เด็กแว้นกว่า 10 คัน ขับหนีสายตรวจเพชรเกษม คว่ำดับ3 - ตร.เจ็บ2
เมื่อ (10ก.ค.59) กลุ่มวัยรุ่นที่รวมกลุ่มขี่รถจักรยานยนต์ซิ่งกว่า 10 คัน บนถนนบางแค ก่อนจะเกิดเหตุถูกตำรวจสายตรวจสถานีตำรวจเพชรเกษม ขี่รถจักรยานยนต์ไล่จับกุม เป็นเหตุให้รถของกลุ่มวัยรุ่น 1 คันที่ซ้อนสามกันมาชนสายตรวจทำให้ เยาวชนชาย อายุ 17 ปี และ 14 ปี รวมทั้ง เยาวชนหญิงอายุ 18 ปี เสียชีวิต ส่วนส.ต.ต.พิพัฒน์พร เก้าเอี้ยน และส.ต.ต.ญาณภัทร ปรีชาสนธิกุล สาบตรวจสน.เพชรเกษมได้รับบาดเจ็บ
ทั้งนี้ เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 07.00 น.วันนี้ กลุ่มเพื่อนของผู้เสียชีวิตให้การว่า ก่อนเกิดเหตุเมื่อช่วงตี 2ได้นัดกลุ่มเพื่อนประมาณ 20 คน ใช้รถจักรยานยนต์กว่า 10 คัน พากันขับขี่รถเล่นจากบ้านพักย่านเพชรเกษมไปทำบุญที่วัดบุคคโล โดยเมื่อไหว้พระกันเสร็จก็พากันขับรถกลับ ระหว่างทางผ่านถนนบางแค บริเวณปากซอย 12 เห็นสายตรวจ สน.เพชรเกษม ทั้ง 2 นาย ขี่รถจักรยานยนต์ติดตามและพยายามเข้าจับกุม ด้วยความตกใจจึงเร่งเครื่องหนี แต่ รถจักรยานยนต์ของฝ่ายผู้ตายที่นั่งกันมา 3 คนหนีไม่ทัน ทำให้ถูกตำรวจแซงขึ้นไปดักด้านหน้า ก่อนที่จักรยานยนต์ผู้ตายจะพุ่งชนรถตำรวจอย่างแรง
ด้านส.ต.ต.ญาณภัทร กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุได้ซ้อนท้าย ส.ต.ต.พิพัฒน์พร ออกปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่รับผิดชอบ เห็นกลุ่มวัยรุ่นรวมตัวกันขับขี่รถจักรบานยนต์ซิ่ง กว่า 10 คัน ขับผ่านมาโดยที่แต่ละคนไม่สวมหมวกนิรภัย จึงพยายามจะเข้าไปเรียกให้หยุดเพื่อขอตรวจค้นแต่ปรากฎว่าทั้งหมดได้เร่งเครื่องหลบหนี ส.ต.ต.พิพัฒน์พร ก็เร่งเครื่องตามไปใช้ความเร็วประมาณ 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จนกระทั่งตามทันรถของฝ่ายผู้เสียชีวิตที่ซ้อนสามกันมาและไม่สวมหมวกนิรภัย ส.ต.ต.พิพัฒน์พร จึงแซงไปดักหน้า แทนที่ฝ่ายรถของผู้เสียชีวิตจะหยุดรถให้ตรวจสอบแต่โดยดีกลับพยายามเร่งเครื่องหนีต่อไป จนรถของฝ่ายผู้ตายชนรถจักรยานยนต์สายตรวจบริเวณล้อหน้า เป็นเหตุให้พลิกคว่ำทั้งสองฝ่าย
ด้านพ.ต.อ.สุพีรณัฐ สัตตธนชัยภัทร รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 9 ระบุว่า ได้รับรายงานเรื่องดังกล่าวแล้ว เบื้องต้นทราบว่า เป็นอุบัติเหตุจากการปฏิบัติตามยุทธวิธีแต่ฝ่ายคู่กรณีไม่มีใครสวมหมวกนิรภัยจึงเกิดความสูญเสียขึ้น ขณะนี้สั่งการให้ให้พนักงานสอบสวนเร่งรวบรวมข้อมูลทำคดีอย่างตรงไปตรงมา หากทางญาติของคู่กรณีเห็นว่าตำรวจกระทำการเกินกว่าเหตุ ก็ให้นำพยานหลักฐานมาประกอบในสำนวนคดีได้ซึ่งยืนยันให้ความเป็นธรรมกับทั้ง 2 ฝ่าย
http://www.tnnthailand.com/news_detail.php?id=105895&t=news 
เด็กแว้นกว่า 10 คัน ขับหนีสายตรวจเพชรเกษม ล้มคว่ำดับ3 - ตำรวจเจ็บ 2 @ ย่านบางแค กทม.
เมื่อ (10ก.ค.59) กลุ่มวัยรุ่นที่รวมกลุ่มขี่รถจักรยานยนต์ซิ่งกว่า 10 คัน บนถนนบางแค ก่อนจะเกิดเหตุถูกตำรวจสายตรวจสถานีตำรวจเพชรเกษม ขี่รถจักรยานยนต์ไล่จับกุม เป็นเหตุให้รถของกลุ่มวัยรุ่น 1 คันที่ซ้อนสามกันมาชนสายตรวจทำให้ เยาวชนชาย อายุ 17 ปี และ 14 ปี รวมทั้ง เยาวชนหญิงอายุ 18 ปี เสียชีวิต ส่วนส.ต.ต.พิพัฒน์พร เก้าเอี้ยน และส.ต.ต.ญาณภัทร ปรีชาสนธิกุล สาบตรวจสน.เพชรเกษมได้รับบาดเจ็บ
ทั้งนี้ เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 07.00 น.วันนี้ กลุ่มเพื่อนของผู้เสียชีวิตให้การว่า ก่อนเกิดเหตุเมื่อช่วงตี 2ได้นัดกลุ่มเพื่อนประมาณ 20 คน ใช้รถจักรยานยนต์กว่า 10 คัน พากันขับขี่รถเล่นจากบ้านพักย่านเพชรเกษมไปทำบุญที่วัดบุคคโล โดยเมื่อไหว้พระกันเสร็จก็พากันขับรถกลับ ระหว่างทางผ่านถนนบางแค บริเวณปากซอย 12 เห็นสายตรวจ สน.เพชรเกษม ทั้ง 2 นาย ขี่รถจักรยานยนต์ติดตามและพยายามเข้าจับกุม ด้วยความตกใจจึงเร่งเครื่องหนี แต่ รถจักรยานยนต์ของฝ่ายผู้ตายที่นั่งกันมา 3 คนหนีไม่ทัน ทำให้ถูกตำรวจแซงขึ้นไปดักด้านหน้า ก่อนที่จักรยานยนต์ผู้ตายจะพุ่งชนรถตำรวจอย่างแรง
ด้านส.ต.ต.ญาณภัทร กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุได้ซ้อนท้าย ส.ต.ต.พิพัฒน์พร ออกปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่รับผิดชอบ เห็นกลุ่มวัยรุ่นรวมตัวกันขับขี่รถจักรบานยนต์ซิ่ง กว่า 10 คัน ขับผ่านมาโดยที่แต่ละคนไม่สวมหมวกนิรภัย จึงพยายามจะเข้าไปเรียกให้หยุดเพื่อขอตรวจค้นแต่ปรากฎว่าทั้งหมดได้เร่งเครื่องหลบหนี ส.ต.ต.พิพัฒน์พร ก็เร่งเครื่องตามไปใช้ความเร็วประมาณ 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จนกระทั่งตามทันรถของฝ่ายผู้เสียชีวิตที่ซ้อนสามกันมาและไม่สวมหมวกนิรภัย ส.ต.ต.พิพัฒน์พร จึงแซงไปดักหน้า แทนที่ฝ่ายรถของผู้เสียชีวิตจะหยุดรถให้ตรวจสอบแต่โดยดีกลับพยายามเร่งเครื่องหนีต่อไป จนรถของฝ่ายผู้ตายชนรถจักรยานยนต์สายตรวจบริเวณล้อหน้า เป็นเหตุให้พลิกคว่ำทั้งสองฝ่าย
ด้านพ.ต.อ.สุพีรณัฐ สัตตธนชัยภัทร รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 9 ระบุว่า ได้รับรายงานเรื่องดังกล่าวแล้ว เบื้องต้นทราบว่า เป็นอุบัติเหตุจากการปฏิบัติตามยุทธวิธีแต่ฝ่ายคู่กรณีไม่มีใครสวมหมวกนิรภัยจึงเกิดความสูญเสียขึ้น ขณะนี้สั่งการให้ให้พนักงานสอบสวนเร่งรวบรวมข้อมูลทำคดีอย่างตรงไปตรงมา หากทางญาติของคู่กรณีเห็นว่าตำรวจกระทำการเกินกว่าเหตุ ก็ให้นำพยานหลักฐานมาประกอบในสำนวนคดีได้ซึ่งยืนยันให้ความเป็นธรรมกับทั้ง 2 ฝ่าย
http://www.tnnthailand.com/news_detail.php?id=105895&t=news