คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 6
การเดินทางไปสู่อนาคตมึความเป็นไปได้ตามหลักฟิสิกส์อยู่แล้วครับเพี่ยงแต่ว่า เป็นการเดินทางรอบเดียวสู่อนาคตเท่านั้นและไม่สามารถเดินทางย้อนกลับไปยังอดีตได้ ซึ่งอธิบายได้ด้วย ทฤษฎีสัมพัทธภาพพิเศษ(special relativity) และ ทั่วไป(general relativity)ของไอน์สไตน์นะครับ แต่ผมขออธิบายด้วย ทฤษฎีสัมพัทธภาพพิเศษตามความเข้าใจของผมเท่านั้นนะครับ
โดยตามทฤษฎีสัมพัทธภาพพิเศษของไอน์สไตน์แล้ว เวลาไม่ใช้สิ่งสัมบูรณ์ (คือช่วงเวลาที่บุคคลหรือวัตถุสองสิ่งใตๆ รู้สึกไม่จำเป็นต้องเท่ากัน แต่ขึ้นอยู่กับความเร็วสัมพัทธระหว่างสองวัตถุนั้นๆ) ตัวอย่างเช่น A ยื่นอยู่นิ่งบนพึ้นโลก และ B นั่งอยู่บนรถที่เคลื่อนที่ด้วยความเร็วคงที่ ระยะเวลาหนึ่งวินาที่ของ B จะยาวกว่า A (ความแตกต่างนี้จะน้อยมากที่ความเร็วปกติ แต่จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆเมื่อความเร็วของรถเข้าใกล้ความเร็วของแสง) สมมติว่า ระหว่างที่นั่งบนรถ เวลาของ B ยาวเป็นสองเท่า ของ A คือ เมื่อเวลาของ B ผ่านไป 1 วินาทีบนรถ เวลาของ A จะผ่านไป 2วินาที (เวลา 1วินาทีของ B เท่ากับ 2 วินาทีของ A) และสมมติว่า สิ่งต่างๆบนโลก ไม่เคลื่อนที่เมื่อเทียบกับ A ดังนั้นเวลาบนโลกก็จะเท่ากับ A หากว่า B นั่งอยู่บนรถเป็นเวลา 1ปีของ B เมื่อเขาลงจากรถ เวลาของ A และโลกจะผ่านไป 2 ปี ซึ่งหมายความว่า B ได้เดินทางมาสู่อนาคตในอีกหนึ่ง1ปีข้างหน้าจากที่เขารู้สึกในรถ
ทฤษฎีนี้ได้รับการพิสูจน์หลายครั้งแล้ว ในการทดลอง ตัวอย่างเช่น การทดลองของ Hafele and Keating Experiment ซึ่งกระทำโดยการนำ นาฬิกาที่มีความเที่ยงตรงสูงและสามารถวัดระยะเวลาที่สั่นมากๆได้ ขึ้นไปบนเครื่องบินแล้วทำการบินรอบโลก โดยผู้ทดลองได้ปรับเวลาของนาฬิกาบนเครื่องบินให้ตรงกับนาฬิกาตัวอื่นบนโลกเพื่อเป็นตัวเปรียบเทียบ หลังจากการบินรอบโลก พบว่า นาฬิกาบนเครื่องบิน และ บนพื้นโลกบอกเวลาไม่ตรงกันตามทฤษฎีของไอน์สไตน์
ส่วนเทคโนโลยีในปัจจุบันที่ได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้ก็ คือ ระบบ GPS ซึ่งต้องพึ่งดาวเทียมที่โคจรรอบโลก โดยในการคำนวนของระบบ GPS ได้มีการขอบคลุ่มถึงความแตกต่างของเวลาเรียบร้อยแล้ว ไม่เช่นนั้นการบอกพิกัดของ GPS จะคลาดเคลื่อนไปเพราะ ความเร็วในการโคจรของดาวเทียมรอบโลก นอกจากนี้แนวความคิดนี้ก็ได้ถูกนำมาเขียนเป็น นิยาย หรือ ภาพยตน์มากมาย เรื่องล่าสุดที่ผมจำได้ก็คือ Interstellar [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
โดยตามทฤษฎีสัมพัทธภาพพิเศษของไอน์สไตน์แล้ว เวลาไม่ใช้สิ่งสัมบูรณ์ (คือช่วงเวลาที่บุคคลหรือวัตถุสองสิ่งใตๆ รู้สึกไม่จำเป็นต้องเท่ากัน แต่ขึ้นอยู่กับความเร็วสัมพัทธระหว่างสองวัตถุนั้นๆ) ตัวอย่างเช่น A ยื่นอยู่นิ่งบนพึ้นโลก และ B นั่งอยู่บนรถที่เคลื่อนที่ด้วยความเร็วคงที่ ระยะเวลาหนึ่งวินาที่ของ B จะยาวกว่า A (ความแตกต่างนี้จะน้อยมากที่ความเร็วปกติ แต่จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆเมื่อความเร็วของรถเข้าใกล้ความเร็วของแสง) สมมติว่า ระหว่างที่นั่งบนรถ เวลาของ B ยาวเป็นสองเท่า ของ A คือ เมื่อเวลาของ B ผ่านไป 1 วินาทีบนรถ เวลาของ A จะผ่านไป 2วินาที (เวลา 1วินาทีของ B เท่ากับ 2 วินาทีของ A) และสมมติว่า สิ่งต่างๆบนโลก ไม่เคลื่อนที่เมื่อเทียบกับ A ดังนั้นเวลาบนโลกก็จะเท่ากับ A หากว่า B นั่งอยู่บนรถเป็นเวลา 1ปีของ B เมื่อเขาลงจากรถ เวลาของ A และโลกจะผ่านไป 2 ปี ซึ่งหมายความว่า B ได้เดินทางมาสู่อนาคตในอีกหนึ่ง1ปีข้างหน้าจากที่เขารู้สึกในรถ
ทฤษฎีนี้ได้รับการพิสูจน์หลายครั้งแล้ว ในการทดลอง ตัวอย่างเช่น การทดลองของ Hafele and Keating Experiment ซึ่งกระทำโดยการนำ นาฬิกาที่มีความเที่ยงตรงสูงและสามารถวัดระยะเวลาที่สั่นมากๆได้ ขึ้นไปบนเครื่องบินแล้วทำการบินรอบโลก โดยผู้ทดลองได้ปรับเวลาของนาฬิกาบนเครื่องบินให้ตรงกับนาฬิกาตัวอื่นบนโลกเพื่อเป็นตัวเปรียบเทียบ หลังจากการบินรอบโลก พบว่า นาฬิกาบนเครื่องบิน และ บนพื้นโลกบอกเวลาไม่ตรงกันตามทฤษฎีของไอน์สไตน์
ส่วนเทคโนโลยีในปัจจุบันที่ได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้ก็ คือ ระบบ GPS ซึ่งต้องพึ่งดาวเทียมที่โคจรรอบโลก โดยในการคำนวนของระบบ GPS ได้มีการขอบคลุ่มถึงความแตกต่างของเวลาเรียบร้อยแล้ว ไม่เช่นนั้นการบอกพิกัดของ GPS จะคลาดเคลื่อนไปเพราะ ความเร็วในการโคจรของดาวเทียมรอบโลก นอกจากนี้แนวความคิดนี้ก็ได้ถูกนำมาเขียนเป็น นิยาย หรือ ภาพยตน์มากมาย เรื่องล่าสุดที่ผมจำได้ก็คือ Interstellar [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แสดงความคิดเห็น
การเดินทางข้ามเวลามีจริงมั้ย แบบ ปัจุบัน ไปหา อนาคต อ่ะ?