ภาพเปิดตอนนี้
- เปิดตอนมาต่อจากตอนที่แล้วที่สาวคาบาเร่ต์ขอให้พระเอกไม่เอาข้อมูลที่มาเก็บวันนี้ไปใช้
- พระเอกก็หน้าเสีย ถามว่าตัวเองพูดอะไรให้ไม่พอใจรึเปล่า สาวคาบาเร่ต์ก็ตีหน้ายิ้มเหมือนจะกลบเกลื่อน แล้วโบกไม้โบกมือบอกว่าไม่ใช่เลย แค่เกิดอายขึ้นมาที่จะให้พระเอกเอาข้อมูลที่เก็บได้วันนี้ไปใช้เท่านั้นแหละ
- สาวคาบาเร่ต์อธิบายต่อว่าตัวเองอยากให้พระเอกเห็นท่าทางเท่ๆ ของตัวเธอตอนทำงาน แต่กลับเอาส่วนน่าเกลียดของงานที่ตัวเองทำอยู่มาให้เห็นเสียได้ เลยเกิดกลัวขึ้นมาว่าพระเอกเอาเรื่องเบื้องหลังแบบนี้ไปเขียน ตัวเองจะทนแรงกดดันไหวรึเปล่า ว่าจบก็ตัดบทขอไม่ให้พระเอกเก็บข้อมูลแล้ว และบอกว่าถ้าอยากเก็บข้อมูลก็ไปหาสาวนั่งดริงก์คนอื่นแทนเถอะ
- วันรุ่งขึ้น พระเอกก็มาเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นที่คาบาเร่ต์คลับให้อ.นักเขียนฟังระหว่างที่ช่วยงานอาจารย์อยู่ พลางเลียบๆ เคียงๆ ขอคำปรึกษาว่าจะทำยังไงดี อ.ก็ตัดบทง่ายๆ ว่าจะไปรู้เรอะ ตูไม่ใช่คนเก็บข้อมูลเองจะรู้ได้ไงว่าต้องทำยังไง แต่ลงเอยก็แนะนำยิ้มๆ ว่าถ้าเป็นชั้นละก็จะเก็บข้อมูลกับคนนี้ต่อแน่ เพราะการที่อีกฝ่ายจงใจตัดบทไม่ให้เก็บข้อมูลต่อกลางคันนั้นแสดงว่าต้องมีข้อมูลเด็ดๆ บางอย่างที่น่าจะใช้การได้อยู่แน่ และการหาทางขุดข้อมูลนั้นออกมาให้ได้นั้นคือสนามประลองสำหรับตัดสินนั่นแหละ ว่านักเขียนคนนั้นมีฝีมือในการเก็บข้อมูลหรือไม่
- ช่วยงานที่บ้านอาจารย์นักเขียนเสร็จพระเอกก็กลับบ้าน กลับมาถึงก็เจอพ่อแม่แต่งชุดยูกาตะเตรียมพร้อมออกไปเที่ยวงานเทศกาลกันอยู่ พระเอกจึงค่อยนึกได้ว่าวันนี้เป็นวันจัดงานเทศกาลหน้าร้อน (งานเดียวกับที่เคยไปกันทั้งครอบครัวเมื่อปีก่อน)
- พ่อแม่ชวนพระเอกไปเที่ยวงานด้วยกัน พระเอกก็ตอบตกลงเพราะอยากพักหัวเหมือนกัน
- ระหว่างนั้นคนน้องก็กลับจากทำงานพิเศษที่ร้านพ่อพอดี พ่อแม่เลยชวนคนน้องไปเที่ยวงานเทศกาลด้วยกัน คนน้องทีแรกก็ทำท่าเฉยๆ แต่พอรู้ว่าพระเอกจะไปด้วยก็ทำท่าคิดอยู่พักนึง ก่อนจะตัดสินใจไปด้วยกัน (ไม่แต่งยูกาตะไปเพราะไม่มีเวลา)
- ก็เลยได้มาเดินเทศกาลด้วยกันทั้งครอบครัวอีกปี (ยกเว้นคนพี่ที่อยู่เกาะเลยไม่ได้มาด้วย)
- เดินกันพักนึง พ่อกับแม่ก็แยกตัวไปดูการแสดงบนเวที ทิ้งให้พระเอกเดินเที่วงานกับคนน้องกันสองคน
- ผลคือบรรยากาศโคตรกระอักกระอ่วนสุดๆ เพราะต่างฝ่ายต่างมีเรื่องในใจด้วยกันทั้งคู่ คนน้องแกล้งเดินแยกไปเที่ยวงานคนเดียว แต่พระเอกก็เดินตามไปไม่ห่างจนคนน้องทนไม่ไหวหันมาว่าเข้าให้ว่าตามเธอมาทำไม พระเอกก็แก้ตัวว่าเปล่าเดินตามซักหน่อย ก็ทางมันมีแค่นี้เองนี่หว่า
- แซะกันไปแซะกันมาก็เลยทะเลาะกัน ต่างฝ่ายต่างงอนแยกไปเดินเองตามใจชอบ ทำเหมือนไม่สนใจอีกฝ่าย (แต่ก็ยังอยู่ใกล้ๆ กันไม่ห่างอยู่ดี)
- ระหว่างนั้นพระเอกหันไปเห็นซุ้มตักปลาทองอยู่ใกล้ๆ ก็เกิดนึกถึงเมื่อปีที่แล้วที่พาคนพี่มาเล่นเกมตักปลาทอง เลยยืนเหม่อเล่นมิวสิควิดีโอเพลงเศร้าอยู่ตรงนั้น คนน้องเดินกลับจากซื้อของกินมาเห็นเข้าก็แถเข้ามาแกล้งทักว่าร้องไห้เหรอ พระเอกเลยโวยว่าเปล่าซักหน่อย
- ได้ยินแบบนั้น คนน้องก็แกล้งแขวะเอาว่านึกว่าคิดถึงคนพี่เลยตารื้นๆ ขึ้นมาซะอีก พระเอกเลยโวยกลับว่าชอบสะกิดแผลเก่าคนอื่นจังนะ คราวนี้คนน้องเลยหันมาแซะเอาด้วยสีหน้าเรียบๆ ว่า ก็พอกันไม่ใช่เหรอ
- เจอสวนเอาแบบนั้นพระเอกก็เถียงไม่ออก ได้แต่ยืนเงียบตีหน้าเหมือนรู้สึกผิด ก่อนจะบอกขอโทษคนน้องออกไป (ตรงนี้ตีความเอาเองว่าพระเอกก็คงรู้สึกผิดลึกๆ เหมือนกันที่ตอนนั้นตัดสินใจเลือกคนพี่ ไม่เลือกคนน้อง ทำให้คนน้องเสียใจ) คนน้องเห็นพระเอกยอมขอโทษง่ายๆ ก็มีทีท่าอ่อนลงไป หันมาตัดบทว่าอย่ามาขอโทษกันง่ายๆ สิ ทำแบบนี้เหมือนเธอเป็นคนไม่ดีเลยไม่ใช่เหรอ
- จังหวะนั้นเองฝนก็ตกลงมาซู่เบ้อเริ่ม เล่นเอาพระเอกกับคนน้องต้องวิ่งหาที่หลบฝนกันอุตลุต
- หลังหาที่หลบฝนได้ + โทรบอกพ่อแม่เสร็จ พระเอกถึงเพิ่งสังเกตว่าสาวๆ ที่มาหลบฝนด้วยแต่ละคนโดนฝนสาดใส่จนเปียกโชกเสื้อแนบเนื้อจนเห็นใต้ร่มผ้ากันเกือบหมด...รวมทั้งคนน้องด้วย
- ภาพที่เห็นทำเอาพระเอกถึงกับหน้าแดงแปร๊ด ต้องก้มหน้าลงซ่อนสีหน้าไม่ให้คนน้องเห็น คนน้องเห็นพระเอกออกอาการแปลกๆ ก็งงว่าเป็นอะไรไป แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรมากกว่านั้น
- นั่งหลบฝนกันไปได้พักหนึ่ง คนน้องที่เปียกไปทั้งตัวก็เริ่มออกอาการหนาวสั่นจามออกมาเหมือนจะเป็นหวัด พระเอกเห็นแบบนั้นก็แสดงความแมนด้วยการถอดเสื้อของตัวเองห่มให้คนน้อง คนน้องเห็นพระเอกทำแบบนั้นก็แกล้งแขวะโน่นนี่ แต่ก็ยอมใส่เสื้อพระเอกแต่โดยดี
- นั่งหลบกันไปอีกพัก อยู่ๆ คนน้องก็คุยให้ฟังเรื่องตอนไปเดทกับอัลเมื่อวันก่อน (ที่เจอพระเอกกลางทาง) เล่าให้ฟังว่าตัวเองกับอัลไปเที่ยวไหนกันมาบ้าง มีการเน้นให้ฟังอีกต่างหากว่าระหว่างเดทอัลเทคแคร์ตัวเองดีแค่ไหน ใจดีกับตัวเองแค่ไหน
- พระเอกฟังจบก็หน้าหน้าอึนๆ แต่ก็พูดอะไรไม่ออก ได้แต่ตอบไปเรียบๆ ว่า
"งั้นเหรอ" แค่นั้น
- ปรากฏว่าคนน้องเป็นฝ่ายหันกลับมาถามพระเอกย้ำถึงสองครั้งว่า
"แค่นั้นเองเหรอ?"
- แถมไม่ใช่แค่ถามเปล่า ยังมีการหันมามองพระเอกด้วยแววตาเหมือนแฝงความหมายบางอย่างอีกต่างหาก
- พระเอกเห็นแบบนั้นก็ถึงกับหน้าแดงมองคนน้องตาค้าง ก่อนจะก้มหน้าลง แล้วแกล้งเสไปพูดถึงเรื่องที่ตัวเองไปเก็บข้อมูลที่คาบาเร่ต์คลับแล้วโดนสาวคาบาเร่ต์ตัดบทไม่ให้เก็บข้อมูลต่อแทน
- คนน้องฟังจบก็บอกพระเอกว่าที่สาวคาบาเร่ต์คนนั้นปฏิเสธไม่ให้ข้อมูลพระเอกต่อน่ะไม่น่าจะเป็นเพราะไม่อยากให้พระเอกเห็นท่าทางตอนดูไม่ดีระหว่างทำงานอย่างที่เจ้าตัวอ้างหรอก แต่น่าจะเป็นเพราะระหว่างคุยกัน พระเอกเผลอหลุดปากพูดอะไรสะกิดแผลเก่าของเธอคนนั้น อะไรบางอย่างที่สำคัญมากสำหรับเจ้าตัว อะไรบางอย่างที่เจ้าตัวยังสลัดไม่หลุด เจ้าตัวเลยเกิดปฏิกิริยาปกป้องตัวเองด้วยการตัดบทไม่ยอมให้เก็บข้อมูลต่อเพื่อไม่ให้พระเอกไปสะกิดแผลเก่ามากกว่านั้นมากกว่า
- ได้ยินคนน้องบอกใบ้ให้แบบนั้น พระเอกก็ดีใจจนหน้าบาน ร้องชมคนน้องไม่ขาดปากจนคนน้องออกอาการเขินหน้าแดงไปเลย
- วันรุ่งขึ้น พระเอกก็แวะไปหาสาวคาบาเร่ต์คนเดิมที่อพาร์ทเมนท์อีกครั้ง สาวเจ้าเห็นพระเอกเดินตีหน้าจริงจังมาหาก็แกล้งแหย่ว่ามาดักพบกันทั้งที่โดนปฏิเสธไปแบบนี้นี่หลงรักชั้นเข้าแล้วหรือไง
- พระเอกก็ตอบกลับไปว่าก็คงใช่มั้ง คงหลงรักถึงขนาดไม่อยากถอยกลับง่ายๆ เลยนั่นแหละ และบอกต่อว่า
"ขอผมแตะต้องส่วนสำคัญที่สุดของคุณได้ไหมครับ"
อ่านไปอ่านมา แอบรู้สึกเหมือนจุดโฟกัสสำคัญของตอนจะอยู่ที่ฉากพระเอกกับคนน้องหลบฝนในศาลเจ้าแฮะ ฉากนั้นสื่อให้เห็นชัดเจนเลยว่าคนน้องนี่ยังไงก็ยังรักพระเอก คิดถึงพระเอกเหมือนเดิม ต่อให้พยายามลืมพยายามปันใจไปหาคนอื่นแค่ไหนก็เถอะ
ฉากเล่าเรื่องตอนไปเดทกับอัลให้พระเอกฟังแล้วถามพระเอกปิดท้ายว่าแค่นั้นเองเหรอนั่นดูยังไงก็เหมือนจงใจยั่วให้พระเอกหึงชัดๆ (เห็นแบบนี้ชักเริ่มสงสารอัลขึ้นมาแล้วแฮะ มีแววโดนทิ้งมาแต่ไกลเลย)
ตอนหน้าคอยดูโลดว่าพระเอกจะได้ข้อมูลแบบเจาะลึกจากสาวคาบาเร่ต์มาแค่ไหนแฮะ
[Spoil] Domestic na Kanojo #101 - ถ่านไฟเก่า
- เปิดตอนมาต่อจากตอนที่แล้วที่สาวคาบาเร่ต์ขอให้พระเอกไม่เอาข้อมูลที่มาเก็บวันนี้ไปใช้
- พระเอกก็หน้าเสีย ถามว่าตัวเองพูดอะไรให้ไม่พอใจรึเปล่า สาวคาบาเร่ต์ก็ตีหน้ายิ้มเหมือนจะกลบเกลื่อน แล้วโบกไม้โบกมือบอกว่าไม่ใช่เลย แค่เกิดอายขึ้นมาที่จะให้พระเอกเอาข้อมูลที่เก็บได้วันนี้ไปใช้เท่านั้นแหละ
- สาวคาบาเร่ต์อธิบายต่อว่าตัวเองอยากให้พระเอกเห็นท่าทางเท่ๆ ของตัวเธอตอนทำงาน แต่กลับเอาส่วนน่าเกลียดของงานที่ตัวเองทำอยู่มาให้เห็นเสียได้ เลยเกิดกลัวขึ้นมาว่าพระเอกเอาเรื่องเบื้องหลังแบบนี้ไปเขียน ตัวเองจะทนแรงกดดันไหวรึเปล่า ว่าจบก็ตัดบทขอไม่ให้พระเอกเก็บข้อมูลแล้ว และบอกว่าถ้าอยากเก็บข้อมูลก็ไปหาสาวนั่งดริงก์คนอื่นแทนเถอะ
- วันรุ่งขึ้น พระเอกก็มาเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นที่คาบาเร่ต์คลับให้อ.นักเขียนฟังระหว่างที่ช่วยงานอาจารย์อยู่ พลางเลียบๆ เคียงๆ ขอคำปรึกษาว่าจะทำยังไงดี อ.ก็ตัดบทง่ายๆ ว่าจะไปรู้เรอะ ตูไม่ใช่คนเก็บข้อมูลเองจะรู้ได้ไงว่าต้องทำยังไง แต่ลงเอยก็แนะนำยิ้มๆ ว่าถ้าเป็นชั้นละก็จะเก็บข้อมูลกับคนนี้ต่อแน่ เพราะการที่อีกฝ่ายจงใจตัดบทไม่ให้เก็บข้อมูลต่อกลางคันนั้นแสดงว่าต้องมีข้อมูลเด็ดๆ บางอย่างที่น่าจะใช้การได้อยู่แน่ และการหาทางขุดข้อมูลนั้นออกมาให้ได้นั้นคือสนามประลองสำหรับตัดสินนั่นแหละ ว่านักเขียนคนนั้นมีฝีมือในการเก็บข้อมูลหรือไม่
- ช่วยงานที่บ้านอาจารย์นักเขียนเสร็จพระเอกก็กลับบ้าน กลับมาถึงก็เจอพ่อแม่แต่งชุดยูกาตะเตรียมพร้อมออกไปเที่ยวงานเทศกาลกันอยู่ พระเอกจึงค่อยนึกได้ว่าวันนี้เป็นวันจัดงานเทศกาลหน้าร้อน (งานเดียวกับที่เคยไปกันทั้งครอบครัวเมื่อปีก่อน)
- พ่อแม่ชวนพระเอกไปเที่ยวงานด้วยกัน พระเอกก็ตอบตกลงเพราะอยากพักหัวเหมือนกัน
- ระหว่างนั้นคนน้องก็กลับจากทำงานพิเศษที่ร้านพ่อพอดี พ่อแม่เลยชวนคนน้องไปเที่ยวงานเทศกาลด้วยกัน คนน้องทีแรกก็ทำท่าเฉยๆ แต่พอรู้ว่าพระเอกจะไปด้วยก็ทำท่าคิดอยู่พักนึง ก่อนจะตัดสินใจไปด้วยกัน (ไม่แต่งยูกาตะไปเพราะไม่มีเวลา)
- ก็เลยได้มาเดินเทศกาลด้วยกันทั้งครอบครัวอีกปี (ยกเว้นคนพี่ที่อยู่เกาะเลยไม่ได้มาด้วย)
- เดินกันพักนึง พ่อกับแม่ก็แยกตัวไปดูการแสดงบนเวที ทิ้งให้พระเอกเดินเที่วงานกับคนน้องกันสองคน
- ผลคือบรรยากาศโคตรกระอักกระอ่วนสุดๆ เพราะต่างฝ่ายต่างมีเรื่องในใจด้วยกันทั้งคู่ คนน้องแกล้งเดินแยกไปเที่ยวงานคนเดียว แต่พระเอกก็เดินตามไปไม่ห่างจนคนน้องทนไม่ไหวหันมาว่าเข้าให้ว่าตามเธอมาทำไม พระเอกก็แก้ตัวว่าเปล่าเดินตามซักหน่อย ก็ทางมันมีแค่นี้เองนี่หว่า
- แซะกันไปแซะกันมาก็เลยทะเลาะกัน ต่างฝ่ายต่างงอนแยกไปเดินเองตามใจชอบ ทำเหมือนไม่สนใจอีกฝ่าย (แต่ก็ยังอยู่ใกล้ๆ กันไม่ห่างอยู่ดี)
- ระหว่างนั้นพระเอกหันไปเห็นซุ้มตักปลาทองอยู่ใกล้ๆ ก็เกิดนึกถึงเมื่อปีที่แล้วที่พาคนพี่มาเล่นเกมตักปลาทอง เลยยืนเหม่อเล่นมิวสิควิดีโอเพลงเศร้าอยู่ตรงนั้น คนน้องเดินกลับจากซื้อของกินมาเห็นเข้าก็แถเข้ามาแกล้งทักว่าร้องไห้เหรอ พระเอกเลยโวยว่าเปล่าซักหน่อย
- ได้ยินแบบนั้น คนน้องก็แกล้งแขวะเอาว่านึกว่าคิดถึงคนพี่เลยตารื้นๆ ขึ้นมาซะอีก พระเอกเลยโวยกลับว่าชอบสะกิดแผลเก่าคนอื่นจังนะ คราวนี้คนน้องเลยหันมาแซะเอาด้วยสีหน้าเรียบๆ ว่า ก็พอกันไม่ใช่เหรอ
- เจอสวนเอาแบบนั้นพระเอกก็เถียงไม่ออก ได้แต่ยืนเงียบตีหน้าเหมือนรู้สึกผิด ก่อนจะบอกขอโทษคนน้องออกไป (ตรงนี้ตีความเอาเองว่าพระเอกก็คงรู้สึกผิดลึกๆ เหมือนกันที่ตอนนั้นตัดสินใจเลือกคนพี่ ไม่เลือกคนน้อง ทำให้คนน้องเสียใจ) คนน้องเห็นพระเอกยอมขอโทษง่ายๆ ก็มีทีท่าอ่อนลงไป หันมาตัดบทว่าอย่ามาขอโทษกันง่ายๆ สิ ทำแบบนี้เหมือนเธอเป็นคนไม่ดีเลยไม่ใช่เหรอ
- จังหวะนั้นเองฝนก็ตกลงมาซู่เบ้อเริ่ม เล่นเอาพระเอกกับคนน้องต้องวิ่งหาที่หลบฝนกันอุตลุต
- หลังหาที่หลบฝนได้ + โทรบอกพ่อแม่เสร็จ พระเอกถึงเพิ่งสังเกตว่าสาวๆ ที่มาหลบฝนด้วยแต่ละคนโดนฝนสาดใส่จนเปียกโชกเสื้อแนบเนื้อจนเห็นใต้ร่มผ้ากันเกือบหมด...รวมทั้งคนน้องด้วย
- ภาพที่เห็นทำเอาพระเอกถึงกับหน้าแดงแปร๊ด ต้องก้มหน้าลงซ่อนสีหน้าไม่ให้คนน้องเห็น คนน้องเห็นพระเอกออกอาการแปลกๆ ก็งงว่าเป็นอะไรไป แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรมากกว่านั้น
- นั่งหลบฝนกันไปได้พักหนึ่ง คนน้องที่เปียกไปทั้งตัวก็เริ่มออกอาการหนาวสั่นจามออกมาเหมือนจะเป็นหวัด พระเอกเห็นแบบนั้นก็แสดงความแมนด้วยการถอดเสื้อของตัวเองห่มให้คนน้อง คนน้องเห็นพระเอกทำแบบนั้นก็แกล้งแขวะโน่นนี่ แต่ก็ยอมใส่เสื้อพระเอกแต่โดยดี
- นั่งหลบกันไปอีกพัก อยู่ๆ คนน้องก็คุยให้ฟังเรื่องตอนไปเดทกับอัลเมื่อวันก่อน (ที่เจอพระเอกกลางทาง) เล่าให้ฟังว่าตัวเองกับอัลไปเที่ยวไหนกันมาบ้าง มีการเน้นให้ฟังอีกต่างหากว่าระหว่างเดทอัลเทคแคร์ตัวเองดีแค่ไหน ใจดีกับตัวเองแค่ไหน
- พระเอกฟังจบก็หน้าหน้าอึนๆ แต่ก็พูดอะไรไม่ออก ได้แต่ตอบไปเรียบๆ ว่า "งั้นเหรอ" แค่นั้น
- ปรากฏว่าคนน้องเป็นฝ่ายหันกลับมาถามพระเอกย้ำถึงสองครั้งว่า "แค่นั้นเองเหรอ?"
- แถมไม่ใช่แค่ถามเปล่า ยังมีการหันมามองพระเอกด้วยแววตาเหมือนแฝงความหมายบางอย่างอีกต่างหาก
- พระเอกเห็นแบบนั้นก็ถึงกับหน้าแดงมองคนน้องตาค้าง ก่อนจะก้มหน้าลง แล้วแกล้งเสไปพูดถึงเรื่องที่ตัวเองไปเก็บข้อมูลที่คาบาเร่ต์คลับแล้วโดนสาวคาบาเร่ต์ตัดบทไม่ให้เก็บข้อมูลต่อแทน
- คนน้องฟังจบก็บอกพระเอกว่าที่สาวคาบาเร่ต์คนนั้นปฏิเสธไม่ให้ข้อมูลพระเอกต่อน่ะไม่น่าจะเป็นเพราะไม่อยากให้พระเอกเห็นท่าทางตอนดูไม่ดีระหว่างทำงานอย่างที่เจ้าตัวอ้างหรอก แต่น่าจะเป็นเพราะระหว่างคุยกัน พระเอกเผลอหลุดปากพูดอะไรสะกิดแผลเก่าของเธอคนนั้น อะไรบางอย่างที่สำคัญมากสำหรับเจ้าตัว อะไรบางอย่างที่เจ้าตัวยังสลัดไม่หลุด เจ้าตัวเลยเกิดปฏิกิริยาปกป้องตัวเองด้วยการตัดบทไม่ยอมให้เก็บข้อมูลต่อเพื่อไม่ให้พระเอกไปสะกิดแผลเก่ามากกว่านั้นมากกว่า
- ได้ยินคนน้องบอกใบ้ให้แบบนั้น พระเอกก็ดีใจจนหน้าบาน ร้องชมคนน้องไม่ขาดปากจนคนน้องออกอาการเขินหน้าแดงไปเลย
- วันรุ่งขึ้น พระเอกก็แวะไปหาสาวคาบาเร่ต์คนเดิมที่อพาร์ทเมนท์อีกครั้ง สาวเจ้าเห็นพระเอกเดินตีหน้าจริงจังมาหาก็แกล้งแหย่ว่ามาดักพบกันทั้งที่โดนปฏิเสธไปแบบนี้นี่หลงรักชั้นเข้าแล้วหรือไง
- พระเอกก็ตอบกลับไปว่าก็คงใช่มั้ง คงหลงรักถึงขนาดไม่อยากถอยกลับง่ายๆ เลยนั่นแหละ และบอกต่อว่า "ขอผมแตะต้องส่วนสำคัญที่สุดของคุณได้ไหมครับ"
อ่านไปอ่านมา แอบรู้สึกเหมือนจุดโฟกัสสำคัญของตอนจะอยู่ที่ฉากพระเอกกับคนน้องหลบฝนในศาลเจ้าแฮะ ฉากนั้นสื่อให้เห็นชัดเจนเลยว่าคนน้องนี่ยังไงก็ยังรักพระเอก คิดถึงพระเอกเหมือนเดิม ต่อให้พยายามลืมพยายามปันใจไปหาคนอื่นแค่ไหนก็เถอะ
ฉากเล่าเรื่องตอนไปเดทกับอัลให้พระเอกฟังแล้วถามพระเอกปิดท้ายว่าแค่นั้นเองเหรอนั่นดูยังไงก็เหมือนจงใจยั่วให้พระเอกหึงชัดๆ (เห็นแบบนี้ชักเริ่มสงสารอัลขึ้นมาแล้วแฮะ มีแววโดนทิ้งมาแต่ไกลเลย)
ตอนหน้าคอยดูโลดว่าพระเอกจะได้ข้อมูลแบบเจาะลึกจากสาวคาบาเร่ต์มาแค่ไหนแฮะ