ทำอย่างไรจึงจะไม่ให้ใจหวั่นไหวกับคำพูดไม่ดีของผู้อื่น(บุพการี)คะ?

บุพการีที่ว่าคือย่าของดิฉันค่ะ ท่านไม่ชอบแม่ของฉัน เพราะแม่ของดิฉันทะเลาะกับพ่อจนแยกออกไปอยู่โดยพละการ(ไม่เอาบุตรไปสักคน) พ่อและแม่ของดิฉันมีบุตร 5 คน(รวมดิฉันคนที่ 4) และแม่ก็มีสามีใหม่ แต่ยังติดต่อกับดิฉันค่ะ ดิฉันไม่คิดมากเพราะโตแล้ว อายุเกือบ20 ดิฉันเป็นคนค่อนข้างจิตใจเข้มแข็งหนักแน่น สนแต่กับเรื่องการเรียน และดิฉันก็เป็นคนตั้งมั่นในธรรมะ ปล่อยวางทางโลกได้แทบทุกเรื่อง แต่เวลาดิฉํนปิดเทอมมาหาย่า ย่าเป็นคนอารมณ์ร้อน พูดอกุศลแทบทุกเรื่อง มองโลกแง่ลบมากๆ(ตามสไตล์คนแก่ แต่ว่าท่านเป็นหนักกว่าผู้สูงอายุหลายท่านมาก) ใครนั่งอยู่ในบ้านก็จะมองและคิดถึงเรื่องแง่ลบเอาออกมาด่า แต่ดิฉันปลงทุกเรื่องที่ท่านด่าดิฉัน ดิฉันดึงเอาสติออกมาทุกครั้งที่ด่านพูด แต่มีอย่างหนึ่งที่ดิฉันยังคงหวั่นไหวจนบางทีฟังจนอยากร้องไห้ ท่านคงฝังใจเรื่องแม่ดิฉัน ท่านจึงคอยนั่งแช่งพี่น้อง รวมดิฉันด้วย ประมาณว่า'' พวกมุงต้องชิพพหายล่มจม ไม่มีวันได้เจริญหรอก ขี้เกียจขี้คร้านงานบ้านไม่ทำ(พวกเราทำทุกคนค่ะ แต่ทำไม่ได้ดั่งใจท่าน) สกปรก ทั้งภายในและภายนอก ไไอ้พวกไม่มีหัวใจ เหมือนแม่มัน (แม่ดิฉันเป็นคนดีค่ะ ขอพูดได้ แต่ย่าท่านมองแม่ฉันในแง่ลบและเข้าใจผิด ประมาณว่าทิ้งลูกทิ้งเต้าน่ะค่ะ แม่ดิฉันไม่มีการศึกษาด้วยค่ะ ท่านเลยเกลียดมาก ) แม่มันเป็นยังไง ลูกมันก็เป็นแบบนั้นทุกคน พวกเด็กเวร มาเบียดเบียนคนแก่ พวกมุงต้องชิพหายทุกคน(คือพ่อดิฉันลำบากทางฐานะ แล้วส่งพี่ชายกับน้องสาวมาอยู่ที่บ้านย่าที่ กทม เพราะต้องเรียนมหาวิทยาลัย แต่ว่าค่ากินทางแม่ยังมาช่วยบ้าง แต่ท่านชอบฝังใจว่าพวกเรามาอยู่ที่บ้านแล้วรบกวน และกวนใจท่าน) เบียดเบียนคนแก่ พวกมุงงต้องเวรกรรมถึงตัวแน่''
     ดิฉันอยากบอกว่า พี่น้อง5คน ทุกคนเป็นคนดีหมด ตั้งหน้าตั้งตาเรียน มุ่งมั่นเพื่อสร้างอนาคต พวกเราคุยกันจะวางแผนเรียนจบทำงานเลี้ยงดูพ่อแม่ นี่คือสิ่งที่พวกเราตั้งใจจะทำ รวมทั้งตอบแทนผู้มีพระคุณทุกคน พวกเราทำเต็มที่ แต่ว่าย่าของดิฉันจะมองแบบลบ(นี่คือดิฉันปลงแล้ว เพราะความคิดอกุศลของคนอื่น เราไม่สามารถเปลี่ยนได้) แต่ที่ท่านเปล่งวาจาคำพูดที่ดิฉันพิมพ์อยู่ด้านบน มันแรงเกินกว่าที่ดิฉันจะแยกแยะในบางครั้ง ดิฉันรู้สึกหวั่นไหว จนน้ำตาไหลออกมา มีใครที่สามารถตอบได้บ้างคะ ว่าเราจะแยกแยะอย่างไร ไม่ให้คำพูดนั้นมากระทบจิตใจเราจนเกิดความทุกข์ขึ้นมา (ดิฉันต้องอยู่ในบ้านและได้ยินตลอดเวลา) T.T
แก้ไขข้อความเมื่อ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 2
ถ้าเราตั้งมั่นในธรรม เป็นนักปฏิบัติ กรณีนี้ถือว่าเป็นบททดสอบกำลังใจของเราได้มากทีเดียว ว่าใจเราจะไหลไปตามโลกธรรมหรือเปล่า
จริงๆ การนินทา การด่าเป็นของธรรมดาของคนชั่ว ก่อนที่อกุศลจะออกมาทางกายหรือวาจา ต้องผ่านใจมาแล้ว ถ้าใจชั่วก็พูดหรือทำในสิ่งชั่วได้
ความจริงทุกอย่างอยู่ที่การกระทำของเราล้วนๆ ถ้าเราดี ใครเขาจะว่าเราชั่วเราก็ชั่วไม่ได้ ถ้าเราชั่วใครเขาจะมาสรรเสริญว่าเราดี เราก็ดีไม่ได้
ถ้าเราทำตัวเป็นภูเขาได้ เจอลมแรงแค่ไหนก็ไม่สะเทือน นั่งให้เขาว่าไป ถ้าใจเราได้ขนาดนี้ก็ขอโมทนาด้วยครับ ถ้าเราโกรธหรือด่าตอบเท่ากับ
ว่าเราก็ชั่วไปด้วย เหมือนที่พระพุทธเจ้าโดนพราหมณ์ยืนชี้หน้าด่า ท่านก็หยุดเทศน์แล้วให้พราหมณ์เทศน์แทน 555 พอเหนื่อยแกก็หยุด
แล้วบอกว่าพระพุทธเจ้าแพ้แล้ว ที่ไม่ด่าตอบถือว่าแพ้ พระพุทธเจ้าท่านก็เลยตรัสว่า ตถาคตมีความรู้สึกว่าถ้าใครโกรธตถาคตมา ตถาคตโกรธตอบ ตถาคตเลวกว่าคนนั้น ฟังแค่นี้พราหมณ์แกยอมแพ้ แล้วฟังธรรมแต่โดยดี เรียกว่าพรามหณ์ท่านนี้มีปัญญามาก ผิดก็รู้ว่าผิด
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่