“หากชีวิตสร้างจากเวลา บางทีการที่เราไม่ค่อยมีเวลาก็เท่ากับเราไม่มีชีวิต” จริงไหมคะ

เราไปอ่านเจอมาของคุณยอดรักนักเขียน อ่านแล้วเราคิดว่าดีมากเลยค่ะ เราเกิดมาอาจมีชีวิตเดียว ไม่ใช่มัวแต่ทำงานจนละเลยสิ่งรอบๆตัวเรา

“หากชีวิตสร้างจากเวลา บางทีการที่เราไม่ค่อยมีเวลาก็เท่ากับเราไม่มีชีวิต”
........................

(ต่อ)

รักมากไป กลัวมากไป เลยเสียสมดุลย์

มีคน 2 ประเภทที่ทำงานจนไม่มีเวลาให้กับเรื่องอื่น คนแรกรักงานที่ทำมาก คนที่สองกลัวจะไม่ประสบความสำเร็จ จะว่าไปก็เหมือนกับคนแรกโดนไฟไหม้บ้าน ส่วนคนที่สองโดนโจรขึ้นบ้านซ้ำๆซากๆ

หากเราทำงานด้วยความรัก เราจะไม่รู้สึกว่าเวลาเป็นปัญหามากนัก แต่ความจริงแล้วปัญหามันค่อยๆสะสมโดยที่เราไม่ทันได้สังเกต ความสุขจากการทำงานบดบังปัญหาเรื่องสำคัญเรื่องอื่นที่เราไม่ได้ดูแล ไม่ว่าจะเป็นครอบครัว สุขภาพ และเรื่องคุณค่าภายในจิตใจ (Spiritual wellness) พอรู้ตัวอีกทีปัญหาก็ลามใหญ่จนแทบหมดตัวเหมือนโดนไฟไหม้บ้าน เหมือนกับที่สตีฟ จ็อบส์ ที่กล่าวในช่วงสุดท้ายของชีวิตว่า “นอกจากเรื่องงานแล้ว ผมแทบไม่มีความสุขกับเรื่องอื่น ชื่อเสียงและความมั่งคั่งเป็นเพียงสิ่งไร้ค่าเมื่อเผชิญกับความตาย ผมควรจะมีเวลาให้กับบางสิ่งที่มีค่ามากกว่าเงินทอง ผมควรจะมีเวลาให้กับความรักและความฝันในวัยเด็ก สุดท้ายแล้วเราสามารถหาสิ่งของที่หล่นหายได้ แต่เราไม่สามารถหาชีวิตที่หล่นหายไปได้”

หากเราทำงานด้วยความกลัว กลัวจะถูกหัวหน้าว่า กลัวแพ้เพื่อนร่วมงาน กลัวไม่ขึ้นเงินเดือน กลัวไม่ได้โปรโมท เราจะถูกความบีบคั้นเล่นงานอยู่เป็นประจำ เรารู้ถึงปัญหาแต่แก้ไขอะไรไม่ได้เหมือนคนที่โดนโจรขึ้นบ้านซ้ำๆซากๆ  โดนปล้นทีละนิดจนหนักเข้าถึงกับยอมจำนน

หากเป็นคนประเภทแรก เราน่าจะลองหมั่นตรวจสอบเรื่องสำคัญอื่นๆในชีวิตว่าบกพร่องตรงไหนมั๊ย มีปลั๊กไฟตรงไหนที่ชำรุดแล้วไม่ได้ซ่อมหรือเปล่า มีเรื่องครอบครัวหรือสุขภาพที่เรายังดูแลไม่ดีมั้ย เพื่อที่เราจะได้แก้ปัญหาได้ทันและสนุกกับการทำงานไปอีกนานๆ

หากเป็นคนประเภทที่สอง เราต้องไม่ยอมจำนนกับปัญหาและหาวิธีแก้ที่ดียิ่งขึ้น หากแจ้งตำรวจแล้วไม่ได้ผล ก็ประกาศขายบ้านแล้วเลือกที่อยู่ที่มีสภาพแวดล้อมที่ดีกว่าเดิม ไม่มีความจำเป็นที่เราต้องทนอยู่ในแหล่งโจร เราต้องแก้ที่ต้นตอปัญหาคือความกลัว  ลองย้อนกลับไปดูบท “ความทุกข์เกิดจากความกลัว” จะเข้าใจเรื่องความกลัวและแก้ปัญหาเรื่องเวลาง่ายขึ้น
.
.
.
เอาแต่แข่งกับเวลา แล้วจะเอาเวลาที่ไหนไปใช้ชีวิต

สิ่งสำคัญในชีวิตต้องการเวลา ความสัมพันธ์กับเพื่อน ครอบครัว แฟน ความฝัน สุขภาพ แต่เพราะเราเอาเวลาไปใช้กับงานเกือบหมด เราเลยเหลือเวลาเพียงนิดเดียวใช้กับเรื่องสำคัญอื่นๆ ผลลัพธ์คือเราต้องแข่งกับเวลาเพื่อจะได้มีเวลามากพอที่จะใช้กับทุกเรื่อง แต่หากเราลงสนามแข่งกับเวลาเมื่อไหร่ เราจะต้องวิ่งแข่งไม่รู้จบ ยิ่งแข่ง เวลาก็ยิ่งไม่พอใช้ เพราะทางออกไม่ใช่การแข่งกับเวลาหรือเร่งรีบทำทุกเรื่อง แต่เป็นการบริหารจัดการเรื่องเวลา จัดโควต้าเวลาให้กับเรื่องงานและเรื่องอื่นๆในชีวิตใหม่ รวมทั้งตัดเรื่องที่ไม่จำเป็นออกจากชีวิต
.
.
.
การพักสำคัญเท่ากับการทำงาน

ดร. อภิวัฒน์ วัฒนางกูร เคยให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์คมชัดลึกว่า พ่อของเขาสอนว่าเกิดเป็นคนต้องได้ปริญญา 2 ใบ ใบแรกคือปริญญาวิชาชีพใช้ทำมาหากินเป็น มีเงินใช้ กินอิ่ม มีบ้านอยู่ ใบที่สองคือ ปริญญาชีวิตหรือปริญญาธรรมะที่จะดูแลชีวิตให้เดินสายกลาง ไม่ทำงานหนักสุดโต่ง แต่ทำให้พอดี มีสุข ได้พัก ได้เที่ยว มีเวลาให้ลูกหลาน สุขภาพและชีวิตเป็นสิ่งสำคัญ

แกเป็นด็อกเตอร์ที่สอบตกปริญญาใบที่สอง แกมีทุกอย่างแต่ไม่มีเวลาให้กับลูกเมีย แกเป็นโรคร้ายก่อนจะเสียชีวิตหลังให้สัมภาษณ์ไม่นาน

การหยุดพักทำให้เราได้ดูแลสุขภาพรวมทั้งดูแลความรู้สึกและเรื่องคุณค่าภายในจิตใจ ได้ดูแลคนที่เรารัก ได้ทบทวนชีวิตที่ผ่านมา ได้หยุดหลังจากวิ่งไม่หยุดจนหลงลืมตัวเราเอง ได้เติมพลังเพื่อก้าวเดินใหม่ การดูแลตัวเราเองรวมทั้งสิ่งที่มีค่ากับเราสำคัญไม่น้อยกว่าการรับผิดชอบงาน อย่ารู้สึกผิดที่จะลาป่วย หยุดพักร้อน ออกกำลังกาย หางานอดิเรกทำ โดยตัดขาดจากงาน เพราะการพักสำคัญเท่ากับการทำงาน

(มีต่อ)

....................
ความสุขของมนุษย์เงินเดือน
ตอนที่ 11 เวลา Episode II
ยอดรักเขียน
facebook.com/yodwriter
แอด line ผมได้ที่ ID ชื่อ @yodwriter
แล้วผมจะอัพเดทแง่คิดที่ทำให้หัวใจคุณเต้นแรงครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่