อยากจะมาแชร์ประสบการณ์กับเพื่อนๆครับ
ปัจจุบันผมอายุ 32 ปี
เคยทำงานบริษัทในตำแหน่ง HR โรงงานต่างจังหวัด มา 6-7ปี เงินเดือนก็พออยู่ได้ 2X,XXX บาท
ทำงาน 6 วัน หยุดวันอาทิตย์วันเดียว ห่างจากบ้านผมแค่ 2 กม.
มีครอบครัวแล้วครับลูกสาววัย 2 ขวบ และยังอยู่ในครรภ์ภรรยาผมอีก 1 คน (กำลังจะคลอดเดือนหน้า)
เพิ่งตัดสินใจเปลี่ยนงานเพื่อความก้าวหน้าและความมั่นคงในชีวิตและครอบครัว
และจะได้มีเวลาอยู่กับครอบครัวเพิ่มมากขึ้น
เลยได้มีโอกาสเข้าไปสัมภาษณ์งานกับบริษัท XXX ตั้งอยู่ต่างจังหวัด โซนภาคตะวันออก
ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของบริษัทผลิตเครื่องดื่มXXXที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง
มีคนไทยถือหุ้น 100% ทำงาน 5 วัน หยุดวันเสาร์-อาทิตย์
ห่างจากบ้านผม 30 กม. แต่ไม่ใช่อุปสรรคของผม
ยิ้มสิครับ โอกาสของผมมาแล้ว
ผมหวังมากกับการสัมภาษณ์ที่นี่ ทั้งการTEST เกี่ยวกับงาน,ภาษา และ INTERVIEW
เพราะไม่อยากให้โอกาสหลุดลอย
ปรากฎว่าผมผ่านการสัมภาษณ์ครับ ในตำแหน่ง XXX OFFICER (ไม่เกี่ยวกับงาน PRODUCTION)
และเป็นงานที่ผมถนัดและชื่นชอบมากครับ

ดีใจมากครับ ภรรยาก็ดีใจมาก ผมจะได้พาลูกไปเปิดหูเปิดตา และมีเวลาช่วยภรรยาเลี้ยงลูกมากขึ้น(เราเลี้ยงลูกกันเองครับ)
ชีวิตมันขาดวันเสาร์ไปนานแล้ว

HR นัดวันเริ่มงาน เรียบร้อย เร่งสุดๆ ซึ่งผมก็ไม่มีปัญหาครับ พร้อมอยู่แล้ว
ทาง HR ให้ผมตรวจสุขภาพครับ ตรวจละเอียดมากครับ หมดค่าตรวจสุขภาพไปเกือบพัน
ภรรยาแอบเคืองนิดๆ เพราะตอนนี้ก็ไม่ค่อยมีเงิน แต่ก็คุ้มครับถ้าแลกกับการเริ่มต้นกับความมั่นคงของครอบครัว
ทางHRแจ้งว่า ผมสามารถเบิกเงินคืนได้เมื่อผ่านทดลองงานแล้ว
ปรากฎว่า ผลตรวจสุขภาพผม
"มีปัญหาครับ" ผมเป็น
"ไวรัสตับอักเสบบี (พาหะ)" อึ้งสิครับ

เพราะจำได้ว่าตอนเรียน ป.1 เพิ่งฉีดวัคซีนป้องกันโรคนี้ไป แล้วจะเป็นได้ยังไง
เลยรีบเช็คกับทางบ้าน ปรากฎว่า ผมติดโรคนี้มากับพ่อครับ พ่อผมเป็น ส่วนแม่ผมมีภูมิคุ้มกันครับ
ภรรยาผมก็มีภูมิคุ้มกัน ลูกสาวได้รับวัคซีนตั้งแต่แรกเกิด
รีบโทรกลับหา HR ครับ เบื้องต้นผมไม่ได้กังวลเท่าไหร่ ภรรยาก็ให้กำลังใจว่าคงไม่มีปัญหาอะไร
เพราะคิดว่าโรงงานที่ทำ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับอาหารหรือเครื่องดื่ม
อีกอย่างตำแหน่งที่ผมทำก็ไม่ได้อยู่ในส่วนการผลิต ก็ไม่น่ากระทบต่อระบบคุณภาพของบริษัท
ตอนแรก HR ก็พอให้ความหวังครับ แต่ยังไม่ได้การันตีว่าจะได้ทำหรือไม่
เดี๋ยวเค้าจะติดต่อกลับมา...
อีก 2-3วัน ก็จะถึงวันเริ่มงานแล้ว (เริ่มเครียดครับ)
และแล้ววันนี้ HR ก็โทรกลับมาบอกผมครับ พอเห็นเบอร์บริษัทโทรมา ผมหัวใจพองโต
รีบกดรับโทรศัพท์ทันที เบอร์ที่ผมรอ โทรเค้ามาแล้ว
น้ำเสียงอันสดใสของ HR ทำให้ผมเริ่มมีความหวัง
แต่คำตอบที่ผมได้รับ...มันทำให้ผมเข่าอ่อนครับ
HR แจ้งผมว่า ทางบริษัทเรา ไม่สามารถรับคุณเข้าทำงานได้
เนื่องจาก เป็น"นโยบายและระเบียบ" ของบริษัทฯ ที่ไม่ต้องการรับคนที่เป็นไวรัสตับอักเสบบี เข้าทำงาน
ต้องขอโทษด้วยค่ะ
ผมกลั้นใจตอบกลับด้วยน้ำเสียงอันสดใสว่า "ไม่เป็นไรครับ" แล้ววางสายไป คำตอบไม่เป็นไปอย่างที่ผมคิด
หน้าชาสิครับ.... น้ำตาเริ่มคลอเบ้า....

ปัจจุบันภรรยาผมไม่ได้ทำงานมา 2 ปีแล้ว เนื่องจากต้องเลี้ยงลูกคนโต และตั้งครรภ์ลูกคนที่สองใกล้คลอดแล้ว
ภาระทุกอย่างอยู่ที่ผม ภาพในหัวมีแต่รายจ่ายต่างๆมากมายที่ผมต้องรับผิดชอบต่อจากนี้ในช่วงที่ต้องรีบหางานใหม่ให้เร็วที่สุด
ค่าผ่อนรถ 9,XXX บาทต่อเดือน , ค่าผ่อนของใช้ 3,XXX บาทต่อเดือน , ค่านมลูกและของใช้อีกมากมาย
หันมองหน้าภรรยา น้ำตาของผมเริ่มไหล ทำอะไรไม่ถูก ผมเดินเข้าไปกอดลูกสาว กำลังใจที่ดีที่สุดของผม ณ ตอนนั้น
ตัดสินใจปาดน้ำตา ทำใจให้เข้มแข็ง และจะหาหนทางสู้กับอนาคตต่อไป
"ไวรัสตับอักเสบบี" มันน่ารังเกียจมากเลยหรอครับ เท่าที่ทราบมันติดทางเลือดและเพศสัมพันธ์ ไม่ใช่หรอครับ
แล้วที่บริษัทไม่รับผมเพราะ...???? หรือกลัวว่าผมจะ...??? ไม่เป็นไรครับ ผมไม่โทษบริษัท มันเป็นความผิดของผมเอง
แต่ผมจะไม่ยอมแพ้ จะหางานไปเรื่อยๆ จนกว่าจะมีบริษัทสักแห่ง ที่ให้โอกาสคนเป็นไวรัสตับอักเสบบี อย่างผมเข้าทำงาน
เพื่อลูก เพื่อภรรยา เพื่อครอบครัว ผมจะไม่ยอมให้ไวรัสตับอักเสบบีมาทำลายชีวิตและครอบครัวของผม
เป็นกำลังใจให้คนที่เป็น ไวรัสตับอักเสบบี ทุกคนครับ
มนุษย์ตับอักเสบบี
ผมเป็นมนุษย์ตับอักเสบบี T-T
ปัจจุบันผมอายุ 32 ปี
เคยทำงานบริษัทในตำแหน่ง HR โรงงานต่างจังหวัด มา 6-7ปี เงินเดือนก็พออยู่ได้ 2X,XXX บาท
ทำงาน 6 วัน หยุดวันอาทิตย์วันเดียว ห่างจากบ้านผมแค่ 2 กม.
มีครอบครัวแล้วครับลูกสาววัย 2 ขวบ และยังอยู่ในครรภ์ภรรยาผมอีก 1 คน (กำลังจะคลอดเดือนหน้า)
เพิ่งตัดสินใจเปลี่ยนงานเพื่อความก้าวหน้าและความมั่นคงในชีวิตและครอบครัว
และจะได้มีเวลาอยู่กับครอบครัวเพิ่มมากขึ้น
เลยได้มีโอกาสเข้าไปสัมภาษณ์งานกับบริษัท XXX ตั้งอยู่ต่างจังหวัด โซนภาคตะวันออก
ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของบริษัทผลิตเครื่องดื่มXXXที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง
มีคนไทยถือหุ้น 100% ทำงาน 5 วัน หยุดวันเสาร์-อาทิตย์
ห่างจากบ้านผม 30 กม. แต่ไม่ใช่อุปสรรคของผม
ยิ้มสิครับ โอกาสของผมมาแล้ว
ผมหวังมากกับการสัมภาษณ์ที่นี่ ทั้งการTEST เกี่ยวกับงาน,ภาษา และ INTERVIEW
เพราะไม่อยากให้โอกาสหลุดลอย
ปรากฎว่าผมผ่านการสัมภาษณ์ครับ ในตำแหน่ง XXX OFFICER (ไม่เกี่ยวกับงาน PRODUCTION)
และเป็นงานที่ผมถนัดและชื่นชอบมากครับ
ดีใจมากครับ ภรรยาก็ดีใจมาก ผมจะได้พาลูกไปเปิดหูเปิดตา และมีเวลาช่วยภรรยาเลี้ยงลูกมากขึ้น(เราเลี้ยงลูกกันเองครับ)
ชีวิตมันขาดวันเสาร์ไปนานแล้ว
HR นัดวันเริ่มงาน เรียบร้อย เร่งสุดๆ ซึ่งผมก็ไม่มีปัญหาครับ พร้อมอยู่แล้ว
ทาง HR ให้ผมตรวจสุขภาพครับ ตรวจละเอียดมากครับ หมดค่าตรวจสุขภาพไปเกือบพัน
ภรรยาแอบเคืองนิดๆ เพราะตอนนี้ก็ไม่ค่อยมีเงิน แต่ก็คุ้มครับถ้าแลกกับการเริ่มต้นกับความมั่นคงของครอบครัว
ทางHRแจ้งว่า ผมสามารถเบิกเงินคืนได้เมื่อผ่านทดลองงานแล้ว
ปรากฎว่า ผลตรวจสุขภาพผม "มีปัญหาครับ" ผมเป็น "ไวรัสตับอักเสบบี (พาหะ)" อึ้งสิครับ
เพราะจำได้ว่าตอนเรียน ป.1 เพิ่งฉีดวัคซีนป้องกันโรคนี้ไป แล้วจะเป็นได้ยังไง
เลยรีบเช็คกับทางบ้าน ปรากฎว่า ผมติดโรคนี้มากับพ่อครับ พ่อผมเป็น ส่วนแม่ผมมีภูมิคุ้มกันครับ
ภรรยาผมก็มีภูมิคุ้มกัน ลูกสาวได้รับวัคซีนตั้งแต่แรกเกิด
รีบโทรกลับหา HR ครับ เบื้องต้นผมไม่ได้กังวลเท่าไหร่ ภรรยาก็ให้กำลังใจว่าคงไม่มีปัญหาอะไร
เพราะคิดว่าโรงงานที่ทำ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับอาหารหรือเครื่องดื่ม
อีกอย่างตำแหน่งที่ผมทำก็ไม่ได้อยู่ในส่วนการผลิต ก็ไม่น่ากระทบต่อระบบคุณภาพของบริษัท
ตอนแรก HR ก็พอให้ความหวังครับ แต่ยังไม่ได้การันตีว่าจะได้ทำหรือไม่
เดี๋ยวเค้าจะติดต่อกลับมา...
อีก 2-3วัน ก็จะถึงวันเริ่มงานแล้ว (เริ่มเครียดครับ)
และแล้ววันนี้ HR ก็โทรกลับมาบอกผมครับ พอเห็นเบอร์บริษัทโทรมา ผมหัวใจพองโต
รีบกดรับโทรศัพท์ทันที เบอร์ที่ผมรอ โทรเค้ามาแล้ว
น้ำเสียงอันสดใสของ HR ทำให้ผมเริ่มมีความหวัง
แต่คำตอบที่ผมได้รับ...มันทำให้ผมเข่าอ่อนครับ
HR แจ้งผมว่า ทางบริษัทเรา ไม่สามารถรับคุณเข้าทำงานได้
เนื่องจาก เป็น"นโยบายและระเบียบ" ของบริษัทฯ ที่ไม่ต้องการรับคนที่เป็นไวรัสตับอักเสบบี เข้าทำงาน
ต้องขอโทษด้วยค่ะ
ผมกลั้นใจตอบกลับด้วยน้ำเสียงอันสดใสว่า "ไม่เป็นไรครับ" แล้ววางสายไป คำตอบไม่เป็นไปอย่างที่ผมคิด
หน้าชาสิครับ.... น้ำตาเริ่มคลอเบ้า....
ปัจจุบันภรรยาผมไม่ได้ทำงานมา 2 ปีแล้ว เนื่องจากต้องเลี้ยงลูกคนโต และตั้งครรภ์ลูกคนที่สองใกล้คลอดแล้ว
ภาระทุกอย่างอยู่ที่ผม ภาพในหัวมีแต่รายจ่ายต่างๆมากมายที่ผมต้องรับผิดชอบต่อจากนี้ในช่วงที่ต้องรีบหางานใหม่ให้เร็วที่สุด
ค่าผ่อนรถ 9,XXX บาทต่อเดือน , ค่าผ่อนของใช้ 3,XXX บาทต่อเดือน , ค่านมลูกและของใช้อีกมากมาย
หันมองหน้าภรรยา น้ำตาของผมเริ่มไหล ทำอะไรไม่ถูก ผมเดินเข้าไปกอดลูกสาว กำลังใจที่ดีที่สุดของผม ณ ตอนนั้น
ตัดสินใจปาดน้ำตา ทำใจให้เข้มแข็ง และจะหาหนทางสู้กับอนาคตต่อไป
"ไวรัสตับอักเสบบี" มันน่ารังเกียจมากเลยหรอครับ เท่าที่ทราบมันติดทางเลือดและเพศสัมพันธ์ ไม่ใช่หรอครับ
แล้วที่บริษัทไม่รับผมเพราะ...???? หรือกลัวว่าผมจะ...??? ไม่เป็นไรครับ ผมไม่โทษบริษัท มันเป็นความผิดของผมเอง
แต่ผมจะไม่ยอมแพ้ จะหางานไปเรื่อยๆ จนกว่าจะมีบริษัทสักแห่ง ที่ให้โอกาสคนเป็นไวรัสตับอักเสบบี อย่างผมเข้าทำงาน
เพื่อลูก เพื่อภรรยา เพื่อครอบครัว ผมจะไม่ยอมให้ไวรัสตับอักเสบบีมาทำลายชีวิตและครอบครัวของผม
เป็นกำลังใจให้คนที่เป็น ไวรัสตับอักเสบบี ทุกคนครับ
มนุษย์ตับอักเสบบี