โครงการนี้ ทำแบบเงียบๆ มานาน แล้วพึงมาเปิดเผยเบบ ก่อสร้างของ เขา
หลังสวน พื้นที่ ทำเลทองใจกลางกรุงเทพ มีสถาณที่สำคัญ มากมาย ทำให้
อยากพัฒนา เป็นอาคารสูง แต่แล้ว ก็สนง ทรัพย์สิน ไม่ต้องการจึงได้
พัฒนา เป็นโครงการ ระดับไม่สูง ทำให้ ไม่บดบัง ทัศยภาพ แทบพัฒนาเป็นโครงการ
คุณภาพ เพื่อประชาชนมีส่วนร่วม
สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ เจ้าของที่ดินเข้าขอคืนพื้นที่ แล้วมอบหมายให้ บริษัท สยามสินธร จำกัด บริษัทลูกที่สำนักงานทรัพย์สินฯถือหุ้น 100% เข้าพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยขนาดใหญ่และโรงแรม บนพื้นที่ 52+4 ไร่ ใช้ชื่อว่า “หลังสวน วิลเลจ” ที่มีมูลค่าโครงการไม่รวมที่ดินและค่าก่อสร้างโรงแรม 2.3 หมื่นล้านบาท เป็นประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของ สำนักงานทรัพย์สินฯ ที่เปลี่ยนบทบาทจากการเป็นเจ้าที่ดินให้เช่ามาเป็นนักพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่เอง
หลังสวน วิลเลจ วางแนวคิดในการพัฒนาให้เป็น “โครงการที่พักอาศัยที่ดีที่สุดกลางใจเมืองมีคุณภาพสูงในทุกมิติของการพัฒนาอย่างมีคุณธรรม” ไม่มุ่งเน้นกำไรสูงสุด แต่เน้นประโยชน์ส่วนรวม มีห้องพักรวมทั้งสิ้น 1,700 หน่วย ประกอบไปด้วยคอนโดมิเนียมสัญญาเช่า 30 ปี 6 อาคาร (2 ใน 6 อาคาร ความสูง 29 ชั้น และ 6 ชั้น จะตั้งอยู่บนพื้นที่ 4 ไร่ หลังโรงเรียนมาแตเดอี) และ เซอร์วิสอพาร์ทเมนต์ 3 อาคาร โรงแรม 1 อาคาร ศูนย์บริการสุขภาพ พิพิธภัณฑ์ศิลปะ สลับกับพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ในลักษณะเปิดโล่ง ตลอดจนมีถนนคนเดินขนานไปกับถนนหลังสวน โดยการก่อสร้างจะทยอยแล้วเสร็จระหว่างปี 2559-2562

“เราไม่ใช่เถ้าแก่ เราเป็นลูกจ้างมาทำโครงการดีๆ” ชลาลักษณ์ บุนนาค CEO ของ บริษัท สยามสินธร จำกัด และวิศวกรวัย 65 ปี ลูกหม้อ SCG ที่มีสำนักงานทรัพย์สินฯเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ กล่าวกับ Forbes Thailand เขาชวนลูกหม้อที่ SCG อีก 2 คน มาร่วมงานด้วยในตำแหน่ง กรรมการบริหาร คือ ขจรเดช แสงสุพรรณ และ ปราโมทย์ เตชะสุพัฒน์กุล
“จุดบวกของโครงการคือ เราไม่ต้องการ maximize profit เราต้องการสร้างมาตรฐานใหม่ของการออกแบบ ก่อสร้าง ใจกว้างให้สังคม เป็นมิตรกับชุมชน เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม” ชลาลักษณ์เสริมระหว่างการสนทนาบนชั้น x ของอาคารสินธร ทาวเวอร์ บนถนนวิทยุ ไม่ไกลจากโครงการหลังสวน วิลเลจ
หลังแถลงข่าวเปิดตัวโครงการไปเมื่อกลางปีที่แล้ว งานก่อสร้างโดยบริษัท นันทวัน จำกัด (ซึ่งบริษัทลูกของสำนักงานทรัพย์สินฯถือหุ้น 10%) เดินหน้าไปอย่างรวดเร็ว รั้วสังกะสีสูง 3-5 เมตร กั้นเป็นทางยาวกว่า 400 เมตร ตั้งแต่ซอยหลังสวน 2 จนถึงซอยหลังสวน 6 มีรถบรรทุกและรถขนปูนวิ่งสวนกันไปมาอย่างคึกคัก โดยเครนยักษ์ 3 ตัวทำงานตลอดทั้งวัน โดยเฉพาะซอยหลังสวน 1 ฝั่งซอยต้นสน ซึ่งจะเป็นที่ตั้งของอาคาร “สินธร เรสซิเดนซ์” คอนโดมิเนียม นำร่องของหลังสวน วิลเลจที่ประกอบไปด้วยอาคาร ความสูง 34 ชั้น และ อาคาร 10 ชั้น ด้วยขนาดห้องพัก 35-345 ตารางเมตร โดยมีราคาเริ่มต้น ณ ปัจจุบันที่ 220,000 บาท/ตร.ม.สำหรับสิทธิอยู่อาศัย 30 ปี และสิทธิที่จะต่อสัญญาเช่าไปอีกทีละ 10 ปี รวม 30 ปี มียอดขายแล้ว 60% มีกำหนดก่อสร้างแล้วเสร็จ-พร้อมเข้าอยู่ ในปลายปี 2559
อีกความภูมิใจของผู้บริหารสยามสินธรต่อโครงการนี้ คือวิธีการ “ขอคืนพื้นที่” ที่สำนักงานทรัพย์สินฯ เคยมีข้อพิพาทกับชาวบ้านซึ่งเป็นผู้เช่ารายเดิมในหลายพื้นที่ แต่สำหรับ “หลังสวน วิลเลจ” ผู้บริหารโครงการบอกว่า การส่งสัญญาณขอคืนพื้นที่จากผู้เช่า 239 แปลงที่จ่ายค่าเช่ารวม 52 ไร่เป็นเงิน 1 แสนบาทต่อปี (ตารางวาละ 5 บาท) เริ่มตั้งแต่ปี 2543 โดยสำนักงานทรัพย์สินฯเปลี่ยนการต่อสัญญาเช่าจากทีละ 3 ปี เป็นปีต่อปี แล้วเริ่มเจรจาขอพื้นที่คืนในปี 2553 ผู้เช่าส่วนใหญ่ต่างทยอยส่งมอบพื้นที่คืนหลังหมดสัญญา ไม่มีการไล่ที่ ขณะที่สำนักงานทรัพย์สินฯ ได้เสนอความช่วยเหลือในหลายรูปแบบ เช่น จ่ายเงินช่วยเหลือเป็นค่าขนย้ายในอัตรา 40,800 บาท/ตารางวา หากเป็นผู้เช่าแบบพักอาศัยจะได้รับข้อเสนอให้ย้ายไปอยู่ต้นสน คอร์ท ในสัญญาเช่าระยะยาว 30 ปี หรือสามารถใช้สิทธิจองโครงการที่พัฒนาขึ้นมาใหม่ในราคาพิเศษก่อนประชาชนทั่วไป
เวลานี้ยังเหลือผู้เช่าบางรายที่ยังไม่ได้ส่งมอบพื้นที่คืน เช่น อาคารหลังสวน บัลโคนี เซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ บริเวณปากซอยหลังสวน 7 ที่อยู่ระหว่างแจ้งให้ผู้ประกอบการบางรายย้ายออก ก่อนส่งคืนพื้นที่ราวต้นปีหน้า เช่นเดียวกับบ้านพัก คอนโดฯ และอาคารสำนักงานหลายหลัง ระหว่างซอยหลังสวน 7 จนถึงถนนสารสินที่กำลังทยอยส่งคืนพื้นที่ให้สำนักงานทรัพย์สินฯ
“ที่ 200 กว่าแปลง ถ้าไม่รวบรวมเป็นผืนใหญ่ผืนเดียว ก็จะไม่สามารถสร้าง mass impact ได้” ขจรเดชกล่าวเสริม สำหรับที่ดินที่รายล้อมด้วยพื้นที่สีเขียวของสถานทูต สวนลุมพินี และนับเป็นย่านที่มีราคาแพงที่สุดย่านหนึ่งของกรุงเทพฯ โดย บริษัท เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส จำกัด (AREA) ประเมินเมื่อปีที่แล้วว่า ราคาอยู่ที่ตารางวาละ 1.65 ล้านบาท หรือไร่ละ 660 ล้านบาท เพราะมีรถไฟฟ้าบีทีเอสผ่านและอยู่ในย่านศูนย์การค้า และมีโอกาสที่จะเพิ่มเป็นตารางวาละ 2 ล้านบาท หรือไร่ละ 800 ล้านบาท ก่อนสิ้นปีนี้ และจะพุ่งขึ้นไปเรื่อยๆ ในขณะที่ผู้บริหารของ สยามสินธรมองว่าพื้นที่รอบวิทยุ หลังสวน สวนลุมพินี จะกลายเป็น ย่านพักหรู ร่มรื่นของมหานคร ไม่ต่างจาก Central Park ใน New York หรือ Hyde Park ใน London
“หลังสวน วิลเลจ” จึงเป็นโครงการระดับเพชรยอดมงกุฎ ที่ไม่เพียงน่าจะสร้างรายได้มหาศาลให้กับสำนักงานทรัพย์สินฯ ยังอาจช่วยปรับภาพลักษณ์จากเหตุขัดแย้งกับชาวบ้าน หลังเข้าขอคืนพื้นที่เพื่อส่งมอบให้เอกชนเข้าพัฒนา ในหลายกรณีตลอดทศวรรษที่ผ่านมา
โครงการ หลังสวน ออกมาแล้ว มาดูกันเลย ได้เริ่มดำเนินการแล้ว
หลังสวน พื้นที่ ทำเลทองใจกลางกรุงเทพ มีสถาณที่สำคัญ มากมาย ทำให้
อยากพัฒนา เป็นอาคารสูง แต่แล้ว ก็สนง ทรัพย์สิน ไม่ต้องการจึงได้
พัฒนา เป็นโครงการ ระดับไม่สูง ทำให้ ไม่บดบัง ทัศยภาพ แทบพัฒนาเป็นโครงการ
คุณภาพ เพื่อประชาชนมีส่วนร่วม
สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ เจ้าของที่ดินเข้าขอคืนพื้นที่ แล้วมอบหมายให้ บริษัท สยามสินธร จำกัด บริษัทลูกที่สำนักงานทรัพย์สินฯถือหุ้น 100% เข้าพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยขนาดใหญ่และโรงแรม บนพื้นที่ 52+4 ไร่ ใช้ชื่อว่า “หลังสวน วิลเลจ” ที่มีมูลค่าโครงการไม่รวมที่ดินและค่าก่อสร้างโรงแรม 2.3 หมื่นล้านบาท เป็นประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของ สำนักงานทรัพย์สินฯ ที่เปลี่ยนบทบาทจากการเป็นเจ้าที่ดินให้เช่ามาเป็นนักพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่เอง
หลังสวน วิลเลจ วางแนวคิดในการพัฒนาให้เป็น “โครงการที่พักอาศัยที่ดีที่สุดกลางใจเมืองมีคุณภาพสูงในทุกมิติของการพัฒนาอย่างมีคุณธรรม” ไม่มุ่งเน้นกำไรสูงสุด แต่เน้นประโยชน์ส่วนรวม มีห้องพักรวมทั้งสิ้น 1,700 หน่วย ประกอบไปด้วยคอนโดมิเนียมสัญญาเช่า 30 ปี 6 อาคาร (2 ใน 6 อาคาร ความสูง 29 ชั้น และ 6 ชั้น จะตั้งอยู่บนพื้นที่ 4 ไร่ หลังโรงเรียนมาแตเดอี) และ เซอร์วิสอพาร์ทเมนต์ 3 อาคาร โรงแรม 1 อาคาร ศูนย์บริการสุขภาพ พิพิธภัณฑ์ศิลปะ สลับกับพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ในลักษณะเปิดโล่ง ตลอดจนมีถนนคนเดินขนานไปกับถนนหลังสวน โดยการก่อสร้างจะทยอยแล้วเสร็จระหว่างปี 2559-2562
“เราไม่ใช่เถ้าแก่ เราเป็นลูกจ้างมาทำโครงการดีๆ” ชลาลักษณ์ บุนนาค CEO ของ บริษัท สยามสินธร จำกัด และวิศวกรวัย 65 ปี ลูกหม้อ SCG ที่มีสำนักงานทรัพย์สินฯเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ กล่าวกับ Forbes Thailand เขาชวนลูกหม้อที่ SCG อีก 2 คน มาร่วมงานด้วยในตำแหน่ง กรรมการบริหาร คือ ขจรเดช แสงสุพรรณ และ ปราโมทย์ เตชะสุพัฒน์กุล
“จุดบวกของโครงการคือ เราไม่ต้องการ maximize profit เราต้องการสร้างมาตรฐานใหม่ของการออกแบบ ก่อสร้าง ใจกว้างให้สังคม เป็นมิตรกับชุมชน เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม” ชลาลักษณ์เสริมระหว่างการสนทนาบนชั้น x ของอาคารสินธร ทาวเวอร์ บนถนนวิทยุ ไม่ไกลจากโครงการหลังสวน วิลเลจ
หลังแถลงข่าวเปิดตัวโครงการไปเมื่อกลางปีที่แล้ว งานก่อสร้างโดยบริษัท นันทวัน จำกัด (ซึ่งบริษัทลูกของสำนักงานทรัพย์สินฯถือหุ้น 10%) เดินหน้าไปอย่างรวดเร็ว รั้วสังกะสีสูง 3-5 เมตร กั้นเป็นทางยาวกว่า 400 เมตร ตั้งแต่ซอยหลังสวน 2 จนถึงซอยหลังสวน 6 มีรถบรรทุกและรถขนปูนวิ่งสวนกันไปมาอย่างคึกคัก โดยเครนยักษ์ 3 ตัวทำงานตลอดทั้งวัน โดยเฉพาะซอยหลังสวน 1 ฝั่งซอยต้นสน ซึ่งจะเป็นที่ตั้งของอาคาร “สินธร เรสซิเดนซ์” คอนโดมิเนียม นำร่องของหลังสวน วิลเลจที่ประกอบไปด้วยอาคาร ความสูง 34 ชั้น และ อาคาร 10 ชั้น ด้วยขนาดห้องพัก 35-345 ตารางเมตร โดยมีราคาเริ่มต้น ณ ปัจจุบันที่ 220,000 บาท/ตร.ม.สำหรับสิทธิอยู่อาศัย 30 ปี และสิทธิที่จะต่อสัญญาเช่าไปอีกทีละ 10 ปี รวม 30 ปี มียอดขายแล้ว 60% มีกำหนดก่อสร้างแล้วเสร็จ-พร้อมเข้าอยู่ ในปลายปี 2559
อีกความภูมิใจของผู้บริหารสยามสินธรต่อโครงการนี้ คือวิธีการ “ขอคืนพื้นที่” ที่สำนักงานทรัพย์สินฯ เคยมีข้อพิพาทกับชาวบ้านซึ่งเป็นผู้เช่ารายเดิมในหลายพื้นที่ แต่สำหรับ “หลังสวน วิลเลจ” ผู้บริหารโครงการบอกว่า การส่งสัญญาณขอคืนพื้นที่จากผู้เช่า 239 แปลงที่จ่ายค่าเช่ารวม 52 ไร่เป็นเงิน 1 แสนบาทต่อปี (ตารางวาละ 5 บาท) เริ่มตั้งแต่ปี 2543 โดยสำนักงานทรัพย์สินฯเปลี่ยนการต่อสัญญาเช่าจากทีละ 3 ปี เป็นปีต่อปี แล้วเริ่มเจรจาขอพื้นที่คืนในปี 2553 ผู้เช่าส่วนใหญ่ต่างทยอยส่งมอบพื้นที่คืนหลังหมดสัญญา ไม่มีการไล่ที่ ขณะที่สำนักงานทรัพย์สินฯ ได้เสนอความช่วยเหลือในหลายรูปแบบ เช่น จ่ายเงินช่วยเหลือเป็นค่าขนย้ายในอัตรา 40,800 บาท/ตารางวา หากเป็นผู้เช่าแบบพักอาศัยจะได้รับข้อเสนอให้ย้ายไปอยู่ต้นสน คอร์ท ในสัญญาเช่าระยะยาว 30 ปี หรือสามารถใช้สิทธิจองโครงการที่พัฒนาขึ้นมาใหม่ในราคาพิเศษก่อนประชาชนทั่วไป
เวลานี้ยังเหลือผู้เช่าบางรายที่ยังไม่ได้ส่งมอบพื้นที่คืน เช่น อาคารหลังสวน บัลโคนี เซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ บริเวณปากซอยหลังสวน 7 ที่อยู่ระหว่างแจ้งให้ผู้ประกอบการบางรายย้ายออก ก่อนส่งคืนพื้นที่ราวต้นปีหน้า เช่นเดียวกับบ้านพัก คอนโดฯ และอาคารสำนักงานหลายหลัง ระหว่างซอยหลังสวน 7 จนถึงถนนสารสินที่กำลังทยอยส่งคืนพื้นที่ให้สำนักงานทรัพย์สินฯ
“ที่ 200 กว่าแปลง ถ้าไม่รวบรวมเป็นผืนใหญ่ผืนเดียว ก็จะไม่สามารถสร้าง mass impact ได้” ขจรเดชกล่าวเสริม สำหรับที่ดินที่รายล้อมด้วยพื้นที่สีเขียวของสถานทูต สวนลุมพินี และนับเป็นย่านที่มีราคาแพงที่สุดย่านหนึ่งของกรุงเทพฯ โดย บริษัท เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส จำกัด (AREA) ประเมินเมื่อปีที่แล้วว่า ราคาอยู่ที่ตารางวาละ 1.65 ล้านบาท หรือไร่ละ 660 ล้านบาท เพราะมีรถไฟฟ้าบีทีเอสผ่านและอยู่ในย่านศูนย์การค้า และมีโอกาสที่จะเพิ่มเป็นตารางวาละ 2 ล้านบาท หรือไร่ละ 800 ล้านบาท ก่อนสิ้นปีนี้ และจะพุ่งขึ้นไปเรื่อยๆ ในขณะที่ผู้บริหารของ สยามสินธรมองว่าพื้นที่รอบวิทยุ หลังสวน สวนลุมพินี จะกลายเป็น ย่านพักหรู ร่มรื่นของมหานคร ไม่ต่างจาก Central Park ใน New York หรือ Hyde Park ใน London
“หลังสวน วิลเลจ” จึงเป็นโครงการระดับเพชรยอดมงกุฎ ที่ไม่เพียงน่าจะสร้างรายได้มหาศาลให้กับสำนักงานทรัพย์สินฯ ยังอาจช่วยปรับภาพลักษณ์จากเหตุขัดแย้งกับชาวบ้าน หลังเข้าขอคืนพื้นที่เพื่อส่งมอบให้เอกชนเข้าพัฒนา ในหลายกรณีตลอดทศวรรษที่ผ่านมา