
.
เศรษฐกิจไม่แน่นอน กำลังซื้อชะลอตัว เป็นเหตุ ยอดขาย‘มาม่า‘ไตรมาส2 ลดลง 7.26%
.
เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TFMAMA ผู้ผลิตและจำหน่ายบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปตรา “มาม่า” ได้รายงานตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยถึงผลประกอบการไตรมาส2/2568 บริษัทมีรายได้จากการขายสำหรับไตรมาสที่ 2/2568 และไตรมาสที่ 2/2567 จำนวน 6,935.75 ล้านบาท และ 7,478.68 ล้านบาท ตามลำดับ ลดลงคิดเป็นร้อยละ 7.26 และสำหรับยอดขายงวดหกเดือนแรก ของปี 2568 บริษัทมียอดขายรวมอยู่ที่ 13,987.72 ล้านบาท ลดลง 495.11 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 3.42 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
.
ในไตรมาสที่ 2/2568 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน พบว่า รายได้จากการจำหน่ายบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปและผลิตภัณฑ์เบเกอรี่ในประเทศปรับลดลงร้อยละ 2.97 และร้อยละ 8.37 ตามลำดับ
.
โดยมีสาเหตุหลักจากภาวะเศรษฐกิจที่ยังคงมีความไม่แน่นอน ส่งผลให้กำลังซื้อของผู้บริโภคชะลอตัว ประกอบกับการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นจากการเข้าสู่ตลาดของผู้ประกอบการรายใหม่ ซึ่งกดดันต่อส่วนแบ่งตลาดและอัตราการเติบโตของยอดขายในประเทศ
.
สำหรับตลาดต่างประเทศ ยอดขายบะหมี่และอาหารกึ่งสำเร็จรูปปรับลดลงร้อยละ 9.61 สาเหตุสำคัญมาจากปัญหาภายในของลูกค้ารายใหญ่ที่ส่งผลให้มีการชะลอคำสั่งซื้อ ประกอบกับความไม่แน่นอนจากแนวโน้มการปรับขึ้นภาษีการค้าของสหรัฐอเมริกา และสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาที่ตึงเครียด ทำให้ปริมาณการส่งออกไปยังกัมพูชาลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
.
แม้ภาพรวมยอดขายทั้งในและต่างประเทศจะปรับลดดลง แต่บริษัทได้ติดตามสถานการณ์อย่าง
ใกล้ชิดและเตรียมมาตรการเชิงรุกเพื่อรับมือกับความท้าทายดังกล่าว ทั้งการปรับกลยุทธ์ทางการตลาด การ
ขยายช่องทางจัดจำหน่าย และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคใน สภาวะตลาดที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
.
ด้านกำไรสุทธิ ส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัท สำหรับไตรมาสที่ 2/2568 จำนวน 937.59 ล้านบาท ลดลง 155.84 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 14.25 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันกับกันก่อนและมีอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ร้อยละ 13.52 ลดลงจาจากปีก่อนที่เท่ากับร้อยละ 14.62 และเมื่อพิจารณาผลประกอบการหกเดือนแรกของปี 2568 บริษัทมีกำไรสุทธิ จำนวน 1,919.08 ล้านบาท ลดลง 318.79 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 14.25 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
.
.
"สมชัย" เตือน! ปมคลิปเสียงแพทองธาร เสี่ยงเป็นคดีอาญามั่นคง หากศาลฯตัดสินผิด
https://siamrath.co.th/n/644391
.
วันที่ 15 ส.ค.68 สมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โพสต์ข้อความผ่าน เฟซบุ๊ก ปั่นไปไหน - สมชัย ศรีสุทธิยากร ระบุว่า...
.
ปะไว้ก่อน
.
คำร้อง คดีอาญา ที่อดีต สว.สมชาย แสวงการ และคณะ ร้องต่อกองปราบ กรณีคลิปเสียงแพทองธาร อาจกลายเป็นเรื่องที่ต้องเดินหน้าต่อเนื่องในกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าผิด เนื่องจากเหตุผลที่ว่า “คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญผูกพันทุกองค์การ”
.
ประมวลกฎหมายอาญา หมวด 3 ความผิดต่อความมั่นคงของรัฐภายนอกราชอาณาจักร
มาตรา 120 ระบุว่า ผู้ใดคบคิดกับบุคคลซึ่งกระทำการเพื่อประโยชน์ของรัฐต่างประเทศ ด้วยความประสงค์ที่จะก่อให้เกิดการดำเนินการรบต่อรัฐ หรือในทางอื่นที่เป็นปรปักษ์ต่อรัฐ ต้องระวางโทษจำคุกตลอดชีวิต หรือจำคุกตั้งแต่สิบปีถึงยี่สิบปี
มาตรา 121 ระบุว่า คนไทยคนใดกระทำการรบต่อประเทศหรือเข้าร่วมเป็นข้าศึกของประเทศ ต้องระวางโทษประหารชีวิต หรือจำคุกตลอดชีวิต
มาตรา 122 ระบุว่า ผู้ใดกระทำการใด ๆ เพื่ออุปการะแก่การดำเนินการรบหรือการตระเตรียมการรบของข้าศึก ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงสิบห้าปี
.
ถ้าการอุปการะนั้นเป็นการ
(1) ทำให้ป้อม ค่าย สนามบิน ยานรบ ยานพาหนะ ทางคมนาคม สิ่งที่ใช้ในการสื่อสาร ยุทธภัณฑ์ เสบียงอาหาร อู่เรือ อาคาร หรือสิ่งอื่นใดสำหรับใช้เพื่อการสงครามใช้การไม่ได้หรือตกไปอยู่ในเงื้อมมือของข้าศึก
(2) ยุยงทหารให้ละเลยไม่กระทำการตามหน้าที่ ก่อการกำเริบ หนีราชการหรือละเมิดวินัย
(3) กระทำจารกรรม นำหรือแนะทางให้ข้าศึก หรือ
(4) กระทำโดยประการอื่นใดให้ข้าศึกได้เปรียบในการรบ
ผู้กระทำต้องระวางโทษประหารชีวิต หรือจำคุกตลอดชีวิต
.
มาตรา 123 ระบุว่า ผู้ใดกระทำการใด ๆ เพื่อให้ได้มาซึ่งข้อความ เอกสารหรือสิ่งใด ๆ อันปกปิดไว้เป็นความลับสำหรับความปลอดภัยของประเทศ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสิบปี
.
มาตรา 124 ระบุว่า ผู้ใดกระทำการใด ๆ เพื่อให้ผู้อื่นล่วงรู้ หรือได้ไปซึ่งข้อความ เอกสารหรือสิ่งใด ๆ อันปกปิดไว้เป็นความลับสำหรับความปลอดภัยของประเทศ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสิบปี
.
ถ้าความผิดนั้นได้กระทำในระหว่างประเทศอยู่ในการรบหรือการสงคราม ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงสิบห้าปี
.
พริษฐ์ ลุกตัดงบศธ. ขอ 375 ล้านสร้างอาคารศึกษาธิการ 15 จว. ชี้ ยังไม่จำเป็น เช่าคุ้มกว่า
.
พริษฐ์ แนะ ศธ. เลือกเช่าอาคารศึกษาธิการจังหวัด 15 แห่ง แทนสร้างใหม่ ที่ของบ 375 ล้าน ชี้ยังไม่เห็นความจำเป็น ถ้าเช่าคุ้มกว่า ทันต่อสถานการณ์ที่ปลี่ยนแปลง หน่วยงานเข้าทำงานได้เร็ว
.
เมื่อเวลา 09.50 น. วันที่ 15 สิงหาคม ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มี นายไชยา พรหมา รองประธานสภาฯ คนที่หนึ่ง ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม พิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 วาระ 2 – 3 เป็นวันที่ 3 โดยพิจารณามาตรา 24 กระทรวงศึกษาธิการ และหน่วยงานในกำกับ โดย นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะ กมธ.เสียงข้างน้อย อภิปรายว่า ขอให้กระทรวงฯปรับลดงบประมาณก่อสร้างอาคารศึกษาธิการ 15 จังหวัด มูลค่ารวม 375 ล้านบาท ขอให้เปลี่ยนจากวิธีการก่อสร้างอาคารใหม่มาเป็นวิธีการเช่าสถานที่ใหม่หรือวิธีการอื่น ซึ่งตนและกมธ.ฯ เห็นตรงกันว่าสถานที่ทำงานของศึกษาธิการจังหวัดใน 15 จังหวัดนี้ ณ ปัจจุบันมีปัญหาจริงและมีความจำเป็นจริงที่ต้องหาสถานที่ทำงานใหม่ที่ปลอดภัยและสะดวก
.
นายพริษฐ์ กล่าวต่อว่า ตนเห็นว่าไม่มีความจำเป็นต้องสร้างอาคารใหม่ ด้วยเหตุผลคือ 1.ความคุ้มค่าของงบประมาณ หากศึกษาธิการจังหวัดเป็นหน่วยงานที่ต้องทำงานรูปแบบต่อไปอีก 100 ปีทางเลือกในการสร้างอาคารใหม่ก็พอจะรับได้ แต่ข้อเท็จจริงที่รับรู้กัน ในร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การศึกษาฉบับใหม่ ที่แทบจะทุกพรรคการเมืองเสนอเข้ามา และคาดว่าจะถูกพิจารณาในสภาฯเร็วๆนี้ แทบทุกฉบับมีการพูดถึงเรื่องการทบทวนโครงสร้างและบทบาทหน้าที่ของศึกษาธิการจังหวัด ภายใต้สำนักปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งเป็นโครงสร้างใหม่ ที่ถูกเติมเข้ามาในสมัยคสช.มาถึงวันนี้ก็ถูกตั้งคำถามโดยหลายภาคส่วนว่าอาจจะมีการทับซ้อนหรืออย่างน้อยก็ไม่สามารถบูรณาการได้ดีเท่าที่ควรกับโครงสร้างเขตพื้นที่การศึกษาภายใต้ สพฐ. ในวันนี้สภาฯไม่ต้องมาถกกันว่าโครงสร้างศึกษาธิการจังหวัดควรจะเป็นรูปแบบใด แต่ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าจะมีพ.ร.บ.การศึกษาฉบับใหม่ และเราไม่รู้ว่าเนื้อหาจะกำหนดให้ศึกษาธิการจังหวัดกับเขตพื้นที่ ยังแยกกันทำงานแบบนี้ต่อหรือไม่ จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องลงทุนสร้างอาคารใหม่ถึง 15 อาคาร ดังนั้นควรดูความเป็นไปได้ในการใช้พื้นที่ร่วมกันภายใต้กระทรวงศึกษาธิการ หรือสถานที่ขอ
.
นายพริษฐ์ กล่าวต่อว่า เหตุผลที่ 2.ความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ หากสถานที่ทำงานปัจจุบันมีความทรุดโทรมถึงขั้นที่ว่าไม่มีความปลอดภัยในการทำงานต่อการจะแก้ปัญหานี้ด้วยการก่อสร้างอาคารใหม่ก็ดูจะเป็นวิธีที่ค่อนข้างจะประหลาดและไม่เท่าทันต่อสถานการณ์ เพราะหากของบมาใช้ในการก่อสร้างอาคารใหม่ก็ต้องใช้เวลาพอสมควรกว่าจะสร้างเสร็จ แต่ในทางกลับกันหากเราของบประมาณมาหาสถานที่ใหม่เพื่อเช่าก็สามารถย้ายเข้าทำงานได้ทันที ดังนั้นหากเราให้ความสำคัญกับเรื่องความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่จริงๆการใช้วิธีการเปลี่ยนงบประมาณ ปี 69 ที่เป็นงบก่อสร้างมาเป็นงบในการเช่าสถานที่ใหม่แทนก็น่าจะตอบโจทย์ที่สุด หรือแม้ในกรณีแย่ที่สุด ไม่สามารถแปลงงบ 69 ซึ่งเป็นงบก่อสร้างมาเป็นงบในการเช่าสถานที่ใหม่ได้เพราะติดระเบียบ ดังนั้นการใช้งบปี 70 มาเช่าสถานที่ใม่เจ้าหน้าที่ก็ยังย้ายเข้าสถานที่ใหม่ได้เร็วกว่าการใช้งบ69 มาก่อสร้างอาคารใหม่
.
นายพริษฐ์กล่าวต่อว่าเมื่อย้อนดูในบรรดา 8 จังหวัดที่เคยได้งบก่อสร้างศึกษาธิการเมื่อปี 68 สำรวจเบื้องต้นแล้วน่าจะมีแค่ 1-2 จังหวัดเท่านั้น ที่มีการก่อสร้างเสร็จแล้ว และทางสำนักงบประมาณก็ชี้แจงมาว่าส่วนใหญ่คาดว่าจะย้ายเข้าไม่ได้ต้นปี 69 หมายความว่าหาก การก่อสร้าง 15 อาคาร เราอนุมัติงบก่อสร้างในวันนี้การก่อสร้างอาคารก็ยังสร้างไม่เสร็จและยังไม่สามารถย้ายเข้าไปได้จนกว่าจะถึงต้นปี 70 แต่ในทางกลับกันแม้ในสถานการณ์เร็วร้ายที่สุดที่เราต้องรอถึง งบ 70 เพื่อตั้งงบมาเช่าสถานที่ใหม่ หน่วยงานทำงานเร็วและเตรียมการล่วงหน้าหน่วยงานก็สามารถหาสถานที่ใหม่และเตรียมการย้ายเข้าสำหรับเจ้าหน้าที่ได้ตั้งแต่ต้นปีงบประมาณ 70 หรือไตรมาส4ของปี 69 ซึ่งเร็วกว่าด้วยซ้ำ
.
“วันนี้ ส.ส. 500 คน จะต้องลงมติเรื่องนี้ ผมขอฝากคำถามว่า หากท่านทำธุรกิจที่มีพนักงาน 50 คน และท่านต้องหาสถานที่ทำงานในต่างจังหวัดโดยที่ท่านไม่รู้ว่าอีก 3 ปีข้างหน้า ธุรกิจท่านจะยังอยู่หรือไม่ ท่านจะเลือกอย่างไรระหว่างการหาที่ในการเช่ากับการสร้างอาคารขึ้นมาใหม่ และหากสมมติท่านทำธุรกิจแล้วพนักงาน 50 คนกำลังทำงานในสถานที่ที่ไม่ปลอดภัยท่านจะแก้ปัญหานี้อย่างไร ระหว่างเร่งหาที่เช่าใหม่เพื่อรีบย้ายเข้า กับการก่อสร้างอาคารใหม่แล้วรอให้ก่อสร้างเสร็จถึงจะย้ายเข้าได้ หากเราในที่นี้ปฏิบัติกับเงินภาษีของประชาชนที่มาจากหยาดเหงื่อของประชาชน เสมือนกับเงินส่วนตัวของเราที่มาจากหยาดเหงื่อของพวกเรากันเอง ผมเชื่อว่าทุกท่านจะเห็นด้วยกับผมและกรรมาธิการเสียงข้างน้อย” นายพริษฐ์กล่าว.
JJNY : กำลังซื้อชะลอตัว ‘มาม่า’ ไตรมาส 2 ลดลง│เตือน! ปมคลิปเสียงแพทองธาร│พริษฐ์ลุกตัดงบศธ.│“สม รังสี” แทงใจดำ ฮุน เซน
https://www.matichon.co.th/economy/news_5323634
.
เศรษฐกิจไม่แน่นอน กำลังซื้อชะลอตัว เป็นเหตุ ยอดขาย‘มาม่า‘ไตรมาส2 ลดลง 7.26%
.
เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TFMAMA ผู้ผลิตและจำหน่ายบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปตรา “มาม่า” ได้รายงานตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยถึงผลประกอบการไตรมาส2/2568 บริษัทมีรายได้จากการขายสำหรับไตรมาสที่ 2/2568 และไตรมาสที่ 2/2567 จำนวน 6,935.75 ล้านบาท และ 7,478.68 ล้านบาท ตามลำดับ ลดลงคิดเป็นร้อยละ 7.26 และสำหรับยอดขายงวดหกเดือนแรก ของปี 2568 บริษัทมียอดขายรวมอยู่ที่ 13,987.72 ล้านบาท ลดลง 495.11 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 3.42 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
.
ในไตรมาสที่ 2/2568 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน พบว่า รายได้จากการจำหน่ายบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปและผลิตภัณฑ์เบเกอรี่ในประเทศปรับลดลงร้อยละ 2.97 และร้อยละ 8.37 ตามลำดับ
.
โดยมีสาเหตุหลักจากภาวะเศรษฐกิจที่ยังคงมีความไม่แน่นอน ส่งผลให้กำลังซื้อของผู้บริโภคชะลอตัว ประกอบกับการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นจากการเข้าสู่ตลาดของผู้ประกอบการรายใหม่ ซึ่งกดดันต่อส่วนแบ่งตลาดและอัตราการเติบโตของยอดขายในประเทศ
.
สำหรับตลาดต่างประเทศ ยอดขายบะหมี่และอาหารกึ่งสำเร็จรูปปรับลดลงร้อยละ 9.61 สาเหตุสำคัญมาจากปัญหาภายในของลูกค้ารายใหญ่ที่ส่งผลให้มีการชะลอคำสั่งซื้อ ประกอบกับความไม่แน่นอนจากแนวโน้มการปรับขึ้นภาษีการค้าของสหรัฐอเมริกา และสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาที่ตึงเครียด ทำให้ปริมาณการส่งออกไปยังกัมพูชาลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
.
แม้ภาพรวมยอดขายทั้งในและต่างประเทศจะปรับลดดลง แต่บริษัทได้ติดตามสถานการณ์อย่าง
ใกล้ชิดและเตรียมมาตรการเชิงรุกเพื่อรับมือกับความท้าทายดังกล่าว ทั้งการปรับกลยุทธ์ทางการตลาด การ
ขยายช่องทางจัดจำหน่าย และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคใน สภาวะตลาดที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
.
ด้านกำไรสุทธิ ส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัท สำหรับไตรมาสที่ 2/2568 จำนวน 937.59 ล้านบาท ลดลง 155.84 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 14.25 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันกับกันก่อนและมีอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ร้อยละ 13.52 ลดลงจาจากปีก่อนที่เท่ากับร้อยละ 14.62 และเมื่อพิจารณาผลประกอบการหกเดือนแรกของปี 2568 บริษัทมีกำไรสุทธิ จำนวน 1,919.08 ล้านบาท ลดลง 318.79 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 14.25 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
.
.
"สมชัย" เตือน! ปมคลิปเสียงแพทองธาร เสี่ยงเป็นคดีอาญามั่นคง หากศาลฯตัดสินผิด
https://siamrath.co.th/n/644391
.
.
https://www.facebook.com/somchaivision/posts/pfbid02zuH4fYvymRy9W9JZdRkEGj4rby8Xi13SiJuMPaVPhTPWLgqg9mwt2MgqKcjq2x3Kl
.
.