(แค่) รวม 'ทรัพย์สินชาติ' 'ไอซีที' ย้ำไม่ใช่แปรรูปรัฐวิสาหกิจ


(แค่) รวม 'ทรัพย์สินชาติ' 'ไอซีที' ย้ำไม่ใช่แปรรูปรัฐวิสาหกิจ
ประชาชาติธุรกิจ ฉบับวันที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

          แค่เริ่มต้นนับหนึ่งโมเดลฟื้นฟูองค์กร "ทีโอที-แคท" ก็มีเสียงคัดค้านดังกระหึ่ม (ตามคาด) จากสหภาพแรงงานของทั้งคู่ โดย "แคท" ชูประเด็นว่าเป็นการถ่ายโอนทรัพย์สินให้เอกชน ทำให้องค์กรที่ยังทำกำไรได้ต้องอ่อนแอลง และอื่นๆ อีกมากมาย

          ในฐานะหน่วยงานในกำกับดูแล รัฐมนตรีกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสาร (ไอซีที) "อุตตม สาวนายน" กล่าวกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่าไม่ใช่การยุบรวม 2 องค์กร แต่เป็นการปรับปรุงให้อยู่รอดอย่างยั่งยืน รวมถึงไม่ใช่การถ่ายโอนทรัพย์สินหรือแปรรูปรัฐวิสาหกิจแน่นอน

          "ทรัพย์สินที่จะนำมารวมใน 3 บริษัทลูก เป็นทรัพยากรของชาติไม่ใช่ของทีโอที หรือของแคท และที่ต้องรวมเพื่อลดการลงทุนซ้ำซ้อน และหาทางใช้งานให้ดีกว่าเดิม ทั้งในแง่ของอินฟราสตรักเจอร์ และบุคลากร โดยทำให้เป็นโอเพ่นแอสเซต 3 บริษัทใหม่ ทั้งทีโอทีกับแคทก็ยังถือหุ้น 100% ร่วมกันตามการตีมูลค่าทรัพย์สิน และยังไม่ได้ระบุปลายทางว่าจะนำไปเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งนายกรัฐมนตรีเองยังแจ้งให้ไปหาโมเดลที่จะเปิดให้พนักงานของทั้งบริษัทแม่และบริษัทย่อยได้แชร์ประโยชน์ได้รับผลตอบแทนร่วมกันด้วย ทั้งย้ำให้ดูแลพนักงานของทั้งคู่ให้สมศักดิ์ศรีของการเป็นรัฐวิสาหกิจ"

          อย่างไรก็ตาม "รัฐมนตรีไอซีที" ย้ำว่าทุกคน (พนักงาน) ต้องยอมรับความจริงให้ได้ก่อนว่าจะอยู่แบบเดิมไม่ได้แล้ว และ "แคท" เองถ้าผลประกอบการโดดเด่นจริงก็คงไม่เป็น 1 ใน 7 รัฐวิสาหกิจที่ต้องเร่งปรับปรุงองค์กร ขณะที่โมเดลใหม่ของ "คนร." ก็เป็นไปตามที่ทั้งคู่ได้ศึกษาและเห็นชอบในเบื้องต้นว่าจะสร้างมูลค่าใหม่ให้ได้จึงเสนอให้คณะอนุกรรมการของ คนร.รวบรวมส่งเข้าที่ประชุม คนร.จนมีมติออกมา และนายกรัฐมนตรีได้เร่งรัดให้เร็วกว่ากรอบเวลาที่กำหนดไว้ ทางอนุกรรมการก็เห็นว่าน่าจะทำได้เร็วกว่านั้นแน่นอน

          "ข้อดีของโมเดลใหม่แก้ข้อเสียของทีโอทีและแคทที่เป็นองค์กรใหญ่ อุ้ยอ้าย เมื่อตั้งบริษัทลูกใหม่ย่อมมีความชัดเจนทั้งกรอบการทำงาน ทรัพย์สินในมือก็จะชัดเจน เชื่อว่าจะคล่องตัวขึ้น แม้ว่าตอนนี้จะยังไม่มีข้อเสนอเกี่ยวกับการลดหย่อนกฎเกณฑ์ในฐานะยังเป็นรัฐวิสาหกิจ ส่วนโมเดลการตั้งบริษัทลูกในอดีตที่ไม่เวิร์ก ก็เพราะพลาดในการบริหารจัดการ ยุคนี้น่าจะไม่ซ้ำรอยเพราะรัฐบาลและ คนร.กำกับอยู่"

          ทั้งเชื่อว่าถ้าโมเดลใหม่ทำให้พอเห็นแสงสว่างทางรอดได้บ้าง ก็น่าจะพอหาคนเก่งๆ เข้ามาช่วยได้

          "สุดท้ายอยู่ที่ว่าภาคปฏิบัติจะทำได้ดีแค่ไหน แต่ที่แน่ ๆ คือ ดีกว่าอยู่แบบเดิม ถ้าไม่ทำอะไร ทั้งคู่จะตอบสังคมอย่างไร ยิ่งขาดทุนยิ่งกลายเป็นภาระรัฐบาล"

          แต่การรวมโครงข่ายของทีโอทีและแคทจะไม่เกี่ยวกับโครงการบรอดแบนด์หมู่บ้าน 15,000 ล้านบาท และอินเทอร์เน็ตเกตเวย์และเคเบิลใต้น้ำเชื่อมต่อระหว่างประเทศมูลค่า 5,000 ล้านบาท ที่เป็นโครงการนำร่องนโยบายเศรษฐกิจดิจิทัลของรัฐบาล เพราะกำลังอยู่ในแนวทางการศึกษาการตั้งกองทุนแห่งชาติ

          "2 โครงการนำร่องจะไม่รวม คือ ไม่ลงบัญชีว่าเป็นทรัพย์สินของบริษัทใหม่หลังมีการจัดตั้ง ถือว่ายังเป็นทรัพย์สินของรัฐที่ไอซีทีดูแลอยู่  และใน 3 บริษัทลูกก็ไม่มีแนวคิดที่กระทรวงไอซีทีจะเข้าไปถือหุ้น"

          แต่การตั้งกองทุนมีความซับซ้อนจึงต้องใช้เวลา มีความชัดเจนก็อาจจะเอาทรัพย์สินใน NBN-CO, NGN-CO, IDC-CO เข้าไปรวมก็ได้ ซึ่งต้องมีการตีมูลค่าและผลตอบแทนที่จะได้ ไม่ใช่ยักย้ายถ่ายเททรัพย์สินของชาติ ทุกกระบวนการต้องตอบสังคมได้ เพราะสังคมไม่ใช่แค่ทีโอทีกับแคท แต่ต้องหมายถึงสาธารณะทั้งหมด



แหล่งข่าว
หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ ฉบับวันที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2559 (หน้า 25)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่