ก่อนอื่นต้องขออภัยนะครับ ถ้าภาษาเขียนอาจจะมีถูกผิดบ้าง ไม่สละสลวย
เข้าเรื่องตามที่จั่วหัวไว้เลยละกันครับ ไม่อยากเสียเวลา
นักปฎิวัติสำหรับกลุ่มคนหนึ่ง อาจจะเป็นทรราชในสำหรับอีกกลุ่มคนหนึ่งก็ได้
คำกล่าวนี้อาจจะเคยมีใครเคยได้ยินมาบ้างนะครับ
ประเทศสหรัฐอเมริกาที่หลายๆท่านอวยกันจนฟินเหลือเกิน สรรเสริญกันต่างๆนาๆ หากย้อนกลับไปดูในยุคแรก แห่งการกำเนิดประเทศนี้ เป็นเรื่องราวของการหลั่งเลือด การขับไล่ชนเผ่าอินเดียนแดงที่มีวัฒนรรมอยู่ที่นั่นมาเป็นร้อยปี ออกจากพื้นที่.. จนในทุกวันนี้เหลือกลุ่มคนอินเดียนแดงเพียงหยิมมือเท่านั้น และถูกจำกัดให้อยู่ในพื้นที่เล็กๆ ทั่วอเมริกา มีชีวิตที่แร้นแค้นและยากลำบาก
หรือแม้แต่ในช่วงสงครามปฎิวัต ที่แยกตัวออกจากอาณานิคมอังกฤษก็ตาม แน่นอนในหนังสือประวัติศาสตร์อเมริกาย่อมระบุชัดเจนว่า เป็นสงครามเพื่ออิสรภาพ เพื่อแยกตัวออกจากอังกฤษ
แต่หากดูกันในรายละเอียดแล้ว เป็นเรื่องของการเก็บภาษี โดยอาณานิคมอังกฤษล้วนๆ ต้นเชื้อก็คือผู้คนในทวีปอเมริกาขณะนั้น ไม่อยากจ่ายภาษีนั่นแหละ เลยอยากแยกตัวออกมา แต่โบนัสชิ้นโตก็คือ ได้เป็นเจ้าของประเทศอุดมสมบูรณืที่เรียนกว่า "อเมริกา" นี้เลย
หากมองในมุมมองของอาณานิคมอังกฤษ ถามว่ายุติธรรมมั๊ย หากพวกเขาจะเก็บภาษี ในเมื่อพวกเขาเป็นสร้างรากฐานของทวีปอเมริกานี้ขึ้นมา จากเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อนที่ชนเผ่าอินเดียนแดงล่าถลกหนังหัวชาวอาณานิคมทุกวัน จนกลายเป็นกลุ่มอาณานิคมที่ เป็นระบบ เส้นทางการค้าที่ปลอดภัย เหล่านี้เงินทุน และเวลาสร้างเป็นสิบๆปี
อาจจะร่ายยาวไปหน่อย แต่ตรงนี้ผมแค่อยากวาดภาพให้เห็นว่า ไม่มีใครถูก ไม่มีใครผิดทุกอย่างอยู่ที่มุมมอง
*****แต่******
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ความต้องการของประชาชน "ส่วนใหญ่" ของประเทศ
ผมต้องขอเน้นคำว่า "ส่วนใหญ่" นะครับ เพราะโลกที่ประชาชนเห็นด้วยเป็นเสียงเดียวกันหมด มันไม่มีหรอก มันต้องมีคนไม่เห็นด้วยอยู่แล้ว
สิ่งนี้จะเป็นตัวกำหนดทิศทางของประเทศเองครับ ไม่สำคัญหรอกว่า การเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองประเทศ ไม่ว่าจะเป็นการปฎิวัติ การยึดอำนาจ จะมีผู้เอาใส่กระเช้าดอกไม้มายื่นให้ โดยทหาร นักการเมือง หรือ กลุ่มประชาชนใดก็ตาม
หากเสียง"ส่วนใหญ่" ของประเทศไม่เอาด้วยแล้ว มันไปไม่รอดหรอกครับ จุดเดือดอยู่ไม่ไกล...
คราวนี้เรามามองการพยายามปฎิวัติ ของฝ่ายกลุ่มอำนาจทหารที่ประเทศตุรกีกัน..
มองผิวเผิน อาจจะเปนการจับมือคนทั้งประเทศ เพื่อต่อต้านรัฐประหารจากฝ่ายทหาร.. มองดูแล้วเป็นภาพที่สวยงาม..
หรือ!!!
ประธานาธิบดีเออร์โดแกน อาจจะมีกลุ่มสนับสนุนที่แน่นเหนียว ที่พร้อมจะออกมาประจัญหน้า เพื่อให้ผู้นำที่ตัวเองชื่นชอบ ได้กุมอำนาจต่อ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม เพราะประธานาธิบดีคนนี้ ก็ไม่ได้ใสสะอาดนะครับ ไปลองขุดประวัติ และขั้วผลประโยชน์ที่เขาเอื้อหนุนดู...
และนี่ อาจจะเป็นสัญญาญอะไรบางอย่าง ว่า "สิ่งที่ดำเนินอยู่ในทุกวันนี้ มันไม่โอเคนะ" และ ควรต้องมีการเปลี่ยนแปลง เป็นหนังตัวอย่าง ของอะไรที่ใหญ่กว่านี้ ที่จะตามมา..
เพราะต้องยอมรับว่า "พลังเงียบ" ต้องใช้เวลาปลุกนานเหมือนกัน..
คราวนี้ผมอยากให้เรา หันหน้าออกจากจอคอมซักแปป แล้วมองออกไปนอกหน้าต่างดู
ทุกวันนี้เราไม่ได้อยู่ในประเทศที่มีระบอบประชาธิปไตยนะครับ.. แต่ท่านได้ยินเสียงปืน เสียงระเบิด เสียงประชาชนแบ่งฝ่ายเข้าห้ำหั่นกันมั๊ย?
แน่นอน ไม่ได้ยินหรอก.. แต่อย่าลืมว่าประเทศของเราได้ผ่านจุดเหล่านั้นมาแล้ว
อาจจะนอกประเด็นไปแปปนึง แต่อยากให้ย้อนเวลากลับไปสักเมื่อสองหรือสามปีที่แล้ว
มีการปฎิวัติ มีการรัฐประหารกันเกิดขึ้น.. มีภาพที่ทหารเดินสวนสนามออกมา เอารถถังออกมาบนถนนมากมาย..
แล้วมีประชาชนลุกฮือร่วมกันต่อต้านมั๊ยครับ?
ทุกอย่างดำเนินไปอย่างสวยงาม มีภาพที่ประชาชนคนไทยเอาดอกไม้มอบให้ทหาร เอาน้ำเอาขนมไปให้
ซึ่งในคร้งนั้น ผมคิดว่า "เสียงส่วนใหญ่" ของประเทศได้ทำการโหวตไปแล้ว ว่าประเทศสมควรได้รับการเปลี่ยนแปลง อำนาจเก่าๆที่ออกจะเหลี่ยมๆ เหี่ยวๆ มันหมดเวลาไปแล้วล่ะ
หาก"เสียงส่วนใหญ่" ไม่โอเคจริงกับทุกอย่างที่เกิดขึ้น มันแตกหักกันไปนานแล้วล่ะครับ จนถึงทุกวันนี้ก็สองปีแล้ว ที่ประชาชนคนไทยเรามีความสงบสุขปลอดภัยกันมา
ขอย้ำหน่อยว่า ระบอบประชาธิปไตย เป็นระบอบที่ทุกคนมีสิทธิ์มีเสียงเท่ากันจริง แต่สุดท้ายแล้ว "เสียงส่วนน้อย" ก็ต้องเคารพ "เสียงส่วนใหญ" อ่ะนะครับ ตอนนี้เราก็ดำเนินมาไกลแล้ว คุณก็ไปใช้เสียง ตามระบบที่คุณเรียกหาละกัน แต่ถึงเวลาผลออกมาเป็นยังไง ก็ต้องยอมรับกันนะครับ
ทหาร? การปฏิวัติ? การต่อต้าน? เสียงประชาชน? มันก็แค่คำสวยๆแต่นั้นแหละครับ ทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับพลังแห่งประชาชน
เข้าเรื่องตามที่จั่วหัวไว้เลยละกันครับ ไม่อยากเสียเวลา
นักปฎิวัติสำหรับกลุ่มคนหนึ่ง อาจจะเป็นทรราชในสำหรับอีกกลุ่มคนหนึ่งก็ได้
คำกล่าวนี้อาจจะเคยมีใครเคยได้ยินมาบ้างนะครับ
ประเทศสหรัฐอเมริกาที่หลายๆท่านอวยกันจนฟินเหลือเกิน สรรเสริญกันต่างๆนาๆ หากย้อนกลับไปดูในยุคแรก แห่งการกำเนิดประเทศนี้ เป็นเรื่องราวของการหลั่งเลือด การขับไล่ชนเผ่าอินเดียนแดงที่มีวัฒนรรมอยู่ที่นั่นมาเป็นร้อยปี ออกจากพื้นที่.. จนในทุกวันนี้เหลือกลุ่มคนอินเดียนแดงเพียงหยิมมือเท่านั้น และถูกจำกัดให้อยู่ในพื้นที่เล็กๆ ทั่วอเมริกา มีชีวิตที่แร้นแค้นและยากลำบาก
หรือแม้แต่ในช่วงสงครามปฎิวัต ที่แยกตัวออกจากอาณานิคมอังกฤษก็ตาม แน่นอนในหนังสือประวัติศาสตร์อเมริกาย่อมระบุชัดเจนว่า เป็นสงครามเพื่ออิสรภาพ เพื่อแยกตัวออกจากอังกฤษ
แต่หากดูกันในรายละเอียดแล้ว เป็นเรื่องของการเก็บภาษี โดยอาณานิคมอังกฤษล้วนๆ ต้นเชื้อก็คือผู้คนในทวีปอเมริกาขณะนั้น ไม่อยากจ่ายภาษีนั่นแหละ เลยอยากแยกตัวออกมา แต่โบนัสชิ้นโตก็คือ ได้เป็นเจ้าของประเทศอุดมสมบูรณืที่เรียนกว่า "อเมริกา" นี้เลย
หากมองในมุมมองของอาณานิคมอังกฤษ ถามว่ายุติธรรมมั๊ย หากพวกเขาจะเก็บภาษี ในเมื่อพวกเขาเป็นสร้างรากฐานของทวีปอเมริกานี้ขึ้นมา จากเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อนที่ชนเผ่าอินเดียนแดงล่าถลกหนังหัวชาวอาณานิคมทุกวัน จนกลายเป็นกลุ่มอาณานิคมที่ เป็นระบบ เส้นทางการค้าที่ปลอดภัย เหล่านี้เงินทุน และเวลาสร้างเป็นสิบๆปี
อาจจะร่ายยาวไปหน่อย แต่ตรงนี้ผมแค่อยากวาดภาพให้เห็นว่า ไม่มีใครถูก ไม่มีใครผิดทุกอย่างอยู่ที่มุมมอง
*****แต่******
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ความต้องการของประชาชน "ส่วนใหญ่" ของประเทศ
ผมต้องขอเน้นคำว่า "ส่วนใหญ่" นะครับ เพราะโลกที่ประชาชนเห็นด้วยเป็นเสียงเดียวกันหมด มันไม่มีหรอก มันต้องมีคนไม่เห็นด้วยอยู่แล้ว
สิ่งนี้จะเป็นตัวกำหนดทิศทางของประเทศเองครับ ไม่สำคัญหรอกว่า การเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองประเทศ ไม่ว่าจะเป็นการปฎิวัติ การยึดอำนาจ จะมีผู้เอาใส่กระเช้าดอกไม้มายื่นให้ โดยทหาร นักการเมือง หรือ กลุ่มประชาชนใดก็ตาม
หากเสียง"ส่วนใหญ่" ของประเทศไม่เอาด้วยแล้ว มันไปไม่รอดหรอกครับ จุดเดือดอยู่ไม่ไกล...
คราวนี้เรามามองการพยายามปฎิวัติ ของฝ่ายกลุ่มอำนาจทหารที่ประเทศตุรกีกัน..
มองผิวเผิน อาจจะเปนการจับมือคนทั้งประเทศ เพื่อต่อต้านรัฐประหารจากฝ่ายทหาร.. มองดูแล้วเป็นภาพที่สวยงาม..
หรือ!!!
ประธานาธิบดีเออร์โดแกน อาจจะมีกลุ่มสนับสนุนที่แน่นเหนียว ที่พร้อมจะออกมาประจัญหน้า เพื่อให้ผู้นำที่ตัวเองชื่นชอบ ได้กุมอำนาจต่อ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม เพราะประธานาธิบดีคนนี้ ก็ไม่ได้ใสสะอาดนะครับ ไปลองขุดประวัติ และขั้วผลประโยชน์ที่เขาเอื้อหนุนดู...
และนี่ อาจจะเป็นสัญญาญอะไรบางอย่าง ว่า "สิ่งที่ดำเนินอยู่ในทุกวันนี้ มันไม่โอเคนะ" และ ควรต้องมีการเปลี่ยนแปลง เป็นหนังตัวอย่าง ของอะไรที่ใหญ่กว่านี้ ที่จะตามมา..
เพราะต้องยอมรับว่า "พลังเงียบ" ต้องใช้เวลาปลุกนานเหมือนกัน..
คราวนี้ผมอยากให้เรา หันหน้าออกจากจอคอมซักแปป แล้วมองออกไปนอกหน้าต่างดู
ทุกวันนี้เราไม่ได้อยู่ในประเทศที่มีระบอบประชาธิปไตยนะครับ.. แต่ท่านได้ยินเสียงปืน เสียงระเบิด เสียงประชาชนแบ่งฝ่ายเข้าห้ำหั่นกันมั๊ย?
แน่นอน ไม่ได้ยินหรอก.. แต่อย่าลืมว่าประเทศของเราได้ผ่านจุดเหล่านั้นมาแล้ว
อาจจะนอกประเด็นไปแปปนึง แต่อยากให้ย้อนเวลากลับไปสักเมื่อสองหรือสามปีที่แล้ว
มีการปฎิวัติ มีการรัฐประหารกันเกิดขึ้น.. มีภาพที่ทหารเดินสวนสนามออกมา เอารถถังออกมาบนถนนมากมาย..
แล้วมีประชาชนลุกฮือร่วมกันต่อต้านมั๊ยครับ?
ทุกอย่างดำเนินไปอย่างสวยงาม มีภาพที่ประชาชนคนไทยเอาดอกไม้มอบให้ทหาร เอาน้ำเอาขนมไปให้
ซึ่งในคร้งนั้น ผมคิดว่า "เสียงส่วนใหญ่" ของประเทศได้ทำการโหวตไปแล้ว ว่าประเทศสมควรได้รับการเปลี่ยนแปลง อำนาจเก่าๆที่ออกจะเหลี่ยมๆ เหี่ยวๆ มันหมดเวลาไปแล้วล่ะ
หาก"เสียงส่วนใหญ่" ไม่โอเคจริงกับทุกอย่างที่เกิดขึ้น มันแตกหักกันไปนานแล้วล่ะครับ จนถึงทุกวันนี้ก็สองปีแล้ว ที่ประชาชนคนไทยเรามีความสงบสุขปลอดภัยกันมา
ขอย้ำหน่อยว่า ระบอบประชาธิปไตย เป็นระบอบที่ทุกคนมีสิทธิ์มีเสียงเท่ากันจริง แต่สุดท้ายแล้ว "เสียงส่วนน้อย" ก็ต้องเคารพ "เสียงส่วนใหญ" อ่ะนะครับ ตอนนี้เราก็ดำเนินมาไกลแล้ว คุณก็ไปใช้เสียง ตามระบบที่คุณเรียกหาละกัน แต่ถึงเวลาผลออกมาเป็นยังไง ก็ต้องยอมรับกันนะครับ