให้ได้กำไรในการขายล็อตแรก
3. คิดว่าสินค้าจะขายดีได้อย่างไร...ถ้ายังขายล็อตแรกยังไม่หมด...และไอ้ล็อตแรกนี่ล่ะ กว่าจะหมดก็ใช้ทุกยุทธวิธีทุกรูปแบบในการขายไปหมดแล้ว
4. กว่าจะขายได้...มีคนเดินเข้ามาหาคุณแล้วบอกว่า ขอซื้อสินค้าหน่อยหรือป่าวครับ ไม่ใช่ล่ะรู้ไหมว่า เค้าใช้เงินในการลงโฆษณาเพื่อให้กลุ่มเป้าหมายเหล่านี้ตัดสินใจซื้อสินค้าเป็นจำนวนเงินเท่าไหร่ วันนึงนี่จ่ายหลายพันบาทนะครับ กว่าจะได้ลูกค้าไม่กี่ราย
5. คิดว่าลงโฆษณาขายของออนไลน์ในช่องทางต่างๆแล้วเห็นว่าขายดีเหรอครับ...เปล่าบางทีเราก็ขายเคลียร์สต๊อคสินค้า บางทีไม่ได้กำไร บางทีขายขาดทุน บางทีบวกลบคูณหารแล้ว ค่าโฆษณากินตังค์เราหมดแทบจะไม่เหลือกำไรเลย
6. พี่คะขายดีจังเลย....ทำอย่างไรเหรอ ตอบง่ายครับ เจอลูกค้ากวนตีน ไม่เข้าใจโลก ไม่อ่านรายละเอียด ไม่ได้คิดถึงพ่อค้าแม่ค้า เอาแต่ใจตัวเอง หรือ เจอลูกค้าคือพระเจ้าให้มากที่สุดครับน้อง...แล้วน้องจะขายดี ถ้าน้องยังรับมือกับพวกนี้ไม่ได้ ถ้าน้องไม่ยอมเป็นทาสของลูกค้าคือพระเจ้าแล้ว น้องทำงานประจำดีกว่าครับ เพราะคำถามแต่ล่ะคำถามที่เจอบางทีก็ทำให้เรา อึ้งไปหลายวันเลยทีเดียว ถ้าน้องอยากขายดีควรมีวิจารณญาณในการตอบ มีสติอยู่ตลอดเวลา น้องปรี๊ดแตกเมื่อไหร่ (โดนแคปเจอร์ประจานเมื่อนั้นนะครับ)
7. บางทีราคาขายสินค้า...ไม่ต้องบอกในรูปสินค้าก็ได้ เพราะ ลงราคาตัวเท่าบ้านไว้เท่าไหร่ เค้าก็ถามว่า เท่าไหร่ครับพี่อยู่ดี
8. ขายดีบางครั้งบางทีก็มาพร้อมกัน ณ ช่วงเวลาดีๆที่กำลังดูบอล ดูหนัง ฟังเพลง อาบน้ำ กินข้าว ผ่านไปสัก 1-2 นาที ไม่ยอมมาตอบสักที บอกว่าร้านนี้หยิ่งไม่ยอมตอบทันที...กรุนี่อยากจะบอกเมิงไปเลยสักที “ขรี้ ขรี้ ขรี้” อยู่มือมันไม่ว่างงง
9. การแพ็คของส่งสำหรับคนขายดี...ปัญหาที่ต้องรับรู้ระดับชาติ คือ ยิ่งของราคาถูกมากเท่าไหร่ ยิ่งแพ็คกันทั้งวันทั้งคืน สินค้าแพงเข้ามาหน่อยก็เสียเวลาพิถีพิถันในการแพ็คให้ดียิ่งขึ้นไปอีก บางครั้งถ้าทำคนเดียว จะไม่เข้าข่ายว่าคนขายดี เพราะคำว่าขายดี มันจะต้องจ้างพนักงานมือวางในการจัดสต๊อค ตรวจเช็คสินค้า รวมถึงแพ็คให้ตรงออร์เดอร์ ตรงชื่อลูกค้า
10. การส่งของปัญหาระดับโลกเช่นกัน...อ่ะคุณเลือกเอาว่าจะแบบไหน ฝ่ารถติดไปส่งไปรษณีย์ที่มีแต่คนแย่งกดบัตรคิว กรุขอก่อน กรุรีบ , น้องพี่ต้องไปทำงานขอส่งก่อนนะ , พี่ส่งชิ้นเดียวน้องส่งเยอะมากขอก่อนนะ เอิ่มมมมม ปัญหานี้แก้ได้ด้วยการ ไปตอนบ่ายๆช่วงที่คนน้อยๆ แต่บางครั้งส่งบ่ายก็ไม่ทันรอบไปรษณีย์อีก รับปากลูกค้าไว้ว่าของถึงพรุ่งนี้...เลื่อนไปอีกวัน โดนด่าอีก หรือ จะส่งแบบ Kerry ให้เค้ามารับที่บ้านยอมจ่ายแพงหน่อยบริการดี๊ดี...แต่ลูกค้าบ่นว่าค่าส่งแพงจัง ฟรีค่าส่งได้มั๊ย (เฮ้ย...กำไรจะเหลือมั๊ยนิ) หรือจะเลือกส่งของที่บ้านแล้วจ่ายเงินได้มั๊ย อ่อๆจ่ายปลายทางใช่มั๊ย ได้เลยครับ พี่เอาเท่าไหร่...200 ครับ รวมค่าส่งมาเลยนะน้อง....(เอิ่มมมมมส่งถึงบ้านสั่ง 200 ) ปัญหาระดับโลกจริงๆ
11. รู้มั๊ยกว่าจะขายดี พี่ลงคอร์สเรียนการลงโฆษณาออนไลน์ไปแล้วกี่คอร์ส รุ้มั๊ยว่าคอร์สนึงเท่าไหร่ เรียนเสร็จต้องมาทดลองลงขายกับสินค้าเราอีก ได้บ้างไม่ได้บ้าง กว่าจะเจอทางของเราหมดเงินไปเท่าไหร่ในการเรียนรู้
12. รุ้มั๊ยว่าพี่ต้องติดตามความเคลื่อนไหวของสื่อต่างๆว่าจะปรับอังกอลิทึ่มอะไรอีกเป็นรายวัน เพื่อเราจะปรับตัวได้ทันคู่แข่ง บางครั้งขายดีมาดูอีกทีอ้าวค่าโฆษณากินไปหมด
13. โลกออนไลน์นั้นเบื่อเร็ว บางครั้งกระแสมาไวไปไว สินค้าถ้าไม่ได้มีความต้องการของตลาดจริง คนขายแทบจะต้องปรับตัวให้ทันตลอดเวลา บางครั้ง 3 เดือนผ่านไปสินค้าในสต๊อคเราก็กลายเป็น Dead Stock เรียบร้อย สุดท้ายก็ตัดราคาก็สุดฤทธิ์ ตายสิครับแบบนี้
14. การบริหารสินค้าในแต่ล่ะระบบมีข้อดีข้อเสีย ยังต้องเลือกอีกว่าจะขายแบบระบบมีตัวแทนสินค้าหรือว่าจะขายปลีกอย่างเดียว หากมีตัวแทนขาย ยังต้องบริหารตัวแทนให้ได้มาตรฐานเดียวกัน ไม่ว่าจะปัญหาเรื่องการตัดราคาสินค้ากันเอง , การกล่าวว่าร้ายป้ายสีของตัวแทน , การแย่งลูกค้า หรืออีกหลายปัญหาในการบริหารคนและทีมงาน หากเลือกจะขายปลีกเอง การบริหารภายในกลายเป็นเรื่องสำคัญเพราะต้องรับลูกค้าทีเดียวพร้อมๆกัน แบบนี้ยิ่งต้องมีทีมแอดมินดูแล และยังมาเจอแอดมินกวนตีนใส่ลูกค้า ใช่ซี้....ไม่ใช้สินค้าเมิงนินาาา เฮ่ยยย คิดให้ดีก่อนเข้ามาว่าจะขายแบบไหน
15. ทำดีได้ดี....ทำเสียกรุประจาน บนพันทิพย์ เจ้าของแบรนด์กลัวอะไร ตอบได้เลยว่ากลัวดราม่า กลัวกระแสคนโจมตี ดีหรือไม่ดี เหตุผลจะดีแค่ไหน แก้ตัวออกไปยังไง ก็เจอพวกเผือกและดร่ามาเข้าข้างคนหมู่มาก แบบนี้เราคงต้องนั่งมอนิเตอร์ Feedback ตลอดทั้ง 24 ชม. แล้วจะเอาเวลาไหนไปนอนเนี่ย
16. ต่อราคา...แบบไม่เกรงใจ เพราะ ก็ไม่ได้เจอหน้ากันนิ จะเกรงใจทำไม รวมส่งฟรี , ขอลดราคา , ขอของแถม , อ้างว่าเป็นเจ้าใหญ่แต่สั่งนิดเดียวขอส่วนลด , รับประกันใช้แล้วไม่ตาย , ให้คำปรึกษาฟรี 24 ชม , และอื่นๆอีกมากมาย จนเจอข้อที่ไม่พอใจแล้วลูกค้าตอบว่า ขอคิดดูก่อน
17. จองแล้วหาย จองแล้วตาย จองแล้วไม่สบาย ต้องพบเจอ / ออร์เดอร์มาแล้วเรียบร้อยที่อยู่จัดส่งมาพร้อม...โอนเงินไม่พร้อมบอกจองไว้ก่อนพร้อมแล้วจะมาจ่าย....เฮ่ยยย ขอเน่าตายกันพอดี
18. 3 ชม.ต่อวันในการตอบ คุย แก้ปัญหา , 3 ชม.ต่อวัน สำหรับการแพ็คของ , 3 ชมต่อวันสำหรับการทำคอนเทนต์ขายของ ถ่ายรูป คิดหัวข้อ ทำโฆษณา , 3 ชม.ไปกลับส่งของ , 3 ชม.สำหรับการบริหารจัดการเรื่องส่วนตัวและธุรกิจ , 3 ชม. สำหรับการอยู่บนหน้าจอมอนิเตอร์ต่างๆ , 3 ชม. สำหรับการนอน , 3 ชม.เรื่องจิปาถะในธุรกิจ , สุดท้ายกลายเป็นคนโสดที่ไม่มีเวลาไปเจอคนอื่น...เฮ่ยยยย
19. กว่าจะได้ชื่อว่าขายดี หลายคนทนอยู่หลายๆปี...จนเป็นคนขายดีของจริง
เป็นไงบ้างครับนี่แค่เรื่องพื้นฐานของธุรกิจออนไลน์ที่ใครหลายคนคิดจะเข้ามา...อย่าคิดว่ามันสวยหรู เพราะกว่าพวกเราจะผ่านจุดนี้มาได้ ใช้แรงใจมากกว่าแรงกาย ทุ่มเทกับธุรกิจเหมือนไม่ใช่การหาเวลาว่างมาหารายได้เสริม จนเราผ่านจุดนึงมาได้จนธุรกิจมันอยู่ตัวและใช้เวลาแค่ 2-3 ชม.ต่อวันจริงๆในการบริหาร สิ่งที่เกิดขึ้นมาทั้งหมดนี้เพราะว่า
พวกเราศึกษา พวกเรารู้ลึกในโลกของธุรกิจ พวกเรามีความคิดที่แตกต่างจากคนอื่น พวกเราใช้เครื่องมือทางการตลอดออนไลน์เป็น พวกเราอยู่กับหน้าจอต่อวันเกิน 12 ชม. พวกเราพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงอย่างจริงจัง พวกเราต้องการเป็นมืออาชีพในวิชาชีพของเรา
————————
และสุดท้าย
พวกเราอยากมีเวลาให้คนที่เรารัก ให้ครอบครัวของเรา และมีเครื่องมือสร้างเงินให้กับธุรกิจของเราโดยตลอด เราจึงเลือกที่จะเข้ามาสู่ตลาดที่จะให้สิ่งพวกนี้ได้กับเราทั้งหมด นั่นล่ะคือตลาดที่พวกเราเรียกมันว่า
————————
“ตลาดออนไลน์”
————————
ปล.ขออภัยหากมีวาจาไม่สุภาพแต่เพื่ออารมณ์ในการอ่านให้เข้าใจจริงๆ
อย่าพึ่งขายดีถ้ายังไม่รู้ว่าจะต้องเจอกับอะไร...ในโลกออนไลน์ ถึงแม้มันจะทำรายได้ให้เกินร้อย (ล้าน)
ถึงแม้มันจะทำรายได้ให้เกินร้อย (ล้าน) หากคุณยังไม่พร้อมรับมือกับมัน
————————
บอกเลยครับว่า...ความจริงไม่ได้อิงนิยายพวกที่ชอบบอกว่า “ทำงานไม่กี่ชั่วโมง” ก็สามารถสร้างรายได้จากธุรกิจออนไลน์ได้แล้ว บอกก่อนเลยว่า ผมไม่ได้หมายถึงธุรกิจเครือข่ายหรือ MLM นะครับ แต่เป็นโลกของพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ที่ชีวิตอยู่หลังอุปกรณ์ไฮเทคทั้งหลายที่ใช้เป็นเครื่องมือในหาเงิน
ซึ่งคำตอบคือใช่ครับเป็นเรื่องจริง!!! ที่จะต้องต้องบอกว่าใช้เวลาไม่มากจริงๆ แต่หลังจากธุรกิจนั้นออนไลน์อย่างเป็นระบบมาได้ระยะเวลา 2-3 ปีแล้ว ไม่ใช่แค่การเริ่มต้นขายของออนไลน์แล้วมาบอกว่าใช้เวลาว่าง หลังจากงานประจำมาทำธุรกิจ สร้างรายได้ ได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ
เอิ่มมม...เอาความจริงถ้าคุณไม่ได้ขายสินค้าชิ้นเดียวกำไรหลักแสนนี่ยากครับที่จะทำให้มันเป็นธุรกิจที่ยั่งยืนโดยคุณยังทำงานประจำกันอยู่ ผมได้ได้หมายความว่าจะต้องให้คุณลาออกจากงานประจำแล้วมาเริ่มต้นธุรกิจส่วนตัว ลุยกับมันอย่างเต็มที่เพื่อรายได้ที่มั่นคงโลกออนไลน์นะครับ คุณคิดผิดล่ะ เพราะว่ามันมีองค์ประกอบแห่งความสำเร็จบวกกับแรงใจที่ต้องทุ่มเทอีกมากมาย แถมพ่วงด้วยเงินทุนอีกหลายหมื่นบาทในการเริ่มต้น...ไม่ใช่การจับเสือมือเปล่าแล้วจะบอกว่า ร่ำรวยจากธุรกิจออนไลน์ ผิดตั้งแต่ที่คิดล่ะครับ
————————
มาดูกันว่าความจริงในธุรกิจนี้มีอะไรบ้าง
1. เริ่มแรกเลยอย่าไปเชื่อครับว่าใช้เวลาเพียงแค่ 2-3 ชม.ต่อวันในการโพสต์ขายของ เพราะ คุณภาพของการขายของจะได้มาจากคอนเทนต์และ Sale Page ที่ครีเอทเข้าถึงใจลูกค้า รวมถึงมีความน่าเชื่อถือไม่ให้ดูขายของจนเกินไป คร่าวๆแค่นี้ คุณคิดว่าจะผลิตคอนเทนต์ดีๆออกมาได้ด้วยเวลาแค่นี้เหรอครับ แล้วเดือนนึงคุณยังต้องวางแผนโพสต์วันล่ะกี่รอบ คิดแค่นี้ก็หมดเวลาไปครึ่งวันแล้ว
2. เงินลงทุนในการเริ่มต้นผลิต สั่ง ทดลอง เทสตลาด หรือการได้มาของสินค้าเผื่อทดลองขาย เรื่องพวกนี้คิดว่าเป็นเงินเท่าไหร่...หลักพันเหรอครับ ไม่ใช่ล่ะ อย่างดีๆก็ต้องหลักหมื่นขึ้นไปเพื่อให้ได้กำไรในการขายล็อตแรก
3. คิดว่าสินค้าจะขายดีได้อย่างไร...ถ้ายังขายล็อตแรกยังไม่หมด...และไอ้ล็อตแรกนี่ล่ะ กว่าจะหมดก็ใช้ทุกยุทธวิธีทุกรูปแบบในการขายไปหมดแล้ว
4. กว่าจะขายได้...มีคนเดินเข้ามาหาคุณแล้วบอกว่า ขอซื้อสินค้าหน่อยหรือป่าวครับ ไม่ใช่ล่ะรู้ไหมว่า เค้าใช้เงินในการลงโฆษณาเพื่อให้กลุ่มเป้าหมายเหล่านี้ตัดสินใจซื้อสินค้าเป็นจำนวนเงินเท่าไหร่ วันนึงนี่จ่ายหลายพันบาทนะครับ กว่าจะได้ลูกค้าไม่กี่ราย
5. คิดว่าลงโฆษณาขายของออนไลน์ในช่องทางต่างๆแล้วเห็นว่าขายดีเหรอครับ...เปล่าบางทีเราก็ขายเคลียร์สต๊อคสินค้า บางทีไม่ได้กำไร บางทีขายขาดทุน บางทีบวกลบคูณหารแล้ว ค่าโฆษณากินตังค์เราหมดแทบจะไม่เหลือกำไรเลย
6. พี่คะขายดีจังเลย....ทำอย่างไรเหรอ ตอบง่ายครับ เจอลูกค้ากวนตีน ไม่เข้าใจโลก ไม่อ่านรายละเอียด ไม่ได้คิดถึงพ่อค้าแม่ค้า เอาแต่ใจตัวเอง หรือ เจอลูกค้าคือพระเจ้าให้มากที่สุดครับน้อง...แล้วน้องจะขายดี ถ้าน้องยังรับมือกับพวกนี้ไม่ได้ ถ้าน้องไม่ยอมเป็นทาสของลูกค้าคือพระเจ้าแล้ว น้องทำงานประจำดีกว่าครับ เพราะคำถามแต่ล่ะคำถามที่เจอบางทีก็ทำให้เรา อึ้งไปหลายวันเลยทีเดียว ถ้าน้องอยากขายดีควรมีวิจารณญาณในการตอบ มีสติอยู่ตลอดเวลา น้องปรี๊ดแตกเมื่อไหร่ (โดนแคปเจอร์ประจานเมื่อนั้นนะครับ)
7. บางทีราคาขายสินค้า...ไม่ต้องบอกในรูปสินค้าก็ได้ เพราะ ลงราคาตัวเท่าบ้านไว้เท่าไหร่ เค้าก็ถามว่า เท่าไหร่ครับพี่อยู่ดี
8. ขายดีบางครั้งบางทีก็มาพร้อมกัน ณ ช่วงเวลาดีๆที่กำลังดูบอล ดูหนัง ฟังเพลง อาบน้ำ กินข้าว ผ่านไปสัก 1-2 นาที ไม่ยอมมาตอบสักที บอกว่าร้านนี้หยิ่งไม่ยอมตอบทันที...กรุนี่อยากจะบอกเมิงไปเลยสักที “ขรี้ ขรี้ ขรี้” อยู่มือมันไม่ว่างงง
9. การแพ็คของส่งสำหรับคนขายดี...ปัญหาที่ต้องรับรู้ระดับชาติ คือ ยิ่งของราคาถูกมากเท่าไหร่ ยิ่งแพ็คกันทั้งวันทั้งคืน สินค้าแพงเข้ามาหน่อยก็เสียเวลาพิถีพิถันในการแพ็คให้ดียิ่งขึ้นไปอีก บางครั้งถ้าทำคนเดียว จะไม่เข้าข่ายว่าคนขายดี เพราะคำว่าขายดี มันจะต้องจ้างพนักงานมือวางในการจัดสต๊อค ตรวจเช็คสินค้า รวมถึงแพ็คให้ตรงออร์เดอร์ ตรงชื่อลูกค้า
10. การส่งของปัญหาระดับโลกเช่นกัน...อ่ะคุณเลือกเอาว่าจะแบบไหน ฝ่ารถติดไปส่งไปรษณีย์ที่มีแต่คนแย่งกดบัตรคิว กรุขอก่อน กรุรีบ , น้องพี่ต้องไปทำงานขอส่งก่อนนะ , พี่ส่งชิ้นเดียวน้องส่งเยอะมากขอก่อนนะ เอิ่มมมมม ปัญหานี้แก้ได้ด้วยการ ไปตอนบ่ายๆช่วงที่คนน้อยๆ แต่บางครั้งส่งบ่ายก็ไม่ทันรอบไปรษณีย์อีก รับปากลูกค้าไว้ว่าของถึงพรุ่งนี้...เลื่อนไปอีกวัน โดนด่าอีก หรือ จะส่งแบบ Kerry ให้เค้ามารับที่บ้านยอมจ่ายแพงหน่อยบริการดี๊ดี...แต่ลูกค้าบ่นว่าค่าส่งแพงจัง ฟรีค่าส่งได้มั๊ย (เฮ้ย...กำไรจะเหลือมั๊ยนิ) หรือจะเลือกส่งของที่บ้านแล้วจ่ายเงินได้มั๊ย อ่อๆจ่ายปลายทางใช่มั๊ย ได้เลยครับ พี่เอาเท่าไหร่...200 ครับ รวมค่าส่งมาเลยนะน้อง....(เอิ่มมมมมส่งถึงบ้านสั่ง 200 ) ปัญหาระดับโลกจริงๆ
11. รู้มั๊ยกว่าจะขายดี พี่ลงคอร์สเรียนการลงโฆษณาออนไลน์ไปแล้วกี่คอร์ส รุ้มั๊ยว่าคอร์สนึงเท่าไหร่ เรียนเสร็จต้องมาทดลองลงขายกับสินค้าเราอีก ได้บ้างไม่ได้บ้าง กว่าจะเจอทางของเราหมดเงินไปเท่าไหร่ในการเรียนรู้
12. รุ้มั๊ยว่าพี่ต้องติดตามความเคลื่อนไหวของสื่อต่างๆว่าจะปรับอังกอลิทึ่มอะไรอีกเป็นรายวัน เพื่อเราจะปรับตัวได้ทันคู่แข่ง บางครั้งขายดีมาดูอีกทีอ้าวค่าโฆษณากินไปหมด
13. โลกออนไลน์นั้นเบื่อเร็ว บางครั้งกระแสมาไวไปไว สินค้าถ้าไม่ได้มีความต้องการของตลาดจริง คนขายแทบจะต้องปรับตัวให้ทันตลอดเวลา บางครั้ง 3 เดือนผ่านไปสินค้าในสต๊อคเราก็กลายเป็น Dead Stock เรียบร้อย สุดท้ายก็ตัดราคาก็สุดฤทธิ์ ตายสิครับแบบนี้
14. การบริหารสินค้าในแต่ล่ะระบบมีข้อดีข้อเสีย ยังต้องเลือกอีกว่าจะขายแบบระบบมีตัวแทนสินค้าหรือว่าจะขายปลีกอย่างเดียว หากมีตัวแทนขาย ยังต้องบริหารตัวแทนให้ได้มาตรฐานเดียวกัน ไม่ว่าจะปัญหาเรื่องการตัดราคาสินค้ากันเอง , การกล่าวว่าร้ายป้ายสีของตัวแทน , การแย่งลูกค้า หรืออีกหลายปัญหาในการบริหารคนและทีมงาน หากเลือกจะขายปลีกเอง การบริหารภายในกลายเป็นเรื่องสำคัญเพราะต้องรับลูกค้าทีเดียวพร้อมๆกัน แบบนี้ยิ่งต้องมีทีมแอดมินดูแล และยังมาเจอแอดมินกวนตีนใส่ลูกค้า ใช่ซี้....ไม่ใช้สินค้าเมิงนินาาา เฮ่ยยย คิดให้ดีก่อนเข้ามาว่าจะขายแบบไหน
15. ทำดีได้ดี....ทำเสียกรุประจาน บนพันทิพย์ เจ้าของแบรนด์กลัวอะไร ตอบได้เลยว่ากลัวดราม่า กลัวกระแสคนโจมตี ดีหรือไม่ดี เหตุผลจะดีแค่ไหน แก้ตัวออกไปยังไง ก็เจอพวกเผือกและดร่ามาเข้าข้างคนหมู่มาก แบบนี้เราคงต้องนั่งมอนิเตอร์ Feedback ตลอดทั้ง 24 ชม. แล้วจะเอาเวลาไหนไปนอนเนี่ย
16. ต่อราคา...แบบไม่เกรงใจ เพราะ ก็ไม่ได้เจอหน้ากันนิ จะเกรงใจทำไม รวมส่งฟรี , ขอลดราคา , ขอของแถม , อ้างว่าเป็นเจ้าใหญ่แต่สั่งนิดเดียวขอส่วนลด , รับประกันใช้แล้วไม่ตาย , ให้คำปรึกษาฟรี 24 ชม , และอื่นๆอีกมากมาย จนเจอข้อที่ไม่พอใจแล้วลูกค้าตอบว่า ขอคิดดูก่อน
17. จองแล้วหาย จองแล้วตาย จองแล้วไม่สบาย ต้องพบเจอ / ออร์เดอร์มาแล้วเรียบร้อยที่อยู่จัดส่งมาพร้อม...โอนเงินไม่พร้อมบอกจองไว้ก่อนพร้อมแล้วจะมาจ่าย....เฮ่ยยย ขอเน่าตายกันพอดี
18. 3 ชม.ต่อวันในการตอบ คุย แก้ปัญหา , 3 ชม.ต่อวัน สำหรับการแพ็คของ , 3 ชมต่อวันสำหรับการทำคอนเทนต์ขายของ ถ่ายรูป คิดหัวข้อ ทำโฆษณา , 3 ชม.ไปกลับส่งของ , 3 ชม.สำหรับการบริหารจัดการเรื่องส่วนตัวและธุรกิจ , 3 ชม. สำหรับการอยู่บนหน้าจอมอนิเตอร์ต่างๆ , 3 ชม. สำหรับการนอน , 3 ชม.เรื่องจิปาถะในธุรกิจ , สุดท้ายกลายเป็นคนโสดที่ไม่มีเวลาไปเจอคนอื่น...เฮ่ยยยย
19. กว่าจะได้ชื่อว่าขายดี หลายคนทนอยู่หลายๆปี...จนเป็นคนขายดีของจริง
เป็นไงบ้างครับนี่แค่เรื่องพื้นฐานของธุรกิจออนไลน์ที่ใครหลายคนคิดจะเข้ามา...อย่าคิดว่ามันสวยหรู เพราะกว่าพวกเราจะผ่านจุดนี้มาได้ ใช้แรงใจมากกว่าแรงกาย ทุ่มเทกับธุรกิจเหมือนไม่ใช่การหาเวลาว่างมาหารายได้เสริม จนเราผ่านจุดนึงมาได้จนธุรกิจมันอยู่ตัวและใช้เวลาแค่ 2-3 ชม.ต่อวันจริงๆในการบริหาร สิ่งที่เกิดขึ้นมาทั้งหมดนี้เพราะว่า
พวกเราศึกษา พวกเรารู้ลึกในโลกของธุรกิจ พวกเรามีความคิดที่แตกต่างจากคนอื่น พวกเราใช้เครื่องมือทางการตลอดออนไลน์เป็น พวกเราอยู่กับหน้าจอต่อวันเกิน 12 ชม. พวกเราพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงอย่างจริงจัง พวกเราต้องการเป็นมืออาชีพในวิชาชีพของเรา
————————
และสุดท้าย
พวกเราอยากมีเวลาให้คนที่เรารัก ให้ครอบครัวของเรา และมีเครื่องมือสร้างเงินให้กับธุรกิจของเราโดยตลอด เราจึงเลือกที่จะเข้ามาสู่ตลาดที่จะให้สิ่งพวกนี้ได้กับเราทั้งหมด นั่นล่ะคือตลาดที่พวกเราเรียกมันว่า
————————
“ตลาดออนไลน์”
————————
ปล.ขออภัยหากมีวาจาไม่สุภาพแต่เพื่ออารมณ์ในการอ่านให้เข้าใจจริงๆ