ต่อจากตอนที่แล้ว
เมื่อพวกผู้หญิงเริ่มการไปเยี่ยมชมห้องบรรดานักเรียนชายและวิจารณ์ห้องของพวกเขา บรรดาหนุ่มๆที่รู้สึกว่ามันชักจะไม่เท่าเทียมกันเท่าไหร่ จึงเรียกร้องว่าต้องการไปเยี่ยมดูห้องของสาวๆบ้าง
ซึ่งพวกผู้หญิงก็รับคำท้า และเสนอเพิ่มว่าผู้ที่ได้รับคะแนนโหวตสูงสุดในตอนท้ายจะได้รับตำแหน่ง "Room King" ไปครอง
โดยไม่มีใครรู้ มิเนตะที่เป็นตัวตั้งตัวตีของเรื่องนี้นั้นมีเจตนาแอบแฝงอยู่...
"ฮี่ๆๆ...ถ้าฉันเสนอเรื่องนี้อยู่คนเดียวมีหวังโดนเล่นงานแหงๆ"
"แต่ว่า! พวกผู้ชายคนอื่นๆที่ถูกดูหมิ่นศักดิ์ศรีก็เกิดเคืองขึ้นมาจริงๆแล้ว! และฉันก็ใช้ประโยชน์จากความอยากเอาชนะของพวกนั้น...."
"เป้าหมายจริงๆของฉันถูกปกปิดไว้ใต้คำว่า "ความต้องการของมวลชน" "!
"ด้วยแผนการอันสมบูรณ์แบบของฉันนี้ ฉันก็แค่ต้องไหลไปตามสถานการณ์ก็พอ..."
"และเข้าไปเยี่ยมชมห้องของสาวๆและดูทุกสิ่งทุกอย่างให้สาสมใจไปเลย!"
เริ่มด้วยการเยี่ยมชมห้องของหนุ่มๆกันต่อ
ห้องของคิริชิมะ :
ภายในห้องประดับด้วยผ้าม่านลายเปลวไฟ, กระสอบทราย, ดัมเบล, และโปสเตอร์ปลุกใจต่างๆ สรุปคือ "ห้องลูกผู้ชายสุดกู่"
ห้องของโชจิ :
ในห้องมีแต่ฟูกกับหมอนที่ใช้นอน และโต๊ะตั้งพื้นกับเบาะรองนั่งเท่านั้น
เจ้าตัวบอกว่าตั้งแต่เด็กมาเขาก็ไม่เคยนึกอยากได้อะไรตามแฟชั่นเลย แค่พอใช้งานก็ใช้ได้แล้ว
ห้องของเซโระ :
ในห้องจัดแต่งสไตล์เอเชียตะวันออก ม่าน, โต๊ะ, ตู้, โคมไฟ ฯลฯ ล้วนทำด้วยหวาย แถมยังมีเปลญวน, พรม และผ้าปูที่นอนที่เป็นลายแบบศิลปะทางอินโดนีเซียด้วย
ต่อไปคือห้องของโทโดโรกิ ซึ่งสาวๆต่างก็มีความคาดหวังสูง ด้วยเขาเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในห้อง, หนุ่มหล่อสุดในห้อง และหนุ่มเท่ห์ที่สุดในห้อง
ห้องของโทโดโรกิ :
เป็นห้องสไตล์ญี่ปุ่นแบบของแท้ มีทั้งโต๊ะ, ตู้ และผ้าม่านแบบญี่ปุ่นดั้งเดิม แม้แต่ประตูระเบียงก็เปลี่ยนเป็นแบบญี่ปุ่น แถมยังปูพื้นด้วยเสื่อตาตามิอีกต่างหาก ชนิดที่ถ้าบอกว่าเป็นคนละตึกกับคนอื่นๆยังเชื่อได้เลย?!
เจ้าตัวบอกว่าบ้านของเขาเป็นบ้านแบบญี่ปุ่นสไตล์ดั้งเดิม ทำให้ถ้าไม่มีเสื่อตาตามิเขาจะรู้สึกจิตใจไม่สงบ
คนอื่นๆก็ถามว่าจัดแต่งห้องขนาดนี้ภายในวันเดียวด้วยตัวคนเดียวได้ยังไงกัน?!
โทโดโรกิก็ตอบแค่ว่า "ฉันก็แค่ลงแรงไปอย่างหนักก็เท่านั้น"
ห้องของซาโต้ :
ภายในห้องที่ดูธรรมดาๆ ไม่มีอะไรโดดเด่นเป็นพิเศษนั้นกลับมีสิ่งที่สะดุดตาอยู่ที่มุมหนึ่ง เป็นเตาอบขนมพร้อมอุปกรณ์ทำขนมครบชุด
ด้วยอัตลักษณ์ของซาโต้ที่จะเพิ่มพลังกายให้ตัวเองตามปริมาณน้ำตาลที่กินเข้าไป เขาจึงฝึกทำขนมหวานเพื่อประกอบกับการฝึกใช้อัตลักษณ์จนตอนนี้เก่งสุดๆ
ว่าแล้วด้วยเค๊กชิฟฟ่อนที่เขาอบไว้เสร็จพอดีเขาจึงเอามาแจกจ่ายให้เพื่อนๆกินกัน
พวกผู้หญิงต่างประทับใจกับฝีมือการทำขนมของพ่อกล้ามโตเป็นอย่างยิ่ง
ส่วนพวกผู้ชายที่แม้จะเจ็บใจนิดๆที่จู่ๆซาโต้ก็ป็อบในหมู่ผู้หญิงขึ้นมาซะยังงั้น ก็ต้องยอมรับว่าเขาอบขนมได้สุดยอดจริงๆ
ห้องของบาคุโก :
ไม่โชว์ คาดว่าเพราะเจ้าตัวไม่ยอมให้ดู
แล้วก็มาถึงตาห้องสาวๆกันบ้าง
ห้องของจิโร่ :
ภายในห้องเต็มไปด้วยเครื่องประดับสไตล์ดนตรี แล้วยังมีเครื่องดนตรีหลากหลานทั้งกลองชุด, กีต้า, กีต้าเบส, แอมป์, หูฟัง ฯลฯ สรุปคือเป็นห้องขาร็อคเต็มขั้น
คามินาริกับอาโอยามะแซวว่าเป็นห้องที่ไม่สมเป็นผู้หญิงเอาเสียเลย ก็โดนเล่นงานไปตามระเบียบ
ห้องของฮากาคุเระ :
เป็นห้องสไตล์เด็กผู้หญิงเต็มที่ ผ้าม่านลายเชอรี่, ตุ๊กตายัดนุ่นน่ารักๆ ฯลฯ
มิเนตะฉวยโอกาสจะเปิดตู้เสื้อผ้าดูของข้างในแต่เจ้าของห้องเห็นเสียก่อน...
ห้องของอาชิโดะ :
เป็นห้องสไตล์เด็กผู้หญิงแนวก๋ากั่น ของประดับห้องเป็นลวดลายฉูดฉาดตามแนวนิสัยของเจ้าตัวเป๊ะๆ
ห้องของอุรารากะ :
เป็นห้องสไตล์เรียบๆ ไม่มีอะไรโดดเด่นเป็นพิเศษ หรือจะเรียกว่าเป็นแนวประหยัดก็ได้
ห้องของอาซึย :
โอจาโกะบอกว่าสึยุจังรู้สึกไม่สบายดังนั้นทุกคนจึงไม่อยากรบกวน และข้ามไป
ในตอนที่ทุกคนเดินไปแล้ว สึยุจังก็แง้มประตูออกมาแอบดู...
มาถึงห้องสุดท้าย ห้องของยาโอโยโรสึ :
ในห้องเต็มไปด้วยหนังสือสารานุกรมเต็มชั้นหนังสือ แต่สิ่งที่สะดุดตาที่สุดคือ...เตียงคิงไซส์ใหญ่เบิ้มกินพื้นที่เกือบครึ่งห้อง?!
เจ้าตัวบอกว่าเป็นเฟอร์นิเจอร์ที่เธอใช้ประจำ แต่คำนวนผิดพลาดว่าที่ไม่นึกว่าจะมีพื้นที่จำกัดแบบนี้...
(คุณหนูลูกคนรวยเต็มขั้นครับท่าน)
(มิเนตะโดนเซโระใช้เทปมัดไว้ทั้งตัวเพื่อไม่ให้แสดงอาการหื่นออกมา)
เมื่อดูกันจนครบแล้วก็มาถึงเวลาตัดสินโหวตผู้ชนะประกวดห้อง
และผู้ชนะด้วยคะแนนสูงสุด 6 คะแนนก็คือ...ซาโต้ ริคิโดะ!!
คะแนนท่วมท้นนี้มาจากการที่เขาทำขนมได้อร่อยสุดๆจนบรรดาสาวๆเทคะแนนให้เขากันหมดนั่นเอง (มันเกี่ยวกับห้องไหมล่ะนั่น?)
บรรดาหนุ่มๆเคืองซาโต้กันใหญ่ แต่เจ้าตัวก็ดีใจอยู่มากน่ะนะ...
เมื่อจบเรื่องแล้วโทโดโรกิกับอีดะก็จะไปเข้านอน แต่โอจาโกะขอให้พวกเขารอก่อน
ที่สนามข้างหอพัก
โอจาโกะพาพวกที่ไปทำภารกิจช่วยเหลือบาคุโกมาพบกับสึยุจังที่รออยู่แล้ว และบอกว่าเธอมีเรื่องจะคุยกับพวกเขา
สึยุจังเริ่มด้วยว่าเธอเป็นคนประเภทที่พูดสิ่งที่ตัวเองคิดออกมาตรงๆเสมอ...แต่ก็มีบางครั้งเหมือนกันที่เธอไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรออกมาเหมือนกัน
เมื่อตอนที่อยู่ที่โรงพยาบาลวันก่อนหน้าที่จะเกิดเรื่องนั้น เธอพูดออกมาว่า "ถ้าคิดที่จะทำสิ่งที่ละเมิดกฎเกณฑ์ของสังคมแบบนั้นล่ะก็ มันก็เป็นการกระทำที่ไม่ต่างกับพวกวายร้ายเลยไม่ใช่หรือ?"
ถึงแม้ตอนนั้นเธอจะเห็นใจพวกอิสึคุ แต่คำพูดที่เธอพูดออกไปนั้นมันก็แรงเกินไป
แต่เมื่อเช้าตอนที่ได้ยินว่าพวกเขาไปทำเรื่องนั้นกันจริงๆ เธอก็ตกใจสุดๆ
เธอรู้สึกโกรธความขี้ขลาดของตัวเองที่แสดงออกมาด้วยการพยายามหยุดพวกเขา...แล้วมันก็ทำให้ความรู้สึกด้านลบก่อตัวขึ้นภายในตัวของเธอ...
เธอไม่รู้ว่าจะควรจะพูดอะไรกับพวกเขา...และเธอก็ไม่สามารถจะทำไม่รู้ไม่ชี้แล้วพูดจาเล่นหัวกับพวกเขาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้เหมือนกัน...
เมื่อถึงตอนนี้น้ำตาก็รื้นขึ้นมาในดวงตาของสึยุจัง...
เรื่องนี้ทำให้เธอรู้สึกเสียใจมาก ดังนั้นเธอจึงอยากที่จะพูดจากับพวกเขาอย่างเป็นเรื่องเป็นราวเพื่อให้เข้าใจกันทุกฝ่าย เพราะที่เธอต้องการก็คือการที่จะสามารถกลับไปพูดจาเล่นสนุกสนานกับทุกคนได้เหมือนที่ผ่านมา
โอจาโกะก็ปลอบสึยุจังว่าไม่ใช่แค่เธอหรอกที่คิดแบบนั้น ทุกคนต่างก็รู้สึกเป็นห่วงและไม่สบายใจกันทั้งนั้น และอยากจะขจัดมันออกไปด้วย
อย่างการประกวดการแต่งห้องนี้ เธอคิดว่าจริงๆแล้วมันเกิดจากการที่ทุกคนต่างเข้าใจความรู้สึกของพวกอิสึคุกันทั้งนั้น
ดังนั้นแทนที่จะกล่าวโทษพวกเขา ทุกคนเลือกที่หัวเราะไปด้วยกันแล้วพยายามให้มากขึ้นไปพร้อมๆกันดีกว่า!
เมื่อได้ยินแบบนี้แล้ว คิริชิมะที่เป็นตัวตั้งตัวตีของเรื่องที่เกิดขึ้นก็กล่าวขอโทษสึยุจัง พวกอิสึคุต่างก็ทำตามกันหมดเช่นกัน พร้อมปลอบสึยุจังที่ตอนนี้ปล่อยโฮออกมาเต็มๆ
"เธอพยายามอย่างเต็มที่ ที่จะทำให้ทุกอย่างกลับไปเป็นเหมือนปกติ เพื่อพวกเรา"
"เหมือนเมื่อก่อน..."
"ใช่แล้ว ให้เป็นเหมือนก่อนหน้านี้..."
"ที่เราเรียนและฝึกฝนกันอย่างหนัก..."
"ตั้งมั่นที่จะเป็นฮีโร่มือโปรที่ดีที่สุด"
"ถึงเวลาที่จะกลับไปเป็นเช่นนั้นอีกครั้งแล้ว!"
วันต่อมา
อ.ไอซาว่าประกาศหน้าชั้นว่าเป้าหมายหลักอย่างแรกของเทอมใหม่นี้คือการที่พวกเขาจะต้องได้รับ "ใบอนุญาติฮีโร่ชั่วคราว" มากันให้ได้ทุกคน
ซึ่งใบอนุญาติฮีโร่นั้นจะทำให้พวกเขามีสิทธิ์ที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวในช่วงเวลาที่ชีวิตของผู้คนเป็นเดิมพัน ซึ่งมันเป็นเรื่องที่หนักหนาอย่างยิ่ง
ดังนั้นการสอบให้ได้ใบอนุญาติมานั้นจึงยากสุดๆ แม้แต่ใบอนุญาติแบบชั่วคราวก็มีเปอร์เซ็นต์ผู้สอบผ่านในแต่ละปีเพียงแค่ 5% เท่านั้น
ข้อมูลที่ได้รู้นี้ทำให้บรรดานักเรียนชักแหยงๆขึ้นมา เพราะขนาดใบอนุญาติชั่วคราวยังสอบยากขนาดนั้นเลย...
ตอนนั้นเองอ.ไอซาว่าก็ส่งสัญญาณมือ แล้วประตูห้องเรียนก็เปิกออก พร้อมกับที่ซีเมนโทส, เอ็กโตพลาสซึ่ม และมิดไนท์เข้ามาในห้อง
ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป พวกเขาแต่ละคนจะต้องเข้ารับการฝึกพิเศษ เพื่อคิดค้น "ท่าไม้ตาย" ของตัวเองออกมาคนละอย่างน้อยสองท่า!!
ในที่สุดก็ถึงเวลาที่บรรดานักเรียนจะได้เรียนบทเรียนการเป็นฮีโร่อย่างจริงจังกันแล้ว!!
Spoil Boku no Hero Academia 99 : ลาก่อนเลขสองหลัก ตั้งแต่นี้ไปเราจะขึ้นเลขสามหลักกันแล้ว!
เมื่อพวกผู้หญิงเริ่มการไปเยี่ยมชมห้องบรรดานักเรียนชายและวิจารณ์ห้องของพวกเขา บรรดาหนุ่มๆที่รู้สึกว่ามันชักจะไม่เท่าเทียมกันเท่าไหร่ จึงเรียกร้องว่าต้องการไปเยี่ยมดูห้องของสาวๆบ้าง
ซึ่งพวกผู้หญิงก็รับคำท้า และเสนอเพิ่มว่าผู้ที่ได้รับคะแนนโหวตสูงสุดในตอนท้ายจะได้รับตำแหน่ง "Room King" ไปครอง
โดยไม่มีใครรู้ มิเนตะที่เป็นตัวตั้งตัวตีของเรื่องนี้นั้นมีเจตนาแอบแฝงอยู่...
"ฮี่ๆๆ...ถ้าฉันเสนอเรื่องนี้อยู่คนเดียวมีหวังโดนเล่นงานแหงๆ"
"แต่ว่า! พวกผู้ชายคนอื่นๆที่ถูกดูหมิ่นศักดิ์ศรีก็เกิดเคืองขึ้นมาจริงๆแล้ว! และฉันก็ใช้ประโยชน์จากความอยากเอาชนะของพวกนั้น...."
"เป้าหมายจริงๆของฉันถูกปกปิดไว้ใต้คำว่า "ความต้องการของมวลชน" "!
"ด้วยแผนการอันสมบูรณ์แบบของฉันนี้ ฉันก็แค่ต้องไหลไปตามสถานการณ์ก็พอ..."
"และเข้าไปเยี่ยมชมห้องของสาวๆและดูทุกสิ่งทุกอย่างให้สาสมใจไปเลย!"
เริ่มด้วยการเยี่ยมชมห้องของหนุ่มๆกันต่อ
ห้องของคิริชิมะ :
ภายในห้องประดับด้วยผ้าม่านลายเปลวไฟ, กระสอบทราย, ดัมเบล, และโปสเตอร์ปลุกใจต่างๆ สรุปคือ "ห้องลูกผู้ชายสุดกู่"
ห้องของโชจิ :
ในห้องมีแต่ฟูกกับหมอนที่ใช้นอน และโต๊ะตั้งพื้นกับเบาะรองนั่งเท่านั้น
เจ้าตัวบอกว่าตั้งแต่เด็กมาเขาก็ไม่เคยนึกอยากได้อะไรตามแฟชั่นเลย แค่พอใช้งานก็ใช้ได้แล้ว
ห้องของเซโระ :
ในห้องจัดแต่งสไตล์เอเชียตะวันออก ม่าน, โต๊ะ, ตู้, โคมไฟ ฯลฯ ล้วนทำด้วยหวาย แถมยังมีเปลญวน, พรม และผ้าปูที่นอนที่เป็นลายแบบศิลปะทางอินโดนีเซียด้วย
ต่อไปคือห้องของโทโดโรกิ ซึ่งสาวๆต่างก็มีความคาดหวังสูง ด้วยเขาเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในห้อง, หนุ่มหล่อสุดในห้อง และหนุ่มเท่ห์ที่สุดในห้อง
ห้องของโทโดโรกิ :
เป็นห้องสไตล์ญี่ปุ่นแบบของแท้ มีทั้งโต๊ะ, ตู้ และผ้าม่านแบบญี่ปุ่นดั้งเดิม แม้แต่ประตูระเบียงก็เปลี่ยนเป็นแบบญี่ปุ่น แถมยังปูพื้นด้วยเสื่อตาตามิอีกต่างหาก ชนิดที่ถ้าบอกว่าเป็นคนละตึกกับคนอื่นๆยังเชื่อได้เลย?!
เจ้าตัวบอกว่าบ้านของเขาเป็นบ้านแบบญี่ปุ่นสไตล์ดั้งเดิม ทำให้ถ้าไม่มีเสื่อตาตามิเขาจะรู้สึกจิตใจไม่สงบ
คนอื่นๆก็ถามว่าจัดแต่งห้องขนาดนี้ภายในวันเดียวด้วยตัวคนเดียวได้ยังไงกัน?!
โทโดโรกิก็ตอบแค่ว่า "ฉันก็แค่ลงแรงไปอย่างหนักก็เท่านั้น"
ห้องของซาโต้ :
ภายในห้องที่ดูธรรมดาๆ ไม่มีอะไรโดดเด่นเป็นพิเศษนั้นกลับมีสิ่งที่สะดุดตาอยู่ที่มุมหนึ่ง เป็นเตาอบขนมพร้อมอุปกรณ์ทำขนมครบชุด
ด้วยอัตลักษณ์ของซาโต้ที่จะเพิ่มพลังกายให้ตัวเองตามปริมาณน้ำตาลที่กินเข้าไป เขาจึงฝึกทำขนมหวานเพื่อประกอบกับการฝึกใช้อัตลักษณ์จนตอนนี้เก่งสุดๆ
ว่าแล้วด้วยเค๊กชิฟฟ่อนที่เขาอบไว้เสร็จพอดีเขาจึงเอามาแจกจ่ายให้เพื่อนๆกินกัน
พวกผู้หญิงต่างประทับใจกับฝีมือการทำขนมของพ่อกล้ามโตเป็นอย่างยิ่ง
ส่วนพวกผู้ชายที่แม้จะเจ็บใจนิดๆที่จู่ๆซาโต้ก็ป็อบในหมู่ผู้หญิงขึ้นมาซะยังงั้น ก็ต้องยอมรับว่าเขาอบขนมได้สุดยอดจริงๆ
ห้องของบาคุโก :
ไม่โชว์ คาดว่าเพราะเจ้าตัวไม่ยอมให้ดู
แล้วก็มาถึงตาห้องสาวๆกันบ้าง
ห้องของจิโร่ :
ภายในห้องเต็มไปด้วยเครื่องประดับสไตล์ดนตรี แล้วยังมีเครื่องดนตรีหลากหลานทั้งกลองชุด, กีต้า, กีต้าเบส, แอมป์, หูฟัง ฯลฯ สรุปคือเป็นห้องขาร็อคเต็มขั้น
คามินาริกับอาโอยามะแซวว่าเป็นห้องที่ไม่สมเป็นผู้หญิงเอาเสียเลย ก็โดนเล่นงานไปตามระเบียบ
ห้องของฮากาคุเระ :
เป็นห้องสไตล์เด็กผู้หญิงเต็มที่ ผ้าม่านลายเชอรี่, ตุ๊กตายัดนุ่นน่ารักๆ ฯลฯ
มิเนตะฉวยโอกาสจะเปิดตู้เสื้อผ้าดูของข้างในแต่เจ้าของห้องเห็นเสียก่อน...
ห้องของอาชิโดะ :
เป็นห้องสไตล์เด็กผู้หญิงแนวก๋ากั่น ของประดับห้องเป็นลวดลายฉูดฉาดตามแนวนิสัยของเจ้าตัวเป๊ะๆ
ห้องของอุรารากะ :
เป็นห้องสไตล์เรียบๆ ไม่มีอะไรโดดเด่นเป็นพิเศษ หรือจะเรียกว่าเป็นแนวประหยัดก็ได้
ห้องของอาซึย :
โอจาโกะบอกว่าสึยุจังรู้สึกไม่สบายดังนั้นทุกคนจึงไม่อยากรบกวน และข้ามไป
ในตอนที่ทุกคนเดินไปแล้ว สึยุจังก็แง้มประตูออกมาแอบดู...
มาถึงห้องสุดท้าย ห้องของยาโอโยโรสึ :
ในห้องเต็มไปด้วยหนังสือสารานุกรมเต็มชั้นหนังสือ แต่สิ่งที่สะดุดตาที่สุดคือ...เตียงคิงไซส์ใหญ่เบิ้มกินพื้นที่เกือบครึ่งห้อง?!
เจ้าตัวบอกว่าเป็นเฟอร์นิเจอร์ที่เธอใช้ประจำ แต่คำนวนผิดพลาดว่าที่ไม่นึกว่าจะมีพื้นที่จำกัดแบบนี้...
(คุณหนูลูกคนรวยเต็มขั้นครับท่าน)
(มิเนตะโดนเซโระใช้เทปมัดไว้ทั้งตัวเพื่อไม่ให้แสดงอาการหื่นออกมา)
เมื่อดูกันจนครบแล้วก็มาถึงเวลาตัดสินโหวตผู้ชนะประกวดห้อง
และผู้ชนะด้วยคะแนนสูงสุด 6 คะแนนก็คือ...ซาโต้ ริคิโดะ!!
คะแนนท่วมท้นนี้มาจากการที่เขาทำขนมได้อร่อยสุดๆจนบรรดาสาวๆเทคะแนนให้เขากันหมดนั่นเอง (มันเกี่ยวกับห้องไหมล่ะนั่น?)
บรรดาหนุ่มๆเคืองซาโต้กันใหญ่ แต่เจ้าตัวก็ดีใจอยู่มากน่ะนะ...
เมื่อจบเรื่องแล้วโทโดโรกิกับอีดะก็จะไปเข้านอน แต่โอจาโกะขอให้พวกเขารอก่อน
ที่สนามข้างหอพัก
โอจาโกะพาพวกที่ไปทำภารกิจช่วยเหลือบาคุโกมาพบกับสึยุจังที่รออยู่แล้ว และบอกว่าเธอมีเรื่องจะคุยกับพวกเขา
สึยุจังเริ่มด้วยว่าเธอเป็นคนประเภทที่พูดสิ่งที่ตัวเองคิดออกมาตรงๆเสมอ...แต่ก็มีบางครั้งเหมือนกันที่เธอไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรออกมาเหมือนกัน
เมื่อตอนที่อยู่ที่โรงพยาบาลวันก่อนหน้าที่จะเกิดเรื่องนั้น เธอพูดออกมาว่า "ถ้าคิดที่จะทำสิ่งที่ละเมิดกฎเกณฑ์ของสังคมแบบนั้นล่ะก็ มันก็เป็นการกระทำที่ไม่ต่างกับพวกวายร้ายเลยไม่ใช่หรือ?"
ถึงแม้ตอนนั้นเธอจะเห็นใจพวกอิสึคุ แต่คำพูดที่เธอพูดออกไปนั้นมันก็แรงเกินไป
แต่เมื่อเช้าตอนที่ได้ยินว่าพวกเขาไปทำเรื่องนั้นกันจริงๆ เธอก็ตกใจสุดๆ
เธอรู้สึกโกรธความขี้ขลาดของตัวเองที่แสดงออกมาด้วยการพยายามหยุดพวกเขา...แล้วมันก็ทำให้ความรู้สึกด้านลบก่อตัวขึ้นภายในตัวของเธอ...
เธอไม่รู้ว่าจะควรจะพูดอะไรกับพวกเขา...และเธอก็ไม่สามารถจะทำไม่รู้ไม่ชี้แล้วพูดจาเล่นหัวกับพวกเขาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้เหมือนกัน...
เมื่อถึงตอนนี้น้ำตาก็รื้นขึ้นมาในดวงตาของสึยุจัง...
เรื่องนี้ทำให้เธอรู้สึกเสียใจมาก ดังนั้นเธอจึงอยากที่จะพูดจากับพวกเขาอย่างเป็นเรื่องเป็นราวเพื่อให้เข้าใจกันทุกฝ่าย เพราะที่เธอต้องการก็คือการที่จะสามารถกลับไปพูดจาเล่นสนุกสนานกับทุกคนได้เหมือนที่ผ่านมา
โอจาโกะก็ปลอบสึยุจังว่าไม่ใช่แค่เธอหรอกที่คิดแบบนั้น ทุกคนต่างก็รู้สึกเป็นห่วงและไม่สบายใจกันทั้งนั้น และอยากจะขจัดมันออกไปด้วย
อย่างการประกวดการแต่งห้องนี้ เธอคิดว่าจริงๆแล้วมันเกิดจากการที่ทุกคนต่างเข้าใจความรู้สึกของพวกอิสึคุกันทั้งนั้น
ดังนั้นแทนที่จะกล่าวโทษพวกเขา ทุกคนเลือกที่หัวเราะไปด้วยกันแล้วพยายามให้มากขึ้นไปพร้อมๆกันดีกว่า!
เมื่อได้ยินแบบนี้แล้ว คิริชิมะที่เป็นตัวตั้งตัวตีของเรื่องที่เกิดขึ้นก็กล่าวขอโทษสึยุจัง พวกอิสึคุต่างก็ทำตามกันหมดเช่นกัน พร้อมปลอบสึยุจังที่ตอนนี้ปล่อยโฮออกมาเต็มๆ
"เธอพยายามอย่างเต็มที่ ที่จะทำให้ทุกอย่างกลับไปเป็นเหมือนปกติ เพื่อพวกเรา"
"เหมือนเมื่อก่อน..."
"ใช่แล้ว ให้เป็นเหมือนก่อนหน้านี้..."
"ที่เราเรียนและฝึกฝนกันอย่างหนัก..."
"ตั้งมั่นที่จะเป็นฮีโร่มือโปรที่ดีที่สุด"
"ถึงเวลาที่จะกลับไปเป็นเช่นนั้นอีกครั้งแล้ว!"
วันต่อมา
อ.ไอซาว่าประกาศหน้าชั้นว่าเป้าหมายหลักอย่างแรกของเทอมใหม่นี้คือการที่พวกเขาจะต้องได้รับ "ใบอนุญาติฮีโร่ชั่วคราว" มากันให้ได้ทุกคน
ซึ่งใบอนุญาติฮีโร่นั้นจะทำให้พวกเขามีสิทธิ์ที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวในช่วงเวลาที่ชีวิตของผู้คนเป็นเดิมพัน ซึ่งมันเป็นเรื่องที่หนักหนาอย่างยิ่ง
ดังนั้นการสอบให้ได้ใบอนุญาติมานั้นจึงยากสุดๆ แม้แต่ใบอนุญาติแบบชั่วคราวก็มีเปอร์เซ็นต์ผู้สอบผ่านในแต่ละปีเพียงแค่ 5% เท่านั้น
ข้อมูลที่ได้รู้นี้ทำให้บรรดานักเรียนชักแหยงๆขึ้นมา เพราะขนาดใบอนุญาติชั่วคราวยังสอบยากขนาดนั้นเลย...
ตอนนั้นเองอ.ไอซาว่าก็ส่งสัญญาณมือ แล้วประตูห้องเรียนก็เปิกออก พร้อมกับที่ซีเมนโทส, เอ็กโตพลาสซึ่ม และมิดไนท์เข้ามาในห้อง
ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป พวกเขาแต่ละคนจะต้องเข้ารับการฝึกพิเศษ เพื่อคิดค้น "ท่าไม้ตาย" ของตัวเองออกมาคนละอย่างน้อยสองท่า!!
ในที่สุดก็ถึงเวลาที่บรรดานักเรียนจะได้เรียนบทเรียนการเป็นฮีโร่อย่างจริงจังกันแล้ว!!