จุดเริ่มต้นมันมาจากเจ้าหนูน้อยแก้มยุ้ยคนนี้ครับ
ไม่ต้องแปลกใจ เจ้าหนูกุสตาโว่ คนนี้ไม่ใช่ลูกหรือญาติของ
โรนัลโด้ครับ จะขอย้อนเวลาไปอีกสักนิด เพื่อซึมซับอารมณ์ว่าทำไม
โรนัลโด้ขวัญใจมหาชนชาวโปรตุเกสถึงรู้สึกปลื้มกับการทำบุญด้วยการบริจาคเลือดทุก6เดือน ขนาดไม่ยอมสักตามตัวตามแฟชั่นของนักกีฬา เพราะจะทำให้เขาอดบริจาคเลือด
เรื่องมีอยู่ว่า ....
ในบรรยากาศอันตึงเครียดของปี 2011 ปีที่ โปรตุเกส มีลุ้นจะตกรอบอดไปแข่งบอลยูโร 2012 เพราะต้องเพลออฟนัดสุดท้ายกับ บอสเนีย โดยมีเป้าว่าต้องชนะสถานเดียว
แต่ความเครียดของทุกคนเทียบไม่ได้กับความเครียดของกองกลางที่มีนามว่า คาลอส มาร์ตินส์ เพราะเขาพึ่งได้รับข่าวร้ายว่าลูกชายวัย3ขวบที่เป็นโรคลูคีเมีย ต้องเข้ารับการปลูกถ่ายไขกระดูกหรือเซลล์ต้นกำเนิด ก่อนที่จะอาการหนักกว่านี้ ที่สำคัญร่างกายของเจ้าหนูกลับไม่รับไขกระดูกของพ่อกับแม่ จึงเหลือทางเลือกเดียว คือหาไขกระดูกจากใครสักคนบนโลกในนี้ที่ตรงกับลูกชายของเขา เรียกได้ว่ายากระดับงมเข็มในมหาสมุทร คาร์ลอสถึงกับพูดว่า
แต่ด้วยสปิริตของนักกีฬา คาลอส มาร์ตินส์ ก็ยังอยู่ร่วมทีมเพื่อที่จะแข่งนัดชี้ชะตากับบอสเนีย โดยมีเพื่อนๆในทีมคอยให้กำลังใจ ผลการแข่งขันในวันนั้นปรากฏว่า โปรตุเกสได้รับชัยชนะอย่างยิ่งใหญ่ ด้วยผล 6 ประตูต่อ 2 เวลาคนทั้งประเทศร่วมกันแสดงความดีใจอย่างเต็มที่ และตามธรรมเนียมหลังแข่งเสร็จก็จะมีการให้สัมภาษณ์นักข่าวในวันนั้น เปาโล เบนโต้ โค้ชทีมชาติได้กล่าวว่า
สำหรับ
คริสเตียโน โรนัลโด้ ซึ่งเป็นกัปตันทีมได้พูดเรื่องนี้ว่า
หลังจากนั้น
โรนัลโด้กับเพื่อนๆในทีมชาติก็เริ่มปฏิบัติการงมเข็มในมหาสมุทร โดยช่วยกับทวีตว่า
#todosconMartins
โดยเฉพาะโรนัลโด้ ช่วยประชาสัมพันธ์ทั้ง twitter, facebook และหน้าเว็บส่วนตัวของเขาว่า

ในตอนนั้นกระแสความช่วยเหลือก็เริ่มปรากฏชัดเจนขึ้นหลายๆอย่าง ประธานสโมสรกรานาด้า ในสเปนที่คาร์ลอสสังกัดประกาศว่า เราจะทำทุกวิถีทางเพื่ออำนวยความสะดวกในการตามหาไขกระดูกให้กับหนูน้อยกุสตาโว่ โดยออกข่าวเชิญชวนคนมาบริจาคเลือดตัวอย่างเพื่อนำไปตรวจหาไขกระดูก โดยมีการตั้งโต๊ะรับบริจาคเลือดไว้ใกล้ๆกันสนามแข่งในวันที่จัดการแข่งขันวันอาทิตย์
“เรารู้ว่ามันเป็นสิ่งที่ท้าทายมากที่เราช่วยกันทำโครงการนี้
เราตั้งใจช่วยรักษาชีวิตลูกของเขาและอีกหลายๆชีวิต ด้วยพลังของชาวกรานาด้า”
และในวันอาทิตย์ ทีมกรานาด้าลงแข่งกับทีมมาร์ยอก้า คาร์ลอสยืนยันที่จะลงแข่งให้กับทีมภายใต้เสื้อเบอร์ 17 ของทีม ซึ่งในวันนั้นเอง แฟนบอลมีการนัดกันทางโซเชี่ยลว่า
ทำให้ดูเหมือนกับว่าการเดินทางมาในสนามวันนั้นของทุกคนเป็นการรวมตัวกันเพื่อให้กำลังใจคาร์ลอสและครอบครับของเขา
ลองดูภาพบรรยากาศในสนามวันนั้นกันครับ

จะเห็นได้ว่าวันนั้นเขาได้กำลังใจอย่างล้นหลาม ที่สำคัญอย่างกับเขียนบทไว้ เขาเป็นคนยิงประตูชัยให้กับทีมได้ด้วย หลังจากที่ทุกๆคนช่วยกันหาคนที่สนใจมาบริจาค และในอีกอีก 12 เดือนต่อมา ทางคาร์ลอสก็ได้รับข่าวดีว่าตรวจพบเลือดตัวอย่างที่มีไขกระดูกตรงกับเจ้าหนูกุสตาโว่ สุดท้ายภาพประทับใจระหว่างความรักของพ่อ-ลูก ก็ไม่ได้กลายเป็นเพียงอตีต

- -
เกือบจะจบแล้วครับเหลือพี่โด้อีกคน
หลังจากวันนั้นมาความปลื้มที่ได้ทำบุญ ทั้งให้ตรวจเลือดตัวอย่างและมีส่วนช่วยประชาสัมพันธ์ให้เพื่อนอย่างเต็มที่จนเจ้าหนูกุสตาโว่รอดตาย เขาก็ยังเดินหน้าบริจาคเลือดและชวนคนมาทำบุญนี้ต่อไปโดยให้เหตุผลที่น่าสนใจว่า
2คำถาม-คำตอบเด็ดของโรนัลโด้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้คำถามที่1 : ทำไมคุณให้ความสำคัญกับการบริจาคเลือด
โรนัลโด้ : เพราะว่ามันเป็นความน่าอัศจรรย์ของโลกนี้ไง ! ผมคิดว่ามันเป็นสิ่งที่ดีที่เราได้ช่วยรักษาชีวิตของคน สำหรับคนที่ยังไม่เคยบริจาคเลือด ผมคิดว่าพวกเขาควรจะลองอย่างน้อยสักครั้งหนึ่ง
คำถามที่2 : ขอ3คำสำหรับการบริจาคเลือด ?
โรนัลโด้ : Blood Save Life
-----
ดาราประจำทีมรีลมาดริดยังพูดถึงความประทับใจในการบริจาคเลือดครั้งแรกของเขาอยู่บ่อยๆว่า
จะเห็นได้ว่าจากจุดเริ่มต้นเล็กๆที่อยากจะช่วยเหลือเพื่อน แต่พอโรนัลโด้ได้มีโอกาสในการทำบุญทำความดี แล้วเขาเริ่มรู้สึกปลื้มในสิ่งที่ทำตั้งแต่นั้นมาก็บริจาคเลือดมาตลอด จนเป็นต้นแบบให้กับคนได้ทั้งโลก
ทำให้นึกถึงคำพระที่ท่านบอกว่าเมื่อเราทำบุญหรือความดีให้เราหาโอกาสมานึกทบวนบ่อยๆ เพราะ จะทำให้เราปลื้มแล้วจะมีกำลังใจในการทำได้อย่างต่อเนื่องครับ
เจาะลึกการบริจาคเลือดครั้งแรกของโรนัลโด้ สาเหตุที่ปลื้มจนทำได้ต่อเนื่อง ??
ไม่ต้องแปลกใจ เจ้าหนูกุสตาโว่ คนนี้ไม่ใช่ลูกหรือญาติของโรนัลโด้ครับ จะขอย้อนเวลาไปอีกสักนิด เพื่อซึมซับอารมณ์ว่าทำไมโรนัลโด้ขวัญใจมหาชนชาวโปรตุเกสถึงรู้สึกปลื้มกับการทำบุญด้วยการบริจาคเลือดทุก6เดือน ขนาดไม่ยอมสักตามตัวตามแฟชั่นของนักกีฬา เพราะจะทำให้เขาอดบริจาคเลือด
เรื่องมีอยู่ว่า ....
ในบรรยากาศอันตึงเครียดของปี 2011 ปีที่ โปรตุเกส มีลุ้นจะตกรอบอดไปแข่งบอลยูโร 2012 เพราะต้องเพลออฟนัดสุดท้ายกับ บอสเนีย โดยมีเป้าว่าต้องชนะสถานเดียว
แต่ความเครียดของทุกคนเทียบไม่ได้กับความเครียดของกองกลางที่มีนามว่า คาลอส มาร์ตินส์ เพราะเขาพึ่งได้รับข่าวร้ายว่าลูกชายวัย3ขวบที่เป็นโรคลูคีเมีย ต้องเข้ารับการปลูกถ่ายไขกระดูกหรือเซลล์ต้นกำเนิด ก่อนที่จะอาการหนักกว่านี้ ที่สำคัญร่างกายของเจ้าหนูกลับไม่รับไขกระดูกของพ่อกับแม่ จึงเหลือทางเลือกเดียว คือหาไขกระดูกจากใครสักคนบนโลกในนี้ที่ตรงกับลูกชายของเขา เรียกได้ว่ายากระดับงมเข็มในมหาสมุทร คาร์ลอสถึงกับพูดว่า
แม้ผมจะร้องไห้หลายครั้งมาก แต่ผมเตือนตัวเองว่าผมต้องหาวิธีช่วยชีวิตลูกชายให้ได้”
แต่ด้วยสปิริตของนักกีฬา คาลอส มาร์ตินส์ ก็ยังอยู่ร่วมทีมเพื่อที่จะแข่งนัดชี้ชะตากับบอสเนีย โดยมีเพื่อนๆในทีมคอยให้กำลังใจ ผลการแข่งขันในวันนั้นปรากฏว่า โปรตุเกสได้รับชัยชนะอย่างยิ่งใหญ่ ด้วยผล 6 ประตูต่อ 2 เวลาคนทั้งประเทศร่วมกันแสดงความดีใจอย่างเต็มที่ และตามธรรมเนียมหลังแข่งเสร็จก็จะมีการให้สัมภาษณ์นักข่าวในวันนั้น เปาโล เบนโต้ โค้ชทีมชาติได้กล่าวว่า
สำหรับคริสเตียโน โรนัลโด้ ซึ่งเป็นกัปตันทีมได้พูดเรื่องนี้ว่า
เพราะคาร์ลอสเพื่อนของเราต้องการความช่วยเหลือจากชาวโปรตุเกสเพื่อชนะโรคร้ายที่กำลังจะพรากชีวิตของลูกชายเขา
เราต้องรวมกันเป็นหนึ่งในแบบเดียวกับที่เราทำในการแข่งฟุตบอล”
หลังจากนั้นโรนัลโด้กับเพื่อนๆในทีมชาติก็เริ่มปฏิบัติการงมเข็มในมหาสมุทร โดยช่วยกับทวีตว่า #todosconMartins
โดยเฉพาะโรนัลโด้ ช่วยประชาสัมพันธ์ทั้ง twitter, facebook และหน้าเว็บส่วนตัวของเขาว่า
ในตอนนั้นกระแสความช่วยเหลือก็เริ่มปรากฏชัดเจนขึ้นหลายๆอย่าง ประธานสโมสรกรานาด้า ในสเปนที่คาร์ลอสสังกัดประกาศว่า เราจะทำทุกวิถีทางเพื่ออำนวยความสะดวกในการตามหาไขกระดูกให้กับหนูน้อยกุสตาโว่ โดยออกข่าวเชิญชวนคนมาบริจาคเลือดตัวอย่างเพื่อนำไปตรวจหาไขกระดูก โดยมีการตั้งโต๊ะรับบริจาคเลือดไว้ใกล้ๆกันสนามแข่งในวันที่จัดการแข่งขันวันอาทิตย์
เราตั้งใจช่วยรักษาชีวิตลูกของเขาและอีกหลายๆชีวิต ด้วยพลังของชาวกรานาด้า”
และในวันอาทิตย์ ทีมกรานาด้าลงแข่งกับทีมมาร์ยอก้า คาร์ลอสยืนยันที่จะลงแข่งให้กับทีมภายใต้เสื้อเบอร์ 17 ของทีม ซึ่งในวันนั้นเอง แฟนบอลมีการนัดกันทางโซเชี่ยลว่า
ทำให้ดูเหมือนกับว่าการเดินทางมาในสนามวันนั้นของทุกคนเป็นการรวมตัวกันเพื่อให้กำลังใจคาร์ลอสและครอบครับของเขา
ลองดูภาพบรรยากาศในสนามวันนั้นกันครับ
จะเห็นได้ว่าวันนั้นเขาได้กำลังใจอย่างล้นหลาม ที่สำคัญอย่างกับเขียนบทไว้ เขาเป็นคนยิงประตูชัยให้กับทีมได้ด้วย หลังจากที่ทุกๆคนช่วยกันหาคนที่สนใจมาบริจาค และในอีกอีก 12 เดือนต่อมา ทางคาร์ลอสก็ได้รับข่าวดีว่าตรวจพบเลือดตัวอย่างที่มีไขกระดูกตรงกับเจ้าหนูกุสตาโว่ สุดท้ายภาพประทับใจระหว่างความรักของพ่อ-ลูก ก็ไม่ได้กลายเป็นเพียงอตีต
- -
เกือบจะจบแล้วครับเหลือพี่โด้อีกคน
หลังจากวันนั้นมาความปลื้มที่ได้ทำบุญ ทั้งให้ตรวจเลือดตัวอย่างและมีส่วนช่วยประชาสัมพันธ์ให้เพื่อนอย่างเต็มที่จนเจ้าหนูกุสตาโว่รอดตาย เขาก็ยังเดินหน้าบริจาคเลือดและชวนคนมาทำบุญนี้ต่อไปโดยให้เหตุผลที่น่าสนใจว่า
ผมหวังว่าจะไม่มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดกับลูกของผมแต่เราก็ไม่มีทางรู้ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร”
2คำถาม-คำตอบเด็ดของโรนัลโด้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
-----
ดาราประจำทีมรีลมาดริดยังพูดถึงความประทับใจในการบริจาคเลือดครั้งแรกของเขาอยู่บ่อยๆว่า
การบริจาคเลือดมันง่ายกว่านั้นมาก ไม่ต้องบาดเจ็บและเสียค่ายใช้จ่ายแถมได้ช่วยเหลือคนอีกด้วย ”
จะเห็นได้ว่าจากจุดเริ่มต้นเล็กๆที่อยากจะช่วยเหลือเพื่อน แต่พอโรนัลโด้ได้มีโอกาสในการทำบุญทำความดี แล้วเขาเริ่มรู้สึกปลื้มในสิ่งที่ทำตั้งแต่นั้นมาก็บริจาคเลือดมาตลอด จนเป็นต้นแบบให้กับคนได้ทั้งโลก ทำให้นึกถึงคำพระที่ท่านบอกว่าเมื่อเราทำบุญหรือความดีให้เราหาโอกาสมานึกทบวนบ่อยๆ เพราะ จะทำให้เราปลื้มแล้วจะมีกำลังใจในการทำได้อย่างต่อเนื่องครับ