คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 2
ที่บอกว่า...ที่บ้านมีกัน4คน แต่เสื้อผ้าเยอะเหมือนอยู่กัน10คน แล้วเป็นเสื้อผ้าของคุณเยอะเท่าไหร่คะ
ตามหลักวิธีจัดบ้านแบบ KonMari ให้ทิ้งเฉพาะของของคุณเท่านั้น !
เริ่มจากให้เอาเสื้อผ้าของคุณทุกอย่าง มากองรวมกันแล้ว ก็ให้หยิบเสื้อผ้าขึ้นมาถือไว้ทีละชิ้น แล้วถามตัวเองว่า มันจุดประกายความสุขได้ไหม
ขอย้ำว่า ก่อนที่คุณจะถามว่ามันทำให้คุณชื่นใจรึเปล่า คุณต้องหยิบเสื้อตัวนั้นขึ้นมา ห้ามตัดสินด้วยการดูเฉยๆ การจับเสื้อขึ้นมาดูจะทำให้เราตัดสินใจโดยใช้สัญชาติญาณได้ง่ายขึ้นว่าเรายังอยากจะใส่เสื้อตัวนี้อยู่รึเปล่า
เสื้อหรือกางเกงตัวไหนที่ทำให้คุณชื่นใจ ก็เก็บมันไว้ ตัวไหนที่ไม่ได้ปลุกเร้าความสุขก็จงปล่อยมันไปซะ
แต่ก่อนจะเอาเสื้อผ้าที่ไม่ได้ปลุกเร้ายัดลงถุงดำ อย่าลืมกล่าวขอบคุณมันด้วย “ขอบคุณที่ดูแลกันมานะ”
ตามหลักวิธีจัดบ้านแบบ KonMari ให้ทิ้งเฉพาะของของคุณเท่านั้น !
เริ่มจากให้เอาเสื้อผ้าของคุณทุกอย่าง มากองรวมกันแล้ว ก็ให้หยิบเสื้อผ้าขึ้นมาถือไว้ทีละชิ้น แล้วถามตัวเองว่า มันจุดประกายความสุขได้ไหม
ขอย้ำว่า ก่อนที่คุณจะถามว่ามันทำให้คุณชื่นใจรึเปล่า คุณต้องหยิบเสื้อตัวนั้นขึ้นมา ห้ามตัดสินด้วยการดูเฉยๆ การจับเสื้อขึ้นมาดูจะทำให้เราตัดสินใจโดยใช้สัญชาติญาณได้ง่ายขึ้นว่าเรายังอยากจะใส่เสื้อตัวนี้อยู่รึเปล่า
เสื้อหรือกางเกงตัวไหนที่ทำให้คุณชื่นใจ ก็เก็บมันไว้ ตัวไหนที่ไม่ได้ปลุกเร้าความสุขก็จงปล่อยมันไปซะ
แต่ก่อนจะเอาเสื้อผ้าที่ไม่ได้ปลุกเร้ายัดลงถุงดำ อย่าลืมกล่าวขอบคุณมันด้วย “ขอบคุณที่ดูแลกันมานะ”
แสดงความคิดเห็น
ทำไงยังถึงจะกล้าทิ้งของ(ขยะ) ที่แม่(ไม่คิดว่าเป็นขยะ) เก็บไว้ในบ้าน ????
แต่แม่เรานี่คือแบบ เก็บแทบทุกอย่างกระดาษแผ่นใหญ่ๆเช่นพวกโบชัว แกก็จะเก็บไว้บอกว่าเอาไว้รองเวลาทำกับข้าวได้ เอาไว้รองนู้นรองนี่ได้ ทั้งๆที่เก็บไว้ไม่รู้กี่ปีจะใช้หมดก็ยังจะเก็บไปเรื่อยๆ เวลาเราซื้อน้ำมากินพวกขวดน้ำชา(โออิชิ ลิปตั้น)เรากินหมดก็ทิ้งถังขยะ ถ้าแกเห็นก็จะรื้อเอาไปล้างน้ำแล้วเก็บขวดไว้ เอาไว้ใส่ของต่างๆในครัวพวกน้ำส้มตะโหนด(บ้านอยู่ต่างจังหวัด)แบบเก็บไว้เผื่อใส่ของกับข้าวเงี้ย กระปุกใส่ข้าวเซเว่นงี้ก็เก็บ ถุงพลาสติก(ถุงร้อน)ที่บางทีใส่ของกินที่ไม่ร้อนมาก็เอามาล้างแล้วตากไว้เอาไว้ใส่กระเทียมทุบ คือแบบเก็บไปสะทุกอย่างเราก็บ่นๆนะว่า ไม่ต้องเก็บทุกอย่างก็ได้ขยะจะเต็มบ้านอยู่แล้ว แกก็จะอ้างว่าเก็บๆไว้มันจะมีประโยชน์ข้างหน้า หลายๆอย่างก็มีประโยชน์กับเราไม่ใช่เหรอ <<<< เถียงไม่ออกเลย
บางทีเรารื้อๆของตัวเอง หลังจากย้ายหอกลับมาบ้านบ้าง ย้ายไปบ้านที่กรุงเทพฯบ้าง จะมีของที่ไม่ใช้แล้วเช่น เสื้อผ้าที่ใส่ไม่ได้(ส่วนมากไม่ทิ้งรวมของอื่นหรอกแต่จะแยกเอาไว้) กระดาษแบบเวลาที่ทำไปส่งอาจารย์ กล่อง+กระปุกเครื่องสำอางที่หมดแล้ว พอเราเตรียมจะทิ้งแม่ก็จะมารื้อหาดูว่าเราทิ้งอะไรบ้าง แล้วก็เอาบางอย่างมาเก็บไว้อีก โอยยยยยยย ปวดหัวกับแม่สุด
ส่วนพ่อเรานี่ออกแนว "นายช่างใหญ่" เก็บพวกอุปกรณ์อิเลคโทนิคเยอะแยะเต็มบ้านไปหมดสายไฟนี่เต็มบ้านเลยแต่เราเข้าใจพ่อนะ เพราะบางอย่างมันเก็บไว้เป็นอะไหล่ซ่อมนู้นนี่นั่นได้ บ้านเราเวลาของพังไม่เคยต้องทิ้งเลย พ่อจะซ่อมกลับมาใช้ได้ใหม่ตลอด แต่บางอย่างที่เราคิดว่ามันเสียแล้วทิ้งก็ได้ พ่อก็ยังไม่ยอมทิ้งอยู่ดี
คือปัจจุบันเวลาจะทิ้งอะไรนี่ต้องคิดว่า "แม่จะเห็นไหม๊" "ถ้าแม่เห็นแม่จะเก็บเอาไว้ไหม๊" คือมันก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่นะคะแต่มันคิดไม่ตกจริงๆ5555 ตั้งแต่ไปเรียนมหาลัยพอกลับมาบ้านแต่ละที ของก็เยอะขึ้นทุกทีเราก็งงว่ามาจากไหนเยอะแยะ แล้วเราเรียนออกแบบไงพอเห็นของเยอะๆเก็บไม่เป็นระเบียบในบ้านเราก็ขัดใจแหละ พยายามจะออกแบบบิ้วอิน จะซื้อตู้มาใส่ของ แกก็บ่นว่าอย่ามายุ่งกับของบ้านแก (ทั้งๆที่บ้านเนี่ย เราก็เป็นคนเขียนแบบ 555555) แม่ก็ว่า "เดี๋ยวแกก็มีผัวไปอยู่กับผัว อย่ามายุ่งของชั้น" ปวดตับเข้าไปอีกค่าาาาา แงๆๆๆๆๆ แต่เราก็พยายามเข้าใจแม่เนอะ ความสุขของแม่เดี๋ยวเราไปทำงานก็ไปอยู่บ้านที่กรุงเทพฯอยู่ดี แต่บ้านที่กรุงเทพฯก็ของเยอะไม่แพ้กัน เรางี้อยากจะรื้อของทิ้งหมดบ้านเลย เสื้อผ้านี่เยอะม๊ากกกกกที่บ้านมีกัน4คน แต่เสื้อผ้าเยอะเหมือนอยู่กัน10คน เราคิดอยู่ว่าสักวันจะหอบผ้าไปเปิดท้ายขายสะดีไหม๊ 5555555