ตอน1 บทเรียกน้ำย่อย
http://pantip.com/topic/35291074
ว่าเที่ยว Norway ไม่แพงอย่างที่คิด ว่ามีการใช้จ่ายค่าอะไรบ้าง
ตอน2 การเตรียมตัว จะต้องเตรียมอะไรบ้าง
1.การขอ Visa นักท่องเที่ยว
เป็นแบบของยุโรป นั้นคือขอวีซ่าเชงเกน (Schengen) กับประเทศ Norway (แต่เงินที่ใช้ใน Norway เป็น นอร์เวย์โครน ตัวย่อ NOK)
ในการขอ Visa นั้นผ่านตัวแทน VFS ของนอร์เวย์
http://www.vfsglobal.com/norway/thailand/thai/
มีขั้นตอนดังนี้
a) ต้องเตรียมเอกสารแลรูปถ่าย ตาม check list เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกปฏิเสธ
ดู check list ได้จาก
http://www.vfsglobal.com/norway/thailand/thai/pdf/visitboy_50814.PDF
b) เมื่อเตรียมเอกสารเรียบร้อย ก็ลงทะเบียน online เพื่อเลือกวันและเวลา ในการยื่นหรือสัมภาษณ์ การขอ VISA
เริ่มชั้นตอนกรอกเอกสาร เข้าไปhttp://www.vfsglobal.com/norway/thailand/
จากนั้น click ที่
Application Portal Norway
c) click “Create new user account” เพื่อลงทะเบียน
จำนั้นทำการการกรอกข้อมูลให้ตรงกับพาสปอร์ต
และจำ user name กับ password ให้ดี เพราะต้องใช้ไปตลอดจนจบ process การยื่นเรื่อง
จะเลือกเป็นกลุ่ม หรือเป็นบุคคลก็ได้
สามเฒ่า+1 ไม่มีเหตุที่ต้องไป Norway แต่ละคนอยู่แล้วจึงเลือกเป็นกลุ่ม
เวลาใส่ข้อมูล ก็จะ Add เพิ่ม
แล้วเลือกวัน เวลา ที่จะไปย่นเอกสาร
หาอ่านเพิ่มเติม
http://pantip.com/topic/32610506
d) จากนั้นเตรียมเอกสารตาม check list และแนบ check list พร้อมเอกสารในตอนที่ไปยื่น
e) การประกันภัยการเดินทาง
จำนวนเงินเอาประกันจะต้องไม่ต่ำกว่า 30,000 ยูโร หรือ 1,500,000 บาท จะต้องมีระยะเวลาคุ้มครองตลอดระยะเวลาในการเดินทาง
รายชื่อบริษัทประกันที่ที่สถานทูตยอมรับ ตรวจจาก website นี้
http://www.emb-norway.or.th/studywork/visaandresidence/Tourist-visa-Schengen-visa/Insurance-Policy-Schengen-Visa/#.V2gcI_mLSM8
f) ในวันที่ไปยื่นเอกสาร ต้องจ่ายค่าดำเนินการเพิ่มอีก 860 บาท ถ้าจะให้ส่ง passport กลับมาที่บ้านต้อจ่ายเพิ่มเป็นร้อย ดังนั้นไปรับvisa เองดีกว่า ถ้าจะให้รับแทน ก็ให้ถ่าย Passport ของทุกคนไปเพิ่ม เพราะเจ้าหน้าที่จะปั๊ม หน้าสำเนา Passport ในการรับแทน
2 หาตั๋วเครื่องบิน
เที่ยวครั้งนี้เราใช้บริการ Norwegian airline ซึ่งเป็น low cost airline โดยจะมีราคาตั่วแตกต่างกัน
แบบ LowFare จะมีราคาต่ำสุด สามารถเอากระเป๋าขึ้นเครื่องได้ 1 กระเป๋า ขนาด 55 x 40 x 23 cm น้ำหนักได้ 10 กก.
จ่ายแพงมาหน่อย แบบ LowFare+ ก็จะเพิ่ม สามารถ load กระเป๋าใต้ท้องเครื่องได้ 1 ใบ น้ำหนักได้ 20 กก. และมีอาหารให้กิน แบบไม่อู้ฟู้เหมือนสายการบินที่ full service นอกจากนี้สามารถจองที่นั่งได้ โดยราคาตั๋ว ตอนที่จอง แบบ LowFare ราคาประมาณ หมื่นห้า และ LowFare+ ราคาประมาณสองหมื่น
สามเฒ่า+1 ต้องต้องการ Load สัมภาระ ดังนั้นจึงเลิกจองแบบ LowFare 2 ที่ และแบบ LowFare+ อีก 2 ที่ เพื่อการประหยัด ดังนั้นค่าตั๋วโดยเฉลี่ต่อคน 18,142.5 ฿
Tip: การจ่ายเงินค่าตั๋ว
ถ้าตัดบัตรเครดิต จะเสียเงินเพิ่ม จำไม่ได้แล้วว่าเท่าไร
มีหรือ สามเฒ่าจะให้จ่ายเพิ่ม.....ต้องหาทาง....
ไม่ต้องจ่ายเพิ่ม ถ้าตัดจากบัตรเดบิต แต่บัตร เดบิตจะต้อง verify ก่อนนะจึงจะใช้ได้ นะคะ
ข้อแนะนำการเลือกที่นั่ง
ตั๋วแบบ LowFare+ สามารถเลือกที่นั่ง สำหรับที่นั่งตอนช่วงช่วงประตูออกฉุกเฉิน จะกว้างเพราะเป็นแถวแรกของที่มีการแบ่ง ก็จะมีริมหน้าต่างและตรงกลาง
เลือกนั่งตรงริมหน้าต่างจะได้เห็นวิว และที่นั่งกว้าง....พื้นที่กว้างจริงไหม... จริง..
แต่ช่วง take off/landing ต้องเก็บสัมภาระทั้งหมดไว้ที่เก็บของเหนือศีรษะ
ไม่เห็นวิวเลยจ้า เพราะหน้าต่างอยู่พนักพิงจ้า แต่จะเห็นวิวห้องน้ำแทน 555
3 หาข้อมูลเที่ยวจากโลก internet เช่น pantip, และ
- website ที่บอกสภาพถนนของ Norway ที่บอกว่าถนนเปิด หรือซ่อม มีค่า toll เช่น Snow rod เปิด 1 มิถุนายน
http://www.vegvesen.no/Trafikkbeta/
- website แนะนำ national tourist route :
https://www.visitnorway.com/plan-your-trip/travel-tips-a-z/national-tourist-routes/
- Google map ที่จะได้บอกเราว่าจะใช้เวลาขับรถเท่าไร เพื่อที่จะได้วางแผนได้ถูก
และอื่นๆ ที่จะหาเจาะลงไป สถานที่เที่ยว จาก Google
จากข้อมูลที่อ่านมาตั้งมามาย สรุปว่าเที่ยว Norway ประเทศเดียว 14 วันเลย โดยการขับรถเที่ยว โดยจะลงใต้ก่อน เป็นการประวิงเวลา เพื่อให้ทางเหนือขึ้นมาหิมะละลาย ถนนไม่ปิดนะ แผนเที่ยวเราจึงต่างจากคนอื่น ที่มักจะขึ้นเหนือมาก่อน
แผนเที่ยวของสามเฒ่า จึงมีหน้าตาแบบนี้ ที่ระบุเวลา จำนวนกิโลเมตรที่ขับ เพื่อดูความเป็นไปได้ของแผนเที่ยว และ budget ที่ใช้เพื่อเตรียมการแลกเงิน
4 การเช่ารถ
เช่าโดยตรงกับบริษัทเช่ารถ เช่น Sixt AVIS, Hertz, Europcar, Budget. ก็มีราคาให้
และอีกแบบ คือผ่าน third party ซึ่งก็มีหลายบริษัท เช่น rental car, economy car rental ก็จะให้ราคามาเหมือนกัน
การเช่ารถใน Norway จะเรียกเก็บจากบัตรเครดิต ดังนั้นผู้เช่า กับเจ้าของบัตรเครดิตต้อง เป็นคนเดียวกันซึ่งต้องมีวงเงินเกินจากค่าเช่า เพื่อเป็นการ reserved เช่น ราคาเช่ารถ 4,000 Nok เขาจะ reserved ไว้ที่ 6,000 Nok
นอกจากนั้นในการเช่ารถ เพื่อการประหยัดเงินที่สุด นั้นเราต้องดูเรื่อง
a) ตอนเลือกประเภทรถ มีให้เลือก ถ้าเป็นแบบ Auto จะแพงกว่า Manual เลยเลือก Manual
b) ประหยัดอีกแบบคือ การเลือกที่ไม่เอา GPS ในรถ เพราะจากที่ดู GPS มากับรถต้องจ่ายเพิ่ม วันละพัน เช่า 11 วัน ก็ซื้อเครื่อง GPS ได้เลย
ดังนั้น จะต้องหาแหล่งเช่า GPS จากเมืองใน www. instasim.com ที่ค่าเช่า 14 วัน จ่าย 750 บาท แต่ต้องจ่ายค่าประกัน 3,500 บาท ได้คืนตอนคืนเครื่องด้วยสภาพไม่พัง

แต่ sim โทรศัพท์ ในยุโรป ราคาแพง เลยว่าจะไปหาซื้อที่โน้น
c) Auto pass มันเป็นบัตรเหมือน Easy pass เมื่อผ่านเส้นทางที่เก็บค่าผ่านทาง เมื่อมีบัตรนี้ มันก็จะผ่านได้ แล้วเมื่อคืนรถก็จะคิดเงินค่าผ่านทางทั้งหมดว่าต้องจ่ายเท่าไร
ตอนที่เลือกหัวข้อในการเช่ารถ ถ้าเลือก Auto pass จะต้องจ่ายเงินเพิ่มอีกเท่าไร?? จำไม่ได้ เป็นข้อเสนอของแต่ละบริษัท เท่าที่ดูมันแพง แต่มาที่ บ. Third party ที่เลือก นั้นไม่มีหัวข้อนี้ให้เลือก (อ่านต่อตอนที่ 3 -การรับรถ)
หาอ่านเพิ่มเติม
http://www.autopass.no/en/visitors-payment
d)ดูว่าการรับรถและคืนรถ ที่ต่างกัน เราต้องรับรถใน downtown Oslo (ซึ่งมีหลายจุด เช่น Central, Nord, south)และคืนรถที่ airport จะต้องเสียเงินอะไรเพิ่มหรือไม่ด้วย นะ โชคดีที่ downtown ของ oslo ไม่ใหญ่มาก
e) เรื่องประกัน
ต้องดูเรื่องประกัน มีแบบที่มีประกันแล้ว แต่ถ้าเกิดเหตุจะต้องจ่าย access ก่อนทุกครั้งก็มี มันเป็น CDW และแบบ SCDW( full option) เป็นแบบประกันชั้น 1 ที่ไม่ต้องจ่ายเพิ่ม
ถ้าเช่าผ่าน Third party แล้วเกิดเหตุ ต้องจ่าย Access ที่ว่านั้นไปก่อน แล้วค่อยมา Claim ที่หลัง แต่ถ้าเช่าจาก บริษัทโดยตรง ก็จะไม่ต้องจ่าย แต่การซื้อประกันแบบ Full เพิ่ม จากบริษัทโดยตรง นั้นแพงกว่าจาก Third party คะ
แม้ว่าจะเลือกแบบ Full แล้วก็ตาม ดู Condition ว่าประกันที่มาว่า ล้อ ยาง ตัวถัง กระจก หรือไม่
ถ้าไม่มีกระจก เกิดเหตุโดนทุบกระจก..ต้องจ่ายเงินค่ากระจกแตกด้วยนะคะ
สามเฒ่าดูราคา ดูเงื่อนไขประกันต่างๆ
สรุป เลือก แบบ third party เพราะราคาเช่า ซื้อประกันเพิ่ม แบบ Full เงื่อนไขอื่น แถม รับรถในเมือง และคืนที่สนามบิน ราคามันถูกกว่าจากบริษัท
เลือก third party บริษัท economy car rentals.com
มาดูหน้าตาเอกสารที่ติดต่อ ผ่านบริษัท Third party เพื่อทำความเข้าใจการเช่ารถ 3 หน้า
ราคาที่ทาง Third party ให้มา คือราคารวมของรถเช่า และค่าดำเนินการ ดังนั้นจะให้เราจ่ายค่าดำเนินการก่อน เป็นเงิน 102.7 euro
หลังจากนั้น 24 ชม. มีการแจ้งว่าได้รถของบริษัทอะไร คือ Europcar แล้วจุดรับรถที่ไหน
จากที่กล่าวมาข้อดีของ Third party ที่เลือกคือราคาถูกกว่าบริษัท อันนี้ เป็นข้อมูลตอนที่หานะคะ
ข้อเสียก็มี คือ จุดรับรถ เนื่องจาก Downtown ชอง Oslo มีหลายจุด ตอนที่เลือกเราไม่รู้ว่าจะได้รถของบริษัทไหน ดังนั้น ก็ต้องวัดดวง ว่ามันจะเดินทางไปรับรถลำบากไหม อันนี้lไม่สามารถรู้ก่อนจองได้ ซึ่งเปลี่ยนไม่ได้
f) จด Pin code บัตรเครดิต ด้วยนะ เพราะปั้มน้ำมันในวันอาทิตย์ ต้องจ่ายด้วยบัตรเครดิตอย่างเดียว และต้องใช้ Pin code ในการรูดด้วยนะ
5 การทำใบขับขี่สากล
เขียนไว้ใน Hok-To trip ลองหาอ่านดูนะ
http://pantip.com/topic/34390013
คิ้วทูรไม่ต้องทำใหม่ เพราะว่า ใบขับขี่สากลมีอายุ 1 ปี ตอนที่ ไป Hookaido เดือน กค 58 แล้วมาใช้ที่ Norway มิย. 59 ยังไม่หมดอายุ ส่วนคิ้วต่อต้องไปทำ
6 เรื่องที่พัก
กฎของสามเฒ่าคืองบที่พัก คือ 1,000 บาท/คน/คืน และสำหรับที่นี่คือต้องมีเครื่องครัว และครัว สำหรับทำอาหาร เพราะ เราไม่สามารถกินข้าวตามร้านอาหารได้ เนื่องจากมันแพง
ดังนั้นหาที่พักของพวกเรา มี 2 แหล่ง คือจาก Booking.com ที่สามารถยกเลิกได้ จ่ายเงินเมื่อไปถึง และจะมีแบบ เป็นอพารตเม้น หรือ กระท่อม
สำหรับที่พักที่เป็น camping นะ ถ้าเลือกแบบไม่มีห้องน้ำในตัว ต้องไปอาบส่วนกลางนะ ถ้าจะเอาน้ำร้อนต้องหยอดเงิน เช่น 10 Nok ได้น้ำร้อน 5 นาที
และ website ของ airbnb เพราะว่าที่พักจาก Booking ในเมืองใหญ่เช่น oslo, Bergen ราคาแพง แต่หาจาก airbnb ได้ราคาถูกกว่า แต่การจอง air bnb นั้นยกเลิกไม่ได้ ก็จะได้บ้านเป็นหลัง หรือเจ้าของเขาก็อยู้ด้ายล่างให้เราใช้ชั้นบน แล้วมาใช้ห้องครัว ห้องน้ำชั้นล่างได้
และเลือกที่พักที่มีเครื่องซักผ้า เครื่องอบผ้าด้วยนะ แต่ไม่ต้องทุกที่ที่พัก เอาเป็น 3-4 วันได้ที่พักที่มีเครื่อง ก็ โอแล้ว
สำหรับ website ของ airbnb ต้องลงทะเบียนก่อน และต้องจองบ้านกับเจ้าของรอเขาตอบรับ แล้วจะเรียก้ก็บเงินเป็น $US จากบัตรเครดิต โดยไม่สามารถขอคืนได้ และเมื่อไปพักแล้ว ต้องเก็บบ้านเขาให้เรียบร้อย และต้องมาเขียน comment ด้วยนะ อีกอย่างคือ เราสามารถได้แต้มในการลดราคาการจองครั้งต่อไป
ก็อยู่อย่างเงียบๆ แล้วจะออกมาก็ทำความสะอาดให้เขาด้วย ไม่ว่าจะพัก Booking หรือ air bnb
สามเฒ่าพาเที่ยว:3,009 km ตะลุย Norway 14 วัน คนละห้าหมื่นบาท ตอน2 :การเตรียมตัว
ว่าเที่ยว Norway ไม่แพงอย่างที่คิด ว่ามีการใช้จ่ายค่าอะไรบ้าง
ตอน2 การเตรียมตัว จะต้องเตรียมอะไรบ้าง
1.การขอ Visa นักท่องเที่ยว
เป็นแบบของยุโรป นั้นคือขอวีซ่าเชงเกน (Schengen) กับประเทศ Norway (แต่เงินที่ใช้ใน Norway เป็น นอร์เวย์โครน ตัวย่อ NOK)
ในการขอ Visa นั้นผ่านตัวแทน VFS ของนอร์เวย์ http://www.vfsglobal.com/norway/thailand/thai/
มีขั้นตอนดังนี้
a) ต้องเตรียมเอกสารแลรูปถ่าย ตาม check list เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกปฏิเสธ
ดู check list ได้จาก http://www.vfsglobal.com/norway/thailand/thai/pdf/visitboy_50814.PDF
b) เมื่อเตรียมเอกสารเรียบร้อย ก็ลงทะเบียน online เพื่อเลือกวันและเวลา ในการยื่นหรือสัมภาษณ์ การขอ VISA
เริ่มชั้นตอนกรอกเอกสาร เข้าไปhttp://www.vfsglobal.com/norway/thailand/
จากนั้น click ที่ Application Portal Norway
c) click “Create new user account” เพื่อลงทะเบียน
จำนั้นทำการการกรอกข้อมูลให้ตรงกับพาสปอร์ต
และจำ user name กับ password ให้ดี เพราะต้องใช้ไปตลอดจนจบ process การยื่นเรื่อง
จะเลือกเป็นกลุ่ม หรือเป็นบุคคลก็ได้
สามเฒ่า+1 ไม่มีเหตุที่ต้องไป Norway แต่ละคนอยู่แล้วจึงเลือกเป็นกลุ่ม
เวลาใส่ข้อมูล ก็จะ Add เพิ่ม
แล้วเลือกวัน เวลา ที่จะไปย่นเอกสาร
หาอ่านเพิ่มเติม http://pantip.com/topic/32610506
d) จากนั้นเตรียมเอกสารตาม check list และแนบ check list พร้อมเอกสารในตอนที่ไปยื่น
e) การประกันภัยการเดินทาง
จำนวนเงินเอาประกันจะต้องไม่ต่ำกว่า 30,000 ยูโร หรือ 1,500,000 บาท จะต้องมีระยะเวลาคุ้มครองตลอดระยะเวลาในการเดินทาง
รายชื่อบริษัทประกันที่ที่สถานทูตยอมรับ ตรวจจาก website นี้
http://www.emb-norway.or.th/studywork/visaandresidence/Tourist-visa-Schengen-visa/Insurance-Policy-Schengen-Visa/#.V2gcI_mLSM8
f) ในวันที่ไปยื่นเอกสาร ต้องจ่ายค่าดำเนินการเพิ่มอีก 860 บาท ถ้าจะให้ส่ง passport กลับมาที่บ้านต้อจ่ายเพิ่มเป็นร้อย ดังนั้นไปรับvisa เองดีกว่า ถ้าจะให้รับแทน ก็ให้ถ่าย Passport ของทุกคนไปเพิ่ม เพราะเจ้าหน้าที่จะปั๊ม หน้าสำเนา Passport ในการรับแทน
2 หาตั๋วเครื่องบิน
เที่ยวครั้งนี้เราใช้บริการ Norwegian airline ซึ่งเป็น low cost airline โดยจะมีราคาตั่วแตกต่างกัน
แบบ LowFare จะมีราคาต่ำสุด สามารถเอากระเป๋าขึ้นเครื่องได้ 1 กระเป๋า ขนาด 55 x 40 x 23 cm น้ำหนักได้ 10 กก.
จ่ายแพงมาหน่อย แบบ LowFare+ ก็จะเพิ่ม สามารถ load กระเป๋าใต้ท้องเครื่องได้ 1 ใบ น้ำหนักได้ 20 กก. และมีอาหารให้กิน แบบไม่อู้ฟู้เหมือนสายการบินที่ full service นอกจากนี้สามารถจองที่นั่งได้ โดยราคาตั๋ว ตอนที่จอง แบบ LowFare ราคาประมาณ หมื่นห้า และ LowFare+ ราคาประมาณสองหมื่น
สามเฒ่า+1 ต้องต้องการ Load สัมภาระ ดังนั้นจึงเลิกจองแบบ LowFare 2 ที่ และแบบ LowFare+ อีก 2 ที่ เพื่อการประหยัด ดังนั้นค่าตั๋วโดยเฉลี่ต่อคน 18,142.5 ฿
Tip: การจ่ายเงินค่าตั๋ว
ถ้าตัดบัตรเครดิต จะเสียเงินเพิ่ม จำไม่ได้แล้วว่าเท่าไร
มีหรือ สามเฒ่าจะให้จ่ายเพิ่ม.....ต้องหาทาง....
ไม่ต้องจ่ายเพิ่ม ถ้าตัดจากบัตรเดบิต แต่บัตร เดบิตจะต้อง verify ก่อนนะจึงจะใช้ได้ นะคะ
ข้อแนะนำการเลือกที่นั่ง
ตั๋วแบบ LowFare+ สามารถเลือกที่นั่ง สำหรับที่นั่งตอนช่วงช่วงประตูออกฉุกเฉิน จะกว้างเพราะเป็นแถวแรกของที่มีการแบ่ง ก็จะมีริมหน้าต่างและตรงกลาง
เลือกนั่งตรงริมหน้าต่างจะได้เห็นวิว และที่นั่งกว้าง....พื้นที่กว้างจริงไหม... จริง..
แต่ช่วง take off/landing ต้องเก็บสัมภาระทั้งหมดไว้ที่เก็บของเหนือศีรษะ
ไม่เห็นวิวเลยจ้า เพราะหน้าต่างอยู่พนักพิงจ้า แต่จะเห็นวิวห้องน้ำแทน 555
3 หาข้อมูลเที่ยวจากโลก internet เช่น pantip, และ
- website ที่บอกสภาพถนนของ Norway ที่บอกว่าถนนเปิด หรือซ่อม มีค่า toll เช่น Snow rod เปิด 1 มิถุนายน http://www.vegvesen.no/Trafikkbeta/
- website แนะนำ national tourist route : https://www.visitnorway.com/plan-your-trip/travel-tips-a-z/national-tourist-routes/
- Google map ที่จะได้บอกเราว่าจะใช้เวลาขับรถเท่าไร เพื่อที่จะได้วางแผนได้ถูก
และอื่นๆ ที่จะหาเจาะลงไป สถานที่เที่ยว จาก Google
จากข้อมูลที่อ่านมาตั้งมามาย สรุปว่าเที่ยว Norway ประเทศเดียว 14 วันเลย โดยการขับรถเที่ยว โดยจะลงใต้ก่อน เป็นการประวิงเวลา เพื่อให้ทางเหนือขึ้นมาหิมะละลาย ถนนไม่ปิดนะ แผนเที่ยวเราจึงต่างจากคนอื่น ที่มักจะขึ้นเหนือมาก่อน
แผนเที่ยวของสามเฒ่า จึงมีหน้าตาแบบนี้ ที่ระบุเวลา จำนวนกิโลเมตรที่ขับ เพื่อดูความเป็นไปได้ของแผนเที่ยว และ budget ที่ใช้เพื่อเตรียมการแลกเงิน
4 การเช่ารถ
เช่าโดยตรงกับบริษัทเช่ารถ เช่น Sixt AVIS, Hertz, Europcar, Budget. ก็มีราคาให้
และอีกแบบ คือผ่าน third party ซึ่งก็มีหลายบริษัท เช่น rental car, economy car rental ก็จะให้ราคามาเหมือนกัน
การเช่ารถใน Norway จะเรียกเก็บจากบัตรเครดิต ดังนั้นผู้เช่า กับเจ้าของบัตรเครดิตต้อง เป็นคนเดียวกันซึ่งต้องมีวงเงินเกินจากค่าเช่า เพื่อเป็นการ reserved เช่น ราคาเช่ารถ 4,000 Nok เขาจะ reserved ไว้ที่ 6,000 Nok
นอกจากนั้นในการเช่ารถ เพื่อการประหยัดเงินที่สุด นั้นเราต้องดูเรื่อง
a) ตอนเลือกประเภทรถ มีให้เลือก ถ้าเป็นแบบ Auto จะแพงกว่า Manual เลยเลือก Manual
b) ประหยัดอีกแบบคือ การเลือกที่ไม่เอา GPS ในรถ เพราะจากที่ดู GPS มากับรถต้องจ่ายเพิ่ม วันละพัน เช่า 11 วัน ก็ซื้อเครื่อง GPS ได้เลย
ดังนั้น จะต้องหาแหล่งเช่า GPS จากเมืองใน www. instasim.com ที่ค่าเช่า 14 วัน จ่าย 750 บาท แต่ต้องจ่ายค่าประกัน 3,500 บาท ได้คืนตอนคืนเครื่องด้วยสภาพไม่พัง
แต่ sim โทรศัพท์ ในยุโรป ราคาแพง เลยว่าจะไปหาซื้อที่โน้น
c) Auto pass มันเป็นบัตรเหมือน Easy pass เมื่อผ่านเส้นทางที่เก็บค่าผ่านทาง เมื่อมีบัตรนี้ มันก็จะผ่านได้ แล้วเมื่อคืนรถก็จะคิดเงินค่าผ่านทางทั้งหมดว่าต้องจ่ายเท่าไร
ตอนที่เลือกหัวข้อในการเช่ารถ ถ้าเลือก Auto pass จะต้องจ่ายเงินเพิ่มอีกเท่าไร?? จำไม่ได้ เป็นข้อเสนอของแต่ละบริษัท เท่าที่ดูมันแพง แต่มาที่ บ. Third party ที่เลือก นั้นไม่มีหัวข้อนี้ให้เลือก (อ่านต่อตอนที่ 3 -การรับรถ)
หาอ่านเพิ่มเติม http://www.autopass.no/en/visitors-payment
d)ดูว่าการรับรถและคืนรถ ที่ต่างกัน เราต้องรับรถใน downtown Oslo (ซึ่งมีหลายจุด เช่น Central, Nord, south)และคืนรถที่ airport จะต้องเสียเงินอะไรเพิ่มหรือไม่ด้วย นะ โชคดีที่ downtown ของ oslo ไม่ใหญ่มาก
e) เรื่องประกัน
ต้องดูเรื่องประกัน มีแบบที่มีประกันแล้ว แต่ถ้าเกิดเหตุจะต้องจ่าย access ก่อนทุกครั้งก็มี มันเป็น CDW และแบบ SCDW( full option) เป็นแบบประกันชั้น 1 ที่ไม่ต้องจ่ายเพิ่ม
ถ้าเช่าผ่าน Third party แล้วเกิดเหตุ ต้องจ่าย Access ที่ว่านั้นไปก่อน แล้วค่อยมา Claim ที่หลัง แต่ถ้าเช่าจาก บริษัทโดยตรง ก็จะไม่ต้องจ่าย แต่การซื้อประกันแบบ Full เพิ่ม จากบริษัทโดยตรง นั้นแพงกว่าจาก Third party คะ
แม้ว่าจะเลือกแบบ Full แล้วก็ตาม ดู Condition ว่าประกันที่มาว่า ล้อ ยาง ตัวถัง กระจก หรือไม่
ถ้าไม่มีกระจก เกิดเหตุโดนทุบกระจก..ต้องจ่ายเงินค่ากระจกแตกด้วยนะคะ
สามเฒ่าดูราคา ดูเงื่อนไขประกันต่างๆ
สรุป เลือก แบบ third party เพราะราคาเช่า ซื้อประกันเพิ่ม แบบ Full เงื่อนไขอื่น แถม รับรถในเมือง และคืนที่สนามบิน ราคามันถูกกว่าจากบริษัท
เลือก third party บริษัท economy car rentals.com
มาดูหน้าตาเอกสารที่ติดต่อ ผ่านบริษัท Third party เพื่อทำความเข้าใจการเช่ารถ 3 หน้า
ราคาที่ทาง Third party ให้มา คือราคารวมของรถเช่า และค่าดำเนินการ ดังนั้นจะให้เราจ่ายค่าดำเนินการก่อน เป็นเงิน 102.7 euro
หลังจากนั้น 24 ชม. มีการแจ้งว่าได้รถของบริษัทอะไร คือ Europcar แล้วจุดรับรถที่ไหน
จากที่กล่าวมาข้อดีของ Third party ที่เลือกคือราคาถูกกว่าบริษัท อันนี้ เป็นข้อมูลตอนที่หานะคะ
ข้อเสียก็มี คือ จุดรับรถ เนื่องจาก Downtown ชอง Oslo มีหลายจุด ตอนที่เลือกเราไม่รู้ว่าจะได้รถของบริษัทไหน ดังนั้น ก็ต้องวัดดวง ว่ามันจะเดินทางไปรับรถลำบากไหม อันนี้lไม่สามารถรู้ก่อนจองได้ ซึ่งเปลี่ยนไม่ได้
f) จด Pin code บัตรเครดิต ด้วยนะ เพราะปั้มน้ำมันในวันอาทิตย์ ต้องจ่ายด้วยบัตรเครดิตอย่างเดียว และต้องใช้ Pin code ในการรูดด้วยนะ
5 การทำใบขับขี่สากล
เขียนไว้ใน Hok-To trip ลองหาอ่านดูนะ http://pantip.com/topic/34390013
คิ้วทูรไม่ต้องทำใหม่ เพราะว่า ใบขับขี่สากลมีอายุ 1 ปี ตอนที่ ไป Hookaido เดือน กค 58 แล้วมาใช้ที่ Norway มิย. 59 ยังไม่หมดอายุ ส่วนคิ้วต่อต้องไปทำ
6 เรื่องที่พัก
กฎของสามเฒ่าคืองบที่พัก คือ 1,000 บาท/คน/คืน และสำหรับที่นี่คือต้องมีเครื่องครัว และครัว สำหรับทำอาหาร เพราะ เราไม่สามารถกินข้าวตามร้านอาหารได้ เนื่องจากมันแพง
ดังนั้นหาที่พักของพวกเรา มี 2 แหล่ง คือจาก Booking.com ที่สามารถยกเลิกได้ จ่ายเงินเมื่อไปถึง และจะมีแบบ เป็นอพารตเม้น หรือ กระท่อม
สำหรับที่พักที่เป็น camping นะ ถ้าเลือกแบบไม่มีห้องน้ำในตัว ต้องไปอาบส่วนกลางนะ ถ้าจะเอาน้ำร้อนต้องหยอดเงิน เช่น 10 Nok ได้น้ำร้อน 5 นาที
และ website ของ airbnb เพราะว่าที่พักจาก Booking ในเมืองใหญ่เช่น oslo, Bergen ราคาแพง แต่หาจาก airbnb ได้ราคาถูกกว่า แต่การจอง air bnb นั้นยกเลิกไม่ได้ ก็จะได้บ้านเป็นหลัง หรือเจ้าของเขาก็อยู้ด้ายล่างให้เราใช้ชั้นบน แล้วมาใช้ห้องครัว ห้องน้ำชั้นล่างได้
และเลือกที่พักที่มีเครื่องซักผ้า เครื่องอบผ้าด้วยนะ แต่ไม่ต้องทุกที่ที่พัก เอาเป็น 3-4 วันได้ที่พักที่มีเครื่อง ก็ โอแล้ว
สำหรับ website ของ airbnb ต้องลงทะเบียนก่อน และต้องจองบ้านกับเจ้าของรอเขาตอบรับ แล้วจะเรียก้ก็บเงินเป็น $US จากบัตรเครดิต โดยไม่สามารถขอคืนได้ และเมื่อไปพักแล้ว ต้องเก็บบ้านเขาให้เรียบร้อย และต้องมาเขียน comment ด้วยนะ อีกอย่างคือ เราสามารถได้แต้มในการลดราคาการจองครั้งต่อไป
ก็อยู่อย่างเงียบๆ แล้วจะออกมาก็ทำความสะอาดให้เขาด้วย ไม่ว่าจะพัก Booking หรือ air bnb