ห้องเพลง**คนรากหญ้า** พักยกการเมือง มุมเสียงเพลง มุมนี้ไม่มีสี ไม่มีกลุ่ม............มีแต่เสียง 14/7/2016

กระทู้คำถาม


  ***สวัสดีค่ะเพื่อนๆ ห้องราชดำเนินทุกคน***
กระทู้นี้ เป็นมุมพักผ่อน มุมนี้ไม่มีสี  ไม่มีกลุ่ม.........แต่มีเสียง...................


ห้องเพลงคนรากหญ้าเปิดขึ้นมามีวัตถุประสงค์ เพื่อ

1. มีพื้นที่ให้เพื่อนๆ ได้มาพบปะ พูดคุยระหว่างกัน ในภาวะที่ต้องระมัดระวังการโพสการเมืองอย่างเคร่งครัด
2. เป็นพื้นที่ พักผ่อน ลดความเครียดทางการเมือง ให้เพื่อนๆ มีกิจกรรมสนุกๆ ร่วมกัน
3. สร้างมิตรภาพและความปรองดอง ซึ่งเราหวังให้สังคมไทยเป็นเช่นนี้ แม้นคิดต่างกัน แต่เมื่อคุยกันแล้วก็เป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม

กระทู้ห้องเพลงเป็นกระทู้เปิด มิได้ปิดกั้นผู้หนึ่งผู้ใด "ขอให้มาดี เราคือเพื่อนกัน" ซึ่งก็เหมือนกับกระทู้ทั่วไป ที่เราไม่จำเป็นต้องทราบว่า User ท่านไหนเป็นใครมาจากไหน  ...ดังนั้น หากมีบุคคลใดที่มีการโพสสิ่งผิดกฎหมายและศีลธรรมอันดีของสังคมนั้น หรือสิ่งรบกวนใดๆ ในบอร์ด เป็นเรื่องส่วนบุคคล ทางห้องเพลงจึงขอแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งสิ้น



วันนี้พาไปรู้จักกับนิทานสำนวนสุภาษิตจีน  "ตังซีขมวดคิ้ว" [东施效颦] ค่ะ

ก่อนอื่นต้องรู้จักกับไซซีก่อน คงจะทราบกันว่า ไซซีเป็นหนึ่งในสี่สาวงามในประวัติศาสตร์จีน
ไว้วันหลังหากมีโอกาสค่อยพามาแนะนำทีละคน แต่ละนางมีฉายาดังนี้

ไซซี             มีชีวิตอยู่ช่วง ศตวรรษที่ 6 ก่อนคริสตกาล ในสมัยชุนชิวได้ฉายาว่า “มัจฉาจมวารี”
หวังเจาจวิน   มีชีวิตอยู่ในช่วงราชวงศ์ฮั่นตะวันตกได้ฉายาว่า “ปักษีตกนภา”
เตียวเสี้ยน     มีชีวิตอยู่ในยุคสามก๊ก ได้ฉายาว่า “จันทร์หลบโฉมสุดา”
หยางกุ้ยเฟย  มีชีวิตอยู่ในช่วงราชวงศ์ถัง ได้ฉายาว่า “มวลผกาละอายนาง”




ความงามของไซซีร่ำลือกันทั่วทั้งแคว้น ไม่ว่าจะเป็นท่วงท่าเยื้องย่างกรีดกราย หรือรอยยิ้มพริ้มเพราบนใบหน้า
ทุกอิริยาบถล้วนดึงดูดให้ผู้คนรักใคร่เอ็นดู นางแค่แต่งแต้มใบหน้าเพียงเล็กน้อย สวมใส่เสื้อผ้าเรียบๆ
แต่เดินไปทางไหนไม่มีใครที่จะไม่ตกตะลึงพรึงเพริศในรูปลักษณ์ที่งดงามของนาง

มีกวีได้พรรณาความงามของไซซีเอาไว้ว่า “ได้ยลโฉมนงนุชสุดโสภา แม้มัจฉาตะลึงชมจมวารี”

คือ ไซซีนั้นเดิมเป็นคนฟอกด้าย เมื่อไปฟอกด้ายที่ริมน้ำ ปลาที่กำลังว่ายน้ำอยู่แลเห็นเข้า ก็ถึงขนาดตกตะลึง
เอาแต่จ้องจนลืมว่าย ทำให้จมดิ่งลงในน้ำ จนเป็นที่มาของ “มัจฉาจมวารี” อันลือลั่น




ไซซีสุขภาพอ่อนแอ มีโรคประจำตัวคือโรคหัวใจ มักมีอาการเจ็บปวดที่หน้าอก
เมื่ออาการป่วยของนางกำเริบขึ้น นางจะเอามือกุมที่หน้าอก หน้านิ่วคิ้วขมวด ตามธรรมชาติ
แต่ใครเห็นก็รู้สึกว่าน่ารัก น่าสงสาร น่าทะนุถนอม ชาวเมืองล้วนเบิ่งตาโตจ้องมองไม่วางตา

ในหมู่บ้านเดียวกันนั้น มีหญิงหน้าตาอัปลักษณ์นางหนึ่ง นามว่า “ตังซี” นางไม่เพียงแต่รูปลักษณ์ไม่ชวนมอง
ทั้งยังขาดการอบรมบ่มนิสัย ประพฤติตัวหยาบกระด้าง พูดจาเอะอะโวยวาย แต่ วันทั้งวันก็เฝ้าฝันว่าตนเป็นหญิงงาม
แต่กระนั้น ก็ยังไม่มีชาวเมืองชมนางว่าสวยสักคน



เมื่อนางเห็นไซซียามป่วยทำท่ายกมือทาบอกและขมวดคิ้ว แล้วผู้คนพากันหลงใหล จึงได้ทำท่าทางดังกล่าวเลียนแบบ
และเดินออกมาที่หน้าหมู่บ้าน แต่ชาวบ้านเมื่อเห็นนางทำท่าทางที่ทั้งประหลาดและยิ่งไม่น่าดู ก็พากันหลีกห่าง
บ้างก็หนีเข้าบ้านปิดประตูลงกลอน




สุภาษิต “ตงซือเสี้ยวผิน” ใช้เปรียบเทียบกับการพยายามเลียนแบบผู้อื่น แต่สุดท้ายไม่เพียงไม่เหมือน กลับเลวร้ายกว่าต้นแบบ
เพราะไม่รู้จักประมาณตนเอง ซึ่งมีความหมายคล้ายคลึงกับสุภาษิต “เห็นช้างขี้ ขี้ตามช้าง” ในภาษาไทยนั่นเอง



[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้


...........................................................


ในประวัติศาสตร์มีสตรีมากมายที่รูปลักษณ์ภายนอกอัปลักษณ์ แต่กลับมีจิตใจงดงาม มีน้ำใจ มีปณิธานรักชาติ
บ้างก็มีสติปัญญา สร้างสรรค์ผลงาน ทำให้ได้รับการจารึกชื่อเสียง

ผู้ที่งามทั้งภายในภายนอกย่อมได้รับการชื่นชม
ส่วนคนไม่เข้าใจ คิดเลียนแบบผู้อื่นอย่างไร้แก่นสาร โดยไม่เข้าใจเนื้อแท้ มีแต่ทำให้แย่ลง


ไซซี  - ชวลี ช่วงวิทย์ สุนทราภรณ์ ต้นฉบับเดิม

https://www.youtube.com/watch?v=6oA0Tt-i4-8
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ


แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่