สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 5
เรื่องยื้อชีวิตโดยผู้ป่วยไม่มีวันกลับมาเหมือนเดิม
โดยเฉพาะผู้สูงอายุ อัมพาตไม่รู้สึกตัวที่ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจตลอด
แบบนี้คนที่มีความรู้มีการศึกษา ไม่มีใครเขาทำกันหรอกครับ
ฝรั่งส่วนมากเขาจะเขียนคำสั่งไว้เลย กรณีแบบนี้ห้ามยื้อชีวิต CPR(มันทรมานมากนะ)
หรือถ้ารู้ล่วงหน้านานๆ เขาจะกระทั่งห้ามใส่ท่อช่วยหายใจ (ทรมานสุดๆ)
ผมเป็นหมอ เห็นลูกหลาน "กตัญญูเฉียบพลัน" กันเยอะ
คือทั้งปีทั้งชาติไม่เคยดูแลเลย
แต่พอเจ็บป่วยใกล้ตาย เอาให้ถึงที่สุดนะหมอ ทำทุกอย่าง
ทั้งที่มันไม่ได้มีประโยชน์อะไรเลย ทรมานคนไข้เปล่าๆ ทรมานมากๆนะขอบอก
โดยเฉพาะพวกมะเร็งระยะสุดท้าย หรือเจ้าชายนิทราทั้งหลาย
แต่ที่ว่ามาทั้งหมดน่ะ ไม่เสียตังสักสลึงนะ เลยกตัญญูเต็มที่
คนไข้ทรมานฟรีๆไม่เป็นไร ขอให้กรูได้ชื่อว่าทำเพื่อพ่อแม่
โดยเฉพาะผู้สูงอายุ อัมพาตไม่รู้สึกตัวที่ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจตลอด
แบบนี้คนที่มีความรู้มีการศึกษา ไม่มีใครเขาทำกันหรอกครับ
ฝรั่งส่วนมากเขาจะเขียนคำสั่งไว้เลย กรณีแบบนี้ห้ามยื้อชีวิต CPR(มันทรมานมากนะ)
หรือถ้ารู้ล่วงหน้านานๆ เขาจะกระทั่งห้ามใส่ท่อช่วยหายใจ (ทรมานสุดๆ)
ผมเป็นหมอ เห็นลูกหลาน "กตัญญูเฉียบพลัน" กันเยอะ
คือทั้งปีทั้งชาติไม่เคยดูแลเลย
แต่พอเจ็บป่วยใกล้ตาย เอาให้ถึงที่สุดนะหมอ ทำทุกอย่าง
ทั้งที่มันไม่ได้มีประโยชน์อะไรเลย ทรมานคนไข้เปล่าๆ ทรมานมากๆนะขอบอก
โดยเฉพาะพวกมะเร็งระยะสุดท้าย หรือเจ้าชายนิทราทั้งหลาย
แต่ที่ว่ามาทั้งหมดน่ะ ไม่เสียตังสักสลึงนะ เลยกตัญญูเต็มที่
คนไข้ทรมานฟรีๆไม่เป็นไร ขอให้กรูได้ชื่อว่าทำเพื่อพ่อแม่
ความคิดเห็นที่ 20
ญาติเราที่เพิ่งเสียไป เพิ่งตรวจเจอว่าเป็นมะเร็งระยะสุดท้ายตอนอายุ 74
ตอนนั้นญาติใกล้ชิดตกลงกันว่าจะไม่บอกเจ้าตัวว่าป่วยเป็นอะไร และจะไม่ให้ผ่าตัด ไม่ให้คีโม
ที่ทำคือพาแกมาอยู่บ้าน ให้กินยาสมุนไพร อาหารเสริมต่างๆ กินยาแก้ปวดของหมอ คอยดูแลใกล้ชิด
แกอยากไปเที่ยว อยากไปทำบุญที่ไหน ก็พาไป แกอยากทำอะไรก็ให้ทำทุกอย่าง
มีบางครั้งที่แกช๊อคเพราะเป็นเบาหวาน ก็พาไปโรงพยาบาล รักษาแล้วก็กลับ ไม่นอนค้าง
อยู่กันมาแบบนี้ปีกว่า นานกว่าที่หมอคาดการณ์ไว้ครึ่งปี ในที่สุดแกก็จากไปอย่างสงบ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมานี้เอง
บ้านนี้เขารักษาคนป่วย แทบไม่ได้ใช้เงินเลยค่ะ แต่ที่เขาทำมากที่สุดคือแสดงความรัก ความเอาใจใส่
ทุ่มเวลาที่มีทั้งหมด เพื่อให้คนที่ป่วยหนักได้มีความสุขมากที่สุด ก่อนที่จะจากกัน
ตอนนั้นญาติใกล้ชิดตกลงกันว่าจะไม่บอกเจ้าตัวว่าป่วยเป็นอะไร และจะไม่ให้ผ่าตัด ไม่ให้คีโม
ที่ทำคือพาแกมาอยู่บ้าน ให้กินยาสมุนไพร อาหารเสริมต่างๆ กินยาแก้ปวดของหมอ คอยดูแลใกล้ชิด
แกอยากไปเที่ยว อยากไปทำบุญที่ไหน ก็พาไป แกอยากทำอะไรก็ให้ทำทุกอย่าง
มีบางครั้งที่แกช๊อคเพราะเป็นเบาหวาน ก็พาไปโรงพยาบาล รักษาแล้วก็กลับ ไม่นอนค้าง
อยู่กันมาแบบนี้ปีกว่า นานกว่าที่หมอคาดการณ์ไว้ครึ่งปี ในที่สุดแกก็จากไปอย่างสงบ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมานี้เอง
บ้านนี้เขารักษาคนป่วย แทบไม่ได้ใช้เงินเลยค่ะ แต่ที่เขาทำมากที่สุดคือแสดงความรัก ความเอาใจใส่
ทุ่มเวลาที่มีทั้งหมด เพื่อให้คนที่ป่วยหนักได้มีความสุขมากที่สุด ก่อนที่จะจากกัน
ความคิดเห็นที่ 69
เมื่อเกือบสามปีก่อน ผมเคยต้องเลือกครับ
ลูกชายผมคลอดก่อนกำหนด ถุงน้ำคร่ำแตกตอนหกเดือน
ฝากท้องโรงพยาบาลชื่อดังของเด็กเลยครับ จ่ายค่าฝากท้องเดือนละ4000-6000
พอวันที่ถุงน้ำคร่ำแตก เวลาประมาณตี 4 หมอที่ว่าฝากท้อง ไม่ได้เข้ามาดูเลยครับ มีแต่นางพยาบาลแถวนั้นบอกว่า
ถ้าจะผ่าคลอดที่นี่ มีค่าใช้จ่ายเพิ่ม จากแพคเกตเดิม 65000 เพิ่มอีกแปดหมื่น +ค่าเข้าตู้อบวันละ 25000 ประมาณ 1-2 เดือนจ่ายได้ไหม ถ้าจ่ายได้จะตามหมอให้ ที่สำคัญไม่รู้ว่าจะรอดรึเปล่าด้วยนะ เขาย้ำแบบนี้
อารมย์ตอนนั้นเราพอที่จะหยิบยืมมาจ่ายได้นะ แต่ผมคิดว่า ถ้าลูกรอด แต่ผมไม่เหลือเงินไว้ดูแลเขาเลย ผมคิดว่าเขาต้องเกิดมาพร้อมกับหนี้สิน แล้วเขาจะต้องลำบากแน่นอน
ผมเลยตัดสินใจพาลูกเข้าโรงพยาบาลรัฐ (โรงพยาบาลนพรัตน์ราชธานี) ตรงหน้าสวนสยาม อ่านในเนตมีแต่คำวิจารณ์ในแง่ไม่ดีมากมาย
ด้วยคนเป็นพ่อ ผมก็ร้องไห้ สงสารทั้งภรรยาและลูก แล้วก็คุยภรรยาว่า ถ้าลูกเขาจะไม่อยู่กับเราก็ไม่เป็นไรนะ ขอให้คลอดที่โรงพยาบาลนี้แล้วกัน
เพราะถ้าเขารอด เราจะมีเงินคอยซัพพอทเขาได้
ลูกผมคลอดออกมาน้ำหนัก 1300 กรัม ตัวเล็กมากกกกกก ต้องอยู่ NICU 2 เดือน


กว่าจะน้ำหนัก 2000กรัม กว่าจะได้กลับบ้าน
ตอนนี้ลูกผมน้ำหนักส่วนสูงเกินเกณฑ์ไปหมดแล้วครับ ห้าห้าห้า กินเก่งมาก




ผมอยากจะขอบคุณโรงพยาบาลนพรัตน์ราชธานีมาก ๆ เลยครับ ขอบคุณโครงการบ้านแมคมากด้วยครับ ที่ให้เราพักแบบไม่เสียค่าใช้จ่าย
สรุปค่าใช้จ่ายที่โรงพยาบาล ประมาณ 15000 ตอนออกจากโรงพยาบาลเสียค่าสำลีค่าที่เช็ดหูอีก 200 บาทได้ครับ
สรุปว่าโรงพยาบาลที่เป็นเอกชนแสนแพง พอเอาเข้าจริง ๆ ไม่ได้ดูแลเราจริง ๆ เลย เขาสนใจแต่เงินของเรา ซึ่งก็ไม่รู้ด้วยว่าจะรอดไหม ถ้าผมเงินหมดก่อน เขาจะทำอย่างไรต่อไป
ผมพาภรรยาและลูกไปในโรงพยาบาลรัฐที่ในเนตหลาย ๆ คนเรียกว่าโรงฆ่าสัตว์ แต่ในความเป็นจริง ที่นั่นทำให้ลูกผมรอด
ผมอยากจะเล่าถึงในมุมที่ผมเจอมาให้ทุกคนได้รับรู้เฉย ๆ ครับ
ปล.ขอบคุณพยาบาลที่ NICU ด้วยนะครับ ผมเห็นทุกท่านทำงานกันวันละ16ชั่วโมง ขอบคุณมากจริง ๆ
ปล.2 รพเอกชน ขอไม่เอ่ยถึงแล้วกันนะครับ อยากรู้หลังไมค์ถามได้เลยครับ
ลูกชายผมคลอดก่อนกำหนด ถุงน้ำคร่ำแตกตอนหกเดือน
ฝากท้องโรงพยาบาลชื่อดังของเด็กเลยครับ จ่ายค่าฝากท้องเดือนละ4000-6000
พอวันที่ถุงน้ำคร่ำแตก เวลาประมาณตี 4 หมอที่ว่าฝากท้อง ไม่ได้เข้ามาดูเลยครับ มีแต่นางพยาบาลแถวนั้นบอกว่า
ถ้าจะผ่าคลอดที่นี่ มีค่าใช้จ่ายเพิ่ม จากแพคเกตเดิม 65000 เพิ่มอีกแปดหมื่น +ค่าเข้าตู้อบวันละ 25000 ประมาณ 1-2 เดือนจ่ายได้ไหม ถ้าจ่ายได้จะตามหมอให้ ที่สำคัญไม่รู้ว่าจะรอดรึเปล่าด้วยนะ เขาย้ำแบบนี้
อารมย์ตอนนั้นเราพอที่จะหยิบยืมมาจ่ายได้นะ แต่ผมคิดว่า ถ้าลูกรอด แต่ผมไม่เหลือเงินไว้ดูแลเขาเลย ผมคิดว่าเขาต้องเกิดมาพร้อมกับหนี้สิน แล้วเขาจะต้องลำบากแน่นอน
ผมเลยตัดสินใจพาลูกเข้าโรงพยาบาลรัฐ (โรงพยาบาลนพรัตน์ราชธานี) ตรงหน้าสวนสยาม อ่านในเนตมีแต่คำวิจารณ์ในแง่ไม่ดีมากมาย
ด้วยคนเป็นพ่อ ผมก็ร้องไห้ สงสารทั้งภรรยาและลูก แล้วก็คุยภรรยาว่า ถ้าลูกเขาจะไม่อยู่กับเราก็ไม่เป็นไรนะ ขอให้คลอดที่โรงพยาบาลนี้แล้วกัน
เพราะถ้าเขารอด เราจะมีเงินคอยซัพพอทเขาได้
ลูกผมคลอดออกมาน้ำหนัก 1300 กรัม ตัวเล็กมากกกกกก ต้องอยู่ NICU 2 เดือน



กว่าจะน้ำหนัก 2000กรัม กว่าจะได้กลับบ้าน
ตอนนี้ลูกผมน้ำหนักส่วนสูงเกินเกณฑ์ไปหมดแล้วครับ ห้าห้าห้า กินเก่งมาก




ผมอยากจะขอบคุณโรงพยาบาลนพรัตน์ราชธานีมาก ๆ เลยครับ ขอบคุณโครงการบ้านแมคมากด้วยครับ ที่ให้เราพักแบบไม่เสียค่าใช้จ่าย
สรุปค่าใช้จ่ายที่โรงพยาบาล ประมาณ 15000 ตอนออกจากโรงพยาบาลเสียค่าสำลีค่าที่เช็ดหูอีก 200 บาทได้ครับ
สรุปว่าโรงพยาบาลที่เป็นเอกชนแสนแพง พอเอาเข้าจริง ๆ ไม่ได้ดูแลเราจริง ๆ เลย เขาสนใจแต่เงินของเรา ซึ่งก็ไม่รู้ด้วยว่าจะรอดไหม ถ้าผมเงินหมดก่อน เขาจะทำอย่างไรต่อไป
ผมพาภรรยาและลูกไปในโรงพยาบาลรัฐที่ในเนตหลาย ๆ คนเรียกว่าโรงฆ่าสัตว์ แต่ในความเป็นจริง ที่นั่นทำให้ลูกผมรอด
ผมอยากจะเล่าถึงในมุมที่ผมเจอมาให้ทุกคนได้รับรู้เฉย ๆ ครับ
ปล.ขอบคุณพยาบาลที่ NICU ด้วยนะครับ ผมเห็นทุกท่านทำงานกันวันละ16ชั่วโมง ขอบคุณมากจริง ๆ
ปล.2 รพเอกชน ขอไม่เอ่ยถึงแล้วกันนะครับ อยากรู้หลังไมค์ถามได้เลยครับ
ความคิดเห็นที่ 11
ถ้าโรคนั้น รักษาแล้วหายหรืออยู่อย่างมีคุณภาพชีวิตที่ดี ก็พร้อมจะทุ่ม
แต่จะมีประโยชน์อะไร ถ้าโรคนั้นรักษาไม่หาย เพียงยื้อเวลาทรมานต่อไปอีกหน่อย
และปล่อยให้ลูกหลานรับภาระหนี้สิน
นี่พูดในฐานะที่เป็นเราป่วยเองเลยนะ
พระพุทธเจ้าตรัสว่าโรคมี 4 ประเภท
มีอยู่ประเภทหนึ่งที่รักษาก็ตาย ไม่รักษาก็ตาย
แล้วเราจะดื้อดึงทำสิ่งที่เห็นผลลัพท์อยู่แล้วทำไม
แต่จะมีประโยชน์อะไร ถ้าโรคนั้นรักษาไม่หาย เพียงยื้อเวลาทรมานต่อไปอีกหน่อย
และปล่อยให้ลูกหลานรับภาระหนี้สิน
นี่พูดในฐานะที่เป็นเราป่วยเองเลยนะ
พระพุทธเจ้าตรัสว่าโรคมี 4 ประเภท
มีอยู่ประเภทหนึ่งที่รักษาก็ตาย ไม่รักษาก็ตาย
แล้วเราจะดื้อดึงทำสิ่งที่เห็นผลลัพท์อยู่แล้วทำไม
ความคิดเห็นที่ 27
เคยรักษาคนไข้มะเร็งระยะสุดท้าย ก่อนตายคนไข้ต้องทุกข์ทรมานทั้งวันด้วยความเจ็บปวด ซึ่งก็พอทุเลาได้ด้วยมอร์ฟีน
วันหนึ่งเมื่อคนไข้หยุดหายใจ ลูกหลานกตัญญูก็บอกหมอให้ปั๊มพ์หัวใจขึ้นมาให้พบกับความทรมานอีก ทำอย่างนี้หลายรอบจนสุดท้ายปัมพ์ไม่ขึ้น
ผมกลับมาคิดว่า ทุกครั้งที่ยื้อชีวิตขึ้นมา คนไข้ต้องพบกับความเจ็บปวดทรมานจากโรค และจากการถูกปัมพ์หัวใจ ซึ่งก็เหมือนตกนรกทั้งเป็น โดยมีลูกหลานกตัญญู กลายเป็นพญายมที่กำหนดให้คนไข้ต้องตกนรก ต้องผจญกับความเจ็บปวดไปเรื่อยๆ
กรณีแบบนี้จะไม่เกิดขึ้นกับผมอย่างเด็ดขาด ถ้าเป็นโรคที่ไม่มีทางรักษาให้หาย ผมขอตายอย่างสงบดีกว่าครับ
วันหนึ่งเมื่อคนไข้หยุดหายใจ ลูกหลานกตัญญูก็บอกหมอให้ปั๊มพ์หัวใจขึ้นมาให้พบกับความทรมานอีก ทำอย่างนี้หลายรอบจนสุดท้ายปัมพ์ไม่ขึ้น
ผมกลับมาคิดว่า ทุกครั้งที่ยื้อชีวิตขึ้นมา คนไข้ต้องพบกับความเจ็บปวดทรมานจากโรค และจากการถูกปัมพ์หัวใจ ซึ่งก็เหมือนตกนรกทั้งเป็น โดยมีลูกหลานกตัญญู กลายเป็นพญายมที่กำหนดให้คนไข้ต้องตกนรก ต้องผจญกับความเจ็บปวดไปเรื่อยๆ
กรณีแบบนี้จะไม่เกิดขึ้นกับผมอย่างเด็ดขาด ถ้าเป็นโรคที่ไม่มีทางรักษาให้หาย ผมขอตายอย่างสงบดีกว่าครับ
แสดงความคิดเห็น
จะยอมหมดตัวกันไหมคะ เพื่อยื้อชีวิตคนที่เรารัก?
จะต้องใช้เงินในการรักษาพยาบาลหลักแสนไปถึงหลักล้าน เพื่อให้ได้มีชีวิตต่อ ถึงแม้จะเป็นอัมพาต หรือเป็นเจ้าชายนิทรา
เราจะยอมใช้เงินเก็บของเราทั้งหมดหรือไปกู้เงินไปกับการนี้หรือเปล่าคะ?
ถ้าสมมติว่า เราเพิ่งตั้งตัวได้ตอนทำงาน พ่อแม่ก็มีโรคภัยติดตัวกันมาแล้ว ไม่มีประกันชีวิตที่ไหนยอมให้ทำ มีแต่สิทธิ์บัตรทอง ประกันสังคม
แต่เรามีเงินเก็บหลักแสนถึงล้าน พอที่จะใช้รักษายื้อชีวิตพวกท่านไปได้อีกนิดหน่อย เราควรทำหรือไม่คะ
เรื่องแบบนี้ไม่เคยเฉียดเข้ามาในชีวิตเราเลย เลยอยากฟังความคิดเห็นของคนอื่นไว้ค่ะ
แชร์ประสบการณ์ได้นะคะ