ท่องศัพท์ (เยี่ยงนกแก้วนกขุนทอง) มาตั้งแต่เด็ก แต่ไม่สามารถนำไปใช้ได้ หรือ ท่องแล้วแต่จำไม่ได้ ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น?
ก็เพราะการท่องจำยังไม่ใช่คำตอบสำหรับคุณยังไงล่ะ!
แล้ววิธีเรียนรู้ศัพท์ที่ดีกว่าการท่องจำคืออะไร?
วันนี้เราจะมาแบ่งปันหลักการเพิ่มความรู้ด้านคำศัพท์ภาษาอังกฤษแบบเป็นธรรมชาติที่สุด เราบังเอิญอ่านเจอฝรั่งท่านหนึ่งเขียนไว้ แล้วเราก็จดโน้ตสั้นๆ ไว้เตือนตัวเอง แต่ดันลืมจดว่าเอามาจากไหน จึงต้องขออภัยเจ้าของไอเดียมา ณ ที่นี้ด้วย
มันได้ผลจริงหรือ?
ได้ผลจริง เราพิสูจน์มาแล้ว เราเองเป็นคนขี้เกียจ ไม่ตั้งใจเรียน และความจำไม่ดี แต่เราก็เรียนภาษาอังกฤษด้วยวิธีนี้มาโดยตลอด (แบบไม่รู้ตัว) ก็ได้คะแนนภาษาอังกฤษดีเป็นที่น่าพอใจ แต่วิชาอื่นไม่ค่อยเท่าไหร่ แม้ปัจจุบันเลยวัยเรียนมานานแล้วก็ยังใช้วิธีนี้อยู่ เพราะเราคิดว่าการเพิ่มคำศัพท์เข้าสมองทุกวันมันมีประโยชน์ เราไม่เคยบังคับตัวเองว่าต้องท่องวันละกี่คำ เราปล่อยให้มันซึมเข้าไปเอง ถ้าวันไหนไม่มีคำไหนอยากเข้าสมองเรา ก็ไม่เป็นไร เราไม่ง้อ ไม่ซีเรียส เราไม่อยากท่องให้ปวดหัว ถ้าไปบังคับยัดเดี๋ยวสมองน้อยๆ ของเราจะอึดอัด
ขอสรุป 6 วิธีเรียนภาษาอังกฤษแบบสบายๆ ที่ฝรั่งท่านนั้นแนะนำ พร้อมสอดแทรกความเห็นส่วนตัวของเราไปด้วย ดังนี้
1. Read inside your field บรรจุศัพท์เรื่องที่เราสนใจเข้าสมองเป็นประจำทุกวัน
อ่านเรื่องที่เราชอบ เรื่องที่สนใจ หรือเรื่องที่ถนัด วันละ 1 เรื่อง อาจจะเป็นข่าว บทความ เรื่องสั้น โฆษณา ฟีดข่าวในเฟซบุ๊ค นิยาย (อันนี้วันละหน้าสองหน้าก็ได้) หรืออะไรก็ได้ ขอให้เป็นภาษาอังกฤษ เดี๋ยวนี้หาอ่านง่ายมาก เปิดดิกฯ เฉพาะคำที่อยากรู้จริงๆ ก็พอ นอกนั้นก็เดาๆ ไปตามเรื่องเพื่อความรวดเร็ว เราชอบอ่านข่าวของ BBC แต่วันไหนไม่อยากเครียดก็อ่าน Reddit (เว็บบอร์ดที่คล้ายๆ พันทิป) ส่วนนิยายนี่อ่านประจำทุกคืนก่อนนอน เพลินๆ เบาๆ ตามประสาคนไม่มีสาระ
2. Read outside your field เรียนรู้ศัพท์เรื่องที่เราไม่สนใจบ้าง จะได้รู้กว้างๆ เข้าไว้
อ่านเรื่องที่เราไม่ถนัดบ้างก็ดี อันนี้ไม่ต้องทุกวันก็ได้ มันทรมานใจ อย่างเราต้องแอบไปอ่านเรื่องไอทีบ้างบางที อัพเดทตัวเองนิดนึง เพราะโลกนี้อยู่ยากขึ้นทุกวันถ้าขาดเทคโนโลยี แต่ยอมรับว่าเราไม่เคยอ่านเรื่องกีฬาเลย ฉะนั้นในหัวเราจึงไม่มีศัพท์ด้านนี้เลย มีวันนึงต้องเขียนเกี่ยวกับฟุตบอลยูโรจึงเพิ่งรู้ตัวว่าเออ Blank! เกิดมานี่เราไม่เคยอ่านอะไรเกี่ยวกับฟุตบอลเลยนี่หว่า โลกแคบไปถนัดตา ก็น่าเสียดายเหมือนกัน
3. Watch TED Talks ดูคลิปทอล์คโชว์หัวข้อที่สนใจ
อันนี้ เป็นการฝึกฟังฝึกอ่านไปในตัว แค่เข้าไปเลือกเรื่องที่สนใจ เราชอบแอบฟังเวลาทำงาน เรื่องไหนฟังยากหน่อยก็เปิดซับได้ แต่ว่าแนะนำให้เลือกซับอังกฤษนะ และเลือกคนพูดที่สำเนียงชัดหน่อยด้วยจะได้ไม่หมดกำลังใจ ใครยังไม่เคยฟังไปลองดูได้เสิร์ชหาคำว่า TED talks เอา หรือจะโหลดแอปพลิเคชันมาไว้เลยก็ได้
4. Listen to Podcasts ฟังพ็อดคาสท์
เราไม่รู้จักหรอกว่าพ็อดคาสท์คืออะไร ได้ยินมาบ่อย แต่ไม่เคยสนใจ แอบไปเสิร์ชดูพบว่ามันคือรายการที่สามารถรับชมและรับฟังตอนต่างๆ ได้ทางอินเทอร์เน็ต อืม น่าสนใจ บอกกับตัวเองไว้ว่าเดี๋ยวจะลองฟังในคืนที่นอนไม่หลับ ใครมีรายการไหนที่คิดว่าน่าสนใจไหม ช่วยแนะนำเราที แต่ไม่เอากีฬานะจ๊ะ
5. Play word games เล่นเกมคำศัพท์
สิ่งนี้เราทำเป็นงานอดิเรกเลยก็ว่าได้ มันมีประโยชน์จริงๆ อันที่จริงสาเหตุที่เราต้องหันมาเล่นเกมคำศัพท์เป็นเพราะเราเล่นเกมแบบอื่นไม่ได้น่ะสิ ตายตลอด เรามีทักษะการเล่นเกมที่ห่วยชนิดหาตัวจับยากทีเดียว คุกกี้รันเราก็เล่นไม่ได้นะ ใครเห็นเราเล่นเป็นขำท้องแข็ง เกมคำศัพท์ที่เราเล่นมี Wordfeud เป็นการแข่งสแคร็บเบิลกับคนอื่น อันนี้เล่นไปแชทไปได้ด้วย ได้ฝึกสนทนากับฝาหรั่งอีกต่างหาก เรามีเพื่อนในเกมคนหนึ่งที่บอกเราว่าฮีเป็นนักโทษติดคุกอยู่เพราะคดียาเสพติด เล่นๆ อยู่วันหนึ่งฮีก็หายไปทั้งที่ยังไม่จบกระดาน ฮีหายไปสองปีถ้วน เมื่ออาทิตย์ก่อนเพิ่งกลับมา ฮีเล่าให้ฟังว่าเจอผู้คุมจับได้ว่ามีโทรศัพท์ เลยโดนยึด แต่ตอนนี้พ้นโทษแล้วเล่นได้ (เอิ่ม นี่พูดจริงหรืออำตรูกันแน่) อีกเกมคือ One Clue Crossword เพิ่งค้นพบเมื่ออาทิตย์ก่อน กำลังติดงอมแงม เกมนี้จะเหมือนปริศนาอักษรไขว้แต่แทนที่จะเป็นคำใบ้ภาษาอังกฤษ เค้าจะให้รูปภาพมาและศัพท์ในปริศนาก็คือสิ่งที่อยู่ในรูปภาพนั่นเอง สนุกมากลองโหลดมาเล่นกันดูได้
6. Write for 3 minutes ตั้งเวลา 3 นาทีแล้วเขียนอะไรก็ได้ทุกวัน
น่าสนุกแฮะ เราก็ยังไม่เคยลองจับเวลาแล้วเขียนแบบฟรีสไตล์เหมือนกัน แต่ฝรั่งท่านนี้บอกว่าให้เขียนอะไรก็ได้ที่อยากเขียนวันละ 3 นาที เราว่าก็น่าจะได้ผลนะ ผลงานที่ออกมาอาจจะไม่ถูกต้องตามหลักไวยากรณ์เท่าใดนักเพราะเวลาน้อยเหลือเกิน แต่เราก็สามารถเก็บประโยคเหล่านั้นมานั่งพิจารณาต่อยามว่างก็ได้ ค่อยๆ ดูว่าผิดตรงไหน และจะแก้ใหม่อย่างไร ทำบ่อยๆ น่าจะรู้วิธีใช้คำศัพท์และไวยากรณ์และเขียนได้ดีขึ้นเอง
จบแล้วค่ะ ขอบคุณที่อ่านมาถึงตรงนี้ คนขี้เกียจตัวเป็นขนอย่างเราลองทำแล้ว 4 ข้อ การันตีว่าไม่ยากเลย ไม่ต้องฝืนตัวเองด้วย ;)
ขอโฆษณาแอบแฝงนิดนึง ใครสนใจวิธีพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษเพิ่มเติมแนะนำให้อ่านต่อที่นี่ค่ะ :
วิธีเพิ่มคะแนน TOEIC ด้วยตนเอง
6 วิธีป้อนคำศัพท์เข้าสมองแบบง่ายๆ
ก็เพราะการท่องจำยังไม่ใช่คำตอบสำหรับคุณยังไงล่ะ!
แล้ววิธีเรียนรู้ศัพท์ที่ดีกว่าการท่องจำคืออะไร?
วันนี้เราจะมาแบ่งปันหลักการเพิ่มความรู้ด้านคำศัพท์ภาษาอังกฤษแบบเป็นธรรมชาติที่สุด เราบังเอิญอ่านเจอฝรั่งท่านหนึ่งเขียนไว้ แล้วเราก็จดโน้ตสั้นๆ ไว้เตือนตัวเอง แต่ดันลืมจดว่าเอามาจากไหน จึงต้องขออภัยเจ้าของไอเดียมา ณ ที่นี้ด้วย
มันได้ผลจริงหรือ?
ได้ผลจริง เราพิสูจน์มาแล้ว เราเองเป็นคนขี้เกียจ ไม่ตั้งใจเรียน และความจำไม่ดี แต่เราก็เรียนภาษาอังกฤษด้วยวิธีนี้มาโดยตลอด (แบบไม่รู้ตัว) ก็ได้คะแนนภาษาอังกฤษดีเป็นที่น่าพอใจ แต่วิชาอื่นไม่ค่อยเท่าไหร่ แม้ปัจจุบันเลยวัยเรียนมานานแล้วก็ยังใช้วิธีนี้อยู่ เพราะเราคิดว่าการเพิ่มคำศัพท์เข้าสมองทุกวันมันมีประโยชน์ เราไม่เคยบังคับตัวเองว่าต้องท่องวันละกี่คำ เราปล่อยให้มันซึมเข้าไปเอง ถ้าวันไหนไม่มีคำไหนอยากเข้าสมองเรา ก็ไม่เป็นไร เราไม่ง้อ ไม่ซีเรียส เราไม่อยากท่องให้ปวดหัว ถ้าไปบังคับยัดเดี๋ยวสมองน้อยๆ ของเราจะอึดอัด
ขอสรุป 6 วิธีเรียนภาษาอังกฤษแบบสบายๆ ที่ฝรั่งท่านนั้นแนะนำ พร้อมสอดแทรกความเห็นส่วนตัวของเราไปด้วย ดังนี้
1. Read inside your field บรรจุศัพท์เรื่องที่เราสนใจเข้าสมองเป็นประจำทุกวัน
อ่านเรื่องที่เราชอบ เรื่องที่สนใจ หรือเรื่องที่ถนัด วันละ 1 เรื่อง อาจจะเป็นข่าว บทความ เรื่องสั้น โฆษณา ฟีดข่าวในเฟซบุ๊ค นิยาย (อันนี้วันละหน้าสองหน้าก็ได้) หรืออะไรก็ได้ ขอให้เป็นภาษาอังกฤษ เดี๋ยวนี้หาอ่านง่ายมาก เปิดดิกฯ เฉพาะคำที่อยากรู้จริงๆ ก็พอ นอกนั้นก็เดาๆ ไปตามเรื่องเพื่อความรวดเร็ว เราชอบอ่านข่าวของ BBC แต่วันไหนไม่อยากเครียดก็อ่าน Reddit (เว็บบอร์ดที่คล้ายๆ พันทิป) ส่วนนิยายนี่อ่านประจำทุกคืนก่อนนอน เพลินๆ เบาๆ ตามประสาคนไม่มีสาระ
2. Read outside your field เรียนรู้ศัพท์เรื่องที่เราไม่สนใจบ้าง จะได้รู้กว้างๆ เข้าไว้
อ่านเรื่องที่เราไม่ถนัดบ้างก็ดี อันนี้ไม่ต้องทุกวันก็ได้ มันทรมานใจ อย่างเราต้องแอบไปอ่านเรื่องไอทีบ้างบางที อัพเดทตัวเองนิดนึง เพราะโลกนี้อยู่ยากขึ้นทุกวันถ้าขาดเทคโนโลยี แต่ยอมรับว่าเราไม่เคยอ่านเรื่องกีฬาเลย ฉะนั้นในหัวเราจึงไม่มีศัพท์ด้านนี้เลย มีวันนึงต้องเขียนเกี่ยวกับฟุตบอลยูโรจึงเพิ่งรู้ตัวว่าเออ Blank! เกิดมานี่เราไม่เคยอ่านอะไรเกี่ยวกับฟุตบอลเลยนี่หว่า โลกแคบไปถนัดตา ก็น่าเสียดายเหมือนกัน
3. Watch TED Talks ดูคลิปทอล์คโชว์หัวข้อที่สนใจ
อันนี้ เป็นการฝึกฟังฝึกอ่านไปในตัว แค่เข้าไปเลือกเรื่องที่สนใจ เราชอบแอบฟังเวลาทำงาน เรื่องไหนฟังยากหน่อยก็เปิดซับได้ แต่ว่าแนะนำให้เลือกซับอังกฤษนะ และเลือกคนพูดที่สำเนียงชัดหน่อยด้วยจะได้ไม่หมดกำลังใจ ใครยังไม่เคยฟังไปลองดูได้เสิร์ชหาคำว่า TED talks เอา หรือจะโหลดแอปพลิเคชันมาไว้เลยก็ได้
4. Listen to Podcasts ฟังพ็อดคาสท์
เราไม่รู้จักหรอกว่าพ็อดคาสท์คืออะไร ได้ยินมาบ่อย แต่ไม่เคยสนใจ แอบไปเสิร์ชดูพบว่ามันคือรายการที่สามารถรับชมและรับฟังตอนต่างๆ ได้ทางอินเทอร์เน็ต อืม น่าสนใจ บอกกับตัวเองไว้ว่าเดี๋ยวจะลองฟังในคืนที่นอนไม่หลับ ใครมีรายการไหนที่คิดว่าน่าสนใจไหม ช่วยแนะนำเราที แต่ไม่เอากีฬานะจ๊ะ
5. Play word games เล่นเกมคำศัพท์
สิ่งนี้เราทำเป็นงานอดิเรกเลยก็ว่าได้ มันมีประโยชน์จริงๆ อันที่จริงสาเหตุที่เราต้องหันมาเล่นเกมคำศัพท์เป็นเพราะเราเล่นเกมแบบอื่นไม่ได้น่ะสิ ตายตลอด เรามีทักษะการเล่นเกมที่ห่วยชนิดหาตัวจับยากทีเดียว คุกกี้รันเราก็เล่นไม่ได้นะ ใครเห็นเราเล่นเป็นขำท้องแข็ง เกมคำศัพท์ที่เราเล่นมี Wordfeud เป็นการแข่งสแคร็บเบิลกับคนอื่น อันนี้เล่นไปแชทไปได้ด้วย ได้ฝึกสนทนากับฝาหรั่งอีกต่างหาก เรามีเพื่อนในเกมคนหนึ่งที่บอกเราว่าฮีเป็นนักโทษติดคุกอยู่เพราะคดียาเสพติด เล่นๆ อยู่วันหนึ่งฮีก็หายไปทั้งที่ยังไม่จบกระดาน ฮีหายไปสองปีถ้วน เมื่ออาทิตย์ก่อนเพิ่งกลับมา ฮีเล่าให้ฟังว่าเจอผู้คุมจับได้ว่ามีโทรศัพท์ เลยโดนยึด แต่ตอนนี้พ้นโทษแล้วเล่นได้ (เอิ่ม นี่พูดจริงหรืออำตรูกันแน่) อีกเกมคือ One Clue Crossword เพิ่งค้นพบเมื่ออาทิตย์ก่อน กำลังติดงอมแงม เกมนี้จะเหมือนปริศนาอักษรไขว้แต่แทนที่จะเป็นคำใบ้ภาษาอังกฤษ เค้าจะให้รูปภาพมาและศัพท์ในปริศนาก็คือสิ่งที่อยู่ในรูปภาพนั่นเอง สนุกมากลองโหลดมาเล่นกันดูได้
6. Write for 3 minutes ตั้งเวลา 3 นาทีแล้วเขียนอะไรก็ได้ทุกวัน
น่าสนุกแฮะ เราก็ยังไม่เคยลองจับเวลาแล้วเขียนแบบฟรีสไตล์เหมือนกัน แต่ฝรั่งท่านนี้บอกว่าให้เขียนอะไรก็ได้ที่อยากเขียนวันละ 3 นาที เราว่าก็น่าจะได้ผลนะ ผลงานที่ออกมาอาจจะไม่ถูกต้องตามหลักไวยากรณ์เท่าใดนักเพราะเวลาน้อยเหลือเกิน แต่เราก็สามารถเก็บประโยคเหล่านั้นมานั่งพิจารณาต่อยามว่างก็ได้ ค่อยๆ ดูว่าผิดตรงไหน และจะแก้ใหม่อย่างไร ทำบ่อยๆ น่าจะรู้วิธีใช้คำศัพท์และไวยากรณ์และเขียนได้ดีขึ้นเอง
จบแล้วค่ะ ขอบคุณที่อ่านมาถึงตรงนี้ คนขี้เกียจตัวเป็นขนอย่างเราลองทำแล้ว 4 ข้อ การันตีว่าไม่ยากเลย ไม่ต้องฝืนตัวเองด้วย ;)
ขอโฆษณาแอบแฝงนิดนึง ใครสนใจวิธีพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษเพิ่มเติมแนะนำให้อ่านต่อที่นี่ค่ะ : วิธีเพิ่มคะแนน TOEIC ด้วยตนเอง