---แชร์ประสบการ์การเป็นพนักงานเซเว่นสำหรับใครที่อยากลองทำ----

สวัสดีครับผมมีเรื่องราวของการเป็นพนักพาร์ทไทม์ของเซเว่นมาฝากครับ เพราะวัยรุ่นหลายๆคนก็อยากลองมาทำงานเป็นพนักงานเซเว่นดูสักครั้งซึ่งผมขอบอกเลยว่ามันไม่ได้ง่ายๆแบบที่หลายคนคิดเลยนะครับ 555 มันมีเรื่องราวมากมายกว่านั้น แต่ก็อยากมาแชร์ให้ใครหลายๆคนได้รู้ครับเผื่อมีใครสนใจในชีวิตนี้อยากเป็นพนักงานเซเว่นดูสักครั้ง

    ผมเป็นเด็กต่างจังหวัดครับตอนนี้ก็กำลังจะเข้ามหาลัยแล้วด้วยความระบบการศึกษาใหม่มันกว่าจะเปิดเทอมก็เล่นกินเวลาเป็น 3-4 เดือน แล้วด้วยความที่ผมเป็นเด็กรับตรงก็ไม่มีปัญหาเรื่องที่เรียนต่อก็เลยตัดสินใจจะมาหางานทำที่กรุงเทพซึ่งก็คือเซเว่นนั่นเองเพราะดันมีบ้านอยู่ที่นี่พอ

    แล้วถ้าถามว่าทำไมถึงไม่ไปสมัครอยู่แถวบ้านล่ะ...ขอบอกเลยครับว่าเซเว่นต่างจังหวัดเขาไม่ค่อยรับสมัครพนักงานพาร์ทไทม์เสียเท่าไหร่อาจจะด้วยความที่ว่าทำแปปเดียวแล้วก็ออกเขาก็เลยไม่ค่อยอยากรับพวกผมก็ต้องหอบข้าวหอบของเข้ามาในกรุงเทพเพื่อมาหางานทำ

    เริ่มจากการสมัครงานก่อนแล้วกันครับ ผมทำงานเซเว่นอยู่แถวลาดพร้าวการสมัครงานเซเว่นไม่ได้ยากเย็นอะไรครับมองดูหน้าร้านมันจะมีป้ายรับสมัครพนักงานบางร้านจะเขียนว่ารับสมัครพนักงานประจำบางร้านจะเขียนว่าให้เราไปสมัครเป็นพนักงานที่สาขาใหญ่(ผมสมัครอยู่ที่สาขาใหญ่) เราก็ไปตามที่เขาบอกครับ เตรียมเอกสารไปด้วยเช่น สำเนาทะเบียนบ้าน สำเนาบัตรประชาชน วุฒิ ม.3 ประมาณนี้

     พอผมไปถึงเขาก็ให้ผมไปพบฝ่ายบุคคล ฝ่ายบุคคลก็จะบอกว่าให้เราไปทำอะไรบ้างซึ่งมันเร็วมากนะครับเราแค่หาเอกสารที่ฝ่ายบุคคลต้องการแล้วส่งไปให้แล้วเขาก็จะบอกว่าเราทำเซเว่นสาขาไหนวันรุ่งขึ้นเเริ่มทำงานได้เลยแต่เขาจะบอกให้เราไปขอเสื้อจากผู้จัดการสาขา (การทำงานเซเว่นต้องมีเสื้อพนักงานนะครับถ้าไม่มีเสื้อพนักงานเขาก็จะไม่ให้คุณทำ)

    เริ่มงานวันแรกผู้จัดการนัดผม 9.00 โมงเช้าครับ แต่ด้วยความที่ผมเป็นมือใหม่แล้วก็ตื่นเต้น555 ผมก็เลยไปตั้งแต่ 8.30 โมงเช้าครับ ตอนนั้นผู้จัดการยังไม่เข้างานเลยด้วยซ้ำไปถึงผมก็ไปเจอ พนักงานประจำเครื่อง พอผมบอกว่าผมมาทำงานเป็นเด็กใหม่ เขาก็กรี๊ดกร๊าดใหญ่เลย555 ด้วยความที่ร้านนั้นมีแต่ผู้หญิงน่ะครับแล้วผมดันเป็นผู้ชายเพียงคนเดียวในร้าน แล้วผมก็ได้เจอกับพี่ผู้ช่วยผลัดดึกสิ่งเเรกที่พนักงานเซเว่นต้องเรียนรู้ก็คือการ ฟ้อนท์ของครับ ของที่มีโบ๋ตาม เชลฟ์ ต่างๆเขาจะให้เราฟ้อนท์ออกมาให้สวยงามนั่นล่ะครับเป็นงานในวันแรกของผม..ทั้งวันผมไม่ได้ทำอะไรมากเดินฟ้อนท์ของ จัดของให้สวยงามแค่นั้นสำหรับเด็กใหม่อย่างผม

    วันต่อมาผมถูกย้ายผลัดเลยครับ...ผมได้มาเข้ากะบ่ายเออผมลืมบอกเวลาการทำงานของพนักงานเซเว่นครับ เวลาการทำงานของพนักงานเซเว่นจะคล้ายกันเกือบทุกร้าน
    ผลัดเช้า 6.30-16.30 น.
    ผลัดบ่าย 13.30-22.30 น.
    ผลัดดึก 22.30-7.30 น.
    เวลาเข้างานกับเลิกงานไม่ตรงตามนี้เท่าไหร่หรอกครับส่วนใหญ่ก็เลทกันทั้งนั้นแต่ถ้าเข้าสายเกิน 30 นาที ปรับเป็นสายหักชั่วโมงเราไปเลยครับและส่วนใหญ่เวลาเลิกก็ไม่ตรงตามนี้เสียเท่าไหร่ส่วนใหญ่ก็กินเวลาเป็นครึ่งชั่วโมงหรือเป็นชั่วโมงเลย โดยเฉพาะผลัดดึกบางทีเลิก 10 โมงยังมีเลยครับ และ!!!! ไม่มี OT นะครับถ้าเลิกช้าเขาจะถือว่าคุณเคลียร์งานไม่เรียบร้อยเองซึ่งเป็นอะไรที่ทรหดสำหรับพนักงานเซเว่นมากกก.....แต่อาจจะมีกรณีเช่นผู้จัดการบอกว่าจะให้ O แบบนั้นล่ะครับเราถึงจะได้ แต่ร้านผมไม่มี

    แล้วร้านของเซเว่นก็จะถูกแบ่งออกไปอีกคือร้านที่เป็นของบริษัท กับร้านที่เป็นแฟนไชน์ แต่การบริการต่างๆเหมือนๆกันล่ะครับไม่ได้แตกต่างอะไรมากขนาดนั้น

    และร้านไหนของเซเว่นที่มีลูกค้าเยอะมากยอดขายของแต่ล่ะวันเป็นหนึ่งแสนอัพนิร้านนั้นจะเป็นร้านที่งานหนักสุดๆ ยิ่งถ้าพนักงานน้อยก็ยิ่งหนักเข้าไปใหญ่และร้านผมเป็นร้านที่ยอดขายเยอะพอสมควร...ผมซึ่งเป็นเด็กใหม่นี่ถึงกับมึนเลยครับ

    พูดถึงการทำงานต่อรู้สึกว่าหน้าที่หลักของผมในการทำงานนิน่าจะเป็นการเฝ้าขโมยเสียส่วนใหญ่เพราะร้านผมลูกค้าค่อนข้างเยอะแล้วเขาก็ต้องเอาคนที่ยืนเครื่องเก่งๆไปคิดเงินก่อนเพื่อความรวดเร็วกว่าผมจะได้เข้าเครื่องแบบจริงๆจังๆก็วันที่สี่ที่ห้าแล้วครับทั้งๆที่เพื่อนที่มาด้วยกันกับผมมันเข้าเครื่องตั้งแต่วันที่สอง

    สิ่งที่เจอกับการคิดเงินและเด็กใหม่อย่างผมต้องโดนก็คือการทำเงินหาย....โดยในเซเว่นจะมีการตรวจสอบและนับเงินๆทุกครั้งๆเพื่อตรวจสอบว่าเงินหายหรือเปล่าและมันก็แน่นอนครับ5555 หายกระจายผมนิต้องจ่ายค่าเครื่องเพราะทำเงินหายไม่ต่ำกว่า 300 แล้วครับรู้สึกสงสารตัวเองมากเลยตอนนั้นเหมือนทำงานมาเพื่อใช้หนี้นี่ล่ะครับ

    และสำหรับผมการยืนเคาท์เตอร์ก็ถือเป็นเรื่องท้าทายอีกแบบนึงเพราะการยืนเคาท์เตอร์ต้องมีการพลัสเซลทำยอดขายให้ได้ เช่น รับขนมปังตัวใหม่ทานเพิ่มไหมครับ รับฟุตลองชีสไหมตอนนี้เหลือ 20 บาทนะครับ โดยแต่ล่ะวันการทำเป้าก็จะคล้ายๆกันแต่ที่ไม่เหมือนกันคือเราจะทำได้ตามเป้าทุกวันหรือเปล่า ถือว่าเป็นเรื่องยากนะครับสำหรับการพลัสเซลเพราะลูกค้าแต่ละคนเขาก็จะคิดไว้แล้วล่ะว่าเขาจะซื้ออะไรบ้าง และใช้งบประมาณเท่าไหร่ ถึงเราจะพลัสเซลแทบตายเขาก็ไม่มีทางซื้อ 555 จนบางทีก็พลัสเซลไปงั้นๆล่ะถ้าลูกค้าสนใจก็ค่อยขายแบบจริงๆจังๆโดยเฉพาะ C1 แบบผมนิต้องขายให้ได้มากกว่าทุกเครื่องเพราะ C1 ถือว่าไม่ได้ทำอะไรล่ะ food ก็ไม่ได้ทำมีหน้าที่แค่ขายเท่านั้น

    และการยืนเคาท์เตอร์ในบางทีก็ต้องเจอเรื่องอีกประการนึงคือ!!! การทำแซนวิชลูกค้าไหม้ 555 รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องที่คลาสสิคมากเลยนะครับเพราะบางทีเราอบแล้วเราลืมเพราะมัวแต่คิดเงินอยู่ผ่านไปไม่เท่าไหร่ไหม้แล้ว...บางทีไหม้แบบธรรมดาลูกค้าก็บอกว่าไม่เป็นไร(ต้องขอบคุณลูกค้าอย่างสูง) แต่บางทีมันก็เกรียมๆไปเลยจะหยิบให้ลูกค้าก็กระไรอยู่ผมก็ต้องไปหยิบอันใหม่มาให้ลูกค้า แล้วก็ซื้ออันที่ไหม้ไปกินเอง โถชีวิตเข้าเครื่องแต่ล่ะทีไม่เสียเงินไม่ได้ ยิ่งสมัยนี้มีการปิ้งขนมปังซึ่งผมอยากบอกว่าผมทำขนมปังไหม้มาไม่ต่ำกว่า 10 ชิ้นแล้ว555 ถือว่าซวยสุดๆแต่โชคดีที่ขนมปังมันไม่ได้แพงก็เลยพอซื้อๆได้ บางทีผมก็ทำซาลาเปาลูกค้าตกก็ต้องซื้ออีก เป็นคนที่ซุ่มซ่ามพอสมควร 5555

    หลายคนอาจจะบอกแค่ว่าพนักงานเซเว่นได้ยืนแค่เครื่องขายของ แค่นั้น...อยากบอกเลยว่า NO!!! .... เพราะถ้าใครได้มาทำจริงๆนิจะได้ทำตั้งแต่หน้าที่แม่บ้านจะกระทั่งการสั่งของเข้ามาในร้านเลย(ผมยังไม่ถึงขั้นสั่งของนะ) ถูร้าน กวาดร้าน วนไป วนไป วนไป ขัดเชลฟ์บ้างล่ะวนไป วนไป เติมของ วนไป วนไป และสิ่งที่ผมไม่ชอบที่สุดก็คือการเติม วอฟ์(ห้องเย็นที่มีเครื่องดื่มน่ะครับ) เพราะมันเป็นอะไรที่ทรมาณสำหรับผมมากกกก อุณหภูมิของวอฟ์มันจะอยู่ที่ประมาณ 1-3 องศาเท่านั้น แล้วร้านผมอาจจะไม่ใช่แค่ร้านผมอาจจะเป็นทุกร้านคือสั่งเลยว่าเวลาเติมของนั้นห้ามเปิดประตูวอฟ์เด็ดขาดนอกจากจะยกของหนักเข้าไปเติมเท่านั้น ผมนี่แทบเต้นอยู่ในวอฟ์เลยครับเพราะมันหนาวมากถึงเขาจะมีเสื้อให้ใส่ก็เถอะ แต่เวลาจับของเย็นๆโดยเฉพาะขวดแก้วนิมันช่างทรมาณเหลือเกินเบื่อสุดก็เติมเบียร์เพราะมันเป็นขวดแก้วแล้วฝามันก็ขม เวลาจับขวดมันตอนเย็นแล้วโดนฝาขูดนี่แทบดิ้นเลยครับ จนบางทีเผลอทำขวดตกแตกไปแล้ว(ซื้อสิครับท่าน)

    รถส่งของเขาจะเรียกว่า DC ผมไม่รู้หรอกว่าย่อมาจากอะไรเห็นเขาเรียกๆแต่กันมาช่วงระยะเวลาที่ DC ขนของมาส่งนิผมนิแทบลุ้นว่ามันจะมี ฟลู  กับ เบลค กี่ตัว ขอแนะนำก่อนนะครับว่าเซเว่นจะแยกเบลคกับฟลูไว้ต่างหาก ฟลูส่วนใหญ่จะเป็นของที่เอาไปเติมในวอฟ์หรือขนมที่เขาห่อใส่ลังมา บางทีถ้าร้านวอฟ์โบว๋มากๆอาจจะได้เจอปรากฏการณ์กำแพงเมืองจีนอยู่หลังเซเว่นก็เป็นได้เพราะผมเคยเจอมาแล้วแต่ฟลูไม่เคยน่ากลัวเท่าเบลค

    ส่วน เบลค จะเป็นกล่องสีเทาๆถ้าใครไม่เคยเห็นลองไปสังเกตอยู่ข้างๆเซเว่นเขาจะมีกล่องสีเทาสูงเท่าหัวเข่าเอาไว้ ในเบลคนั้นผมถือว่าเป็นสิ่งอัศจรรย์แล้วล่ะที่ผมเจอเพราะผมไม่รู้ว่าเขายัดอะไรใส่ไว้ในนั้นบ้างแล้วของครึ่งร้านเซเว่นจะมาพร้อมกับเบลค เช็คสิครับท่านเช็ค...แล้วก็เติมมมมมม....ร้านอื่นบอกว่าเขาจะเบลค 7-8 เบลคเขาบอกว่าหนัก...ผมอยากบอกว่าผมเจอ 30 เบลคนี่แทบเป็นลมครับเกือบตาย บางทีมันมาตอนตี 3 สามสิบเบลคงี้กว่าจะเติมเสร็จก็เช้าพอดีล่ะครับ....และมีครั้งหนึ่งที่ผมเจอเบลคไป 53 เบลค ผมกับพี่พนักงานนิแทบเป็นลมกันเลยทีเดียว ชีวิตไม่สิ้นก็สู้กันต่อไปครับ5555(ปลอบใจตัวเองไปงั้นล่ะ)

    นั่นคืองานส่วนใหญ่ของพนักงานพาร์ทไทม์แบบผมไม่มีอะไรมากครับส่วนใหญ่งานหนักจะอยู่ที่ ผช. กับ ผจก. มากกว่า ผมก็ทำแค่ส่วนนั้นยังเหนื่อยเลย555 เออลืมงานของผมอีกอย่างหนึ่งก็คือการไล่ดูของหมดอายุซึ่งผมทำมันทุกเดือนโดยผมจะรับผิดชอบช่วยกับพี่ ผช. ที่แกดูแลขนมก็ไล่ดูขนมทีล่ะหอสิครับซึ่งมันทำให้ผมรู้ว่าขนมที่ผลิตมามีอายุไม่ถึงปีเอง พวกขนมมันฝรั่งทอดก็มีอายุแค่ 6-7 เดือนก็หมดอายุแล้ว มาม่าก็หมดอายุเป็นนะครับ ถือว่าเป็นความรู้ใหม่ของผมมากๆถ้าผมไม่ได้มาดูของหมดอายุนิผมจะคิดว่าขนมมีอายุเป็นปีกว่าๆนุ่นนน

    ในร้านจะมีการควบคุมร้านอยู่นั่นก็คือในร้านจะมี ผจก. ล่ะอย่างแรกคอยสั่งลูกน้องให้ทำงานตามมาตรฐานของเซเว่น และใหญ่กว่า ผจก. ก็จะเรียกว่า FC ไม่รู้หรอกครับว่าย่อมาจากอะไร FC จะไม่ได้ควบคุมแค่ร้านเดียวนะครับเขาจะควบคุมหลายร้านพอสมควรแล้วก็คอยสั่ง ผจก. ให้ทำตามแบบนี้นะๆ แล้ว ผจก. ก็จะมาสั่งพวกผมอีกทีและก็มี เขต. แน่นอนใหญ่มากกกกก....มาแต่ล่ะทีนี่ผมแทบถูพื้นไม่ทันแก มีฝุ่นนิดหน่อยไม่ได้นะครับไล่ให้พวกผมไปเช็ดแทบทุกที่555 สุดๆอ่าผมว่าแกตาดีกว่าผมอีกนะ

    และหลายคนอาจจะสงสัยว่าเซเว่นเขารักษามาตรฐานยังไงทำไมเหมือนๆกันแทบทุกร้าน คำสั่งของ ผจก. เหรอ ผมอยากจะบอกว่า เซเว่น จะมีการตรวจมาตรฐานทุกเดือนขอย้ำและเน้นว่าทุกเดือนนะครับ(เซเว่นต่างจังหวัดผมไม่รู้) โดยคนที่มาตรวจเขาจะเรียกว่า เช็คลิสต์ ไม่รู้ล่ะแปลว่าอะไร แต่พอเริ่มเดือนใหม่ทีไรก็ต้องเตรียมเช็คลิสต์เข้าตลอด โดยเช็คลิสต์จะตรวจสอบแทบทุกอย่างภายในร้านตั้งแต่เวลาการปฏิบัติงานของพนักงาน การลงเงินเข้าออก ฝุ่น หยากไย่ สินค้าไม่มีป้าย สินค้าหมดอายุ และการบริการของพนักงาน  ขอบอกเลยนะครับว่าเขาเคร่งมากกกกกกก!!!! กับการตรวจแต่ล่ะครั้งด้วยความที่เขาต้องรักษามาตรฐานของเซเว่นให้คงที่และดีกว่าเดิมตลอด เขาจะตรวจแทบทุกอย่างที่ผมกล่าวมาและมีมากกว่านั้นเสียอีก เช่น ถ้าเขาเจอเศษฝุ่นแม้แต่นิดเดียวเขาก็หักคะแนน พนักงานบริการเต็มร้อยไหม ถ้าไม่เต้มก็หักคะแนน มีการจัดเชลฟ์โปรไหมถ้าไม่มีก็หัก หัก หัก หัก แล้วก็หัก ผมไม่รู้นะว่ามีร้านไหนเคยได้เต็มไหมเพราะพวกเช็คลิสต์นิหาข้อตำหนิได้ตลอด ขนาดพี่ที่ร้านผม เขาลืมพูดแค่ว่า "ไว้โอกาสหน้าเชิญใหม่นะครับ" ก็โดนหักเสียแล้วเหอะๆจะโหดไปไหนเนี่ยยยย

    และสิ่งที่เช็คลิสต์เข้มมากๆถ้าร้านไหนเจอนิถือว่าซวยแบบสุดๆนั่นคือของหมดอายุ ถ้าเขาเจอนะครับ จากร้อยคะแนนจะกลายเป็น 0 ทันที ไม่มีข้อแม้อะไรทั้งนั้นเลยแล้วเขาก็ไม่ฟังด้วยเก็บของเดินออกจากร้านเลย แล้วก็ส่งข้อมูลไปที่บริษัท ร้านนั้นก็ต้องเจอศึกหนักสิครับ555 (บังเอิญเป็นร้านของเพื่อนผม) ร้านไหนที่ได้คะแนนน้อยๆ ผจก. ก็จะต้องเจอเรื่องหนักหน่อยแล้ว ผจก. ก็ต้องมาแก้ไขและปรับปรุงให้ดีขึ้น

    และถ้าถามว่าเซเว่นมีของหายไหม....ของตอบเลยครับว่า "มี!!" แน่นอนโดยทุกเดือน(ทุกเดือนอีกล่ะ) จะมีการตรวจสอบสินค้าว่าครบไหมพนักงานเรียกพวกนั้นว่า "ออดิต" ผมไม่รู้หรอกว่าเขาตรวจสอบยังไงเห็นเช็คๆแล้วก็มาบอกว่าของหายทั้งหมดกี่บาทร้านผมนิเจอไป 20000 บาท ช็อตสิครับ ผู้จัดการผมแทบแบ่งคนมาเฝ้าขโมยแทบไม่ทันเลยทีเดียว

    นั่นล่ะครับงานส่วนใหญ่ในเซเว่นถ้าแค่อ่านอาจจะมองว่าธรรมดานะ แต่พอมาลองทำดูนิมันไม่ธรรมดาจริงๆนะครับ555 ส่วนตัวที่ผมชอบมากคือเซเว่นเขาสามารถรักษามารตฐานของเขาได้ และก็ทำได้ดีด้วยอะไรนิดๆหน่อยๆก็ไม่ได้ถือว่าเป็นบริษัทที่มีมาตรฐานที่ดีพอควร และเป็นบริษัทที่ใช้พนักงานคุ้มนะ...จากเด็กที่ทำอะไรไม่ค่อยเป็นแบบผมก็ทำอะไรหลายๆอย่างได้มันสอนอะไรผมมากมายเหลือเกินทั้งการวางตัว ทั้งการควบคุมตัวเองเวลาไม่พอใจลูกค้า

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่