สรุปโมเดลธุรกิจ MGI เจ้าของเวทีมิสแกรนด์ และผู้จัด Miss Universe ครั้งที่ 74
- หลายคนอาจรู้จัก MGI แค่ในฐานะ “เวทีมิสแกรนด์” แต่รู้ไหมครับว่า…รายได้จากเวทีประกวดจริง ๆ แล้วมีแค่
30% ของรายได้ทั้งหมด! ส่วนอีก
70% มาจากธุรกิจอื่น ๆ ที่กำลังเติบโตแบบสุดตัวเลยทีเดียว
ผลประกอบการ MGI โตขึ้นทุกปี
บริษัท มิสแกรนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) (MGI)
-
ปี 2565: รายได้ 320 ลบ. | กำไร 48 ลบ.
-
ปี 2566: รายได้ 617 ลบ. | กำไร 119 ลบ.
-
ปี 2567: รายได้ 747 ลบ. | กำไร 121 ลบ.
-
ครึ่งแรกปี 2568: รายได้ 419 ลบ. (+8%) | กำไร 93 ลบ. (+15.9%)
ถือว่าเป็นบริษัทบันเทิงไทยที่ตัวเลขสวยมาก และยิ่งปีนี้ได้จัด Miss Universe 74 ยิ่งเพิ่มความน่าสนใจเข้าไปอีก
MGI มีรายได้ 6 ช่องทางหลัก
1)
ธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภค – 167 ลบ. (40%)
สินค้าตั้งแต่ครีม เซรั่ม กันแดด น้ำหอม ไปจนถึงอาหารอย่างน้ำพริกปลาสลิด กาแฟ คอลลาเจน แบรนด์ในเครือ เช่น NangNgam, Miss Grand, MGI
2)
ธุรกิจสื่อและบันเทิง – 46 ลบ. (11%)
ได้จาก Airtime รายการต่าง ๆ + งานกิจกรรม เช่นคอนเสิร์ตอิงฟ้ามหาชน, งานระเบียบวาทะศิลป์, Meet & Greet รวมถึงรายได้จากการขายบัตร และค่าสมาชิกรายการบน Facebook
3)
บริหารจัดการศิลปิน – 66 ลบ. (16%)
รายได้จากงานของศิลปินในสังกัด เช่นอิงฟ้า, ชาล็อต, ทวีพร, ริณา ทั้งงานรีวิว งานโชว์ตัว พิธีกร งานเดินแบบ ฯลฯ
4)
ธุรกิจจัดประกวด – 129 ลบ. (31%)
ครึ่งแรกปีนี้มี 2 งานใหญ่
มิสแกรนด์ไทยแลนด์ (MGT) → รายได้จากลิขสิทธิ์จังหวัด, Sponsor, ตั๋ว, Vote
มิสแกรนด์อินเตอร์เนชั่นแนล (MGI) → รายได้จากลิขสิทธิ์แต่ละประเทศ + ค่าลิขสิทธิ์เจ้าภาพ
5)
รายได้จากการให้เช่าช่วง MGI Hall – 11 ลบ. (2%)
พื้นที่ Show DC Hall ที่ MGI เช่ามาจัดงาน ถ้าไม่มีงานของบริษัท ก็ปล่อยให้คนอื่นเช่าต่อสร้างรายได้เพิ่ม
ดีลใหญ่ที่คนพูดถึงมากที่สุด
ต้นปี 2568 MGI คว้าลิขสิทธิ์
มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ (MUT) ระยะเวลา 5 ปี มูลค่า
180 ล้านบาท และยังได้สิทธิ์เป็น “ผู้จัด Miss Universe ครั้งที่ 74” อย่างเป็นทางการ นับเป็นครั้งที่ 4 ที่ไทยเป็นเจ้าภาพเวทีระดับโลกนี้
สรุปสั้น ๆ
MGI ไม่ได้ทำเงินแค่จากเวทีประกวด แต่กระจายรายได้ไปหลายทางทั้งสินค้า ศิลปิน สื่อ และการจัดงาน ทำให้ธุรกิจเติบโตต่อเนื่อง และปีนี้ถือเป็นปีที่โดดเด่นมาก เพราะได้ทั้ง MUT และ MU 74 มาจัดในไทย
ที่มา
BrandCase
สรุปโมเดลธุรกิจ MGI เจ้าของเวทีมิสแกรนด์
- หลายคนอาจรู้จัก MGI แค่ในฐานะ “เวทีมิสแกรนด์” แต่รู้ไหมครับว่า…รายได้จากเวทีประกวดจริง ๆ แล้วมีแค่ 30% ของรายได้ทั้งหมด! ส่วนอีก 70% มาจากธุรกิจอื่น ๆ ที่กำลังเติบโตแบบสุดตัวเลยทีเดียว
ผลประกอบการ MGI โตขึ้นทุกปี
บริษัท มิสแกรนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) (MGI)
- ปี 2565: รายได้ 320 ลบ. | กำไร 48 ลบ.
- ปี 2566: รายได้ 617 ลบ. | กำไร 119 ลบ.
- ปี 2567: รายได้ 747 ลบ. | กำไร 121 ลบ.
- ครึ่งแรกปี 2568: รายได้ 419 ลบ. (+8%) | กำไร 93 ลบ. (+15.9%)
ถือว่าเป็นบริษัทบันเทิงไทยที่ตัวเลขสวยมาก และยิ่งปีนี้ได้จัด Miss Universe 74 ยิ่งเพิ่มความน่าสนใจเข้าไปอีก
MGI มีรายได้ 6 ช่องทางหลัก
1) ธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภค – 167 ลบ. (40%)
สินค้าตั้งแต่ครีม เซรั่ม กันแดด น้ำหอม ไปจนถึงอาหารอย่างน้ำพริกปลาสลิด กาแฟ คอลลาเจน แบรนด์ในเครือ เช่น NangNgam, Miss Grand, MGI
2) ธุรกิจสื่อและบันเทิง – 46 ลบ. (11%)
ได้จาก Airtime รายการต่าง ๆ + งานกิจกรรม เช่นคอนเสิร์ตอิงฟ้ามหาชน, งานระเบียบวาทะศิลป์, Meet & Greet รวมถึงรายได้จากการขายบัตร และค่าสมาชิกรายการบน Facebook
3) บริหารจัดการศิลปิน – 66 ลบ. (16%)
รายได้จากงานของศิลปินในสังกัด เช่นอิงฟ้า, ชาล็อต, ทวีพร, ริณา ทั้งงานรีวิว งานโชว์ตัว พิธีกร งานเดินแบบ ฯลฯ
4) ธุรกิจจัดประกวด – 129 ลบ. (31%)
ครึ่งแรกปีนี้มี 2 งานใหญ่มิสแกรนด์ไทยแลนด์ (MGT) → รายได้จากลิขสิทธิ์จังหวัด, Sponsor, ตั๋ว, Vote มิสแกรนด์อินเตอร์เนชั่นแนล (MGI) → รายได้จากลิขสิทธิ์แต่ละประเทศ + ค่าลิขสิทธิ์เจ้าภาพ
5) รายได้จากการให้เช่าช่วง MGI Hall – 11 ลบ. (2%)
พื้นที่ Show DC Hall ที่ MGI เช่ามาจัดงาน ถ้าไม่มีงานของบริษัท ก็ปล่อยให้คนอื่นเช่าต่อสร้างรายได้เพิ่ม
ดีลใหญ่ที่คนพูดถึงมากที่สุด
ต้นปี 2568 MGI คว้าลิขสิทธิ์ มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ (MUT) ระยะเวลา 5 ปี มูลค่า 180 ล้านบาท และยังได้สิทธิ์เป็น “ผู้จัด Miss Universe ครั้งที่ 74” อย่างเป็นทางการ นับเป็นครั้งที่ 4 ที่ไทยเป็นเจ้าภาพเวทีระดับโลกนี้
สรุปสั้น ๆ
MGI ไม่ได้ทำเงินแค่จากเวทีประกวด แต่กระจายรายได้ไปหลายทางทั้งสินค้า ศิลปิน สื่อ และการจัดงาน ทำให้ธุรกิจเติบโตต่อเนื่อง และปีนี้ถือเป็นปีที่โดดเด่นมาก เพราะได้ทั้ง MUT และ MU 74 มาจัดในไทย
ที่มา BrandCase