สวัสดีค่ะ สถานะตอนนี้เป็นแม่หม้ายลูกสาว 1 คนตามหัวข้อเลยค่ะ
ขอท้าวความไปเมื่อหลายปีก่อนนะคะ
เราคบกับแฟนมา 4 ปี (เพิ่งแต่งงานได้ 2 ปี)
มีลูกสาววัย 1 ขวบด้วยกัน ตอบคบกันใหม่ๆทุกอย่างก็ดี(เป็นเรื่องปกติ) ขยันทำงาน(กิจการที่บ้านพ่อแม่เรา) ตื่นเช้า 6 โมงเปิดร้าน นอนเร็ว 3 ทุ่มหลับปุ๋ยยย
พอแต่งงานได้ 3 เดือน เราก็ท้องเรานี่ดีใจมาก พ่อแม่เราก็ยินดี เขาก็คงดีใจมั้ง555(ลืมบอกว่าเขาเป็นพ่อหม้ายเคยมีลูกแล้ว1คนแต่อยู่กับทางเมียเก่า)
เราจัดการฝากท้อง บำรุง เนื้อนมไข่ ดูแลตัวเองอย่างดี เขาไม่เคยดูแลเราเลย นอกจากพาไปหาหมอ แต่เราstong!!ลูกฉันอยู่ในท้องฉัน ฉันก็ต้องดูแลเอง...
จริงๆแล้วมันไม่ควรเป็นแบบนั้นเลย เขาน่าจะเอาใจใส่เราบ้าง แต่ไม่เคย!!!! เราก็เฉยๆนะไม่เคยเรียกร้องอะไรทั้งนั้น แม้ตอนท้องเรามีภาวะครรภ์เป็นพิษ น้ำคร่ำน้อย บราๆๆๆ ปัญหาเยอะมากรับปัญหาคนเดียวคะ เครียดคนเดียว มีปรึกษาแม่บ้างเพื่อความสบายใจ หมอแนะนำให้นอนเยอะๆเราก็นอนคะ ทั้งวัน เดินน้อยมาก จนมีประเด็น
เขา:ไม่คิดจะเดินมาข้างนอกบ้างหรอ นอนทั้งวัน
ง่ะ....ก็หมอบอกให้ตูนอนเยอะๆเพราะมันเสี่ยงคลอดก่อนกำหนด มันคงไม่เข้าใจ
เรา: ก็หมอให้นอนเยอะๆมันเสี่ยงคลอดน้ำหนักลูกก็น้อย คลอดออกมาอันตรายจะทำไงอะ
เขา:หรอ....ต้องนอนทั้งวันเลยอะ???? ตอนหมอพูดมันก็ได้ยินนะ
เรา:.......#$##$$หมดคำพูด
ยอมคะ เพราะเราไม่อยากเครียด ไม่อยากเลยสักนิด แต่ก็น้อยใจนะ แอบร้องตลอด ทำไมๆเขาไม่เคยดูแลเราเลย บทสนทนาตอนนั้นเราจำขึ้นใจจริง มันเหมือนเขาจะว่าทางอ้อมว่าเราขี้เกียจอะ
ท้องได้ 29 วีค(ประมาน7เดือน)เราปวดท้องมาก เหมือนจะคลอดคะ ตอนตี2 ปวดบีบถี่ทุก5นาที เราปลุกเขาบอกว่าปวดท้องจะไป รพ.
เรา:เธอๆตื่น เราปวดท้องถี่เลยอะ ท้องแข็งทุก5นาที
เขา:ทำไงอะ นอนดูก่อนก็ได้
เรา:จะไป รพ.เดี๋ยวนี้....เราร้องเลยคะ กลัวลูกอันตรายกลัวคลอดก่อนกำหนด
เขา:ไม่รอดูก่อนละ เดี๋ยวก็หาย
เรา:#$#$$$ด่ายับ พร้อมลุกขึ้น เปลี่ยนชุด เตรียมเอกสาร เสื้อผ้าลูก เผื่อคลอดเลย
เดินไปบอกพ่อแม่ จนท่านเดินมาเปิดประตูหน้าบ้านจะพาเราไป รพ. มันเดินออกมาคะ เหมือนไม่มีไรเกิดขึ้น สตาร์ทรถพาเราไป รพ. ถึง รพ.ประมานตี3 พยาบาลพาเราขึ้นห้องคลอด เช็คดูบอกปากมดลูกนิ่มมาก เสี่ยงคลอด แต่ยังไม่เปิดนะดีที่มาทัน คุณหมอสั่งแอดมิด 7 วัน ฉีดยาทุก6ชม.และ12ชม.ทรมานมากปวดระบมไปหมด ส่วนไอตัวดี ก็มาคะ ไม่ยอมกลับบ้านไปทำงาน ทั้งๆที่ไม่ได้เฝ้านะ หมอให้เรานอนในห้องรอคลอดเป็นห้องรวม ญาติห้ามเข้า เราก็โลกสวยคิดว่ามันคงห่วงมั้ง...
ผ่านไป7วันจนหมอให้กลับบ้าน พร้อมกำชับว่าอย่ายืนนานๆอย่าเดินบ่อยๆไม่จำเป็นไม่ต้องเดินเลย
เราก็จัดตามคำบอกคะ ไม่เดินนอนอย่างเดียว จะไปก็แค่ห้องน้ำ กินๆนอนๆ น้ำหนักพุ้งพรวด อาทิตย์ละ2โล เราไม่สนคะ ใครจะพูดไร ชั่งแม่มมม!!
เรากลัวจริงๆกลัวจะคลอด เข็ดกับการโดนฉีดยาด้วย จน 35 วิค(8เดือนกว่า) มันพาเราไปบ้านมัน ไปธุระ แล้วนางพี่สาวของมันอยากจะค้างที่บ้าน (เขาติดรถเราไปด้วย)เราอิดออดคะ ไม่ยอม ไม่เอา ท้องตูใหญ่ขนาดนี้ นอนที่นี่ไม่ได้แน่ที่นอนแบบที่นอนปิกนิคอะคะ คิดถึงที่นอนนุ่มๆที่บ้านเลยตอนนั้น จนปั๊วตัวดีมันว่าเรา
เขา:ใครจะทำอะไร มันต้องอยู่ที่ตัวเธอตัดสินใจหรอ....แน๊ะมันเข้าข้างพี่สาวมันคะ
เรา:นี่ท้องจนจะคลอดแล้ว ที่นั่งรถมา 60 โลทั้งเมื้อยทั้งเหนื่อย ไม่มาก็ว่า พอมาก็มีปัญหาอีก เราตกลงกันแล้วว่าจะไม่ค้าง เพราะพี่เธอคนเดียว ถ้าอยากค้างก็ค้างไปสิ เราจะขับรถกลับเอง....ไม่ดูสภาพตัวเองเลยตู5555
แต่พูดไปก็แค่นั้นละคะ ไม่เป็นผลอันใด สุดท้ายก็ยอมค้าง1คืน ทั้งนอนไม่หลับ ปวดเมื้อยมาก ทรมานจนเช้า เหตุการณ์วันนั้น ทำให้เรามั่นใจขึ้นมานิดหนึ่งว่าเขาคงไม่รักเราแล้ว แต่ก็ได้แค่คิดคะ เราไม่ใช่คนโผงผาง เก็บมันไปเรื่อยๆ
และยังมีหลายเรื่องราวที่เกิดขึ้นซึ่งเราก็จำได้บ้างลืมบ้างแต่ล้วนแล้วเป็นเรื่องราวแย่ๆทั้งนั้น
วันคลอด....
เราตื่นเช้ามาและมีเลือดออก แต่เราไม่ตกใจนะตอนนั้นได้38วิคใกล้ๆกำหนดคลอด วันนั้นจำได้มีความสุขเหลือเกิน เราเดินเข้าห้องเงียบๆเก็บข้าวเก็บของ ค่อยๆเก็บเสื้อผ้าลูก เก็บของที่จำเป็น นั่งอยู่คนเดียวใจเย็นมาก(เหมือนตัวคนเดียว555) แล้วเขาก็เปิดประตูเข้ามา ถามว่าเก็บทำไม เราก็ตอบว่า ก็ไปคลอดลูกสิ...เขาก็ไถ่ถามเราต่างๆนาๆมีอาการอะไรยังไง บราๆๆๆแต่ก็ไม่ได้มีอาการตื่นเต้นอะไร วันนั้นมีเพื่อนพ่อเราเอาปลาเป็นๆมาให้พ่อแกงกิน เราหูดีมากบึ๊งไปหาพ่อขอปลาตัวนั้นจะเอาไปปล่อย เราบอกเขาว่าหลานสาวจะออกวันนี้แล้วนะ เขาก็ยอม คิดสะว่าให้ชีวิตอีก1ชีวิต พอเก็บของเรียบร้อยเราก็ไปวัด ทำบุญ ปล่อยปลาตัวนั้น(เราใจเย็นมาก555) แล้วก็กลับมาบ้าน มาเอาของไป รพ.ทันที คุณหมอตรวจนู้นนั่นนี่พร้อมคลอด เราคลอดลูกเวลาตี1 เขาก็มานั่งรอห้องคลอดนั่นแหละ พอเสร็จตอนเช้าย้ายเข้าห้องพิเศษ มันก็มาเลยคะ มาดูลูก อุ้มลูก หอมแก้มบราๆ
แล้วมันก็หลับ เราละดูลูกไปสิ ไม่คิดจะช่วยไรตูเลย ตูเจ็บแผลจะแย่ละ จะลุกจะนั่งนี่สุดๆคนคลอดลูกเองจะเข้าใจ จนตอนเย็นที่บ้านปิดร้าน คุณแม่ก็มา เราก็ได้พักผ่อนนอนสบายๆเพราะท่านมาช่วยดูช่วยอุ้ม พอมืดๆหน่อยแม่กลับไปนอนบ้าน ให้แฟนเฝ้าเรา แต่ๆไม่น่าเชื่อ คืนนั้นมันลากเตียงลูกไปใกล้ๆมันแล้วให้เรานอน ลูกร้องลูกตื่นเราไม่ได้ยินเพราะเพลียมากหลับเป็นตาย มันก็จับลูกมาให้กินนมเรานะ คืนนั้นดีดี๊มันไม่ได้นอนทั้งคืน แต่แค่คืนเดียว คืนเดียวจริงๆ555
พอกลับมาบ้านเด็กอ่อน ก็งอแงตามประสา เรานี่ไม่ได้นอนเลย ลูกร้องตั้งแต่3ทุ่มถึงเช้าทุกวัน ส่วนมันก็หลับสิรอไร???หลับเป็นตายทุกคืน ลูกจะร้องดังแค่ไหนมันก็หลับ พอตี4แม่เราจะมารับลูกเราไปห้องเขาเพื่อให้เราได้นอน ทุกคืนเลยคะ(แม่เราน่ารัก) ลูกเราเป็นแบบนั้นถึง 3 เดือน น้ำหนักเราตอนใกล้คลอด83ทุกวันนี้56เหนื่อยแค่ไหนคิดดู5555
พอลูกเริ่มโตนอนเป็นเวลา แต่เราก็ยังดูลูกคนเดียวอยู่ดีตอนหัวค่ำแม่เราจะเอาลูกไปเลี้ยงไปเล่นกับเขาจนเราทำอะไรเสร็จ(ทำงานบ้าน ล้างขวดนม ประมานนี้)ส่วนสามีก็เล่นไอโฟนยิกๆๆๆลูกนี้แทบจะไม่เคยอยู่กับเขา2คนเลย เป็นแบบนี้ทุกวัน แล้วเรื่องแย่ๆก็โถมกระหน่ำเข้ามาไม่ยั้ง เช่น มันไม่ลุกไปเปิดร้าน ให้พ่อเราเปิดตื่นสาย9โมงนี่ต้องเรียกแล้วเรียกอีก,นอนเล่นเกมในห้อง ไม่ออกไปทำงาน บราๆๆๆอีกเยอะ ไอเราก็เป็นคนใจเย็น ใจดีเหลือเกินที่ผ่านมาจนลูก 1 ขวบ เราก็ทะเลาะกันทุ๊กกกกวัน เขาออกจากบ้านไป2ครั้งไปอยู่กับพี่สาว ครั้งแรกเราตามกลับ ครั้งที่สองมันกลับเอง ทำให้เราชินชา ใจด้านเหลือเกิน เหมือนมันจะถึงจุดแตกหักละ มีลางสังหรณ์ในใจ สุดท้ายเราเลยไปคุยกับเขาเรื่องงาน ว่า....ก็เตือนๆดีๆเราพูดดีมากนะเท่าที่จำได้ แต่ๆมันมีน้ำโหพูดออกมาว่า ถ้าจะให้ทำเยอะขนาดนั่นตูเป็นเจ้าของร้านไปแล้วทุกวันนี้เหมือนเป็นลูกจ้าง ไม่อยากทำเลยรู้ไว้ด้วย....ง่ะ คือไร???พูดมาได้ไง ทำงานอยู่บ้าน ไม่เป็นลูกจ้างใคร บ้านไม่ต้องเช้าข้าวไม่ต้องซื้อ นอนห้องแอร์ทุกคืน ข้าวไม่ต้องหากินนะเราจัดการทุกอย่างนั่งรอได้เลย เรื่องลูกไม่เคยต้องยุ่งเราจัดการเองหมด น้ำยังไม่เคยอาบให้ลูกเลยคุ๊ณณ ทุกสิ่งทุกอย่างมันเข้ามาในสมองเรา ปลุกสมองเราตื่นๆๆ คะ ณ บัดนั้น เราจะไม่ทน ไล่คะ ไล่เขาออกจากบ้าน ไปสะ ในเมื่อบ้านนี้ไม่มีอะไรที่ดีกับเธอก็ไปส่ะ พ่อเราแม่เรามีลูกคนเดียวหวังพึ่งพาลูก แต่เธอๆๆทำให้เรารู้ว่าเธอมันพึ่งพาไม่ได้ เธอไม่เคยทำให้เราภูมิใจ ไม่เคยเป็นหัวหน้าครอบครัว เราเครียดเราเหนื่อยเธอเป็นที่ปรึกษาเราไม่ได้เลย(เราเคยปรึกษามันยิ่งซ้ำเติม)
พอ ลูกเรา เราเลี้ยงเองไม่ต้องมาสนใจอะไรอีก...และพูดอีกเยอะจำได้คร่าวๆ..เราตัดขาดความสัมพันธ์ในตอนนั้น เราไม่ร้องสักนิด ใจมันชา มันไม่ต้องการให้มีผู้ชายคนนี้ในชีวิตอีกต่อไป เขาก็พูดว่า งั้นก็ให้แม่เธอเลี้ยงเธอไปตลอดชีวิตแล้วกัน...ค่ะ เราไม่คิดถึงอนาคตอะไรหรอก เราขอหลุดพ้นจากเขาเป็นพอ จากนั้นเขาก็ไป แต่แปลกเรารู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูก มันไม่ใช่แค่เรื่องคำพูดเขาในวันสุดท้ายของเรานะ แต่มันคือทุกๆเรื่องที่เราเก็บเอาไว้ การกระทำแย่ๆของเขา เราระเบิดมันออกมาในตอนนั้น(ที่ผ่านมาเราพยายามเข้าหาเขาหลายครั้งมากเพื่อจะหันหน้าคุยกันตรงๆทั้งเรื่องครอบครัว เรื่องงานกิจการของพ่อแม่เรา ซึ่งพ่อแม่เรายกให้แฟนเราสืบทอดแต่มันไม่เคยคุยดีกับเราเลย เราเลยต้องเก็บเอาไว้) เราตัดสินใจเป็นแม่หม้ายลูกติด อายุเราน้อยนะตอนนี้20ต้นๆ แต่เรื่องอนาคตเราคงต้องเริ่มใหม่ในวันที่ไม่มีเขาแล้ว ตอนนี้ไม่นอย ไม่เสียใจ อย่างที่บอกคะ เราสบายใจมาก ใส่ใจคนรอบข้างมากขึ้นรักตัวเองมากขึ้น ดูเหมือนตัวเองมีค่ามาก เวลาอยู่กับลูกแค่สองคน
ขอบคุณพื้นที่นี้ที่ทำให้เราได้แชร์เรื่องราว และได้ระบาย ทุกตัวอักษรที่เราพิมพ์มันยิ่งซ้ำเติมลงไปในความรู้สึกเรา ว่าผู้ชายคนนี้เป็นคนยังไง และดีแค่ไหนที่หลุดพ้นมาได้
ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านจนจบนะคะ อาจจะไม่เป็นประโยชน์สาระอะไรแต่อย่างน้อยก็ทำให้คนๆหนึ่งได้ระบายเรื่องราวในใจที่ไม่เคยพูดออกไปให้ใครฟัง
สุดท้ายเราก็เป็น แม่ม้ายลูกติด
ขอท้าวความไปเมื่อหลายปีก่อนนะคะ
เราคบกับแฟนมา 4 ปี (เพิ่งแต่งงานได้ 2 ปี)
มีลูกสาววัย 1 ขวบด้วยกัน ตอบคบกันใหม่ๆทุกอย่างก็ดี(เป็นเรื่องปกติ) ขยันทำงาน(กิจการที่บ้านพ่อแม่เรา) ตื่นเช้า 6 โมงเปิดร้าน นอนเร็ว 3 ทุ่มหลับปุ๋ยยย
พอแต่งงานได้ 3 เดือน เราก็ท้องเรานี่ดีใจมาก พ่อแม่เราก็ยินดี เขาก็คงดีใจมั้ง555(ลืมบอกว่าเขาเป็นพ่อหม้ายเคยมีลูกแล้ว1คนแต่อยู่กับทางเมียเก่า)
เราจัดการฝากท้อง บำรุง เนื้อนมไข่ ดูแลตัวเองอย่างดี เขาไม่เคยดูแลเราเลย นอกจากพาไปหาหมอ แต่เราstong!!ลูกฉันอยู่ในท้องฉัน ฉันก็ต้องดูแลเอง...
จริงๆแล้วมันไม่ควรเป็นแบบนั้นเลย เขาน่าจะเอาใจใส่เราบ้าง แต่ไม่เคย!!!! เราก็เฉยๆนะไม่เคยเรียกร้องอะไรทั้งนั้น แม้ตอนท้องเรามีภาวะครรภ์เป็นพิษ น้ำคร่ำน้อย บราๆๆๆ ปัญหาเยอะมากรับปัญหาคนเดียวคะ เครียดคนเดียว มีปรึกษาแม่บ้างเพื่อความสบายใจ หมอแนะนำให้นอนเยอะๆเราก็นอนคะ ทั้งวัน เดินน้อยมาก จนมีประเด็น
เขา:ไม่คิดจะเดินมาข้างนอกบ้างหรอ นอนทั้งวัน
ง่ะ....ก็หมอบอกให้ตูนอนเยอะๆเพราะมันเสี่ยงคลอดก่อนกำหนด มันคงไม่เข้าใจ
เรา: ก็หมอให้นอนเยอะๆมันเสี่ยงคลอดน้ำหนักลูกก็น้อย คลอดออกมาอันตรายจะทำไงอะ
เขา:หรอ....ต้องนอนทั้งวันเลยอะ???? ตอนหมอพูดมันก็ได้ยินนะ
เรา:.......#$##$$หมดคำพูด
ยอมคะ เพราะเราไม่อยากเครียด ไม่อยากเลยสักนิด แต่ก็น้อยใจนะ แอบร้องตลอด ทำไมๆเขาไม่เคยดูแลเราเลย บทสนทนาตอนนั้นเราจำขึ้นใจจริง มันเหมือนเขาจะว่าทางอ้อมว่าเราขี้เกียจอะ
ท้องได้ 29 วีค(ประมาน7เดือน)เราปวดท้องมาก เหมือนจะคลอดคะ ตอนตี2 ปวดบีบถี่ทุก5นาที เราปลุกเขาบอกว่าปวดท้องจะไป รพ.
เรา:เธอๆตื่น เราปวดท้องถี่เลยอะ ท้องแข็งทุก5นาที
เขา:ทำไงอะ นอนดูก่อนก็ได้
เรา:จะไป รพ.เดี๋ยวนี้....เราร้องเลยคะ กลัวลูกอันตรายกลัวคลอดก่อนกำหนด
เขา:ไม่รอดูก่อนละ เดี๋ยวก็หาย
เรา:#$#$$$ด่ายับ พร้อมลุกขึ้น เปลี่ยนชุด เตรียมเอกสาร เสื้อผ้าลูก เผื่อคลอดเลย
เดินไปบอกพ่อแม่ จนท่านเดินมาเปิดประตูหน้าบ้านจะพาเราไป รพ. มันเดินออกมาคะ เหมือนไม่มีไรเกิดขึ้น สตาร์ทรถพาเราไป รพ. ถึง รพ.ประมานตี3 พยาบาลพาเราขึ้นห้องคลอด เช็คดูบอกปากมดลูกนิ่มมาก เสี่ยงคลอด แต่ยังไม่เปิดนะดีที่มาทัน คุณหมอสั่งแอดมิด 7 วัน ฉีดยาทุก6ชม.และ12ชม.ทรมานมากปวดระบมไปหมด ส่วนไอตัวดี ก็มาคะ ไม่ยอมกลับบ้านไปทำงาน ทั้งๆที่ไม่ได้เฝ้านะ หมอให้เรานอนในห้องรอคลอดเป็นห้องรวม ญาติห้ามเข้า เราก็โลกสวยคิดว่ามันคงห่วงมั้ง...
ผ่านไป7วันจนหมอให้กลับบ้าน พร้อมกำชับว่าอย่ายืนนานๆอย่าเดินบ่อยๆไม่จำเป็นไม่ต้องเดินเลย
เราก็จัดตามคำบอกคะ ไม่เดินนอนอย่างเดียว จะไปก็แค่ห้องน้ำ กินๆนอนๆ น้ำหนักพุ้งพรวด อาทิตย์ละ2โล เราไม่สนคะ ใครจะพูดไร ชั่งแม่มมม!!
เรากลัวจริงๆกลัวจะคลอด เข็ดกับการโดนฉีดยาด้วย จน 35 วิค(8เดือนกว่า) มันพาเราไปบ้านมัน ไปธุระ แล้วนางพี่สาวของมันอยากจะค้างที่บ้าน (เขาติดรถเราไปด้วย)เราอิดออดคะ ไม่ยอม ไม่เอา ท้องตูใหญ่ขนาดนี้ นอนที่นี่ไม่ได้แน่ที่นอนแบบที่นอนปิกนิคอะคะ คิดถึงที่นอนนุ่มๆที่บ้านเลยตอนนั้น จนปั๊วตัวดีมันว่าเรา
เขา:ใครจะทำอะไร มันต้องอยู่ที่ตัวเธอตัดสินใจหรอ....แน๊ะมันเข้าข้างพี่สาวมันคะ
เรา:นี่ท้องจนจะคลอดแล้ว ที่นั่งรถมา 60 โลทั้งเมื้อยทั้งเหนื่อย ไม่มาก็ว่า พอมาก็มีปัญหาอีก เราตกลงกันแล้วว่าจะไม่ค้าง เพราะพี่เธอคนเดียว ถ้าอยากค้างก็ค้างไปสิ เราจะขับรถกลับเอง....ไม่ดูสภาพตัวเองเลยตู5555
แต่พูดไปก็แค่นั้นละคะ ไม่เป็นผลอันใด สุดท้ายก็ยอมค้าง1คืน ทั้งนอนไม่หลับ ปวดเมื้อยมาก ทรมานจนเช้า เหตุการณ์วันนั้น ทำให้เรามั่นใจขึ้นมานิดหนึ่งว่าเขาคงไม่รักเราแล้ว แต่ก็ได้แค่คิดคะ เราไม่ใช่คนโผงผาง เก็บมันไปเรื่อยๆ
และยังมีหลายเรื่องราวที่เกิดขึ้นซึ่งเราก็จำได้บ้างลืมบ้างแต่ล้วนแล้วเป็นเรื่องราวแย่ๆทั้งนั้น
วันคลอด....
เราตื่นเช้ามาและมีเลือดออก แต่เราไม่ตกใจนะตอนนั้นได้38วิคใกล้ๆกำหนดคลอด วันนั้นจำได้มีความสุขเหลือเกิน เราเดินเข้าห้องเงียบๆเก็บข้าวเก็บของ ค่อยๆเก็บเสื้อผ้าลูก เก็บของที่จำเป็น นั่งอยู่คนเดียวใจเย็นมาก(เหมือนตัวคนเดียว555) แล้วเขาก็เปิดประตูเข้ามา ถามว่าเก็บทำไม เราก็ตอบว่า ก็ไปคลอดลูกสิ...เขาก็ไถ่ถามเราต่างๆนาๆมีอาการอะไรยังไง บราๆๆๆแต่ก็ไม่ได้มีอาการตื่นเต้นอะไร วันนั้นมีเพื่อนพ่อเราเอาปลาเป็นๆมาให้พ่อแกงกิน เราหูดีมากบึ๊งไปหาพ่อขอปลาตัวนั้นจะเอาไปปล่อย เราบอกเขาว่าหลานสาวจะออกวันนี้แล้วนะ เขาก็ยอม คิดสะว่าให้ชีวิตอีก1ชีวิต พอเก็บของเรียบร้อยเราก็ไปวัด ทำบุญ ปล่อยปลาตัวนั้น(เราใจเย็นมาก555) แล้วก็กลับมาบ้าน มาเอาของไป รพ.ทันที คุณหมอตรวจนู้นนั่นนี่พร้อมคลอด เราคลอดลูกเวลาตี1 เขาก็มานั่งรอห้องคลอดนั่นแหละ พอเสร็จตอนเช้าย้ายเข้าห้องพิเศษ มันก็มาเลยคะ มาดูลูก อุ้มลูก หอมแก้มบราๆ
แล้วมันก็หลับ เราละดูลูกไปสิ ไม่คิดจะช่วยไรตูเลย ตูเจ็บแผลจะแย่ละ จะลุกจะนั่งนี่สุดๆคนคลอดลูกเองจะเข้าใจ จนตอนเย็นที่บ้านปิดร้าน คุณแม่ก็มา เราก็ได้พักผ่อนนอนสบายๆเพราะท่านมาช่วยดูช่วยอุ้ม พอมืดๆหน่อยแม่กลับไปนอนบ้าน ให้แฟนเฝ้าเรา แต่ๆไม่น่าเชื่อ คืนนั้นมันลากเตียงลูกไปใกล้ๆมันแล้วให้เรานอน ลูกร้องลูกตื่นเราไม่ได้ยินเพราะเพลียมากหลับเป็นตาย มันก็จับลูกมาให้กินนมเรานะ คืนนั้นดีดี๊มันไม่ได้นอนทั้งคืน แต่แค่คืนเดียว คืนเดียวจริงๆ555
พอกลับมาบ้านเด็กอ่อน ก็งอแงตามประสา เรานี่ไม่ได้นอนเลย ลูกร้องตั้งแต่3ทุ่มถึงเช้าทุกวัน ส่วนมันก็หลับสิรอไร???หลับเป็นตายทุกคืน ลูกจะร้องดังแค่ไหนมันก็หลับ พอตี4แม่เราจะมารับลูกเราไปห้องเขาเพื่อให้เราได้นอน ทุกคืนเลยคะ(แม่เราน่ารัก) ลูกเราเป็นแบบนั้นถึง 3 เดือน น้ำหนักเราตอนใกล้คลอด83ทุกวันนี้56เหนื่อยแค่ไหนคิดดู5555
พอลูกเริ่มโตนอนเป็นเวลา แต่เราก็ยังดูลูกคนเดียวอยู่ดีตอนหัวค่ำแม่เราจะเอาลูกไปเลี้ยงไปเล่นกับเขาจนเราทำอะไรเสร็จ(ทำงานบ้าน ล้างขวดนม ประมานนี้)ส่วนสามีก็เล่นไอโฟนยิกๆๆๆลูกนี้แทบจะไม่เคยอยู่กับเขา2คนเลย เป็นแบบนี้ทุกวัน แล้วเรื่องแย่ๆก็โถมกระหน่ำเข้ามาไม่ยั้ง เช่น มันไม่ลุกไปเปิดร้าน ให้พ่อเราเปิดตื่นสาย9โมงนี่ต้องเรียกแล้วเรียกอีก,นอนเล่นเกมในห้อง ไม่ออกไปทำงาน บราๆๆๆอีกเยอะ ไอเราก็เป็นคนใจเย็น ใจดีเหลือเกินที่ผ่านมาจนลูก 1 ขวบ เราก็ทะเลาะกันทุ๊กกกกวัน เขาออกจากบ้านไป2ครั้งไปอยู่กับพี่สาว ครั้งแรกเราตามกลับ ครั้งที่สองมันกลับเอง ทำให้เราชินชา ใจด้านเหลือเกิน เหมือนมันจะถึงจุดแตกหักละ มีลางสังหรณ์ในใจ สุดท้ายเราเลยไปคุยกับเขาเรื่องงาน ว่า....ก็เตือนๆดีๆเราพูดดีมากนะเท่าที่จำได้ แต่ๆมันมีน้ำโหพูดออกมาว่า ถ้าจะให้ทำเยอะขนาดนั่นตูเป็นเจ้าของร้านไปแล้วทุกวันนี้เหมือนเป็นลูกจ้าง ไม่อยากทำเลยรู้ไว้ด้วย....ง่ะ คือไร???พูดมาได้ไง ทำงานอยู่บ้าน ไม่เป็นลูกจ้างใคร บ้านไม่ต้องเช้าข้าวไม่ต้องซื้อ นอนห้องแอร์ทุกคืน ข้าวไม่ต้องหากินนะเราจัดการทุกอย่างนั่งรอได้เลย เรื่องลูกไม่เคยต้องยุ่งเราจัดการเองหมด น้ำยังไม่เคยอาบให้ลูกเลยคุ๊ณณ ทุกสิ่งทุกอย่างมันเข้ามาในสมองเรา ปลุกสมองเราตื่นๆๆ คะ ณ บัดนั้น เราจะไม่ทน ไล่คะ ไล่เขาออกจากบ้าน ไปสะ ในเมื่อบ้านนี้ไม่มีอะไรที่ดีกับเธอก็ไปส่ะ พ่อเราแม่เรามีลูกคนเดียวหวังพึ่งพาลูก แต่เธอๆๆทำให้เรารู้ว่าเธอมันพึ่งพาไม่ได้ เธอไม่เคยทำให้เราภูมิใจ ไม่เคยเป็นหัวหน้าครอบครัว เราเครียดเราเหนื่อยเธอเป็นที่ปรึกษาเราไม่ได้เลย(เราเคยปรึกษามันยิ่งซ้ำเติม)
พอ ลูกเรา เราเลี้ยงเองไม่ต้องมาสนใจอะไรอีก...และพูดอีกเยอะจำได้คร่าวๆ..เราตัดขาดความสัมพันธ์ในตอนนั้น เราไม่ร้องสักนิด ใจมันชา มันไม่ต้องการให้มีผู้ชายคนนี้ในชีวิตอีกต่อไป เขาก็พูดว่า งั้นก็ให้แม่เธอเลี้ยงเธอไปตลอดชีวิตแล้วกัน...ค่ะ เราไม่คิดถึงอนาคตอะไรหรอก เราขอหลุดพ้นจากเขาเป็นพอ จากนั้นเขาก็ไป แต่แปลกเรารู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูก มันไม่ใช่แค่เรื่องคำพูดเขาในวันสุดท้ายของเรานะ แต่มันคือทุกๆเรื่องที่เราเก็บเอาไว้ การกระทำแย่ๆของเขา เราระเบิดมันออกมาในตอนนั้น(ที่ผ่านมาเราพยายามเข้าหาเขาหลายครั้งมากเพื่อจะหันหน้าคุยกันตรงๆทั้งเรื่องครอบครัว เรื่องงานกิจการของพ่อแม่เรา ซึ่งพ่อแม่เรายกให้แฟนเราสืบทอดแต่มันไม่เคยคุยดีกับเราเลย เราเลยต้องเก็บเอาไว้) เราตัดสินใจเป็นแม่หม้ายลูกติด อายุเราน้อยนะตอนนี้20ต้นๆ แต่เรื่องอนาคตเราคงต้องเริ่มใหม่ในวันที่ไม่มีเขาแล้ว ตอนนี้ไม่นอย ไม่เสียใจ อย่างที่บอกคะ เราสบายใจมาก ใส่ใจคนรอบข้างมากขึ้นรักตัวเองมากขึ้น ดูเหมือนตัวเองมีค่ามาก เวลาอยู่กับลูกแค่สองคน
ขอบคุณพื้นที่นี้ที่ทำให้เราได้แชร์เรื่องราว และได้ระบาย ทุกตัวอักษรที่เราพิมพ์มันยิ่งซ้ำเติมลงไปในความรู้สึกเรา ว่าผู้ชายคนนี้เป็นคนยังไง และดีแค่ไหนที่หลุดพ้นมาได้
ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านจนจบนะคะ อาจจะไม่เป็นประโยชน์สาระอะไรแต่อย่างน้อยก็ทำให้คนๆหนึ่งได้ระบายเรื่องราวในใจที่ไม่เคยพูดออกไปให้ใครฟัง