Boku no Hero Academia คืออีกหนึ่งสุดยอดอนิเมะที่ต้องดู

ช่วงนี้ผมมาฝึกงานที่ประเทศญี่ปุ่นเป็นเวลาได้สองเดือนแล้ว ทุกอย่างเริ่มเข้าที่จึงพอมีเวลาพักผ่อนบ้าง เลยอยากหาอนิเมะดูซักเรื่องเพื่อเพิ่มพูนทักษะการฟังบ้าง ช่วงนี้สกิลภาษายังงูๆปลาๆอยู่ ก่อนมานี่ผมได้ห่างหายไปจากวงการอนิเมะนานมากๆ (ไปเป็นติ่งทางฝั่งตะวันตกซะเยอะ) ช่วงเดือนแรกที่ผมมาที่นี่ผมได้เดินตามร้านของเล่นอาทิเช่น Animate และ Book Off ปรากฏว่าง่อยเลยครับท่านผู้ชม ไม่รู้จักสักเรื่องเลยอะไรเป็นอะไร จะซื้ออะไรติดไม้ติดมือก็เลือกไม่ถูกเพราะมันมีแต่อนิเมะเรื่องใหม่ๆที่ผมไม่รู้จักทั้งนั้น

และแล้วเมื่อสัปดาห์ก่อนผมได้เดินในร้านขายหนังสือการ์ตูนแห่งหนึ่งในตัวเมือง ก็สะดุดตาพบการ์ตูนแนวฮีโร่เรื่องหนึ่ง ตัวละครเยอะมากๆและลายเส้นสวยดี แวบแรกผมก็คิดว่า "เฮ้ย อีกแล้วเหรอ มังงะแนวฮีโร่ในญี่ปุ่นอีกแล้ว" ผมได้สบประมาทการ์ตูนเรื่องนี้ว่าเลียนแบบมังงะฮีโร่หัวล้านอีกเรื่องมาแน่ๆ เนื้อเรื่องคงจะคล้ายๆ สไตล์เดียวกัน เลยไม่ได้สนใจแต่อย่างใด พอกลับมาที่ทำงานในวันรุ่งขึ้น ผมได้ขอคำแนะนำจากเพื่อนซี้ชาวญี่ปุ่นว่ามีอะไรเจ๋งๆในปี 2016 ให้ดูบ้างไหม แล้วหนึ่งในคำตอบหลายๆเรื่องที่ผมได้รับมาก็คือ BOKU NO HERO ACADEMIA ซึ่งนายคนนี้แนะนำว่าชอบเป็นพิเศษ

                                    cr.https://www.inverse.com/article/17362-boku-no-hero-academia-is-the-next-great-anime-series-post-dragonball-naruto

ความรู้สึกหลังได้ชมอนิเมะเรื่องนี้จบ 13 ตอนจบซีซั่น1 ภายในสองวันผมบอกได้เลยว่า "นานแล้วที่ผมไม่ได้ดูอนิเมะที่ทำให้ขนลุก(ไม่ได้ปวดอึ) ได้ทุกตอนขนาดนี้"  มันคือ Phenomenal เลยนะสำหรับผม ผมแทบจะอดใจรอ ss2 ไม่ไหวแล้ว ด้วยความประทับใจมากๆที่ผมได้รับมาดังนั้นวันนี้ผมขอมาเขียน Short Review ให้ทุกท่านได้อ่านกัน สำหรับใครที่ได้ชมแล้วส่วนใดที่ผมวิเคราะห์ผิดพลาดไปก็ต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี่ด้วยนะครับ

                                        cr.https://en.wikipedia.org/wiki/My_Hero_Academia

เรื่องนี้ไม่มีอะไรมาก เป็นเรื่องราวของตัวเอกผู้มีความฝันจะเป็นฮีโร่ให้ได้ แต่ดั้นนนนน ไม่มีพลังพิเศษติดตัวมาตั้งแต่เกิด จึงต้องดิ้นรนและพยายามมากกว่าคนอื่นที่มีพลังติดตัวมาแต่เด็กหลายเท่าตัว

ข้อคิดจากเรื่องที่ผมคิดว่ามีประโยชน์และถ่ายทอดออกมาได้ดีมากๆ

1. Anti - Bullying จุดที่น่าชื่นชมที่สุดเลยในเรื่องนี้คือการลุกขึ้นสู้ของตัวเอกในเรื่อง กับการถูกกดขี่ การถูกกลั่นแกล้ง และการดูถูกเหยียดหยาม การ Bullying นั้นเป็นปัญหาที่ใหญ่กว่าที่หลายท่านคิด โดยเฉพาะในวัยเรียน การถูกเด็กที่เป็นอันตพาลกลั่นแกล้งเป็นประจำอาจทำให้เด็กที่เป็นเหยื่อเสียคนได้ถ้าไม่ได้รับการช่วยเหลือ นอกจากตัวเอกของเราจะไม่สูญเสียตัวตนไปกับการถูกกลั่นแกล้งเป็นประจำแล้ว เขายังนับถือและเป็นมิตรกับเพื่อนผู้เอาแต่ดูถูกเขา นี่คือสิ่งที่แฝงมาในอนิเมะเรื่องนี้ที่กินใจผมที่สุด การไม่สูญเสียตัวตนของตัวเองไปเพราะคำพูดและการกระทำของผู้อื่น

2. Anyone CAN be a HERO การต้องอยู่ร่วมสังคมกับผู้มีพลังพิเศษทำให้ผู้ที่เกิดมาไร้ซึ่งพลังกลายเป็นจุดด้อยของสังคมไป ตัวเอกผู้ไร้ซึ่งพลังใดๆต้องกัดฟันสู้มากกว่าผู้มีพลังหลายเท่าจึงจะได้รับความสามารถและมีคุณสมบัติพอ คนเราทุกคนสามารถเป็นฮีโร่ได้ ถ้าเรามุ่งมั่น ฝึกฝนตนเองอยู่ตลอดเวลา และไม่ต้องคิดซ้ำสองเมื่อถึงเวลาที่จะต้องทำเพื่อส่วนรวม ที่สำคัญมากๆเลยคือต้องมี ความกล้า และ ความเสียสละ ในโลกนี้ไม่มีอะไรที่ได้มาง่ายๆ

                         cr.http://bokunoheroacademia.wikia.com/wiki/THE_DAY

3. โลกแห่งความจริงมันโหดร้าย สิ่งที่อยู่ในรั้วโรงเรียนเป็นเพียงเศษเสี้ยวเล็กๆเมื่อเทียบกับสิ่งที่ต้องเผชิญในชีวิตจริง

4. ไม่มีใครอยู่ค้ำฟ้า เก่งแค่ไหนก็ย่อมมีวันโรยรา คลื่นลูกใหม่จะซัดเข้ามาแทนคลื่นลูกเก่าได้เสมอ

5. "ฮีโร่" ไม่จำเป็นต้องเป็นแค่พวกโลกสวย พวกด้านสว่างเท่านั้น บางครั้งคุณอาจจะหัวร้อน หุนหันพลันแล่นไปบ้าง หรืออาจจะเป็นคนที่มองโลกแบบสีเทาก็สามารถเป็นฮีโร่โดยยึดหลักการดำเนินชีวิตของตนได้

องค์ประกอบอื่นๆ

+ Soundtrack: Opening ของ SS1 ชื่อเพลง The Day ขับร้องโดยวง Porno Graffitti ทำออกมาเข้ากับธีมเนื้อเรื่องเป็นอย่างดี ชวนให้อยากดูเนื้อเรื่องได้มากขึ้น แต่ที่เป็นไฮไลท์เลยในสายตาผมคือ Background music ของเรื่องนี้ซึ่งเจ๋งมากๆ (โดยเฉพาะเมื่อบรรเลงร่วมกับฉากต่อสู้ ฟินมากๆ) มันสื่อถึงความรู้สึกในความเป็น ฮีโร่ ได้เข้าถึงอารมย์มากๆ ที่ผมชอบมากที่สุดคือ OST ที่ชื่อ You Say Run นับเป็นธีมฮีโร่ผมผมชอบที่สุดรองมาจาก Superman ของ Hans Zimmer เลยในตอนนี้

+ Action Scene: ฉากบู๊ของเรื่องอาจยังมีไม่มากนักนอกจาก climax scene ตอนท้ายๆแต่ต้องยอมรับว่าองค์ประกอบมันได้ ดูแล้วขนลุก สนุก เร้าใจ และเป็นแรงบันดาลให้ให้ลุกขึ้นสู้

+ Character Design: อีกหนึ่งจุดขายของเรื่องนี้คือความหลากหลายของตัวละคร จะเรียกเรื่องนี้ว่าเป็น X-Men แห่งญี่ปุ่นก็คล้ายอยู่ องค์ประกอบของความเป็น โรงเรียน ค่อนข้างชัดเจน ตัวละครไอคอนิคอย่าง All Might นี้เท่สุดๆ เหล่าวายร้ายก็ไม่ได้กระจอก Scale พลังในเรื่องนี้นับว่าสมเหตุสมผลและสมดุล Progress การพัฒนาของตัวละครหลักค่อยๆเป็นค่อยๆไป ไอเดียเรื่องความสามารถของแต่ละตัวละครบรรเจิดมาก พลังบางตัวนี้คิดไม่ถึงเลยทีเดียว

                     cr.http://www.fanpop.com/clubs/boku-no-hero-academia/images/39488107/title/boku-no-hero-academia-fanart

+ Dialogue: ด้านนี้ไม่ต้องพูดมาก เสียงพากษ์นั้นสุดยอดได้อารมย์อยู่แล้ว เนื้อเรื่องสอดแทรกคุณธรรมและคติสอนใจไว้มากมาย  

+ Story Line: จุดอ่อนของเรื่องนี้อาจจะอยู่ตรงที่เนื้อเรื่องที่ค่อนข้างเป็นเส้นตรง เดาทางง่ายไปบ้าง ไม่ค่อยมีการหักมุมเท่าไหร่ แต่โดยรวมแล้วโอเค กระชับ เหมาะสำหรับดูคลายเครียด ได้ครบทุกรสชาติ - ตลก เศร้า ตื่นเต้น เร้าใจ

ข้อเสีย
- ตัวเอกเจ้าน้ำตาไปหน่อย
- เนื้อเรื่องเดาทางค่อนข้างง่าย
- Concept เรื่องการพลังพิเศษของมนุษย์ในเรื่องยังไม่ค่อยเคลียร์

สรุป

Boku no Hero Academia เป็นอนิเมะที่ผมพูดได้เลยว่าต้องติด top 10 ใน list ของผมในปี 2016 แน่ๆ ชอบมาก อินสุดๆ และตั้งหน้าตั้งตารอซีซั่น2ต่อไป อนิเมะเรื่องนี้ห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวงครับ

8.5/10


ปล. อิงอนิเมะ only ผมยังไม่เคยอ่านเวอร์ชั่นมังงะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่