ตอนที่แล้ว
ตอน 1 บทเรียกน้ำย่อย
http://pantip.com/topic/35291074 ว่าเที่ยว Norway ไม่แพงอย่างที่คิด ว่ามีการใช้จ่ายค่าอะไรบ้าง
ตอน 2 การเตรียมตัว จะต้องเตรียมอะไรบ้าง
http://pantip.com/topic/35298680
ตอน3 : เมื่อถึง oslo ต้องซื้อ? และเรื่องที่เกี่ยวกับรถ
http://pantip.com/topic/35361255
=====
D1: เช้านี้เดินทางไป Norway ด้วยสายการบิน Norwegian airline ไปดูกันว่า สายการบิน Low cost นี้เป็นอย่างไร
ขนาด low cost นะ บินตรงไป oslo เอาแบบลูกผสม 2 ที่ load ของลงใต้ท้องเครื่อง อีก 2 ได้แค่ carry on ค่าตั๋วคนละ หมื่นแปด
Clip : BKK-OSL

Website สำหรับขั้นตอนขาออกระหว่างประเทศ
http://suvarnabhumiairport.com/th/95-international-departure-procedures
6.30 ถึงสนามบินทำการ check in ผ่าน ตม.

แล้วไปหาข้าวกินที่ King power ดีกว่า ครั้งนี้มากินตอนเช้ามีโจ๊กด้วยละตัวเธอ
จากนั้น ก็เดินมาขึ้นเครื่อง Norwegian airline ที่เป็นLow cost ที่ได้รางวัล กันหน่อยซิว่าเป็นอย่างไร

เครื่องบินเป็น dream liner ใหม่ดี ที่นั่งเป็นแบบ 3-3-3 มีจอทีวี แบบ touch screen ที่มีหนังให้ดู แถมมีเหมือนสารคดี แนะนำที่เที่ยวที่ Norway ด้วยนะ มีเกมส์ มีภาพให้รู้ว่าตอนนี้เครื่องบินผ่านที่ไหนบ้าง และจะถึงเมื่อไร นอกจากนี้ จอทีวีนียังมีปุ่มควบคุมแสงไฟอ่านหนังสือ ด้วยนะ แล้ว เรียกพนักงาน หรือสั่งซื้อของ ก็กดจากหน้าจอนี้
ที่นี้ ไม่มีผ้าห่มและหูฟังแจกนะ แต่เขามีขายหรือให้เช่าอันนี้ก็ไม่รู้นะ รู้แต่หูฟัง $3 ผ้าห่ม $5
ที่บอกว่าบนเครื่องบินของ Norwegian airline มี free Wi-Fi นั้นมีเที่ยวบินที่บินในยุโรป หรือระหว่าง USA และCaribbean เท่านั้น อด Facebook live อดเลย อะ
ส่วนอาหารสำหรับที่นั่ง low fare + มันก็ไม่อู้ฟู้ แบบพวก full service มีข้าวกล่อง 1 กล่อง และเครื่องดื่ม ก้มีน้ำผลไม้ soda beer wine อะไรประมาณนี้ แต่ได้ 1 1แก้ว และจากนั้นก็ serve ชา กาแฟ
พอใกล้ถึงก็มีถุงขนมมีคุ๊กกี้ และ sandwich อย่างละ 1 อัน
คิ้วต่อ และAuntie molly นั่ง low fare กินข้าวเหนียวหมูเมตา กับน้ำเปล่าที่กดมาจากที่ gate ก่อนขึ้นเครื่อง
พนักงานต้อนรับเป็นคนไทยทั้งหมดเลยก็ว่าได้นะ
พอพนักงานต้อนรับแจกข้าวเสร็จ ก็ถึงเวลาใครจะสั่งSnack ก็เริ่มสั่งได้
จากนั้นบนเครื่องก็ปิดไฟ กระจก ก็จะปรับทำให้เหมือนเดินทางตอนกลางคืน ทั้งๆที่เป็นกลางวัน
เสร็จแล้วก็เข้าสู่ บรรยากาศ การนอน ปรับแสงไฟ นอนได้สบายมาก 55
เครื่องใกล้จะลงแล้ว ทำไมไม่มีการแจกเอกสารสำหรับเข้าเมืองเลยละ...
คนไทยนั่งข้างๆ บอกว่า เข้า Norway มี passport ที่มี Visa เท่านั้น
======
ตอน 2
Clip: from plane to Oslo city

เมื่อมาถึงสนามบิน Oslo Gardermoen ก็อย่าลืมปรับเวลาให้ช้ากว่าไทย 5 ชั่วโมง แต่ถ้าหน้าร้อนก็จะเป็น 6 ชม.
เดินไปต่อแถว ต.ม. ซึ่งเปิดแค่ 2 ช่อง ที่นี้เข้าให้เดินเข้าไปหา ต.ม. พร้อมกันได้ทั้งกลุ่มเลย
ยื่นpassport ของทั้งกลุ่ม ให้พนักงาน พนักงานดู เรียกทีละคน ดูเหมือนนางจะ friendly ชอบคุย เลยช้านิสสนึง
จากนั้นก็เดินผ่านช่องเขียว ช่องแดง ซึ่งเลือกผ่านช่องเขียว เพราะไม่มีอะไรต้องสำแดง( declare)
เดินตามป้ายที่บอกว่า baggage claim ไปเอากระเป๋าไปดูที่หน้าจอ ว่ารับกระเป๋าที่สายพานไหน
จากนั้นก็เดินออกมา เดินตามป้ายรถไฟ เพื่อตั๋วรถไฟ ไป Oslo Sentralstation (Oslo Central Station) มี 2 แบบ
1. Flytoget ที่เร็วกว่านิดหน่อย แต่ราคาแพงเท่าหนึ่ง 180 NOK
2. NSB (Norwegian State Railways) ราคาคลละ 92 NOK

คงทายถูกละสิว่า สามเฒ่าจะเลือกแบบราคาไหนอิๆ >> แบบถูกจ้า
สามารถซื้อตั๋วจากเครื่องอัตโนมัติ หรือจากเจ้าหน้าที่ตรงเคาน์เตอร์ก็ได้ เลือกซื้อกับพนักงานที่ดีกว่าจะได้ถามชานชลา

ใช้เวลาประมาณ 20 นาที ก็ถึงแล้ว Oslo Sentralstation

หาทางไปที่พักก่อน ซึ่งจองผ่าน airbnb ได้ราคา 2 คืน สำหรับ 4 คน ราคา $204 ที่เลือกที่นี้ เพราะอยู่ใจกลางเมือง แล้วราคาก็ถูกกว่าที่หาจาก booking.com
นั่งรอแถวๆ ที่พัก ให้คิ้วทูรเดินหาเจ้าของที่พัก เพราะพวกเรายังไม่ได้ซื้อ sim โทรศัพท์ ไม่สามารถติดต่อเจ้าของได้

เมื่อเจอเจ้าของได้กุญแจห้อง คิ้วทูรก็มาตามเราไป เอาของไปเก็บ
ไปเดินเที่ยวให้เหนื่อย จะได้ไม่เป็น jet lag กันดีกว่า
====
ตอน 3
Clip: Opera house

ไม่ไกลจากที่พัก เดินตามที่ Google บอก มาถึง Oslo's Opera House

เป็นอาคารที่ติดท่าเรือ ตั้งอยู่บนส่วนปลายสุดของออสโลฟยอร์ด สร้างขึ้นในสไตล์โมเดิร์นเมื่อปี 2007
ออกแบบโดยบริษัทสถาปนิกชาวนอร์เว Snøhetta ออกแบบประมาณว่าเหมือนมีก้อนน้ำแข็งขนาดใหญ่ที่ลอยอยู่บนผิวน้ำ

ในน้ำด้านซ้ายของอาคาร เป็นเหมือนทุ่น ที่เป็นรูปเรือ หมุนรอบตัวเองด้วยนะ ไม่รู้ทำเพื่ออะไร ก็สวยดี
นอกจากความสวยของอาคารสีขาว ที่ออกแบบเป็นลานกว้าง เขายังทำเป็นทางเดินลาดจากด้านล่างเดินขึ้นไปถึงหลังคาได้เลย เพื่อดูวิว

และเดินอ้อมลงมาอีกข้างหนึ่ง ก็เป็นทางลาดลง มา โดยพื้นทางเดินปูด้วยหินอ่อนอิตาลี และหินแกรนิตสีขาว





เขาตัดมาทั้งแผ่นใหญ่ ยังคิดว่าค่าหินอ่อนคงแพง สงสัยว่าเอามาตัดแปะบนพื่นปูน เพื่อลดค่าก่อสร้าง... ผิดจ้า
เพราะเดินไปเห็นผ่านหนึ่งหลุดออกมาจึงเห็น ไม่ใช้แบบที่คิด เขาตัดเป็นก้อนๆ เลยจ้า
ที่ด้านบนมีเป็นเหมือนห้องสี่เหลี่ยมที่โผล่ออกมา ที่ผนังทำเป็นปุ่มๆ อันนี้ไม่รู้ความหมายแผ่น และไม่รู้ว่าเป็นห้องอะไร

====
Day 1 ตอน 4
Clip: Akrobaten pedestrian bridge

จาก Opera house เดินมานิสหนึ่ง คือเฒ่าต่อเป็นโยธา ก็เลยหาสิ่งก่อสร้างให้เธอดู

สะพานนี้มีชื่อว่า Akrobaten มีความหมายว่า นักกายกรรม เป็นสะพานคนข้าม ที่มีความยาว 206 เมตร ออกแบบโดย บริษัท L2 Architects
สะพานนี้ได้รับรางวัล 1st price (Certificate of Excellence) in ECCS, European Award for Steel Bridges, in 2012.
ด้วยโครงสร้างที่เป็นเหล็ก และกระจก(น่าจะเป็นแผ่นลามิเนตมากกว่า)


เพื่อข้ามทางรถไฟที่เข้ามาที่สถานี Oslo S เป็นการเชื่อมระหว่างบริเวณที่ชื่อว่า Grønland และ Bjørvika
จากนั้นเดินกลับไปเที่ยวแถวๆ สถานี Oslo central กันต่อ
====
ตอน 5
Clip: เดินเที่ยวแถว สถานี Oslo S และหาซื้อ oslo pass เมื่อ visitor center ปิด

เดินดูรถไฟ รถรางแล้วเข้าห้างว่ามีอะไรให้เราซื้อเป็นสเบียง แต่มันก็ดึกมากแล้ว ห้างเขาจะปิดแล้ว จึงเป็นการสำรวจ เพื่อวันพรุ่งนี้มากกว่า
เดินไปซื้อ oslo pass ที่ scandic oslo city กัน
====
ตอน 6
Clip: สำรวจที่พักใน oslo

ตอนที่หาที่พัก ถ้าเป็นเมืองใหญ่ๆ booking.com มีแค่เกินกฎของสามเฒ่า ที่ให้ค่าที่พัก 1,000 บาท/คน /คน ดังนั้นต้องพยายามหา
เลยลองมาลองหาจาก airbnb.com ได้ด้วยละ ที่พักอยู่ไม่ไกลจาก สถานี Oslo S และราคาไม่เกินงบ คือ 2 คืน 4 คน ราคา $204
ข้อดี ราคามันถูกกว่าหาที่พักจาก booking.com
ข้อเสีย ยกเลิกไม่ได้นะ
มาดูที่พักของสามเฒ่า+1 เป็นอย่างไร
มันเป็นแบบ apartment ภายในห้องมีความสูงพอจึงทำเป็นชั้นลอยขึ้นมาได้ สำหรับเตียงนอน
ส่วนพื้นที่ชั้นล่างก็เป็นห้องครัว มีเครื่องครัวให้ มีเครื่องล้างชาม โต๊ะกินข้าว มี TV Sofa bed ที่นอนได้ 2 คน
ในห้องน้ำ มีผ้าเข็ดตัวให้ด้วย และสามารถปรับให้พื้นห้องน้ำอุ่นได้ด้วยละและมี Wifi




******
สรุปค่าใช้จ่าย d1 ของ 4 คน ฿
ค่าตั๋ว เครื่องบิน 72,570.00
ค่า Visa @60 euro 9,627.45
fee ค่าทำ visa 3,440.00
ค่าประกันการเดินทาง 2,980.00
ค่าเช่า GPS 750.00
ค่าของกินซื้อจากไทย 4,000.00
airport-oslo ( 368 NOK) 1,571.36
oslo pass (1,340 NOK) 5,721.80
ที่พัก oslo 2 nights 204$ 7,330.95
รวม 107,991.56
สามเฒ่าพาเที่ยว:3,009 km ตะลุย Norway 14 วัน คนละห้าหมื่นบาท ตอน4: ปูมเที่ยว วันที่ 1
ตอน 1 บทเรียกน้ำย่อย http://pantip.com/topic/35291074 ว่าเที่ยว Norway ไม่แพงอย่างที่คิด ว่ามีการใช้จ่ายค่าอะไรบ้าง
ตอน 2 การเตรียมตัว จะต้องเตรียมอะไรบ้าง http://pantip.com/topic/35298680
ตอน3 : เมื่อถึง oslo ต้องซื้อ? และเรื่องที่เกี่ยวกับรถ http://pantip.com/topic/35361255
=====
D1: เช้านี้เดินทางไป Norway ด้วยสายการบิน Norwegian airline ไปดูกันว่า สายการบิน Low cost นี้เป็นอย่างไร
ขนาด low cost นะ บินตรงไป oslo เอาแบบลูกผสม 2 ที่ load ของลงใต้ท้องเครื่อง อีก 2 ได้แค่ carry on ค่าตั๋วคนละ หมื่นแปด
Clip : BKK-OSL
Website สำหรับขั้นตอนขาออกระหว่างประเทศ http://suvarnabhumiairport.com/th/95-international-departure-procedures
6.30 ถึงสนามบินทำการ check in ผ่าน ตม.
แล้วไปหาข้าวกินที่ King power ดีกว่า ครั้งนี้มากินตอนเช้ามีโจ๊กด้วยละตัวเธอ
จากนั้น ก็เดินมาขึ้นเครื่อง Norwegian airline ที่เป็นLow cost ที่ได้รางวัล กันหน่อยซิว่าเป็นอย่างไร
เครื่องบินเป็น dream liner ใหม่ดี ที่นั่งเป็นแบบ 3-3-3 มีจอทีวี แบบ touch screen ที่มีหนังให้ดู แถมมีเหมือนสารคดี แนะนำที่เที่ยวที่ Norway ด้วยนะ มีเกมส์ มีภาพให้รู้ว่าตอนนี้เครื่องบินผ่านที่ไหนบ้าง และจะถึงเมื่อไร นอกจากนี้ จอทีวีนียังมีปุ่มควบคุมแสงไฟอ่านหนังสือ ด้วยนะ แล้ว เรียกพนักงาน หรือสั่งซื้อของ ก็กดจากหน้าจอนี้
ที่นี้ ไม่มีผ้าห่มและหูฟังแจกนะ แต่เขามีขายหรือให้เช่าอันนี้ก็ไม่รู้นะ รู้แต่หูฟัง $3 ผ้าห่ม $5
ที่บอกว่าบนเครื่องบินของ Norwegian airline มี free Wi-Fi นั้นมีเที่ยวบินที่บินในยุโรป หรือระหว่าง USA และCaribbean เท่านั้น อด Facebook live อดเลย อะ
ส่วนอาหารสำหรับที่นั่ง low fare + มันก็ไม่อู้ฟู้ แบบพวก full service มีข้าวกล่อง 1 กล่อง และเครื่องดื่ม ก้มีน้ำผลไม้ soda beer wine อะไรประมาณนี้ แต่ได้ 1 1แก้ว และจากนั้นก็ serve ชา กาแฟ
พอใกล้ถึงก็มีถุงขนมมีคุ๊กกี้ และ sandwich อย่างละ 1 อัน
คิ้วต่อ และAuntie molly นั่ง low fare กินข้าวเหนียวหมูเมตา กับน้ำเปล่าที่กดมาจากที่ gate ก่อนขึ้นเครื่อง
พนักงานต้อนรับเป็นคนไทยทั้งหมดเลยก็ว่าได้นะ
พอพนักงานต้อนรับแจกข้าวเสร็จ ก็ถึงเวลาใครจะสั่งSnack ก็เริ่มสั่งได้
จากนั้นบนเครื่องก็ปิดไฟ กระจก ก็จะปรับทำให้เหมือนเดินทางตอนกลางคืน ทั้งๆที่เป็นกลางวัน
เสร็จแล้วก็เข้าสู่ บรรยากาศ การนอน ปรับแสงไฟ นอนได้สบายมาก 55
เครื่องใกล้จะลงแล้ว ทำไมไม่มีการแจกเอกสารสำหรับเข้าเมืองเลยละ...
คนไทยนั่งข้างๆ บอกว่า เข้า Norway มี passport ที่มี Visa เท่านั้น
======
ตอน 2
Clip: from plane to Oslo city
เมื่อมาถึงสนามบิน Oslo Gardermoen ก็อย่าลืมปรับเวลาให้ช้ากว่าไทย 5 ชั่วโมง แต่ถ้าหน้าร้อนก็จะเป็น 6 ชม.
เดินไปต่อแถว ต.ม. ซึ่งเปิดแค่ 2 ช่อง ที่นี้เข้าให้เดินเข้าไปหา ต.ม. พร้อมกันได้ทั้งกลุ่มเลย
ยื่นpassport ของทั้งกลุ่ม ให้พนักงาน พนักงานดู เรียกทีละคน ดูเหมือนนางจะ friendly ชอบคุย เลยช้านิสสนึง
จากนั้นก็เดินผ่านช่องเขียว ช่องแดง ซึ่งเลือกผ่านช่องเขียว เพราะไม่มีอะไรต้องสำแดง( declare)
เดินตามป้ายที่บอกว่า baggage claim ไปเอากระเป๋าไปดูที่หน้าจอ ว่ารับกระเป๋าที่สายพานไหน
จากนั้นก็เดินออกมา เดินตามป้ายรถไฟ เพื่อตั๋วรถไฟ ไป Oslo Sentralstation (Oslo Central Station) มี 2 แบบ
1. Flytoget ที่เร็วกว่านิดหน่อย แต่ราคาแพงเท่าหนึ่ง 180 NOK
2. NSB (Norwegian State Railways) ราคาคลละ 92 NOK
คงทายถูกละสิว่า สามเฒ่าจะเลือกแบบราคาไหนอิๆ >> แบบถูกจ้า
สามารถซื้อตั๋วจากเครื่องอัตโนมัติ หรือจากเจ้าหน้าที่ตรงเคาน์เตอร์ก็ได้ เลือกซื้อกับพนักงานที่ดีกว่าจะได้ถามชานชลา
ใช้เวลาประมาณ 20 นาที ก็ถึงแล้ว Oslo Sentralstation
หาทางไปที่พักก่อน ซึ่งจองผ่าน airbnb ได้ราคา 2 คืน สำหรับ 4 คน ราคา $204 ที่เลือกที่นี้ เพราะอยู่ใจกลางเมือง แล้วราคาก็ถูกกว่าที่หาจาก booking.com
นั่งรอแถวๆ ที่พัก ให้คิ้วทูรเดินหาเจ้าของที่พัก เพราะพวกเรายังไม่ได้ซื้อ sim โทรศัพท์ ไม่สามารถติดต่อเจ้าของได้
เมื่อเจอเจ้าของได้กุญแจห้อง คิ้วทูรก็มาตามเราไป เอาของไปเก็บ
ไปเดินเที่ยวให้เหนื่อย จะได้ไม่เป็น jet lag กันดีกว่า
====
ตอน 3
Clip: Opera house
ไม่ไกลจากที่พัก เดินตามที่ Google บอก มาถึง Oslo's Opera House
เป็นอาคารที่ติดท่าเรือ ตั้งอยู่บนส่วนปลายสุดของออสโลฟยอร์ด สร้างขึ้นในสไตล์โมเดิร์นเมื่อปี 2007
ออกแบบโดยบริษัทสถาปนิกชาวนอร์เว Snøhetta ออกแบบประมาณว่าเหมือนมีก้อนน้ำแข็งขนาดใหญ่ที่ลอยอยู่บนผิวน้ำ
ในน้ำด้านซ้ายของอาคาร เป็นเหมือนทุ่น ที่เป็นรูปเรือ หมุนรอบตัวเองด้วยนะ ไม่รู้ทำเพื่ออะไร ก็สวยดี
นอกจากความสวยของอาคารสีขาว ที่ออกแบบเป็นลานกว้าง เขายังทำเป็นทางเดินลาดจากด้านล่างเดินขึ้นไปถึงหลังคาได้เลย เพื่อดูวิว
และเดินอ้อมลงมาอีกข้างหนึ่ง ก็เป็นทางลาดลง มา โดยพื้นทางเดินปูด้วยหินอ่อนอิตาลี และหินแกรนิตสีขาว
เขาตัดมาทั้งแผ่นใหญ่ ยังคิดว่าค่าหินอ่อนคงแพง สงสัยว่าเอามาตัดแปะบนพื่นปูน เพื่อลดค่าก่อสร้าง... ผิดจ้า
เพราะเดินไปเห็นผ่านหนึ่งหลุดออกมาจึงเห็น ไม่ใช้แบบที่คิด เขาตัดเป็นก้อนๆ เลยจ้า
ที่ด้านบนมีเป็นเหมือนห้องสี่เหลี่ยมที่โผล่ออกมา ที่ผนังทำเป็นปุ่มๆ อันนี้ไม่รู้ความหมายแผ่น และไม่รู้ว่าเป็นห้องอะไร
====
Day 1 ตอน 4
Clip: Akrobaten pedestrian bridge
จาก Opera house เดินมานิสหนึ่ง คือเฒ่าต่อเป็นโยธา ก็เลยหาสิ่งก่อสร้างให้เธอดู
สะพานนี้มีชื่อว่า Akrobaten มีความหมายว่า นักกายกรรม เป็นสะพานคนข้าม ที่มีความยาว 206 เมตร ออกแบบโดย บริษัท L2 Architects
สะพานนี้ได้รับรางวัล 1st price (Certificate of Excellence) in ECCS, European Award for Steel Bridges, in 2012.
ด้วยโครงสร้างที่เป็นเหล็ก และกระจก(น่าจะเป็นแผ่นลามิเนตมากกว่า)
เพื่อข้ามทางรถไฟที่เข้ามาที่สถานี Oslo S เป็นการเชื่อมระหว่างบริเวณที่ชื่อว่า Grønland และ Bjørvika
จากนั้นเดินกลับไปเที่ยวแถวๆ สถานี Oslo central กันต่อ
====
ตอน 5
Clip: เดินเที่ยวแถว สถานี Oslo S และหาซื้อ oslo pass เมื่อ visitor center ปิด
เดินดูรถไฟ รถรางแล้วเข้าห้างว่ามีอะไรให้เราซื้อเป็นสเบียง แต่มันก็ดึกมากแล้ว ห้างเขาจะปิดแล้ว จึงเป็นการสำรวจ เพื่อวันพรุ่งนี้มากกว่า
เดินไปซื้อ oslo pass ที่ scandic oslo city กัน
====
ตอน 6
Clip: สำรวจที่พักใน oslo
ตอนที่หาที่พัก ถ้าเป็นเมืองใหญ่ๆ booking.com มีแค่เกินกฎของสามเฒ่า ที่ให้ค่าที่พัก 1,000 บาท/คน /คน ดังนั้นต้องพยายามหา
เลยลองมาลองหาจาก airbnb.com ได้ด้วยละ ที่พักอยู่ไม่ไกลจาก สถานี Oslo S และราคาไม่เกินงบ คือ 2 คืน 4 คน ราคา $204
ข้อดี ราคามันถูกกว่าหาที่พักจาก booking.com
ข้อเสีย ยกเลิกไม่ได้นะ
มาดูที่พักของสามเฒ่า+1 เป็นอย่างไร
มันเป็นแบบ apartment ภายในห้องมีความสูงพอจึงทำเป็นชั้นลอยขึ้นมาได้ สำหรับเตียงนอน
ส่วนพื้นที่ชั้นล่างก็เป็นห้องครัว มีเครื่องครัวให้ มีเครื่องล้างชาม โต๊ะกินข้าว มี TV Sofa bed ที่นอนได้ 2 คน
ในห้องน้ำ มีผ้าเข็ดตัวให้ด้วย และสามารถปรับให้พื้นห้องน้ำอุ่นได้ด้วยละและมี Wifi
******
สรุปค่าใช้จ่าย d1 ของ 4 คน ฿
ค่าตั๋ว เครื่องบิน 72,570.00
ค่า Visa @60 euro 9,627.45
fee ค่าทำ visa 3,440.00
ค่าประกันการเดินทาง 2,980.00
ค่าเช่า GPS 750.00
ค่าของกินซื้อจากไทย 4,000.00
airport-oslo ( 368 NOK) 1,571.36
oslo pass (1,340 NOK) 5,721.80
ที่พัก oslo 2 nights 204$ 7,330.95
รวม 107,991.56